xs
xsm
sm
md
lg

แฉแก๊งบึ้มใต้กลุ่มเก่าก่อเหตุ"กรือเซะ"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มทภ.4 เผยจับแล้ว 3 ราย กลุ่มบึ้ม 4 จังหวัดชายแดนใต้ แฉเป็นกลุ่มเดียวกับที่ก่อเหตุ 28 เม.ย.47 ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นที่ถูกล้างสมองด้วยยาเสพติด พบหลักฐานวันก่อเหตุ "ผบ.ทบ." ชี้กลุ่มโจรจะยังคงก่อเหตุรุนแรงต่อเพื่อขยายปัญหาไปนอกประเทศ พร้อมประกาศเคอร์ฟิวหากประชาชนในพื้นที่เห็นด้วย นักธุรกิจครวญ ศก.ทรุด "เลขาธิการ สมช."ไม่ยืนยันเหตุระเบิดเชื่อมโยงกับการปล่อยตัว "8 อุสตาซ" โดยมีแกนนำฝั่งตัวในมาเลย์คอยสั่งการ "อารีย์"ระบุการติดตั้งซีซีทีวีอยู่ระหว่างหาจุดติดตั้ง ยันทำอย่างรอบคอบ ลั่นพร้อมแจงร่าง พ.ร.บ.ศอ.บต.ต่อสภานิติบัญญัติฯวันนี้

วานนี้ (20 ก.พ.) ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.)ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) พร้อมด้วยนายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และนายการันต์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้ร่วมกันแถลงข่าวหลังคนร้ายก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อคืนวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา และการติดตามจับกุมกลุ่มก่อความไม่สงบกรณีเหตุดังกล่าว

**เผยจับแล้ว 3 กลุ่มเดี่ยว 28 เม.ย.47

พล.ท.วิโรจน์ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุเความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อคืนวันที่ 18 ก.พ.ได้แล้ว 3 คนโดยจับกุมได้ที่ อ.เทพา จ.สงขลา 1 คน และ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส 2 คน โดยทั้ง 3 คนได้ถูกส่งตัวไปสอบสวนเพื่อขยายผลตามกระบวนการแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดหรือข้อมูลได้มากกว่านี้ แต่จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า กลุ่มที่ปฏิบัติการส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นในคราบนักเรียน นักศึกษา มีอายุระหว่าง 20-30 ปีที่ถูกบังคับด้วยคำสาบาน (ซูเปาะห์) แอบแฝงครอบงำด้วยยาเสพติดประเภทน้ำกระท่อมผสมยาแก้ไอ หรือสี่คูณร้อย เพื่อให้ผู้ก่อเหตุเกิดความฮึกเหิมไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง และต่อหลักการของศาสนา

ขณะที่กลุ่มที่ปฏิบัติการบางส่วนได้ผ่านการฝึกจรยุทธ์แบบกองโจร หรือกลุ่ม "อาร์เคเค" นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มที่ลงมือก่อเหตุครั้งนี้เป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มที่ก่อเหตุเมื่อวันที่ 28 เม.ย.47 โดยสังเกตได้จากเครื่องรางของขลังที่กลุ่มคนร้ายพกติดตัวในคืนก่อเหตุและถูกบังคับให้ดื่มสารเสพติดประเภทดังกล่าว

แม่ทัพภาคที่ 4 ยังได้กล่าวขอความร่วมมือไปยังผู้ปกครองด้วยว่า ให้ดูแลบุตรหลานและเยาวชน อย่าให้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มก่อความไม่สงบที่อาจจะชักจูงเข้าร่วมขบวนการโดยไม่รู้ตัว ซึ่งพบว่ากลุ่มก่อความไม่สงบยังคงใช้การบิดเบือนหลักศาสนามาน้อมนำเยาวชนในทางที่ผิดและบางกลุ่มใช้เรื่องของการกีฬามาบังหน้า ก่อนจะหลอกล่อและชักจูงเข้าร่วมก่อเหตุในพื้นที่

