ในระยะสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ นักอ่านหนังสือพิมพ์อาจจะรู้สึกสนุกสนานมันเขี้ยว ในขณะที่คนอยู่ในย่านนั้น เฉพาะผู้ที่ถูกส่งไปจากภาคอีสานหรือภาคเหนือซึ่งไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับคนภาคใต้ที่เขาจะต้องเป็นเจ้าหน้าที่ไปต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายป้องกันประชาชนที่นั่นไม่กี่วันก่อน สิ่งที่เขาจะทำได้ในยามที่นอนลงกอดปืนในยามกลางคืนทุกคืนเขาจะต้องถามตัวเองตลอดว่า “เมื่อไรนะ มันจะถึงตากูบ้าง ไม่ช้าหรอกอ้ายกระท่อมแบบนี้ ใครมันมาเหยียบเข้าเมื่อไรก็พัง”
ตอนนี้คนไทยจะสนุกสนานกันด้วยข่าวความฉิบหายของผู้คนในประเทศ เฉพาะใน 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งจะมีติดต่อกันทุกวันเป็นระยะต่อไปว่า
“ปูพรมป่วน 40 จุด 4 จังหวัดใต้ตาย 2-วินาศกรรม-ตัดไฟฟ้าก่อนบี้ถล่ม -เป้าหลักสถานบันเทิง-เจ็บอื้อ-ส่งตรุษจีน” (มติชน 19 กุมภาพันธ์ 2550)
นอกจากพาดหัวข่าวที่น่าตื่นเต้นและภาพดาราเปิดบางส่วนของตัวเองมาออกโชว์แล้ว รายละเอียดของข่าวที่น่าตื่นเต้นก็ถูกเสนอตามกันมาอย่างสนุกสนานหาที่เปรียบมิได้
เพื่อนบ้านของผมหลายคนติดตามกับเรื่องที่หนังสือพิมพ์เสนอมาแต่ละวัน พร้อมกับไปดูจากโทรทัศน์เพิ่มเติมว่ามันสนุกสนานอย่างไม่ยอมหนี บางคนก็อ้างว่าต้องอ่านต้องสนใจข่าวนี้และว่า “อีกไม่นาน เดี๋ยวมันก็ขึ้นมาถึงกรุงเทพฯ เป็นปกติเหมือนใน 3 จังหวัดภาคใต้ มึงต้องเตรียมตัวเอาไว้”
เพื่อนชาวมุสลิมที่อำเภอจะนะที่เคยคุยกันทางโทรศัพท์ทุกเดือนบอกว่าสถานการณ์ใน 3 จังหวัดภาคใต้นั้นแน่นอนทีเดียวว่า ถ้าหากใครจะมีทางที่จะเดินหนีไปได้ก็อาจจะมีทางเอาตัวรอด แต่ด้านคนยากคนจนหรือคนไม่มีจะกินส่วนมากที่ไปไหนไม่รอด หรือไม่มีโอกาสเลือกอะไรได้มากนักก็จะต้องเลือกเอาทางใดทางหนึ่ง คือไม่ยอมร่วมกับผู้ก่อการร้ายซึ่งก็จะถูกฆ่าในวันหนึ่งวันใดในไม่ช้า
“ไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งพาใครที่ไหนอีกแล้ว ไม่ว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ไหนก็มุดหัวลงใต้ดินกันหมด” เสียงในสายของพรรคพวกที่จะนะคนเดิมเริ่มเข้มขึ้นมาอีก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ว่าคุ้มครองบ้านเมืองอยู่ก็หมดท่า ตอนนี้ก็ได้ข่าวว่าเกิดมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์รายใหม่อีกชิ้นหนึ่งซึ่งมีราคาแพงมากคือ จตุคามรามเทพที่นครศรีธรรมราช
