xs
xsm
sm
md
lg

ตำนานแห่งเล่ห์-เพทุบายของ “SIN” กับ “SHIN”

เผยแพร่:   โดย: สปาย หมายเลขหก

ในภาษาอังกฤษ คำย่อของประเทศสิงคโปร์คือ SIN และคำย่อในวงธุรกิจชินวัตร หรือชิน คอร์เปอเรชั่น คือ SHIN, ความคล้ายที่เกือบจะเหมือนกันนี้ คงมิใช่ความบังเอิญ ต้องมีส่วนหนึ่งที่เกิดจากความต้องการให้เป็นเช่นนี้ จุดที่ทำให้เกิดความน่าสงสัย หรือเกิดสะดุดใจขึ้นนี้ ไม่ใช่จะเกิดขึ้นแต่ในช่วงนี้ นับตั้งแต่ พ.ศ. 2442 เป็นต้นมา ก็มีคนเคยกล่าวถึง แต่โดยสรุปก็คือ สิงคโปร์เขาเป็น SIN มาก่อนแล้ว แต่ SHIN มาเกิดขึ้นภายหลัง โดยที่นามสกุลชินวัตรก็เขียนเป็นภาษาอังกฤษอย่างนั้น จะให้เขาเปลี่ยนนามสกุลหรือเขียนเป็นอย่างอื่นได้หรือ แต่ก็มีข้อสังเกตว่า เหตุใดไม่ใช้อักษรอย่างเต็มๆ ตามนามสกุลนั้น เหตุใดจึงใช้สั้นๆ ว่า SHIN ที่ใกล้เคียงกับ SIN สิงคโปร์

เวลาผ่านมาไม่กี่ปี โลกก็หมุนพลิกเอาด้านที่เป็นความจริงออกมาให้เห็นกันว่า SIN กับ SHIN นั้น มีความเกี่ยวข้องกัน อย่างสามารถจัดรอยต่อที่เคยแยกกันให้เป็นรูปเดียวกันได้


ดาวเทียมไทยคมของไทย ซึ่งมีจุดจอดในอวกาศ เป็นจุดจอดที่ไทยเป็นเจ้าของในการจัดสรรวงโคจรและจุดจอดขององค์การดาวเทียมระหว่างประเทศ เพราะว่าดาวเทียมจะเข้าวงโคจรแล้วหมุนไปเท่ากับความเร็วที่โลกหมุน ดังนั้น จึงเป็นการลอยอยู่กับที่เหนือพื้นที่กำหนด, ดาวเทียมของไทยซึ่งชินวัตรได้รับสัมปทานนั้น ได้ถูกขายให้กับองค์กรเทมาเส็กของสิงคโปร์แบบเหมาเข่งพร้อมกิจการอื่นๆ เท่ากับว่าเป็นการขายสัมปทานไปทั้งหมด โดยที่สิงคโปร์ไม่มีสิทธิในการรับช่วงต่อ หรือซื้อสัมปทาน แต่มันก็เป็นไปแล้วในสมัยระบอบทักษิณ ที่อำนาจการเมืองทำให้ขาย (สมบัติของ) ชาติได้ และกำลังจะมีการขายอย่างอื่นๆ อีก แต่โดนปฏิวัติเสียก่อน

สิ่งที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ คือการเอาดาวเทียมของเราคืนมาจากสิงคโปร์

เพราะความมั่นคงสูงสุดของชาติอยู่ตรงนั้น

ดาวเทียมไทยคม
ทุกดวง เป็นนามพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้กับดาวเทียมของไทย มิใช่ให้กับชินวัตร หรือเทมาเส็กสิงคโปร์ ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกอันยิ่งใหญ่ของคนไทยที่จะต้องเอาคืนมาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นด้วยการยึดคืนหรือซื้อคืน, โดยประเด็นนี้ ความเป็นไปจะต้องใช้เวลาและในความเคลื่อนไหวย่อมเป็นข่าวสารที่จะติดตามกันได้ ซึ่งคาดว่าใน 4 เดือนนี้ จะได้บทสรุปข้อยุติ

แต่ในประเด็นที่มีความลึกและลับ ที่อาจจะยังไม่มีการเปิดเผยกันโดยตลอด คือรายงานแบบ “ลึก-หกสิบ” หรือ “ลับ-สี่สิบ” ในฉบับนี้, อันเป็นที่มาและให้หายสงสัยว่า SIN คือ SHIN หรือว่า SHIN คือ “SIN” แม้ว่าจะไม่เจาะทะลุไปทั้งหมด แต่ก็จะทำให้ลืมตามองเห็นกันได้ข้างหนึ่ง ว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร?