แม่ทัพภาคที่ 4 ยังกล่าวถึงการก่อม็อบในหลายพื้นที่ของผู้หญิงและเด็กด้วยว่า พบว่ามีการข่มขู่ให้ผู้หญิงและเด็กเข้าร่วมชุมนุม ถ้าหากไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกลงโทษต่อครอบครัวและญาติพี่น้องอย่างรุนแรง ทำให้กลุ่มผู้หญิงและเด็กจำยอมต้องออกมาร่วมชุมนุมกดดัน เจ้าหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งจะมีผู้อยู่เบื้องหลังส่วนใหญ่จะเป็นคนนอกพื้นที่

**ฉก.1ยันบึ้ม 4 จชต.ฝีมือกลุ่มเก่า

ขณะที่ พ.อ.ชินวัฒน์ แม้นเดช ผู้บัญชาการกองกำลังเฉพาะกิจที่ 1 (ฉก.1) กล่าวในรายงานจากศูนย์เฝ้าระวังเชิงองค์ความรู้สถานการณ์ภาคใต้ (IDSW) โดยยืนยันว่า การก่อเหตุใหญ่ในวันที่ 18 ก.พ.เป็นฝีมือของกลกุ่มเดิมที่เคยก่อเหตุมาแล้ว โดยเชื่อว่าการประกอบระเบิดในเหตุครั้งนี้เป็นฝีมือของนายไฟซอล หะยีสะมะแอ มือวางระเบิดสนามบินหาดใหญ่ โดยหวังให้เป็ฯการตอบโต้ต่อมาตรการรุกทางการเมืองของฝ่ายรัฐที่ได้ผลมาโดยตลอด ทั้งการเดินทางมาเยือนประเทศไทยของนายอับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย

พ.อ.ชินวัฒน์ ยังระบุว่า การรุกในพื้นที่โดยเฉพาะเขต อ.บันนังสตา กรงปินัง และธารโต ฝ่ายเจ้าหน้าที่สามารถเดินเกมรุกจนกดดันมิให้ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบออกมาเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารได้ แต่ผลเสียที่ตามมาคือต้องนำเอากองกำลังลงไปประจำค่อนข้างมาก โดยเฉพาะทหารพรานซึ่งเข้าไปประจำในพื้นที่ดังกล่าวเกือบทั้งหมด ทำให้มีช่องโหว่ในเขตเมือง

**ผบ.ทบ.พร้อมประกาศเคอร์ฟิว

ด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ในฐานะผู้อำนวยการ กอ.รมน.กล่าวถึงการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า กอ.รมน.พร้อมประกาศภาวะฉุกเฉิน หรือเคอร์ฟิวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากประชาชนเห็นด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดที่จะประกาศ เนื่องจากจะกระทบต่อภาพลักษณ์ในสายตาต่างชาติ รวมถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจต่างประเทศ

สำหรับสถานการณ์ความไม่สงบนั้น พล.อ.สนธิ เชื่อว่า จะยังคงเกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง แต่เราต้องเข้าใจว่ามันเป็นยุทธวิธีของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ต้องการจะทำให้เกิดปัญหาเพื่อขยายออกไปนอกประเทศ แต่หน่วยงานภาครัฐก็จะต้องพยายามเร่งแก้ปัญหาไปตามยุทธศาสตร์ที่ได้วางไว้ต่อไป แต่คงไม่สามารถใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดได้ เพราะจะส่งผลกระทบกับการดำเนินชีวิตของประชาชน ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์และการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย"

**บึ้ม 4 จชต.เชื่อมโยง 8 อุสตาซ

ขณะที่นายประกิจ ประจนปัจจนึก เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า เหตุระเบิดใน 4 จังหวัดภาคใต้คืนวันที่ 18 ก.พ.มีส่วนเชื่อมโยงกับการปล่อยตัว 8 อุสตาซว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงเป็นเพียงการคาดเดาว่าอาจเกี่ยวข้องกันเท่านั้น ซึ่งต้องตรวจสอบต่อไป รวมถึงกระแสข่าวที่ว่านายมะแซ อุเซ็ง แกนนำผู้ก่อความไม่สงบในมาเลเซีย เป็นผู้สั่งการด้วย

"ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่มีความจำเป็นที่ทางการต้องเปิดการเจรจากับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ แต่จะเป็นเพียงการพูดจาทำความเข้าใจกันเท่านั้น โดยมีความเป็นไปได้ที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบไม่พอใจกรณีทางการไทย-มาเลเซียมีความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้จึงออกมาก่อเหตุรุนแรงอีกครั้ง" นายประกิจ กล่าว

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18-19 ก.พ.เป็นเพียงการซ้อมมือของผู้ก่อเหตุ แต่จะมีการก่อเหตุที่ใหญ่กว่านี้อีกนั้น เลขาธิการ สมช.กล่าวว่า เป็นการคาดการณ์ทั่วไป แต่คิดว่าคงมีลักษณะของระดับอย่างที่เป็นอยู่นี้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าโครงสร้างการทำงานของ ศอ.บต.กองกำลังผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) และ กอ.รมน.ยังสามารถรับมือสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ โดยไม่ต้องมีนโยบายพิเศษจัดตั้งรัฐบาลส่วนหน้า แต่นายกรัฐมนตรีต้องการให้ทุกส่วนทำงานอย่างบูรณาการมากขึ้น

**"พระนาย"ยอมรับไฟใต้ยังไม่ลด

ทางด้านนายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการ ศอ.บต. กล่าวยอมรับว่า ความรุนแรงในภาคใต้ขณะนี้ยังไม่ลดลง แต่เห็นว่าทางยุทธศาสตร์แล้วรัฐบาลนั้นสามารถทำให้ฝ่ายก่อความไม่สงบถอยร่นได้พอสมควร เปรียบเสมือนนักมวยที่ถูกต้อนเข้ามุม

ดังนั้น จึงเห็นว่าการดำเนินการที่ผ่านมาของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบนั้นเป็นการตอบโต้ทางยุทธวิธีที่ต้องการท้าทายอำนาจรัฐ ซึ่งถือเป็นการดิ้นรนครั้งใหญ่ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ โดยฝ่ายเราต้องพยายามสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยเป็นหน้าที่ของ ศอ.บต.ที่จะต้องเข้าทางด้านพลเรือนเพื่อหามวลชนและฝ่าย กอ.รมน. เข้าไปควบคุมความมั่นคงเพื่อให้ความมั่นคงของรัฐกลับคืนมาให้ได้

**ปธ.หอฯ ยะลารับศก.ทรุดหนัก

นายพจน์ ไพบูลย์เกษมสุทธิ ประธานหอการค้าจังหวัดยะลา กล่าวถึงเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องว่า ได้ส่งผลกระทบต่อทางด้านเศรษฐกิจในพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเหตุวางระเบิดหลายจุดครั้งล่าสุด ซึ่งหากยังไม่มีมาตรการหรือแนวทางที่ดีในการแก้ไขปัญหา เชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่ยิ่งซบเซาและทรุดหนักไปอีก ส่วนความมั่นใจของนักลงทุนนั้น หากเลือกได้คงไม่มีใครอยากเสี่ยงเข้ามาลงทุนเนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัย และอาจจะหันไปลงพื้นที่อื่นหรือจังหวัดใกล้เคียงอย่างเช่น สตูล หรือ สงขลา