ผมลืมไปถนัดภาคใต้ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกอย่างหนึ่งที่ทำข่าวโฆษณาหลอกลวงกันอึกทึกครึกโครมไปทั่วประเทศคือจตุคามรามเทพของท่านขุนพันธ์ซึ่งตอนนี้ราคาค่าบูชาเพิ่มขึ้นเป็นหมื่นๆ บาทแล้ว เพราะศักดิ์สิทธิ์มาก ป้องกันคุ้มครองได้ทุกอย่าง ยกเว้นการตายโหงโดยบังเอิญจากข่าวที่รถขนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ไปขายในงานศพ
ถ้าหากท่านที่นำรถบรรทุกสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายคันรถจะเดินทางไปเที่ยวแถวภาคใต้แบบนั้นบ้างก็จะดีมาก ระวังอย่างเดียวคือไม่ต้องไปตายเหมือนเขา
ผู้คนที่ไม่มีบุญ อาจจะได้พึ่งท่านได้บ้าง
แต่ก็อย่างว่า ผมกลัวว่าท่านจะไม่เดินทางไปแถว 3 จังหวัดที่ว่านั้น
ไม่ว่าจะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ราคากี่หมื่นกี่แสนก็โกหกหลอกลวงไปตามกรรมตามเวรก็แล้วกัน แต่คน 3 จังหวัดภาคใต้นั้นทุกวันนี้จะต้องถูกฆ่าเพิ่มต่อไปอีก ตอนนี้ขนาดนายทหารชั้นนายพันก็ถูกฆ่าทิ้งไปบ้างแล้ว คนไทยตัวเล็กๆ ที่ถือปืนเกะกะอยู่ตามถนนเพื่อป้องกันผู้ก่อการร้ายมันไม่แน่แล้ว อาจจะต้องเพิ่มเติมขึ้นอีกหลายคน และตอนที่ผมเขียนนี้ก็มีข่าวว่ารถที่บรรทุกสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกนำขึ้นรถไปยังแหล่งจำหน่ายจ่ายแจกแต่ไปไม่ถึงเพราะรถบรรทุกสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นชนกับรถอีกคันหนึ่งจนคนขับตาย
ความจริงเรื่องก่อการร้ายใน 3 จังหวัดภาคใต้นั้น เป็นเรื่องสงครามระหว่างประเทศที่จะมีแต่ความรุนแรงและยืดเยื้อยาวนานที่น่าสยดสยอง และน่าเสียใจสำหรับคนไทยที่เป็นเจ้าของแผ่นดินมาหลายร้อยปี โดยในแต่ละระยะบรรพบุรุษของเราได้เสียสละและสติปัญญารักษามาอย่างน่าหวาดเสียวหลายครั้งหลายหนในประวัติศาสตร์ไทย เฉพาะอย่างยิ่งใน ร.ศ. 112 ที่เกิดสงครามที่เรียกว่ากบฏ ร.ศ. 112 ใน 7 หัวเมืองภาคใต้ โดยการสนับสนุนและการแทรกแซงของประเทศล่าเมืองขึ้นตะวันตกในยุคนั้นให้การสนับสนุน และยุแยงมาตลอด เรื่องเหล่านี้ถ้าเราย้อนไปดูเรื่องราวในอดีตแล้ว จะรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าสลดในความเป็นคนไทยของเรา ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมา ประเทศเราขาดคนที่มีสติปัญญา ขาดคนที่มีความสามารถ ส่วนมากเราจะมีแต่บรรดานักคอร์รัปชันคิดแต่จะทำมาหากินในทางสกปรก ฉ้อฉลและปล้นบ้านปล้นเมืองกันย่อยยับอย่างที่รู้กันอยู่ในขณะนี้ บ้านเมืองของเราใครจะทำอะไรจะหากินอย่างไรก็ปล่อยมันไป เพียงแต่จะพูดถึงมันแล้วก็ปล่อยมันไป
