“พล.อ.สนธิ” สั่งตรวจสอบ “จาตุรนต์” ลองของ คมช. นำพลพรรคไทยรักไทย เดินสายพบปะประชาชนภาคอีสาน ทั้งที่มีประกาศ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 ที่ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรม ค้ำคออยู่ โดยไม่ยอมขออนุญาต ระบุ ประกาศ คปค. ถือเป็นคำสั่งเจ้าพนักงานใครขัดคำสั่งมีโทษทั้งจำและปรับ ขณะที่ ทรท.อ้างน้ำขุ่นๆ คำสั่ง คปค.คลุมเครือ และฟได้ขออนุญาต กกต.แล้ว
ด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ( คมช.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม คมช.ว่า คมช.กำลังให้ฝ่ายกฎหมายศึกษาถึงกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยเดินสายตระเวนชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในภาคอีสานว่าเหมาะสมหรือไม่
“ผมคิดว่าคุณจาตุรนต์ เป็นคนที่มีทุกอย่างที่สมบูรณ์ อยู่ในตัว เป็นคนที่ดี และน่ารัก ดังนั้นจะทำอะไรก็จะต้องนึกถึงความความมั่นคงของประเทศ และความสงบเรียบร้อยของชาติบ้านเมือง คิดว่าท่านคงไม่ทำอะไรเสียหาย”
ผู้สื่อข่าวถามว่านายจาตุรนต์ได้ขออนุญาตมาทาง คมช.หรือยัง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ปกติก็ต้องขออนุญาต ตนได้ให้สำนักงานเลขาธิการ คมช.ไปดูว่าได้ขออนุญาตหรือยัง เพราะปกติถ้าใครจะไปทำกิจกรรมอะไรก็จะต้องแจ้งมาให้ทาง คมช. ได้รับทราบ และยังให้เลขาธิการ คมช.ดูด้วยว่าสิ่งที่นายจาตุรนต์ทำมีอะไรบ้าง ซึ่ง คมช.ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ให้ทำ แต่ก็ควรขออนุญาตมาก่อน เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าไปทำอะไร จะได้ไม่ต้องห่วง เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็จะมาหาว่า คมช.ไปทำอะไรให้เกิดความเดือดร้อน
ส่วนการเดินสายของนายจาตุรนต์ ถือเป็นการลองของหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า “ไม่ ผมบอกอยู่แล้วว่าท่านเป็นคนที่มีวุฒิภาวะท่านไม่ทำหรอกครับ”
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ให้แม่ทัพภาคที่ 2 ออกไปหาข้อมูลบ้างหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่เป็นไร เพราะเรามีเทปฟังได้ชัดเจนอยู่แล้ว เมื่อถามว่า เทปที่มาเปิดฟังแสดงว่าทาง คมช. ได้ส่งคนติดตามการเคลื่อนไหวของ นายจาตุรนต์ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่มี และไม่ต้องไป เพราะปกติจะมีคนนำเอาเทปมาให้
ส่วนการเดินสายชี้แจงของนายจาตุรนต์ ผิดข้อบังคับการประกาศของ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า กำลังให้ไปดูในรายละเอียดอยู่ว่า ที่นายจาตุรนต์ไปผิดหรือไม่ หากทำผิดก็จะต้องว่ากันตามกติกา เพราะทุกพรรคการเมืองและคนไทยทุกคนอยู่ในกรอบประชาธิปไตย และ กฎหมาย
ด้านพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช. กล่าวว่า พล.อ. สนธิ บอกว่าให้ กอ.รมน.ภาค 2 ตำรวจ ผู้ว่าราชการจังหวัดไปศึกษาว่านายจาตุรนต์ไปทำกิจกรรมอะไรบ้าง ทั้งนี้ พบปะส่วนตัว 1-2 คน ทำได้ แต่การตั้งเวทีปราศรัยหรือไปติดตาม นโยบายไม่สามารถทำได้ เพราะจบการบริหารงานของรัฐบาลชุดเก่าแล้ว และไม่มีความจำเป็นทำเรื่องนี้ หากยังทำหมิ่นเหม่ต่อการขัดขืนประกาศ คปค. ฉบับที่ 15-27 จะมีแนวทางปฏิบัติจากเบาไปหาหนัก โดยจะมีการทำความเข้าใจก่อน แต่ถ้าชี้แจงแล้วไม่เข้าใจหรือเกรงไม่เข้าใจ คงต้องมีมาตรการอื่นตามมา