มาตั้งข้อสังเกตกันในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้อง (หรือเกี่ยวข้อง) กับเรื่องนี้ คือสิ่งที่เกิดขึ้นใน พ.ศ. 2536 โดยมีหลักฐานเป็นเทปบันทึกเสียงของ ชายไทย ไม่ทราบชื่อผู้หนึ่ง ซึ่งไปพูดเป็นภาษาอังกฤษ ณ ที่ประชุมนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ เหมือนกับการสัมมนาแบบหนึ่ง สาระที่ปรากฏเรื่องพูดในเทปนั้น เป็นการบอกกล่าวกับนักธุรกิจสิงคโปร์ถึงบรรยากาศการค้า การลงทุน การติดต่อกับระบบราชการไทย มีการเปิดเผยจุดอ่อนต่างๆ ที่มีอยู่ในไทย เหมือนกับเป็นการถ่ายทอดหรือเอาความลับในวงการธุรกิจไปบอกกล่าวให้สิงคโปร์รู้อย่างแจ่มแจ้ง

ชายไทยไม่ทราบชื่อที่ทำเช่นนั้น จนบัดนี้-ยังไม่มีการเปิดเผยว่าเป็นใคร แต่มีการตั้งข้อสังเกตกันไปต่างๆ นานาว่า เป็นผู้นั้นผู้นี้ แต่การตรวจสอบเสียงนั้นทางนิติวิทยาศาสตร์ ไม่เคยได้มีการทำกัน แม้ว่าเทปลับของชายลึกลับผู้นี้ จะอยู่ในมือของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สกช.) ซึ่งหากว่า เทปลับนี้มิได้ถูกสั่งทำลายไปโดยอำนาจการเมืองในยุคใดยุคหนึ่ง ก็น่าจะทำให้เกิดความกระจ่างชัดเสียว่า ชายไทยไม่ทราบชื่อผู้นั้นคือใคร?

ชายไทยไม่ทราบชื่อที่ปรากฏเสียงในเทปผู้นั้น ได้ใช้ถ้อยคำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของนักธุรกิจสิงคโปร์ ด้วยการใช้ถ้อยคำที่แปลว่า “พวกเรา” แทนคำว่า “พวกท่าน” เช่น คำว่า พวกเราจะต้องทำความเข้าใจในส่วนนี้ พวกเราจะต้องทำอย่างนี้ เมื่อทำธุรกิจในประเทศไทย โดยคำพูดนี้ เหมือนกับว่า ชายไทยผู้นั้นได้ละทิ้งชาติและสัญชาติของเขาไปแล้ว โดยคำพูดนั้น ที่เหมือนกับชาวสิงคโปร์พูดกับสิงคโปร์ เป็นการประกาศตัว หรือได้รับความไว้วางใจจาก SIN ว่า เขาก็เป็น SIN เช่นกัน

กำเนิดของดาวเทียมที่ชินวัตรได้เป็นผู้รับสัมปทานนั้น ขอให้มองย้อนกลับไปถึงการลงทุนในช่วง พ.ศ. 2536-2537 ที่ใช้เงินประมาณ 1 หมื่น 3 พันล้านบาท ในการยิงดาวเทียมของไทยดวงแรก คือ “ไทยคม 1” ในวันที่ 27 ธันวาคม 2538 ที่ฐานยิงเฟรนส์ เกียน่า ซึ่งเป็นอาณานิคมฝรั่งเศสในอเมริกาใต้

การระดมทุนหรือแหล่งเงินทุนในช่วงนั้นมีความยากลำบาก เพราะเห็นประโยชน์ของดาวเทียมสื่อสารมีขอบข่ายการใช้งานค่อนข้างแคบ กว่าที่ใช้อยู่ในทุกวันนี้ ทำให้เห็นว่าเป็นธุรกิจที่มีผลตอบแทนค่อนข้างช้า ทางชินวัตรคอมพิวเตอร์ก่อนที่จะเป็นชิน คอร์เปอเรชั่น ต้องเสนอโครงการไปยังแหล่งเงินทุนหลายแห่ง และในที่สุดก็บรรลุข้อตกลงจากการใช้แหล่งเงินทุนที่สิงคโปร์ แต่ทางสิงคโปร์ก็ใช่จะควักมาให้เต็มตามความต้องการ คือ 1 หมื่น 3 พันล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนที่เป็นผู้ให้กู้ระยะยาว กำหนดวงเงินไว้ให้ประมาณครึ่งเดียว และนั่นเป็นแหล่งเงินทุนสุดท้าย ไม่มีที่ใดให้อีก, การมีเงินอยู่ประมาณ 6 พันล้านบาท ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะทางบริษัทผู้รับจัดหาและเป็นผู้รับยิงดาวเทียมให้นั้น มีกรอบการชำระเงินที่เป็นเงินสดไว้สูงคือประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ที่เหลือยอมให้มีการผ่อนส่งให้ และการส่งดาวเทียมนั้น ทางผู้ว่าจ้างจะต้องรับผิดชอบต่อความเสี่ยงเอาเอง โดยความเสี่ยงที่ว่าคือ ความเสี่ยงในการเริ่มยิงส่งจรวดที่ติดหัวดาวเทียมขึ้นอวกาศ ซึ่งอาจจะมีการระเบิดตั้งแต่ฐานยิงหรือในระหว่างการเดินทางไปสู่วงโคจร และความเสี่ยงระยะสุดท้าย คือเมื่อจรวดนำดาวเทียมขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อปล่อยดาวเทียมเข้าวงโคจร ดาวเทียมจะเข้าอยู่ในตำแหน่งสถานีจอด หรือการลอยฟ้าอยู่เหนือพื้นที่เป้าหมายกำหนดหรือไม่? ในความเสี่ยงทั้งสองอย่างนี้ จึงทำให้แหล่งเงินทุนหายาก ไม่มีผู้ใดจะมาร่วมรับความเสี่ยงดังกล่าว ที่ต้องใช้เงินจำนวนมากเป็นเดิมพัน