ความรับผิดชอบศีลธรรมและคุณธรรมก็ไม่ต้องนึกถึง
เป็นเรื่องเศร้าน่าอับอาย สำหรับคนไทยและชาติไทย
เมื่อจะต้องเขียนเรื่องเหล่านี้มาให้ท่านผู้อ่านที่สนใจปัญหาบ้านเมืองดังกล่าวในตอนนี้ ผมต้องพยายามเขียนให้เป็นเรื่องตลกขบขัน เป็นเรื่องอ่านเล่นกันหรือเขียนกันแบบเล่นๆอย่าให้มันเครียดอะไรเกินไปนัก คนเขียนหนังสือขนาดพวกผมนั้นทุกคนก็มีแต่จะแก่เฒ่าร่วงโรยไปชีวิตมันไม่มีแก่นสารสาระอะไรนักหรอก ไม่ช้าก็ตาย อะไรพอวางได้ก็วางมันเสียบ้าง อะไรที่มันจะต้องเป็นยังไงก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามใจมันก็ดีกว่า ผมก็รู้สึกว่าได้สติและพยายามจะเขียนทุกอย่างให้เป็นเรื่องตลกขบขันให้ได้ ถึงจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม
เช่นเดียวกับปัญหาภาคใต้ที่เกิดทุกวันจนมาถึงวันนี้ แม้ว่าเราจะรู้ดีว่ามันจบลงไม่ได้และจะต้องยืดเยื้อแบบหายห่วงเพราะมันจะไม่จบไม่ตายไปพร้อมกับพวกมนุษย์สวะอย่างผมหรือพวกเราที่พากันอยู่อย่างคนที่ยืมกาลเวลาอยู่กันไปคนละไม่กี่ปีเท่านั้น
ก็อย่างว่านั่นแหละครับ ปัญหาภาคใต้มันจะจบไม่ได้หรือยังไม่จบ แต่จะยืดเยื้อยาวนานต่อไป แม้ว่าพวกเราจะพากันไปตายเสียก่อนหลายคน แต่ความขัดแย้งใน 3 จังหวัดภาคใต้จะยังไม่จบลง มันอาจจะลามมาถึงกรุงเทพฯ และทั่วประเทศก็ย่อมได้ หรือเป็นได้ไม่ยาก เมื่อไม่กี่ปีก่อน ผู้นำการก่อการร้ายที่มาเตรียมตัวระเบิดธนาคารและโรงแรมอเมริกันในกรุงเทพฯ นายฮัมบาลีตัวแทนของผู้ก่อการร้ายที่ทรงอิทธิพลจากตะวันออกกลางมานอนกระดิกเท้าอยู่ในกรุงเทพฯ และในอยุธยาก่อนที่ซีไอเอของอเมริกันจะเข้ามาจับไปขังอยู่ในคิวบามาจนทุกวันนี้
และก็ไม่เคยมีเจ้าใหญ่นายโตหรือรายใดเคยรู้ข่าวระแคะระคายกันมานอนกระดิกเท้าอยู่ในเมืองไทย ไม่รู้ว่าจะนานกี่วันกี่ปีกว่าที่ซีไอเอของอเมริกาจะมาเชื้อเชิญสันติบาลไทยไปจับกุม และลากตัวไปเก็บไว้ไม่ให้ผุดให้เกิดที่คิวบาจนบัดนี้
นั่นเป็นการยืนยันและเป็นการบอกกล่าวว่าการก่อการร้ายหรือคนที่ทำหน้าที่ก่อการร้ายในเมืองไทยมันเกิดขึ้นมานานแล้ว เมื่อซีไอเอจับฮัมบาลีที่อยุธยาแล้วในทันทีเพื่อนก็ยัดเงินหลายแสนบาทให้สันติบาลไทยเป็นค่าเหนื่อยไปแล้วคว้าตัวนายฮัมบาลีหายลับไปโดยที่เจ้าหน้าที่ของไทยไม่ทันได้เห็นหน้าชัดเจนว่าการก่อการร้ายของอัลกออิดะห์หรือตัวแทนของบิน ลาดินคนนี้อาจจะมีคนอื่นๆ อีกหลายคนมานอนกระดิกเท้ารอทำการตามแผนอยู่นานเท่าไรแล้ว?