"สิ่งที่อยากเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือในอันดับแรก คือ การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพราะเหตุการณ์ความรุนแรงโดยเฉพาะใน จ.ยะลานั้น เมื่อเปรียบเทียบกับจังหวัดใกล้เคียงแล้ว จ.ยะลา มีการก่อเหตุบ่อยมากและทวีความรุนแรงมากขึ้น รวมทั้งอยากให้ติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิดที่ได้มาตรฐานให้คลอบคลุมพื้นที่ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้อีกทางหนึ่ง ในส่วนของร้านค้าต่าง ๆ รวมถึงประชาชนก็คงต้องช่วยกันสอดส่องดูแลกันเองด้วย" นายพจน์ กล่าว

**นักวิชาการชี้รัฐขมิ้นอ่อนอืดอาด

ด้าน ผศ.มานพ จิตต์ภูษา อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ให้ความเห็นว่า ในระยะเวลา 4-5 เดือนที่รัฐบาลชั่วคราวของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้ามาดูแลปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนใต้ พบว่ายังมีจุดอ่อนในการบริหารองค์กรที่เน้นกลยุทธ์สมัยใหม่ และยังไม่ทันต่อสถานการณ์ที่ปัญหามีความซับซ้อนมาก ปัญหาความรุนแรงรายวันจึงไม่ได้ลดลงอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้เป็นที่คลุมเครือว่าการตีโจทย์ของปัญหานั้นเข้าใจดีแล้วหรือไม่

"แม้ตอนนี้จะมีองค์กรเก่าที่ตั้งขึ้นแล้วปรับใหม่ เช่น ศอ.บต.แต่การทำงานก็ยังขาดเชิงรุก ขาดความฉับไวในการสนับสนุนเรื่องเงิน เพราะฉะนั้นเราต้องทุ่มเททรัพยากรเพื่อให้การทำงานมีความลื่นไหล เมื่อตั้งองค์กรแล้วก็อย่าปล่อยให้ทำงานตามยถากรรม และอำนาจของทุกฝ่ายที่จะเป็นตัวกลไกในการร่วมแก้ปัญหายังไม่เด็ดขาด ทั้งภาคราชการ พลเรือน ทหารและตำรวจ" ผศ.มานพ ให้ความเห็น

**เผยอุปกรณ์ดักฟังใต้ถูกย้ายออก

ขณะที่นายนพพร วงศ์อนันต์ ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าวจากปัตตานีโดยอ้างที่ปรึกษาด้านความมั่นคงผู้หนึ่ง ซึ่งประจำอยู่ในกรุงเทพฯและไม่ประสงค์ให้ออกนามเพราะกลัวผลสะท้อนจากรัฐบาลชุดปัจจุบัน เปิดเผยว่า จากการที่กองทัพมุ่งสนใจแต่เรื่องการเมืองในเมืองหลวง ทำให้ละเลยปัญหาในภาคใต้ไปมาก เนื่องจากผู้นำคณะรัฐประหารหวั่นผวากับภัยคุกคามของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงได้เคลื่อนย้ายอุปกรณ์ดักฟังวิทยุติดต่อและโทรศัพท์ ออกจากภาคใต้มาไว้ที่กรุงเทพฯ ผลก็คือ เจ้าหน้าที่แทบไม่มีการเตือนภัยล่วงหน้าเกี่ยวกับเหตุการณ์โจมตีในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

"การปฏิบัติการของผู้ก่อความไม่สงบคราวนี้ ต้องมีคนเกี่ยวข้องอาจจะ 200 คน และต้องมีการประสานงานกันเยอะแยะ แต่อุปกรณ์สอดแนมส่วนใหญ่ได้ถูกโยกย้ายมาที่กรุงเทพฯ แล้วเพื่อคอยดักฟังพวกนักการเมืองเก่าๆ" ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงผู้นี้บอก

นอกจากนี้รอยเตอร์ยังอ้างด้วยว่า ข้าราชการอาวุโสระดับจังหวัดผู้หนึ่งในภาคใต้ ก็ได้ยืนยันเรื่องอุปกรณ์ดักฟังโทรศัพท์จำนวนมากได้ถูกโยกย้ายออกไปจากภาคใต้ หลังการรัฐประหาร 19 ก.ย.49