“ประกาศ คปค. ฉบับที่ 15-27 ถือเป็นคำสั่งเจ้าพนักงาน ดังนั้น การไม่ปฏิบัติตาม ถือเป็นการขัดคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งมีโทษทั้งจำและปรับ โดยกระบวนการยุติธรรมจะเป็นผู้พิจารณาและศาลจะพิจารณาว่าโทษเป็นอย่างไร และพื้นที่ที่มีกฎอัยการศึกทหารมีอำนาจหน้าที่เข้าไปห้ามและยึดเปลี่ยนแปลงได้ ตามที่เห็นเหมาะสม เพื่อให้เกิดความมั่นคงในพื้นที่ หากเห็นว่าเป็นการขัดประกาศ คปค. ฉบับที่ 15 -27 ซึ่ง คมช. จะประสานไปยังกระทรวงมหาดไทยและสั่ง กอ.รมน. ติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ของนายจาตุรนต์ ทางสำนักเลขาธิการ คมช. แจ้งว่าไม่ได้แจ้งให้ คมช. ทราบล่วงหน้า”
แหล่งข่าวใน คมช.เปิดเผยว่า ที่ประชุม คมช.ยังเห็นว่าให้คงประกาศ คปค.ที่ 15 และ 27 ไว้ เพราะมีผลทางกฎหมายในการพิจารณาคดีของตุลาการรัฐธรรมนูญ กรณียุบพรรคการเมือง หากมีการยกเลิกไปจะทำให้ยากต่อการนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
แหล่งข่าวจากกรมพระธรรมนูญ เปิดเผยว่า หลักการและเหตุผลในการออกประกาศ คปค.15และ 27 นั้น ก็เพื่อให้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 ซึ่งได้ระบุถึงสถานะของพรรคการเมือง และ กรรมการบริหารพรรคไว้ มีผลบังคับใช้ต่อไปหลังจากทีการล้มรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 แล้วโดยเฉพาะการที่จะสามารถเอาผิดกับบุคลที่เคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค และผู้ที่มีพฤติกรรม หรือดำเนินกิจกรรมที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ
แหล่งข่าวกล่าวว่าการดำเนินกิจรรมทางการเมืองของพรรคการเมือง จะทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับการอนุมัติจาก ครม.เท่านั้น การขอมาที่ คมช. จึงเป็นแค่ขั้นตอนแรก และ ที่ผ่านมาได้มีการสอบถามว่า รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย มีการทำหนังสือเพื่อขออนุญาตในการทำกิจกรรมพบปะประชาชนหรือไม่ ซึ่งสำนักงานเลขาธิการ คมช.ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ได้มีการขอมาแต่อย่างใด
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึง การเดินสายพบปะประชาชนภาคอีสานของนายจาตุรนต์ และแกนนำพรรคไทยรักไทยว่า พรรคไทยรักไทยได้แจ้งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทราบแล้ว ในการพบกับตัวแทนพรรคการเมืองว่า คำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 15 และ ฉบับที่ 27 ที่ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เป็นคำสั่งที่คลุมเครือมาก เช่น เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วม สมาชิกพรรคไปช่วยเหลือชาวบ้าน จะมาห้ามว่าทำไม่ได้ เพราะมีเรื่องความมั่นคงของประเทศ คงจะไม่ได้