คนไทยหรือเจ้าบ้านผ่านเมืองของไทยที่ทำหน้าที่รับผิดชอบประเทศชาติในนามของระบอบประชาธิปไตยที่เราโกหกกันอยู่ทุกวันนี้ อาจจะเข้าใจว่าใครก็ตามที่เราเห็นหน้าและชูคออยู่ในตำแหน่งหน้าที่ก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าพวกก่อการร้ายที่ว่านั้น มันอยู่ที่ไหน มีจำนวนเท่าไร ทุกคนรู้แต่ว่าตัวเองคือผู้ยิ่งใหญ่และเฉลียวฉลาดกว่าคนอื่นเท่านั้น!
แต่ความจริงท่านเหล่านี้ไม่ได้รู้อะไรเลยว่าเรามีมิตรหรือมีศัตรู?
มันอยู่ที่ไหนและมันคิดอย่างไร?
พูดได้คำเดียวและรู้อย่างเดียวเท่านั้น คือคำพูดโง่ๆ ประโยคหนึ่งที่คนไทยไม่เคยลืมคือคำว่า “โจรกระจอก” เท่านั้น ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ที่มันเกิดขึ้นและตายกันอยู่ทุกวันนี้ และจะต้องตายต่อไปอีกไม่รู้กี่สิบปี ก็เพราะเรารู้จักมิตรและศัตรูเพียงเท่านี้ หลังจากพูดโง่ๆ ออกมาเท่านี้ ไม่นานนักมันก็เลยเอาเท้าลูบหน้าเข้าอย่างเจ็บแสบ โดยพากันยกขบวนออกไปปล้นปืน ซึ่งไม่รู้ว่ามันเป็นใคร แม้แต่เพียงมันได้ยินใครเรียกมันว่า “โจรกระจอก” เท่านั้น!
อ้ายคนที่พูดนั้น ดูเหมือนจะมีคนเรียกมันว่าอ้ายทักษิณ นามสกุลอะไรก็ช่างมันอีกเหมือนกันไม่มีอะไรต้องสำคัญ
ทั้งๆ ที่อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีอำนาจบริวารไม่น้อยกว่าจูเลียส ซีซาร์ แต่สมุนบริวารที่ซื่อสัตย์ของมันที่ว่านั้น ไม่สามารถที่จะได้แม้แต่กลืนส้นเท้าของ “โจรกระจอก” พวกนั้น จนกระทั่งบัดนี้ และอีกกี่ปีในอนาคตที่ไม่มีใครจะแก้กรรมที่มันก่อเอาไว้ได้
แม้แต่บรรดาสัตว์เลี้ยงนานาชนิดของมันที่เห่าหอน และทำตัวเป็นคลื่นใต้น้ำอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่มีใครรู้เหมือนกันว่ามันจะเอาหน้าซุกเท้าใครไว้ที่ไหนได้
เป็นไปไม่ได้ที่มันจะไม่ฉิบหายวายวอดไปตามๆ กันในอนาคตอันไม่ช้านี้!!