เพราะถ้าหากเกิดระเบิดที่จรวดส่งดาวเทียม เงินก็มีโอกาสสูญ...และเมื่อไปอยู่ในอวกาศแล้ว ดาวเทียมไม่เข้าสู่วงโคจรตามพิกัดเป้าหมายที่กำหนดเหนือพื้นโลก หลุดลอยเคว้งคว้างอยู่ก็เป็นความเสี่ยงที่มีโอกาสสูญเงินไว้ในอวกาศเช่นเดียวกัน

ชินวัตรคอมพิวเตอร์ โดยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พบอุปสรรคยิ่งใหญ่เรื่องเงินทุนที่มีแล้ว แต่มีไม่พอสำหรับโครงการกำลังเกิดปัญหา “หน้ามืด” อยู่นั้น

ทางทหารมีโครงการใหญ่อยู่โครงการหนึ่งคือ โครงการสื่อสารทหาร จากการที่ตั้งเป้าหมายว่า “วอร์รูม” ของตึกชั้นใต้ดิน ในกองบัญชาการทหารสูงสุดแห่งใหม่ คือ “สนามเสือป่า” จะต้องมีความพร้อมเรื่องระบบการสื่อสาร ซึ่งเป็นสื่อสารผ่านดาวเทียม มีขอบข่ายการสั่งการและรายงานของทุกเหล่าทัพได้ถึงระดับ “กองร้อย” ในเวลาปกติและติดต่อกับ หน่วยขนาดเล็ก ในพื้นที่ปฏิบัติการในเวลามีสถานการณ์รบ

สื่อสารทหารของวอร์รูมกองบัญชาการทหารสูงสุด เป็นโครงการที่ใหญ่มาก โดยอุปกรณ์และการก่อสร้างอื่นๆ นั้น แต่ละเหล่าทัพก็พอจะจัดงบประมาณของตัวเองได้ตามกำลังงบประมาณ ซึ่งกว่าจะสมบูรณ์ต้องใช้เวลานานถึงสิบปี สิ่งที่เป็นอุปสรรคใหญ่ยิ่งและต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในคราวเดียว คือการมีดาวเทียม ที่เป็นผู้รับส่งสัญญาณ โดยโครงการสื่อสารทหารนี้ คิดกันมาก่อนที่ชินวัตรคอมพิวเตอร์จะได้รับสัมปทานดาวเทียมสื่อสารโครงการดังกล่าว มีอุปสรรคอยู่ที่ตัวดาวเทียม เพราะต้องใช้งบประมาณสูงมาก

แล้วชินวัตรคอมพิวเตอร์กับโครงการสื่อสารทหารก็มาพบกัน ด้วยปัญหาที่ “ขาดเงิน” เช่นเดียวกันในการจัดยิงดาวเทียม

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เห็นเป็นโอกาสและเป็นทางรอด คือการนำเอาปัญหาของชินวัตรและสื่อสารทหารมารวมกัน โดยที่ทางชินวัตรมีเงินทุนจากสิงคโปร์อยู่ก้อนหนึ่งแล้ว แต่ไม่เพียงพอ ทางกองบัญชาการทหารสูงสุดเอง ก็มีปัญหาที่ขาดงบประมาณซึ่งไม่สามารถจะมีการสนับสนุนได้ในคราวเดียว, ดังนั้น-ถ้าหากว่าทาง พ.ต.ท.ทักษิณ มีเงินรองรับอยู่ก้อนหนึ่ง มารวมกับเงินของทางกองบัญชาการทหารสูงสุด ก็น่าจะเป็นความเพียงพอที่จะยิงดาวเทียมได้ โดยทางกองบัญชาการทหารสูงสุด ใช้เงินที่มีอยู่ก็ได้ดาวเทียม และไม่ต้องใช้เงินเต็มตามที่ตั้งงบประมาณการไว้ด้วย