“ยิ่งช่วงนี้มีการร่างรัฐธรรมนูญ พรรคจะต้องไปสอบถามความเห็นของประชาชน ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเรื่องความมั่นคงของชาติ แต่ไม่ว่าพรรคการเมืองจะทำกิจกรรมอะไร ก็คงหนีไม่พ้นที่จะถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมือง”
ด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ( คมช.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม คมช.ว่า คมช.กำลังให้ฝ่ายกฎหมายศึกษาถึงกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยเดินสายตระเวนชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในภาคอีสานว่าเหมาะสมหรือไม่
“ผมคิดว่าคุณจาตุรนต์ เป็นคนที่มีทุกอย่างที่สมบูรณ์ อยู่ในตัว เป็นคนที่ดี และน่ารัก ดังนั้นจะทำอะไรก็จะต้องนึกถึงความความมั่นคงของประเทศ และความสงบเรียบร้อยของชาติบ้านเมือง คิดว่าท่านคงไม่ทำอะไรเสียหาย”
ผู้สื่อข่าวถามว่านายจาตุรนต์ได้ขออนุญาตมาทาง คมช.หรือยัง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ปกติก็ต้องขออนุญาต ตนได้ให้สำนักงานเลขาธิการ คมช.ไปดูว่าได้ขออนุญาตหรือยัง เพราะปกติถ้าใครจะไปทำกิจกรรมอะไรก็จะต้องแจ้งมาให้ทาง คมช. ได้รับทราบ และยังให้เลขาธิการ คมช.ดูด้วยว่าสิ่งที่นายจาตุรนต์ทำมีอะไรบ้าง ซึ่ง คมช.ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ให้ทำ แต่ก็ควรขออนุญาตมาก่อน เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าไปทำอะไร จะได้ไม่ต้องห่วง เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็จะมาหาว่า คมช.ไปทำอะไรให้เกิดความเดือดร้อน
ส่วนการเดินสายของนายจาตุรนต์ ถือเป็นการลองของหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า “ไม่ ผมบอกอยู่แล้วว่าท่านเป็นคนที่มีวุฒิภาวะท่านไม่ทำหรอกครับ”
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ให้แม่ทัพภาคที่ 2 ออกไปหาข้อมูลบ้างหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่เป็นไร เพราะเรามีเทปฟังได้ชัดเจนอยู่แล้ว เมื่อถามว่า เทปที่มาเปิดฟังแสดงว่าทาง คมช. ได้ส่งคนติดตามการเคลื่อนไหวของ นายจาตุรนต์ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่มี และไม่ต้องไป เพราะปกติจะมีคนนำเอาเทปมาให้
ส่วนการเดินสายชี้แจงของนายจาตุรนต์ ผิดข้อบังคับการประกาศของ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า กำลังให้ไปดูในรายละเอียดอยู่ว่า ที่นายจาตุรนต์ไปผิดหรือไม่ หากทำผิดก็จะต้องว่ากันตามกติกา เพราะทุกพรรคการเมืองและคนไทยทุกคนอยู่ในกรอบประชาธิปไตย และ กฎหมาย
ด้านพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช. กล่าวว่า พล.อ. สนธิ บอกว่าให้ กอ.รมน.ภาค 2 ตำรวจ ผู้ว่าราชการจังหวัดไปศึกษาว่านายจาตุรนต์ไปทำกิจกรรมอะไรบ้าง ทั้งนี้ พบปะส่วนตัว 1-2 คน ทำได้ แต่การตั้งเวทีปราศรัยหรือไปติดตาม นโยบายไม่สามารถทำได้ เพราะจบการบริหารงานของรัฐบาลชุดเก่าแล้ว และไม่มีความจำเป็นทำเรื่องนี้ หากยังทำหมิ่นเหม่ต่อการขัดขืนประกาศ คปค. ฉบับที่ 15-27 จะมีแนวทางปฏิบัติจากเบาไปหาหนัก โดยจะมีการทำความเข้าใจก่อน แต่ถ้าชี้แจงแล้วไม่เข้าใจหรือเกรงไม่เข้าใจ คงต้องมีมาตรการอื่นตามมา