ที่แน่นอนก็คือว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดภาคใต้ไม่ใช่เป็นเรื่องของการก่อการร้าย แต่เป็นสงครามประชาชนเช่นเดียวกับในยุคของคอมมิวนิสต์ การก่อความรุนแรงจะต้องทำกันไปอย่างสนุกสนานของคนพวกนี้ คือการทำลายชนชั้นปกครองเพื่อบอกแก่ประชาชนคนไทยผู้นำไม่มีความรู้ความสามารถในการปกครองบ้านเมืองได้เป็นประการแรก ประการต่อมาก็คือ การสร้างให้เกิดความหมดหวังของประชาชนต่อรัฐบาล และชนชั้นปกครองในปัจจุบันทุกวันนี้ โดยยึดหลักดำเนินการโดยใช้ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีของมาร์กซ์-เลนินเป็นหลัก
โดยการนำและการสนับสนุนขององค์การที่มีชื่อว่า Islamic party of liberation ซึ่งจัดตั้งขึ้นในกรุงเยรูซาเลมใน ค.ศ. 1952 หรือ พ.ศ. 2495
ในองค์การแห่งนี้จัดตั้งขึ้น พรรคสันติภาพแห่งนี้สามารถหาผู้ปฏิบัติงานหรือสมาชิกได้ 10,000 คนและเข้าปฏิบัติงานอยู่ในประเทศต่างๆ กว่า 40 ประเทศ!! (อ่านต่อฉบับหน้า)
ตอนนี้คนไทยจะสนุกสนานกันด้วยข่าวความฉิบหายของผู้คนในประเทศ เฉพาะใน 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งจะมีติดต่อกันทุกวันเป็นระยะต่อไปว่า
“ปูพรมป่วน 40 จุด 4 จังหวัดใต้ตาย 2-วินาศกรรม-ตัดไฟฟ้าก่อนบี้ถล่ม -เป้าหลักสถานบันเทิง-เจ็บอื้อ-ส่งตรุษจีน” (มติชน 19 กุมภาพันธ์ 2550)
นอกจากพาดหัวข่าวที่น่าตื่นเต้นและภาพดาราเปิดบางส่วนของตัวเองมาออกโชว์แล้ว รายละเอียดของข่าวที่น่าตื่นเต้นก็ถูกเสนอตามกันมาอย่างสนุกสนานหาที่เปรียบมิได้
เพื่อนบ้านของผมหลายคนติดตามกับเรื่องที่หนังสือพิมพ์เสนอมาแต่ละวัน พร้อมกับไปดูจากโทรทัศน์เพิ่มเติมว่ามันสนุกสนานอย่างไม่ยอมหนี บางคนก็อ้างว่าต้องอ่านต้องสนใจข่าวนี้และว่า “อีกไม่นาน เดี๋ยวมันก็ขึ้นมาถึงกรุงเทพฯ เป็นปกติเหมือนใน 3 จังหวัดภาคใต้ มึงต้องเตรียมตัวเอาไว้”
เพื่อนชาวมุสลิมที่อำเภอจะนะที่เคยคุยกันทางโทรศัพท์ทุกเดือนบอกว่าสถานการณ์ใน 3 จังหวัดภาคใต้นั้นแน่นอนทีเดียวว่า ถ้าหากใครจะมีทางที่จะเดินหนีไปได้ก็อาจจะมีทางเอาตัวรอด แต่ด้านคนยากคนจนหรือคนไม่มีจะกินส่วนมากที่ไปไหนไม่รอด หรือไม่มีโอกาสเลือกอะไรได้มากนักก็จะต้องเลือกเอาทางใดทางหนึ่ง คือไม่ยอมร่วมกับผู้ก่อการร้ายซึ่งก็จะถูกฆ่าในวันหนึ่งวันใดในไม่ช้า
“ไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งพาใครที่ไหนอีกแล้ว ไม่ว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ไหนก็มุดหัวลงใต้ดินกันหมด” เสียงในสายของพรรคพวกที่จะนะคนเดิมเริ่มเข้มขึ้นมาอีก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ว่าคุ้มครองบ้านเมืองอยู่ก็หมดท่า ตอนนี้ก็ได้ข่าวว่าเกิดมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์รายใหม่อีกชิ้นหนึ่งซึ่งมีราคาแพงมากคือ จตุคามรามเทพที่นครศรีธรรมราช
ผมลืมไปถนัดภาคใต้ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกอย่างหนึ่งที่ทำข่าวโฆษณาหลอกลวงกันอึกทึกครึกโครมไปทั่วประเทศคือจตุคามรามเทพของท่านขุนพันธ์ซึ่งตอนนี้ราคาค่าบูชาเพิ่มขึ้นเป็นหมื่นๆ บาทแล้ว เพราะศักดิ์สิทธิ์มาก ป้องกันคุ้มครองได้ทุกอย่าง ยกเว้นการตายโหงโดยบังเอิญจากข่าวที่รถขนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ไปขายในงานศพ
ถ้าหากท่านที่นำรถบรรทุกสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายคันรถจะเดินทางไปเที่ยวแถวภาคใต้แบบนั้นบ้างก็จะดีมาก ระวังอย่างเดียวคือไม่ต้องไปตายเหมือนเขา
ผู้คนที่ไม่มีบุญ อาจจะได้พึ่งท่านได้บ้าง
แต่ก็อย่างว่า ผมกลัวว่าท่านจะไม่เดินทางไปแถว 3 จังหวัดที่ว่านั้น
ไม่ว่าจะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ราคากี่หมื่นกี่แสนก็โกหกหลอกลวงไปตามกรรมตามเวรก็แล้วกัน แต่คน 3 จังหวัดภาคใต้นั้นทุกวันนี้จะต้องถูกฆ่าเพิ่มต่อไปอีก ตอนนี้ขนาดนายทหารชั้นนายพันก็ถูกฆ่าทิ้งไปบ้างแล้ว คนไทยตัวเล็กๆ ที่ถือปืนเกะกะอยู่ตามถนนเพื่อป้องกันผู้ก่อการร้ายมันไม่แน่แล้ว อาจจะต้องเพิ่มเติมขึ้นอีกหลายคน และตอนที่ผมเขียนนี้ก็มีข่าวว่ารถที่บรรทุกสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกนำขึ้นรถไปยังแหล่งจำหน่ายจ่ายแจกแต่ไปไม่ถึงเพราะรถบรรทุกสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นชนกับรถอีกคันหนึ่งจนคนขับตาย
ความจริงเรื่องก่อการร้ายใน 3 จังหวัดภาคใต้นั้น เป็นเรื่องสงครามระหว่างประเทศที่จะมีแต่ความรุนแรงและยืดเยื้อยาวนานที่น่าสยดสยอง และน่าเสียใจสำหรับคนไทยที่เป็นเจ้าของแผ่นดินมาหลายร้อยปี โดยในแต่ละระยะบรรพบุรุษของเราได้เสียสละและสติปัญญารักษามาอย่างน่าหวาดเสียวหลายครั้งหลายหนในประวัติศาสตร์ไทย เฉพาะอย่างยิ่งใน ร.ศ. 112 ที่เกิดสงครามที่เรียกว่ากบฏ ร.ศ. 112 ใน 7 หัวเมืองภาคใต้ โดยการสนับสนุนและการแทรกแซงของประเทศล่าเมืองขึ้นตะวันตกในยุคนั้นให้การสนับสนุน และยุแยงมาตลอด เรื่องเหล่านี้ถ้าเราย้อนไปดูเรื่องราวในอดีตแล้ว จะรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าสลดในความเป็นคนไทยของเรา ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมา ประเทศเราขาดคนที่มีสติปัญญา ขาดคนที่มีความสามารถ ส่วนมากเราจะมีแต่บรรดานักคอร์รัปชันคิดแต่จะทำมาหากินในทางสกปรก ฉ้อฉลและปล้นบ้านปล้นเมืองกันย่อยยับอย่างที่รู้กันอยู่ในขณะนี้ บ้านเมืองของเราใครจะทำอะไรจะหากินอย่างไรก็ปล่อยมันไป เพียงแต่จะพูดถึงมันแล้วก็ปล่อยมันไป
ความรับผิดชอบศีลธรรมและคุณธรรมก็ไม่ต้องนึกถึง
เป็นเรื่องเศร้าน่าอับอาย สำหรับคนไทยและชาติไทย
เมื่อจะต้องเขียนเรื่องเหล่านี้มาให้ท่านผู้อ่านที่สนใจปัญหาบ้านเมืองดังกล่าวในตอนนี้ ผมต้องพยายามเขียนให้เป็นเรื่องตลกขบขัน เป็นเรื่องอ่านเล่นกันหรือเขียนกันแบบเล่นๆอย่าให้มันเครียดอะไรเกินไปนัก คนเขียนหนังสือขนาดพวกผมนั้นทุกคนก็มีแต่จะแก่เฒ่าร่วงโรยไปชีวิตมันไม่มีแก่นสารสาระอะไรนักหรอก ไม่ช้าก็ตาย อะไรพอวางได้ก็วางมันเสียบ้าง อะไรที่มันจะต้องเป็นยังไงก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามใจมันก็ดีกว่า ผมก็รู้สึกว่าได้สติและพยายามจะเขียนทุกอย่างให้เป็นเรื่องตลกขบขันให้ได้ ถึงจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม
เช่นเดียวกับปัญหาภาคใต้ที่เกิดทุกวันจนมาถึงวันนี้ แม้ว่าเราจะรู้ดีว่ามันจบลงไม่ได้และจะต้องยืดเยื้อแบบหายห่วงเพราะมันจะไม่จบไม่ตายไปพร้อมกับพวกมนุษย์สวะอย่างผมหรือพวกเราที่พากันอยู่อย่างคนที่ยืมกาลเวลาอยู่กันไปคนละไม่กี่ปีเท่านั้น
ก็อย่างว่านั่นแหละครับ ปัญหาภาคใต้มันจะจบไม่ได้หรือยังไม่จบ แต่จะยืดเยื้อยาวนานต่อไป แม้ว่าพวกเราจะพากันไปตายเสียก่อนหลายคน แต่ความขัดแย้งใน 3 จังหวัดภาคใต้จะยังไม่จบลง มันอาจจะลามมาถึงกรุงเทพฯ และทั่วประเทศก็ย่อมได้ หรือเป็นได้ไม่ยาก เมื่อไม่กี่ปีก่อน ผู้นำการก่อการร้ายที่มาเตรียมตัวระเบิดธนาคารและโรงแรมอเมริกันในกรุงเทพฯ นายฮัมบาลีตัวแทนของผู้ก่อการร้ายที่ทรงอิทธิพลจากตะวันออกกลางมานอนกระดิกเท้าอยู่ในกรุงเทพฯ และในอยุธยาก่อนที่ซีไอเอของอเมริกันจะเข้ามาจับไปขังอยู่ในคิวบามาจนทุกวันนี้
และก็ไม่เคยมีเจ้าใหญ่นายโตหรือรายใดเคยรู้ข่าวระแคะระคายกันมานอนกระดิกเท้าอยู่ในเมืองไทย ไม่รู้ว่าจะนานกี่วันกี่ปีกว่าที่ซีไอเอของอเมริกาจะมาเชื้อเชิญสันติบาลไทยไปจับกุม และลากตัวไปเก็บไว้ไม่ให้ผุดให้เกิดที่คิวบาจนบัดนี้
นั่นเป็นการยืนยันและเป็นการบอกกล่าวว่าการก่อการร้ายหรือคนที่ทำหน้าที่ก่อการร้ายในเมืองไทยมันเกิดขึ้นมานานแล้ว เมื่อซีไอเอจับฮัมบาลีที่อยุธยาแล้วในทันทีเพื่อนก็ยัดเงินหลายแสนบาทให้สันติบาลไทยเป็นค่าเหนื่อยไปแล้วคว้าตัวนายฮัมบาลีหายลับไปโดยที่เจ้าหน้าที่ของไทยไม่ทันได้เห็นหน้าชัดเจนว่าการก่อการร้ายของอัลกออิดะห์หรือตัวแทนของบิน ลาดินคนนี้อาจจะมีคนอื่นๆ อีกหลายคนมานอนกระดิกเท้ารอทำการตามแผนอยู่นานเท่าไรแล้ว?
คนไทยหรือเจ้าบ้านผ่านเมืองของไทยที่ทำหน้าที่รับผิดชอบประเทศชาติในนามของระบอบประชาธิปไตยที่เราโกหกกันอยู่ทุกวันนี้ อาจจะเข้าใจว่าใครก็ตามที่เราเห็นหน้าและชูคออยู่ในตำแหน่งหน้าที่ก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าพวกก่อการร้ายที่ว่านั้น มันอยู่ที่ไหน มีจำนวนเท่าไร ทุกคนรู้แต่ว่าตัวเองคือผู้ยิ่งใหญ่และเฉลียวฉลาดกว่าคนอื่นเท่านั้น!
