ผู้บริหารโรงเรียนมัธยมฯ กว่า 1 พันคนบุกศธ.-ทำเนียบฯ ร้องขอเพิ่มเขตพื้นที่จังหวัดละแห่ง หลังเจอปัญหาโยกย้ายไม่เป็นธรรม เล่นพวก แถมไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสม ลั่นจะมาทวงคำตอบ 28 ก.พ.นี้ ด้านรมช.ศธ.รับมีปัญหาจริง ขณะที่ครูทั่วประเทศได้เฮ กรมบัญชีกลางตกเบิกเงินค่าวิทยฐานะย้อนหลัง 13เดือน
เวลา 08.30 น.วานนี้(19 ก.พ.)ได้มีผู้บริหาร และครูของโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วประเทศกว่า 1,000 คน นำโดยสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.)ได้เดินทางมายื่นหนังสือเรียกร้องต่อ ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ,นายกรัฐมนตรี และ ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)เพื่อขอให้แก้ปัญหาการบริหารงานของคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(อ.ก.ค.ศ.)ประจำเขตพื้นที่ศึกษาทั่วประเทศ
นายวิทยา บริบูรณ์ทรัพย์ นายก ส.บ.ม.ท.กล่าวว่า เป็นตัวแทนของครูและผู้บริหารโรงเรียนมัธยมจากทั่วประเทศ ประมาณ 6,000 คน เพื่อขอให้พิจารณาแก้ไขการบริหารงานของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่โรงเรียนมัธยม เพราะตั้งแต่ประกาศตั้งเขตพื้นที่การศึกษามา 3 ปี 7 เดือน การบริหารงานที่ไม่เป็นธรรมของ อ.ก.ค.ศ. กระทบต่อคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนมัธยมอย่างมาก และ ขณะนี้มีปัญหาหนักมากจนถึงขนาดไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้แล้ว โดยเฉพาะการบริหารงานบุคคล ที่เมื่อมีตำแหน่งผู้บริหารโรงเรียนมัธยมฯว่างลง แทนที่จะแต่งตั้งคนของฝ่ายมัธยมขึ้นไปดำรงตำแหน่งแต่กลับเลือกผู้บริหารฝ่ายประถมฯ มาดำรงตำแหน่งแทน บางครั้งมีการย้ายข้ามระดับ
เช่น โรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.ลพบุรี มีการแต่งตั้งผู้บริหารโรงเรียนประถมฯขนาด 100 คน ถือว่าเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ข้ามไปเป็นผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาด 3,000 คน ทั้งที่ในทางปฏิบัติผู้บริหารโรงเรียนจะต้องไต่ระดับการบริหาร จากผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็ก มาสู่ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ หรือใหญ่พิเศษ แต่การตั้งแต่ลักษณะนี้ เป็นระบบเส้นสาย พวกพ้อง จึงไต่ข้ามระดับจากผู้บริหารโรงเรียนขนาดเด็กไปโรงเรียนขนาดใหญ่
"การโยกย้ายผู้บริหารควรพิจารณาตามสายงาน ไม่ใช่ข้ามไปข้ามมาอย่างนี้ นอกจากนั้น บางเขตพื้นที่ยังมีการเรียกร้องเงินตอบแทนจากการโยกย้ายครูและผู้บริหารด้วย รวมทั้งเรื่องงบประมาณก็จะกระจายให้โรงเรียนประถมฯมากกว่า โดยไม่ได้เหลียวแลโรงเรียนมัธยมฯ และมีโรงเรียนมัธยมฯ บางแห่งไม่เคยได้รับงบพัฒนาเลยนอกจากได้ค่าใช้จ่ายรายหัวตามปกติ"
นายวิทยา กล่าวว่า เพื่อลดปัญหาดังกล่าว จึงเสนอวิธีการแก้ปัญหาโดยขอให้แต่ละจังหวัดตั้งเขตพื้นที่การศึกษาเพิ่มขึ้นอีก 1 เขต เพื่อดูแลโรงเรียนมัธยมในจังหวัดโดยเฉพาะ ซึ่งทำได้โดยอาศัยอำนาจตาม มาตรา 33 ของ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ และจะรอฟังคำตอบจาก ศธ. ในวันที่ 28 ก.พ.นี้ โดยวันดังกล่าวผู้บริหารโรงเรียนมัธยมทั่วประเทศจะไปประชุมกันที่ จ.ขอนแก่น และนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ รมว.ศธ.ไปเป็นประธานเปิดการประชุม