**สนช.เตรียมถกร่าง พ.ร.บ.ศอ.บต.

ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ. ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุม ครม.ว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับที่ประชุมถึงพระราชบัญญัติศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (พ.ร.บ.ศอ.บต.) ที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่าได้มอบหมายให้นายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ประสานร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเข้าสู่ สนช.เป็นการเร่งด่วน

ขณะที่ นายอรรคพล สรสุชาติ โฆษกคณะกรรมาธิการกิจการ (วิป) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ แถลงว่า ในการประชุมสภานิติบัญญัติฯวันนี้จะมีการพิจารณาวาระด่วนเรื่องร่าง พ.ร.บ.ศอ.บต.ที่รัฐบาลเสนอเข้ามา โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะให้พิจารณาผ่าน 3 วาระรวด หรือออกเป็นพระราชกำหนด โดยอ้างเป็นเรื่องเร่งด่วนจำเป็น แต่รัฐบาลยืนยันว่า ออกเป็นร่าง พ.ร.บ. และให้พิจารณาตามวาระปกติ โดยไม่ได้เสนอให้พิจารณาผ่าน 3 วาระรวด ซึ่ง สนช.จะพิจารณาไปตามข้อบังคับการประชุม โดยเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว

**อารีย์พร้อมแจงร่าง พ.ร.บ.ศอ.บต.

ด้านนายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย เผยหลังจากที่ประชุม ครม.ไม่รับหลักการร่าง พ.ร.บ.ศอ.บต.ให้เป็น พ.ร.ก.ว่า ขณะนี้คงจะต้องใช้กฎหมายตามคำสั่งของสำนักนายกรัฐมนตรี ของ กอ.รมน.ไปก่อน โดยไม่ต้องกังวล เพราะจะทำงานต่อไปได้ การที่ไม่ออกเป็น พ.ร.ก.เพราะต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยวันนี้จะนำเข้าสู่ที่ประชุมสภานิติบัญญัติฯ ซึ่งในเบื้องต้นสภานิติบัญญัติฯ ได้รับหลักการแล้ว โดยตนจะเข้าไปชี้แจงด้วยตนเอง ส่วนจะผ่าน 3 วาระรวดหรือไม่นั้น ไม่ต้องการให้เร่งรัด เพราะทุกอย่างควรจะเป็นไปตามกระบวนการ

ส่วนที่ พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เลขาธิการ กอ.รมน.เสนอให้กระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ที่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่อำเภอเมืองนั้น นายอารีย์ กล่าวว่า การดูแลรักษาความมั่นคงเป็นเรื่องของ กอ.รมน. ซึ่งวิธีการที่จะให้ใครดูแลพื้นที่ตรงไหน เป็นเรื่องทางยุทธการ เพราะฉะนั้น การที่จะให้ฝ่ายปกครองดูแลพื้นที่ในเขตอำเภอเมือง ก็พร้อมที่จะรับ ต้องขึ้นอยู่กับวิธีการที่จะระบุ ซึ่งข้อเสนอแนะของเลขาฯ กอ.รมน.เป็นเรื่องที่ดี ไม่มีปัญหา ฝ่ายปกครองยินดีรับที่จะทำ

นายอารีย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตั้งซีซีทีวีในพื้นที่ภาคใต้ด้วยว่า ขณะนี้ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของ ศอ.บต. เพราะฉะนั้น ขณะนี้กำลังพิจารณาว่าจะติดตั้งจุดไหน ซึ่งต้องถือเป็นความลับ หากพูดมากจะทำให้การมีซีซีทีวีก็เหมือนไม่มี และขอยืนยันว่าเรามีความรอบคอบเรื่องการดำเนินการเรื่องนี้ ไม่ต้องการรีบทำ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ให้หลายกลุ่มที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาร่วมด้วย ส่วนจะทำอย่างไรนั้นบอกไม่ได้ เพราะจะเสียกระบวนการหมด
กำลังโหลดความคิดเห็น