วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2550 นายสมคิด ได้ไปปาฐกถาพิเศษ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง : หัวใจแห่งการสร้างชาติ พูดถึงเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไว้อย่างน่าฟังว่า
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงหัวใจอยู่ที่คำว่า พอเพียง ซึ่งสื่อความหมายของคำว่า พอดี พอประมาณ ยึดทางสายกลางในทางปฏิบัติ สามารถยืดหยุ่นได้ ไม่ตายตัว แต่ละคนมีความพอเพียงที่ต่างกัน จึงอยู่ที่การมีสติไม่ตกอยู่ในกระแสความโลภ ความหลง รู้ว่าจุดไหนคือพอและต้องมีสติปัญญาเป็นเครื่องนำทางเพื่อให้รู้ว่าจุดไหนพอเพียงสำหรับเรา เมื่อเรามีสติและปัญญาจะทำให้ไม่อยู่ในความประมาท โดยมีการวางแผนล่วงหน้า
ครับ ผมเกือบเชื่อ ถ้านายสมคิดไม่ได้เป็นมือขวาทางเศรษฐกิจของทักษิณ มาตลอด 5 ปีเศษ แต่เป็นเพราะท่าทีการแสดงออกของนายสมคิดที่ไม่ได้ลาออกจากพรรคไทยรักไทย แต่ยังแสดงท่าทีที่จะอยู่กับพรรคต่อไป และยังมีข่าวว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองให้กับกลุ่มมัชฌิมาที่มาจากพรรคไทยรักไทย
นายสมคิดชูนโยบายประชานิยมอย่างเต็มที่ เพาะบ่มให้คนในชาติฟุ้งเฟ้อ มีการบริโภคที่เกินตัว
คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 44/2550 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจกับนานาประเทศให้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับแนวนโยบายเศรษฐกิจไทย ซึ่งยึดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งส่งผลเกิดประโยชน์อย่างมากต่อประเทศ
ผมอยากถามนายกฯ สุรยุทธ์ ผู้ลงนามแต่งตั้งว่า การตั้งนายสมคิดนั้นมีวัตถุประสงค์อะไร หรือมีวาระอะไรซ่อนเร้นหรือไม่
4-5 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลก็ไม่จัดการดำเนินการอะไรกับระบอบทักษิณ จนคนบอกว่าเป็นขมิ้นอ่อน ยิ่งเห็นคำสั่งนี้แล้วเป็นการสะท้อนการทำงานของหม่อมอุ๋ยและนายโฆสิต ว่าทำงานไม่ได้ดั่งใจ หรือ บ่มีไก๊
แสดงว่า ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ไม่เข้มแข็ง ไม่สามารถผลักดันนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อตอบโต้ทักษิโณมิกส์หรืออย่างไร ถ้าอย่างนี้ เอาคนในระบอบทักษิณกลับมาบริหารประเทศต่อเลยไหม
การที่ นายกฯ สุรยุทธ์ อ้างว่า นายสมคิดอาสาช่วยเอง สมัครใจที่จะไปชี้แจงทำความเข้าใจ ในเรื่องเศรษฐกิจให้มิตรประเทศรับทราบ เพราะเคยทำเรื่องนี้ในรัฐบาลที่แล้ว
ครับ สิ่งที่นายกฯ พูดเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว คือส่วนที่ว่าเคยดูแลด้านเศรษฐกิจของประทศ ประเด็นนี้คงไม่มีคนเถียง แต่อีกส่วนหนึ่งท่านคงลืมไปว่า เขาศรัทธากับนโยบายเศรษฐกิจแบบทุนนิยมที่อยู่คนละขั้วกับเศรษฐกิจพอเพียง
แล้วถ้าผมหรือใครเข้าไปอาสาบ้าง ท่านจะแต่งตั้งอย่างนายสมคิดหรือไม่
การแต่งตั้งนายสมคิดรับรองว่ามีปัญหาแน่ เพราะหม่อมอุ๋ยและนายโฆสิตเองยังไม่ทราบเรื่องนี้เลย รู้ทีหลังเสียอีก มิหนำซ้ำยังรู้มาจากนักข่าว
ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มเก่ากับกลุ่มใหม่จะเกิดขึ้นทันที