ขณะที่ รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนจะนำข้อเสนอไปปรึกษากับรมว.ศธ. เนื่องเรื่องเกี่ยวข้องกับโครงสร้างและเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นสาเหตุหลักเพราะว่า กรรมการอ.ก.ค.ศ.ที่มี 9 คน มีตัวแทนจากฝ่ายประถมฯมากกว่าโรงเรียนมัธยมฯ ทำให้การบริหารจัดการในเขตพื้นที่ ทุ่มเทไปให้โรงเรียนประถมฯจนละเลยโรงเรียนมัธยมฯ บางเขตเกิดการบริหารงานแบบเผด็จการโดยกลุ่มประถมฯ ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก เพราะเขตพื้นที่ถือเป็นหน่วยบริหารที่มีอำนาจสมบูรณ์
"เท่าที่ทราบ ขณะนี้ ศธ.กำลังดำเนินการ โดยจะแก้ไขพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาในส่วนที่เกี่ยวกับองค์ประกอบของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ โดยเพิ่มผู้ทรงคุณวุฒิจาก 3 คน เป็น 4 คน และเพิ่มกรรมการจากการเลือกตั้งให้มีตัวแทนผู้บริหารโรงเรียนมัธยม, ผู้บริหารโรงเรียนประถม ครูโรงเรียนมัธยม,ครูโรงเรียนประถม และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ๆ อย่างละ 1 คน การเพิ่มนี้จะช่วยถ่วงดุลของ 2 ฝ่าย"รศ.ดร.วรากรณ์ กล่าว
**ครูทั่วประเทศเฮ!ตกเบิก 13 เดือน
นายมนัส แจ่มเวหา รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรม เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมบัญชีกลาง ได้สั่งการให้สำนักงานคลังจังหวัด และสำนักบริหารการรับ-จ่ายเงินภาครัฐ เตรียมพร้อมสั่งจ่ายเงินวิทยฐานะข้าราชการครูผ่านเข้าบัญชีของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)โดยก่อนหน้านี้ สพฐ.ได้รับจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณ 13,900 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเบิกจ่ายย้อนหลัง 13 เดือน ตั้งแต่ ก.พ.49 จนถึง ก.พ.50 โดยกรมบัญชีกลางจะเร่งอนุมัติและสั่งจ่ายเงินให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 20 ก.พ.เพื่อให้ สพฐ.สามารถโอนเข้าบัญชีข้าราชการครูที่ผ่านการประเมินให้ทันภายในสิ้นเดือนนี้ อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยอดการขอเบิกจ่ายจนถึงวันที่ 16 ก.พ.มีทั้งสิ้น 13,121 ล้านบาทแล้ว
เวลา 08.30 น.วานนี้(19 ก.พ.)ได้มีผู้บริหาร และครูของโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วประเทศกว่า 1,000 คน นำโดยสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.)ได้เดินทางมายื่นหนังสือเรียกร้องต่อ ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ,นายกรัฐมนตรี และ ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)เพื่อขอให้แก้ปัญหาการบริหารงานของคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(อ.ก.ค.ศ.)ประจำเขตพื้นที่ศึกษาทั่วประเทศ
นายวิทยา บริบูรณ์ทรัพย์ นายก ส.บ.ม.ท.กล่าวว่า เป็นตัวแทนของครูและผู้บริหารโรงเรียนมัธยมจากทั่วประเทศ ประมาณ 6,000 คน เพื่อขอให้พิจารณาแก้ไขการบริหารงานของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่โรงเรียนมัธยม เพราะตั้งแต่ประกาศตั้งเขตพื้นที่การศึกษามา 3 ปี 7 เดือน การบริหารงานที่ไม่เป็นธรรมของ อ.ก.ค.ศ. กระทบต่อคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนมัธยมอย่างมาก และ ขณะนี้มีปัญหาหนักมากจนถึงขนาดไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้แล้ว โดยเฉพาะการบริหารงานบุคคล ที่เมื่อมีตำแหน่งผู้บริหารโรงเรียนมัธยมฯว่างลง แทนที่จะแต่งตั้งคนของฝ่ายมัธยมขึ้นไปดำรงตำแหน่งแต่กลับเลือกผู้บริหารฝ่ายประถมฯ มาดำรงตำแหน่งแทน บางครั้งมีการย้ายข้ามระดับ
เช่น โรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.ลพบุรี มีการแต่งตั้งผู้บริหารโรงเรียนประถมฯขนาด 100 คน ถือว่าเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ข้ามไปเป็นผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาด 3,000 คน ทั้งที่ในทางปฏิบัติผู้บริหารโรงเรียนจะต้องไต่ระดับการบริหาร จากผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็ก มาสู่ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ หรือใหญ่พิเศษ แต่การตั้งแต่ลักษณะนี้ เป็นระบบเส้นสาย พวกพ้อง จึงไต่ข้ามระดับจากผู้บริหารโรงเรียนขนาดเด็กไปโรงเรียนขนาดใหญ่
"การโยกย้ายผู้บริหารควรพิจารณาตามสายงาน ไม่ใช่ข้ามไปข้ามมาอย่างนี้ นอกจากนั้น บางเขตพื้นที่ยังมีการเรียกร้องเงินตอบแทนจากการโยกย้ายครูและผู้บริหารด้วย รวมทั้งเรื่องงบประมาณก็จะกระจายให้โรงเรียนประถมฯมากกว่า โดยไม่ได้เหลียวแลโรงเรียนมัธยมฯ และมีโรงเรียนมัธยมฯ บางแห่งไม่เคยได้รับงบพัฒนาเลยนอกจากได้ค่าใช้จ่ายรายหัวตามปกติ"
นายวิทยา กล่าวว่า เพื่อลดปัญหาดังกล่าว จึงเสนอวิธีการแก้ปัญหาโดยขอให้แต่ละจังหวัดตั้งเขตพื้นที่การศึกษาเพิ่มขึ้นอีก 1 เขต เพื่อดูแลโรงเรียนมัธยมในจังหวัดโดยเฉพาะ ซึ่งทำได้โดยอาศัยอำนาจตาม มาตรา 33 ของ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ และจะรอฟังคำตอบจาก ศธ. ในวันที่ 28 ก.พ.นี้ โดยวันดังกล่าวผู้บริหารโรงเรียนมัธยมทั่วประเทศจะไปประชุมกันที่ จ.ขอนแก่น และนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ รมว.ศธ.ไปเป็นประธานเปิดการประชุม
ขณะที่ รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนจะนำข้อเสนอไปปรึกษากับรมว.ศธ. เนื่องเรื่องเกี่ยวข้องกับโครงสร้างและเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นสาเหตุหลักเพราะว่า กรรมการอ.ก.ค.ศ.ที่มี 9 คน มีตัวแทนจากฝ่ายประถมฯมากกว่าโรงเรียนมัธยมฯ ทำให้การบริหารจัดการในเขตพื้นที่ ทุ่มเทไปให้โรงเรียนประถมฯจนละเลยโรงเรียนมัธยมฯ บางเขตเกิดการบริหารงานแบบเผด็จการโดยกลุ่มประถมฯ ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก เพราะเขตพื้นที่ถือเป็นหน่วยบริหารที่มีอำนาจสมบูรณ์
"เท่าที่ทราบ ขณะนี้ ศธ.กำลังดำเนินการ โดยจะแก้ไขพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาในส่วนที่เกี่ยวกับองค์ประกอบของ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ โดยเพิ่มผู้ทรงคุณวุฒิจาก 3 คน เป็น 4 คน และเพิ่มกรรมการจากการเลือกตั้งให้มีตัวแทนผู้บริหารโรงเรียนมัธยม, ผู้บริหารโรงเรียนประถม ครูโรงเรียนมัธยม,ครูโรงเรียนประถม และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ๆ อย่างละ 1 คน การเพิ่มนี้จะช่วยถ่วงดุลของ 2 ฝ่าย"รศ.ดร.วรากรณ์ กล่าว
**ครูทั่วประเทศเฮ!ตกเบิก 13 เดือน
นายมนัส แจ่มเวหา รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรม เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมบัญชีกลาง ได้สั่งการให้สำนักงานคลังจังหวัด และสำนักบริหารการรับ-จ่ายเงินภาครัฐ เตรียมพร้อมสั่งจ่ายเงินวิทยฐานะข้าราชการครูผ่านเข้าบัญชีของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)โดยก่อนหน้านี้ สพฐ.ได้รับจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณ 13,900 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเบิกจ่ายย้อนหลัง 13 เดือน ตั้งแต่ ก.พ.49 จนถึง ก.พ.50 โดยกรมบัญชีกลางจะเร่งอนุมัติและสั่งจ่ายเงินให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 20 ก.พ.เพื่อให้ สพฐ.สามารถโอนเข้าบัญชีข้าราชการครูที่ผ่านการประเมินให้ทันภายในสิ้นเดือนนี้ อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยอดการขอเบิกจ่ายจนถึงวันที่ 16 ก.พ.มีทั้งสิ้น 13,121 ล้านบาทแล้ว