แต่ทางกองบัญชาการทหารสูงสุดไม่มีฐานะเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นร่วมกับชินวัตรคอมพิวเตอร์ โดยเงินที่ออกมาทางงบประมาณกองบัญชาการทหารสูงสุดนั้น เป็นการจ่ายค่าเช่าช่องสัญญาณ โดยมีสัญญาระยะยาวเท่ากับเวลาที่ชินวัตรคอมพิวเตอร์ได้รับสัมปทานคือ 30 ปี เงินที่ออกมาก้อนนี้ ไม่พอที่จะเป็นค่าเช่าเต็มระยะเวลา 30 ปี ส่วนที่เหลือนั้นเป็นการจ่ายค่าเช่าเป็นรายปีตามปีงบประมาณที่กองบัญชาการทหารสูงสุดได้รับ

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ดำเนินการเสนอโครงการเช่นว่าโดยตรงกับ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ โดยทาง พล.อ.สุนทร มีความเห็นว่า เป็นการทุ่มงบประมาณไปมาก โดยทางทหารไม่ต้องยิงดาวเทียมเป็นของตัวเอง ข้อตกลงดังกล่าวนี้ มีความสมเหตุสมผลและที่สำคัญคือเป็นดาวเทียมของไทยเอง ซึ่งขณะนั้นมีการสื่อสารของทหารที่ต้องใช้ดาวเทียมอยู่บ้างแล้วในบางหน่วย แต่ไปเช่าช่องสัญญาณดาวเทียม “ปาลาป้า” ของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้องนักในแง่ความมั่นคง ที่การสื่อสารดาวเทียมของทหารจะต้องอาศัยดาวเทียมต่างชาติ

ข้อตกลงนี้ทำให้ชินวัตรคอมพิวเตอร์มีเงินมากพอที่จะยิงดาวเทียมได้ และยังถือว่ามีลูกค้ารายแรกและเป็นรายใหญ่ มีการเงินอย่างแน่นอน คือ การสื่อสารทหาร ของกองบัญชาการทหารสูงสุด เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับแหล่งเงินที่สิงคโปร์ว่าโครงการนี้จะไปได้ด้วยดี ดาวเทียมสามารถยิงสู่อวกาศได้ โดยทางสิงคโปร์ไม่ต้องควักเงินลงทุนเพิ่มให้กับชินวัตรคอมพิวเตอร์

นั่นคือ-ที่มาของการมีดาวเทียมดวงแรกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้เข้าสู่อาณาจักรอวกาศ และอากาศสร้างความร่ำรวยอย่างทันตา และไม่มีขอบเขต

มีสิ่งหนึ่งซึ่งไม่มีใครรู้ความจริงว่า เงินทุนก้อนแรกที่มาจาก SIN นั้น มีข้อตกลงในรายละเอียดอย่างไร เพียงแต่รู้ว่าเป็นไปในลักษณะเงินกู้สำหรับการลงทุน หรือว่าจะมีการกันส่วนหนึ่งไว้เป็นการร่วมทุน โดยที่ SIN มีส่วนเป็นเจ้าของมาตั้งแต่แรก แต่อำพรางข้อตกลงนี้ไว้อย่างลับที่สุดระหว่าง SIN กับ SHIN เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยเพทุบาย อันยากที่จะจับได้ไล่ทัน โดยที่ SIN อาจจะมีส่วนเป็นเจ้าของมาตั้งแต่แรก และบัดนี้เขาได้เป็นเจ้าของทั้งหมด เพราะ SHIN นั้น อาจจะเป็นตัวแทนทางธุรกิจ หรือเป็นผู้ถือแทน SIN ไว้ก็ได้ ในข้อสันนิษฐานถึงเหตุการณ์ที่เกิดอยู่ในทุกวันนี้ อันเป็นเรื่องยากในการจะหาความจริง หรือมีใครมายอมรับว่า การตั้งข้อสงสัยนี้เป็นความจริง

แต่มีความจริงอยู่อย่างหนึ่ง คือทางทหารยอมเทเงินให้ก้อนหนึ่งเพื่อต้องการมีดาวเทียมสัญชาติไทย เงินก้อนนั้นมันเหมือนกับเป็นการสร้างสมบัติให้กับสิงคโปร์ และทหารก็ต้องใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมของสิงคโปร์ เมื่อสิงคโปร์เข้ามาครอบครองอวกาศ และอากาศเหนือแผ่นดินไทยไปแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น