“ประกาศ คปค. ฉบับที่ 15-27 ถือเป็นคำสั่งเจ้าพนักงาน ดังนั้น การไม่ปฏิบัติตาม ถือเป็นการขัดคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งมีโทษทั้งจำและปรับ โดยกระบวนการยุติธรรมจะเป็นผู้พิจารณาและศาลจะพิจารณาว่าโทษเป็นอย่างไร และพื้นที่ที่มีกฎอัยการศึกทหารมีอำนาจหน้าที่เข้าไปห้ามและยึดเปลี่ยนแปลงได้ ตามที่เห็นเหมาะสม เพื่อให้เกิดความมั่นคงในพื้นที่ หากเห็นว่าเป็นการขัดประกาศ คปค. ฉบับที่ 15 -27 ซึ่ง คมช. จะประสานไปยังกระทรวงมหาดไทยและสั่ง กอ.รมน. ติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ของนายจาตุรนต์ ทางสำนักเลขาธิการ คมช. แจ้งว่าไม่ได้แจ้งให้ คมช. ทราบล่วงหน้า”
แหล่งข่าวใน คมช.เปิดเผยว่า ที่ประชุม คมช.ยังเห็นว่าให้คงประกาศ คปค.ที่ 15 และ 27 ไว้ เพราะมีผลทางกฎหมายในการพิจารณาคดีของตุลาการรัฐธรรมนูญ กรณียุบพรรคการเมือง หากมีการยกเลิกไปจะทำให้ยากต่อการนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
แหล่งข่าวจากกรมพระธรรมนูญ เปิดเผยว่า หลักการและเหตุผลในการออกประกาศ คปค.15และ 27 นั้น ก็เพื่อให้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 ซึ่งได้ระบุถึงสถานะของพรรคการเมือง และ กรรมการบริหารพรรคไว้ มีผลบังคับใช้ต่อไปหลังจากทีการล้มรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 แล้วโดยเฉพาะการที่จะสามารถเอาผิดกับบุคลที่เคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค และผู้ที่มีพฤติกรรม หรือดำเนินกิจกรรมที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ
แหล่งข่าวกล่าวว่าการดำเนินกิจรรมทางการเมืองของพรรคการเมือง จะทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับการอนุมัติจาก ครม.เท่านั้น การขอมาที่ คมช. จึงเป็นแค่ขั้นตอนแรก และ ที่ผ่านมาได้มีการสอบถามว่า รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย มีการทำหนังสือเพื่อขออนุญาตในการทำกิจกรรมพบปะประชาชนหรือไม่ ซึ่งสำนักงานเลขาธิการ คมช.ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ได้มีการขอมาแต่อย่างใด
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึง การเดินสายพบปะประชาชนภาคอีสานของนายจาตุรนต์ และแกนนำพรรคไทยรักไทยว่า พรรคไทยรักไทยได้แจ้งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทราบแล้ว ในการพบกับตัวแทนพรรคการเมืองว่า คำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 15 และ ฉบับที่ 27 ที่ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เป็นคำสั่งที่คลุมเครือมาก เช่น เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วม สมาชิกพรรคไปช่วยเหลือชาวบ้าน จะมาห้ามว่าทำไม่ได้ เพราะมีเรื่องความมั่นคงของประเทศ คงจะไม่ได้
“ยิ่งช่วงนี้มีการร่างรัฐธรรมนูญ พรรคจะต้องไปสอบถามความเห็นของประชาชน ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเรื่องความมั่นคงของชาติ แต่ไม่ว่าพรรคการเมืองจะทำกิจกรรมอะไร ก็คงหนีไม่พ้นที่จะถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมือง”