xs
xsm
sm
md
lg

ฮือไล่สิงคโปร์ทวงคืนสนามบินอุดรฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เครือข่ายสมัชชาฯ อีสานกว่า 500 คน เดินขบวนส่งเสียงตะโกนขับไล่สิงคโปร์ดังกระหึ่มเมืองอุดรธานี พร้อมเผาหุ่น "นายกฯสิงคโปร์-ทักษิณ-ผู้ว่าฯอุดรธานี" หน้ากองบิน 23 ท่ามกลางเสียงสาปแช่งของกลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกร้องให้ "สุรยุทธ์"ทบทวนพันธะสัญญาที่ "แม้ว" ทำกับรัฐบาลลอดช่อง โดยเฉพาะกรณีให้กองทัพสิงคโปร์เช่าสนามบินฝึกรบ แฉ "ระบอบทักษิณ" ไม่ต่างจากพฤติกรรมของ "ออกญาจักรี" กบฏแผ่นดิน ประกาศไม่หยุดเคลื่อนไหว "สุรยุทธ์" ระบุยังไม่หารือห้ามสิงคโปร์ใช้สนามบินที่อุดรฯ ชี้รัฐบาลคำนึงความสัมพันธ์ ด้านทอ. อ้างกองทัพสิงคโปร์ใช้กองบิน 23 เป็นไปตาม MOU ไม่ใช่เช่าพื้นที่

เวลา 10.00 น.วานนี้ (23 ก.พ.)กลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายสมัชชาประชาชนภาคอีสาน และอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศกว่า 500 คน ได้เดินขบวนออกจากจุดนัดรวมตัวที่บริเวณทุ่งศรีเมือง ด้านศาลหลักเมืองอุดรธานี ผ่านตลาดและเขตเทศบาลเมืองอุดรธานี มุ่งหน้าตรงไปยังสนามบินกองบินที่ 23 อุดรธานี เพื่อเปิดเวทีปราศรัยเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกสัญญาให้รัฐบาลสิงคโปร์เช่าสนามบินกองบิน 23 เป็นเวลา 15 ปี เพื่อเป็นฐานฝึกบินของทาหารอากาศสิงคโปร์ หลังจากที่มีการลงนามสัญญาไปเมื่อปี 2547 ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

การเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลสิงคโปร์ครั้งนี้ ทางกลุ่มผู้ชุมชนได้มีการแจกสติกเกอร์สี่เหลี่ยมรูปเครื่องบินรบด้านบนมีข้อความว่า "THIS LAND" ด้านล่างมีข้อความว่า "NOT FOR RENT"ให้แก่ประชาชนสองข้างทาง พร้อมแจกแผ่นผ้าข้อความว่า "SINGAPORE GET OUT" ด้วย

นอกจากนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมยังได้ถือป้ายข้อความต่างๆ อาทิ ทวงคืนกองบิน 23 จากสิงคโปร์, สิงคโปร์เก็ตเอาต์ อย่ามาหาผลประโยชน์จากแผ่นดินไทย ไสหัวออกไป พร้อมกับมีมีการตะโกนคำว่า "สิงคโปร์...ออกไป"เป็นระยะ พร้อมกับถือป้ายผ้าที่เขียนข้อความว่า "สมัชชาประชาชนอีสานไม่เอาสิงคโปร์"... "สิงคโปร์ ออกไป"

ส่วนภายในรถนำขบวนได้มีแกนนำ อาทิ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์,นายสมศักดิ์ โกสัยสุข,ทันตแพทย์ศุภผล เอี่ยมเมธาวี ผลัดเปลี่ยนกันกล่าวปราศรัยให้ข้อมูลแก่ประชาชนผ่านเครื่องขยายเสียงตลอดเส้นทาง โดยมุ่งเน้นการบริหารงานที่ไม่โปร่งใสของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ทุจริตคอร์รัปชั่น พยายามขายอธิปไตยของไทยให้กับกองทุนเทมาเส็ก ของรัฐบาลสิงคโปร์ โดยเฉพาะการขายดาวเทียมไทยคม ให้เช่าสนามบินเพื่อเป็นฐานฝึกเครื่องบินรบให้กับต่างชาติ ซึ่งเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ

เวลาประมาณ 11.30 น.กลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินขบวนมาถึงหน้ากองบิน 23 อุดรธาธานี และได้อ่านแถลงการณ์ ประกาศจุดยืนที่จะร่วมกันปกป้องแผ่นดินไทย และทวงคืนสมบัติชาติจากสิงคโปร์และพวก ทั้งดาวเทียม วงโคจรในอวกาศ คลื่นมือถือ สถานีโทรทัศน์ไอทีวี ซึ่งเป็นสมบัติชาติ ที่บริษัทชินคอร์ปฯ ซึ่งเป็นบริษัทของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้สัมปทานแต่กลับนำไปขายต่อให้กับกองทุนเทมาเส็ก ของรัฐบาลสิงคโปร์ อย่างฉ้อฉลด้วยเล่ห์เพทุบาย ถือเป็นความไร้ยางอาย ไม่รักชาติ เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัวของคนไทยแบบ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวก โดยร่วมมือกับต่างชาติที่คิดเอาแต่ได้ อย่างกองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ จนทำให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และโฆษกรัฐบาลออกมาบอกต่อสื่อว่า คนไทยอยากได้ดาวเทียมที่เป็นสมบัติชาติคืน ฯลฯ

หลังจากอ่านแถลงการณ์จบ ตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมฯ ได้ยื่นหนังสือเปิดผนึกต่อนาวาอากาศเอก สุรศักดิ์ พุ่มทอง ผู้บังคับการกองบิน 23 อุดรธานี เพื่อส่งมอบให้กับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี โดยเรียกร้องให้ทบทวนยกเลิกการทำพันธะสัญญาทุกฉบับที่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ทำกับรัฐบาลสิงคโปร์ เพื่อรักษาอำนาจอธิปไตยและความมั่นคงของไทย ส่วนอีกฉบับได้ยื่นถึงนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เพื่อเรียกร้องให้หยุดความเห็นแก่ตัวที่ทำธุรกิจแบบฉ้อฉล หยุดความพยายามแทรกแซงกิจการภายในของประเทศเพื่อนบ้าน และส่งมอบสมบัติของแผ่นดินไทยกลับคืนมาให้หมด

หลังจากนั้นนายวสันต์ สิทธิเขต ศิลปินอิสระได้อ่านบทกวียกย่องความเป็นวีรบุรุษ ของพระนเรศวรมหาราชที่มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวรักชาติยิ่งชีพ ป้องป้องแผ่นดินอโยธยาจากการรุกรานของศัตรู ขณะเดียวกันได้ร่ายบทกวีที่มีใจความระบุถึงความชั่วร้ายเห็นแก่ตัวของสิงคโปร์ และความเห็นแก่ได้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกพ้องที่ยอมแม้แต่ขายชาติเพื่อให้ตัวเองมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย ไม่ต่างจากพฤติกรรมของ ออกญาจักรี กบฏแผ่นดินในภาพยนตร์เรื่องสมเด็จพระนเรศวร

เมื่อนายวสันต์ อ่านบทกวีจบลง กลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำพิธีเผาหุ่นจำลองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ หุ่นจำลอง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และหุ่นจำลองนายจารึก ปริญญาพล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ท่ามกลางเสียงโห่ร้องสาปแช่งของกลุ่มผู้ชุมนุมกว่า 500 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังพิธีเผาหุ่นสาปแช่งบุคคลทั้ง 3 เสร็จ กลุ่มผู้ชุมนุมได้สลายตัวแยกย้ายเดินทางไปยังโรงแรมนภาลัย เพื่อร่วมฟังการเสวนาในหัวข้อ "กอบกู้สมบัติชาติ กลับสู่แผ่นดินไทย" โดยมีนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์,นายสมศักดิ์ โกสัยสุข และนายอลงกรณ์ พลบุตร อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นวิทยากร โดยทันตแพทย์ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เป็นผู้ดำเนินรายการ

ทั้งนี้ ในประเด็นสัมมนาหัวข้อดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ทำการขายหุ้นชินแซทเทิลไลท์ให้กับกองทุนเทมาเส็ก ซึ่งมีหลายกิจการที่เกี่ยวกับความมั่นคงรวมอยู่ด้วย โดยเฉพาะสัมปทานสัญญาณดาวเทียม ไทยคม ที่เกิดกระแสทวงคืนเป็นสมบัติของประเทศอยู่ในขณะนี้

นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า การซื้อขายหุ้นชินฯ 73,000 ล้านบาท เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายไทย แต่รัฐบาลสิงคโปร์กลับไม่เคยพูดถึงประเด็นนี้ วางท่าทีเพิกเฉย แสดงถึงการเป็นรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลไม่ถูกต้อง ที่ผ่านมารัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทำสัญญาข้อตกลงระหว่างไทยกับสิงคโปร์ในลักษณะที่เสียเปรียบในหลายๆด้าน สิงคโปร์มีมาตรการรุกคืบเข้ามาครอบครองกิจการต่างๆ ของไทย ตั้งแต่ธนาคารยูโอบี และธนาคารพาณิชย์อีกหลายแห่ง รวมทั้งธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจเสริมสวยและสุขภาพ ทำให้มีหลายกิจการคนสิงคโปร์เป็นนายจ้าง แต่คนไทยเป็นเพียงลูกจ้าง จากข้อตกลงร่วมกันของไทยและสิงคโปร์ที่ทำขึ้นในการประชุมที่มี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธานการประชุม สมัยพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไทยเสียเปรียบสิงคโปร์ทุกด้าน

ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ช่วงนี้ตนอยากให้คนไทยช่วยกันจับตากรณีไอทีวี ซึ่งเป็นสมบัติของคนไทยชิ้นแรกที่จะรู้ว่าเราจะยึดคืนสมบัติชาติกลับมาได้หรือไม่ เพราะบริษัทชินคอร์ปของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ซื้อไอทีวีโดยยอมรับในเงื่อนไขการทำสัญญาสัมปทานทุกอย่าง เพราะเชื่อมั่นว่าเมื่อมีอำนาจจะแก้สัญญาได้

"วันที่ 6 มีนาคม ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ สปน.ยืดเวลาให้ไอทีวี ในการจ่ายค่าปรับและค่าสัมปทาน หากไม่สามารถหาเงินคืนได้ ก็ให้คนอื่นทำต่อ หรือยึดกลับเป็นของรัฐ โดยไม่กระทบพนักงานโดยกรณีไอทีวี จะเป็นกรณีศึกษาได้ว่า คนไทยจะยึดคืนสมบัติของชาติจากคนโกงได้หรือไม่"

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า การขายหุ้นชินฯ 73,000 ล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พ่วงกิจการด้านความมั่นคงของชาติหลายกิจการเข้าไป ถือเป็นการนำสมบัติของชาติไปขายนั้นคนไทยทั้งประเทศน่าจะแปลงวิกฤตที่เกิดขึ้นให้เป็นโอกาส ในด้านการปลุกกระแสรักชาติเกิดขึ้นกับคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะดาวเทียมไทยคมและวงโคจร ถือเป็นสมบัติชาติชิ้นสำคัญที่คนไทยต้องต่อสู้กลับคืนมาให้ได้

ด้าน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเครือข่ายสมัชชาประชาชนภาคอีสาน ที่เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกความร่วมมือทางการทหารกับสิงคโปร์ว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการพิจารณาหรือพูดคุยกัน เพราะนโยบายของรัฐบาลจะพิจารณาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นหลัก ไม่เฉพาะประเทศสิงคโปร์ รวมถึงกลุ่มประเทศอาเซียนก็จะไม่ให้เกิดผลกระทบต่อด้านความสัมพันธ์ โดยเฉพาะด้านความมั่นคง

น.อ.มณฑล สัชฌุกร รองโฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การฝึกบินของกองทัพอากาศสิงคโปร์ เป็นไปตามบันทึกความเข้าใจ(MOU)ระหว่างรัฐบาลไทย-สิงคโปร์ ที่ทำไว้ตั้งแต่สมัยพล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา เป็นผบ.ทอ. ในการสนับสนุนด้านการฝึก และการส่งกำลังบำรุงระหว่างกองทัพอากาศไทยกับกองทัพอากาศสิงคโปร์ ไม่ได้เป็นการเช่าพื้นที่กองบินแต่อย่างใด จึงขอให้ประชาชนเข้าใจข้อมูลที่ถูกต้อง

"ข้อร้องเรียนต่างๆ กองทัพอากาศไม่ได้นิ่งนอนใจ และพร้อมรับฟังความเห็นของคนในพื้นที่ ส่วนจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น จะต้องมีการหารืออีกครั้งหนึ่ง"รองโฆษก ทอ. กล่าว

ขณะที่ พ.อ.มาร์ค โก๊ะ ผู้ช่วยทูตทหารสิงคโปร์ประจำประเทศไทย กล่าวปฏิเสธถึงกรณีที่บทวิเคราะห์ของหนังสือพิมพ์ อ้างถึงกองทัพบกสิงคโปร์เข้ามาใช้พื้นที่ฝึกในประเทศไทยที่ จ.อุดรธานี และ จ.กาญจนบุรี ในลักษณะเป็นสายลับว่า กองทัพบกสิงคโปร์ ไม่ใช่ "spy" (สายลับ)ตามที่เป็นข่าว ทั้งนี้ ทุกอย่างเป็นไปตามข้อตกลงที่ได้ทำอย่างถูกต้องระหว่างกองทัพกับรัฐบาลไทย ตนยืนยันว่า มันไม่จริง รวมทั้งกรณีที่มีการพาดพิงว่ากองทัพบกสิงคโปร์เคยให้การสนับสนุนให้กลุ่มกระเหรี่ยง เคเอ็นยู ระหว่างเข้ามาฝึกในค่ายฝึกไทรโยค จ.กาญจนบุรี ก็ไม่เป็นความจริง

พ.อ.มาร์ค กล่าวว่า ตอนนี้กองทัพบกสิงคโปร์ยังฝึกอยู่ที่ค่ายฝึกกาญจนบุรีภายใต้แผนการฝึก 207 ซึ่งเป็นการฝึกตามรหัสเครสเชนโด้ รวมถึงการฝึกคอบร้าโกลด์ เป็นการดำเนินการที่ทำกันประจำทุกปี ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ร่วมกันระหว่างกองทัพของสองประเทศ ซึ่งความสัมพันธ์ของกองทัพอยู่ในระดับดีมาก แม้จะมีปัญหาการเมืองในช่วงที่ผ่านมาบ้างก็ตาม
กำลังโหลดความคิดเห็น