แต่ความจริงท่านเหล่านี้ไม่ได้รู้อะไรเลยว่าเรามีมิตรหรือมีศัตรู?
มันอยู่ที่ไหนและมันคิดอย่างไร?
พูดได้คำเดียวและรู้อย่างเดียวเท่านั้น คือคำพูดโง่ๆ ประโยคหนึ่งที่คนไทยไม่เคยลืมคือคำว่า “โจรกระจอก” เท่านั้น ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ที่มันเกิดขึ้นและตายกันอยู่ทุกวันนี้ และจะต้องตายต่อไปอีกไม่รู้กี่สิบปี ก็เพราะเรารู้จักมิตรและศัตรูเพียงเท่านี้ หลังจากพูดโง่ๆ ออกมาเท่านี้ ไม่นานนักมันก็เลยเอาเท้าลูบหน้าเข้าอย่างเจ็บแสบ โดยพากันยกขบวนออกไปปล้นปืน ซึ่งไม่รู้ว่ามันเป็นใคร แม้แต่เพียงมันได้ยินใครเรียกมันว่า “โจรกระจอก” เท่านั้น!
อ้ายคนที่พูดนั้น ดูเหมือนจะมีคนเรียกมันว่าอ้ายทักษิณ นามสกุลอะไรก็ช่างมันอีกเหมือนกันไม่มีอะไรต้องสำคัญ
ทั้งๆ ที่อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีอำนาจบริวารไม่น้อยกว่าจูเลียส ซีซาร์ แต่สมุนบริวารที่ซื่อสัตย์ของมันที่ว่านั้น ไม่สามารถที่จะได้แม้แต่กลืนส้นเท้าของ “โจรกระจอก” พวกนั้น จนกระทั่งบัดนี้ และอีกกี่ปีในอนาคตที่ไม่มีใครจะแก้กรรมที่มันก่อเอาไว้ได้
แม้แต่บรรดาสัตว์เลี้ยงนานาชนิดของมันที่เห่าหอน และทำตัวเป็นคลื่นใต้น้ำอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่มีใครรู้เหมือนกันว่ามันจะเอาหน้าซุกเท้าใครไว้ที่ไหนได้
เป็นไปไม่ได้ที่มันจะไม่ฉิบหายวายวอดไปตามๆ กันในอนาคตอันไม่ช้านี้!!
ที่แน่นอนก็คือว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดภาคใต้ไม่ใช่เป็นเรื่องของการก่อการร้าย แต่เป็นสงครามประชาชนเช่นเดียวกับในยุคของคอมมิวนิสต์ การก่อความรุนแรงจะต้องทำกันไปอย่างสนุกสนานของคนพวกนี้ คือการทำลายชนชั้นปกครองเพื่อบอกแก่ประชาชนคนไทยผู้นำไม่มีความรู้ความสามารถในการปกครองบ้านเมืองได้เป็นประการแรก ประการต่อมาก็คือ การสร้างให้เกิดความหมดหวังของประชาชนต่อรัฐบาล และชนชั้นปกครองในปัจจุบันทุกวันนี้ โดยยึดหลักดำเนินการโดยใช้ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีของมาร์กซ์-เลนินเป็นหลัก
โดยการนำและการสนับสนุนขององค์การที่มีชื่อว่า Islamic party of liberation ซึ่งจัดตั้งขึ้นในกรุงเยรูซาเลมใน ค.ศ. 1952 หรือ พ.ศ. 2495
ในองค์การแห่งนี้จัดตั้งขึ้น พรรคสันติภาพแห่งนี้สามารถหาผู้ปฏิบัติงานหรือสมาชิกได้ 10,000 คนและเข้าปฏิบัติงานอยู่ในประเทศต่างๆ กว่า 40 ประเทศ!! (อ่านต่อฉบับหน้า)