การทำงานจะทำกันอย่างไร คณะกรรมการล้วนมาจากข้าราชการประจำทั้งสิ้น เช่น อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผู้ว่าการการท่องเที่ยว ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นต้น มีเพียงนายสมคิดเพียงคนเดียวที่มาจากภายนอกมิหนำซ้ำยังสามารถสั่งข้าราชการได้อีก
การตั้งครั้งนี้ จะทำให้ข้าราชการใส่เกียร์ว่างกันมากขึ้น เพราะเห็นลางๆ แล้วว่า ระบอบทักษิณกำลังจะกลับมาแน่ๆ แล้วรัฐบาลชุดนี้ก็เหลือเวลาทำงานไม่กี่เดือน
เราต้องไม่ลืมว่า นายสมคิดยังมีความผิดติดตัว คดีกล้ายางที่ คตส. ชี้มูลความผิดแล้ว ว่านายสมคิดกระทำผิดในโครงการการจัดซื้อพันธุ์กล้ายางพารา 90 ล้านต้น ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 กรณี คือ ในฐานะเป็นรัฐมนตรีร่วมอนุมัติโครงการ และเป็นประธานคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ฝ่ายเศรษฐกิจ แล้ว คนที่เกี่ยวข้องที่ต้องดำเนินการกับนายสมคิดและพวกจะทำอย่างไร
ผมขอทวนความจำพวกท่านอีกครั้ง เอาเรื่องใกล้ตัวเรานี่แหล่ะ เรื่องข้าวที่เรากินกันอยู่ทุกวัน
วันที่ 3 พฤษภาคม 2547 มีการสั่งโละสต็อกข้าวในโครงการรับจำนำทั้งหมดของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร รวม 1.94 ล้านตัน (ในโกดัง 245 โกดัง เป็นของ อคส. 137 โกดัง กับ อตก. 108 โกดัง ) ออกขายให้กับบริษัทผู้ส่งออก ปรากฏว่าข้าวจำนวน 1.78 ล้านตันหรือข้าวในสต็อกเกือบทั้งหมด ถูกขายให้กับ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง ผู้ส่งออกข้าวชื่อดังเพียงบริษัทเดียว
ข้อน่าสังเกตอยู่ที่ การออกประกาศขายข้าวครั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศดำเนินการอย่างรวดเร็ว โดนออกประกาศวันที่ 29 เมษายน 2547 ไปยังสมาคมผู้ค้าส่งข้าวออกต่างประเทศ ในเวลา 14.45 น. เท่ากับว่าผู้ส่งออกข้าววงนอกไม่รู้ข้อมูลวงในหรือ อินไซเดอร์ มาก่อน จะมีเวลาเตรียมตัวในการเสนอราคาเพียง 1 วันเท่านั้น แถมยังเป็นวันศุกร์ แล้วต้องติดเสาร์อาทิตย์อีก
ใครจะเตรียมเงินจำนวนมากนี้ได้ทัน
บริษัทได้กำไรไปมหาศาล
นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น ยังมีเรื่องราวที่ซับซ้อน เกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทนี้อีกมาก พร้อมทั้งมีกระแสข่าวว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายสมคิดอีกด้วย
ท่านสุรยุทธ์จะตอบอย่างไร
ความขัดแย้งในเชิงสังคมก็จะตามมา เพราะพวกที่ไม่เอาทักษิณ ย่อมไม่เอาสมคิดหรือคนในระบอบทักษิณด้วย
ท่านจะมาอ้างว่า ต้องรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ดึงเขามาใกล้ตัวเพื่อให้รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
ผมบอกได้เลยว่า ท่านคิดตื้นเกินไป เขาจะมารู้เรื่องราวเกี่ยวกับตัวท่านทั้งหมดสิไม่ว่า
หรือท่านจะบอกว่า การุณ จะเอาอะไรอีก นี่มันช่วงเวลาแห่งการสมานฉันท์ ท่านครับถ้าท่านสมานฉันท์คนดีกับคนดีที่เคยทะเลาะกันคงไม่มีใครว่า แต่สิ่งที่ท่านทำตอนนี้เหมือนเป็นการเหยียบหัวใจประชาชน
ท่านพลเอกสนธิก็พลอยยินดีไปด้วย แล้วท่านจะรัฐประหารทำไมให้เหนื่อย
ผมเองกับพี่น้องพันธมิตรฯ เริ่มไม่หวังอะไรแล้วครับตอนนี้
บอกได้คำเดียวว่า เหนื่อยครับ
ยิ่งมาเห็นตัวเลขคำสั่งที่ 44 /2550 ก็ลางไม่ดีแล้วครับ เพราะ 44 ก็คือ ซี๊ซี๊ ครับ
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงหัวใจอยู่ที่คำว่า พอเพียง ซึ่งสื่อความหมายของคำว่า พอดี พอประมาณ ยึดทางสายกลางในทางปฏิบัติ สามารถยืดหยุ่นได้ ไม่ตายตัว แต่ละคนมีความพอเพียงที่ต่างกัน จึงอยู่ที่การมีสติไม่ตกอยู่ในกระแสความโลภ ความหลง รู้ว่าจุดไหนคือพอและต้องมีสติปัญญาเป็นเครื่องนำทางเพื่อให้รู้ว่าจุดไหนพอเพียงสำหรับเรา เมื่อเรามีสติและปัญญาจะทำให้ไม่อยู่ในความประมาท โดยมีการวางแผนล่วงหน้า
ครับ ผมเกือบเชื่อ ถ้านายสมคิดไม่ได้เป็นมือขวาทางเศรษฐกิจของทักษิณ มาตลอด 5 ปีเศษ แต่เป็นเพราะท่าทีการแสดงออกของนายสมคิดที่ไม่ได้ลาออกจากพรรคไทยรักไทย แต่ยังแสดงท่าทีที่จะอยู่กับพรรคต่อไป และยังมีข่าวว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองให้กับกลุ่มมัชฌิมาที่มาจากพรรคไทยรักไทย
นายสมคิดชูนโยบายประชานิยมอย่างเต็มที่ เพาะบ่มให้คนในชาติฟุ้งเฟ้อ มีการบริโภคที่เกินตัว
คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 44/2550 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจกับนานาประเทศให้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับแนวนโยบายเศรษฐกิจไทย ซึ่งยึดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งส่งผลเกิดประโยชน์อย่างมากต่อประเทศ
ผมอยากถามนายกฯ สุรยุทธ์ ผู้ลงนามแต่งตั้งว่า การตั้งนายสมคิดนั้นมีวัตถุประสงค์อะไร หรือมีวาระอะไรซ่อนเร้นหรือไม่
4-5 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลก็ไม่จัดการดำเนินการอะไรกับระบอบทักษิณ จนคนบอกว่าเป็นขมิ้นอ่อน ยิ่งเห็นคำสั่งนี้แล้วเป็นการสะท้อนการทำงานของหม่อมอุ๋ยและนายโฆสิต ว่าทำงานไม่ได้ดั่งใจ หรือ บ่มีไก๊
แสดงว่า ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ไม่เข้มแข็ง ไม่สามารถผลักดันนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อตอบโต้ทักษิโณมิกส์หรืออย่างไร ถ้าอย่างนี้ เอาคนในระบอบทักษิณกลับมาบริหารประเทศต่อเลยไหม
การที่ นายกฯ สุรยุทธ์ อ้างว่า นายสมคิดอาสาช่วยเอง สมัครใจที่จะไปชี้แจงทำความเข้าใจ ในเรื่องเศรษฐกิจให้มิตรประเทศรับทราบ เพราะเคยทำเรื่องนี้ในรัฐบาลที่แล้ว
ครับ สิ่งที่นายกฯ พูดเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว คือส่วนที่ว่าเคยดูแลด้านเศรษฐกิจของประทศ ประเด็นนี้คงไม่มีคนเถียง แต่อีกส่วนหนึ่งท่านคงลืมไปว่า เขาศรัทธากับนโยบายเศรษฐกิจแบบทุนนิยมที่อยู่คนละขั้วกับเศรษฐกิจพอเพียง
แล้วถ้าผมหรือใครเข้าไปอาสาบ้าง ท่านจะแต่งตั้งอย่างนายสมคิดหรือไม่
การแต่งตั้งนายสมคิดรับรองว่ามีปัญหาแน่ เพราะหม่อมอุ๋ยและนายโฆสิตเองยังไม่ทราบเรื่องนี้เลย รู้ทีหลังเสียอีก มิหนำซ้ำยังรู้มาจากนักข่าว
ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มเก่ากับกลุ่มใหม่จะเกิดขึ้นทันที
การทำงานจะทำกันอย่างไร คณะกรรมการล้วนมาจากข้าราชการประจำทั้งสิ้น เช่น อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผู้ว่าการการท่องเที่ยว ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นต้น มีเพียงนายสมคิดเพียงคนเดียวที่มาจากภายนอกมิหนำซ้ำยังสามารถสั่งข้าราชการได้อีก
การตั้งครั้งนี้ จะทำให้ข้าราชการใส่เกียร์ว่างกันมากขึ้น เพราะเห็นลางๆ แล้วว่า ระบอบทักษิณกำลังจะกลับมาแน่ๆ แล้วรัฐบาลชุดนี้ก็เหลือเวลาทำงานไม่กี่เดือน
เราต้องไม่ลืมว่า นายสมคิดยังมีความผิดติดตัว คดีกล้ายางที่ คตส. ชี้มูลความผิดแล้ว ว่านายสมคิดกระทำผิดในโครงการการจัดซื้อพันธุ์กล้ายางพารา 90 ล้านต้น ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 กรณี คือ ในฐานะเป็นรัฐมนตรีร่วมอนุมัติโครงการ และเป็นประธานคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ฝ่ายเศรษฐกิจ แล้ว คนที่เกี่ยวข้องที่ต้องดำเนินการกับนายสมคิดและพวกจะทำอย่างไร
ผมขอทวนความจำพวกท่านอีกครั้ง เอาเรื่องใกล้ตัวเรานี่แหล่ะ เรื่องข้าวที่เรากินกันอยู่ทุกวัน
วันที่ 3 พฤษภาคม 2547 มีการสั่งโละสต็อกข้าวในโครงการรับจำนำทั้งหมดของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร รวม 1.94 ล้านตัน (ในโกดัง 245 โกดัง เป็นของ อคส. 137 โกดัง กับ อตก. 108 โกดัง ) ออกขายให้กับบริษัทผู้ส่งออก ปรากฏว่าข้าวจำนวน 1.78 ล้านตันหรือข้าวในสต็อกเกือบทั้งหมด ถูกขายให้กับ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง ผู้ส่งออกข้าวชื่อดังเพียงบริษัทเดียว
ข้อน่าสังเกตอยู่ที่ การออกประกาศขายข้าวครั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศดำเนินการอย่างรวดเร็ว โดนออกประกาศวันที่ 29 เมษายน 2547 ไปยังสมาคมผู้ค้าส่งข้าวออกต่างประเทศ ในเวลา 14.45 น. เท่ากับว่าผู้ส่งออกข้าววงนอกไม่รู้ข้อมูลวงในหรือ อินไซเดอร์ มาก่อน จะมีเวลาเตรียมตัวในการเสนอราคาเพียง 1 วันเท่านั้น แถมยังเป็นวันศุกร์ แล้วต้องติดเสาร์อาทิตย์อีก
ใครจะเตรียมเงินจำนวนมากนี้ได้ทัน
บริษัทได้กำไรไปมหาศาล
นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น ยังมีเรื่องราวที่ซับซ้อน เกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทนี้อีกมาก พร้อมทั้งมีกระแสข่าวว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายสมคิดอีกด้วย
ท่านสุรยุทธ์จะตอบอย่างไร
ความขัดแย้งในเชิงสังคมก็จะตามมา เพราะพวกที่ไม่เอาทักษิณ ย่อมไม่เอาสมคิดหรือคนในระบอบทักษิณด้วย
ท่านจะมาอ้างว่า ต้องรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ดึงเขามาใกล้ตัวเพื่อให้รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
ผมบอกได้เลยว่า ท่านคิดตื้นเกินไป เขาจะมารู้เรื่องราวเกี่ยวกับตัวท่านทั้งหมดสิไม่ว่า
หรือท่านจะบอกว่า การุณ จะเอาอะไรอีก นี่มันช่วงเวลาแห่งการสมานฉันท์ ท่านครับถ้าท่านสมานฉันท์คนดีกับคนดีที่เคยทะเลาะกันคงไม่มีใครว่า แต่สิ่งที่ท่านทำตอนนี้เหมือนเป็นการเหยียบหัวใจประชาชน
ท่านพลเอกสนธิก็พลอยยินดีไปด้วย แล้วท่านจะรัฐประหารทำไมให้เหนื่อย
ผมเองกับพี่น้องพันธมิตรฯ เริ่มไม่หวังอะไรแล้วครับตอนนี้
บอกได้คำเดียวว่า เหนื่อยครับ
ยิ่งมาเห็นตัวเลขคำสั่งที่ 44 /2550 ก็ลางไม่ดีแล้วครับ เพราะ 44 ก็คือ ซี๊ซี๊ ครับ