xs
xsm
sm
md
lg

นิยมวัฒนธรรมนอก : เหตุให้เป็นเมืองขึ้นทางวัฒนธรรม

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

เมื่อพูดถึงการเป็นเมืองขึ้น คนส่วนใหญ่จะนึกถึงการเป็นเมืองขึ้นทางการปกครอง คือการที่ประเทศหนึ่งตกอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศหนึ่ง เหตุเนื่องมาจากการพ่ายแพ้จากการสู้รบ และเมื่อประเทศผู้ชนะปกครองประเทศผู้แพ้ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ การที่ประเทศผู้ปกครองได้นำเอาวัฒนธรรม ประเพณี หรือแม้กระทั่งศาสนา ซึ่งตนเองยึดถือปฏิบัติเข้ามาเผยแพร่ชี้นำ หรือแม้กระทั่งการออกเป็นกฎหมายบังคับให้ผู้ใต้ปกครองทำตาม ทำให้ตกเป็นเมืองขึ้นทางวัฒนธรรม และเป็นเหตุให้ความเป็นชนชาติดั้งเดิมเหลือน้อยลง ส่วนจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความสำนึกของคนในชาตินั้นๆ ว่ามีเลือดรักชาติรักแผ่นดิน และรักความเป็นชาติของตนเองมากน้อยเพียงใด

โดยนัยแห่งการเป็นเมืองขึ้นดังกล่าวข้างต้น คนไทยจะพูดถึงประเทศของตนเองด้วยความภูมิใจที่มิได้ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งมังค่าในยุคที่มีการล่าอาณานิคม และประเทศต่างๆ รอบบ้านเราได้ถูกประเทศตะวันตกยึดครองไม่มีเหลือให้ผู้คนในแต่ละประเทศภูมิใจเหมือนคนไทย

แต่ถ้ามองลึกลงไปถึงการเป็นเมืองขึ้นทางวัฒนธรรม ประเทศไทยก็ใช่ว่าจะรอดพ้นไปได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะถึงแม้ไม่ถูกปกครองด้วยประเทศตะวันตก แต่คนไทยไม่น้อยได้นำเข้าวัฒนธรรมของชาติตะวันตกเข้ามาถือปฏิบัติเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตด้วยความภูมิใจ และพอใจกับการที่ได้ประพฤติตัวทำตนเหมือนผู้คนในประเทศที่ตนเองนิยมชมชอบ โดยไม่รู้สึกเลยว่านี่คือการทำตนให้เป็นขี้ข้าของต่างชาติ ทั้งที่ประเทศไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของประเทศที่ว่านี้

อีกประการหนึ่ง ถ้านำเอาการที่ผู้คนในประเทศที่ถูกต่างชาติปกครองในฐานะเป็นเมืองขึ้น แต่ผู้คนในประเทศส่วนใหญ่ยังคงรักษาความเป็นชนชาติดั้งเดิมไว้ได้ เช่นประเทศอินเดียที่อังกฤษเคยปกครอง แต่จนกระทั่งวันนี้คนอินเดียก็ยังเป็นอินเดียดั้งเดิม ในส่วนที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมและรูปแบบการดำเนินชีวิตไม่เปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นเมืองขึ้นทางวัฒนธรรม มาเทียบกับประเทศไทยที่ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตก แต่ได้นำเอาวัฒนธรรมของตะวันตกมาครอบงำสังคมไทยจนเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นเมืองขึ้นทางวัฒนธรรมอยู่แล้วในขณะนี้ ก็จะยิ่งทำให้มองเห็นว่าสักวันหนึ่งในอนาคต ถ้าไม่มีการแก้ไขป้องกันแล้วประเทศไทยจะสูญเสียรากเหง้าแห่งความเป็นชนชาติไทยไปอย่างแน่นอน ทั้งนี้จะเห็นได้จากการที่คนกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นนำในสังคมได้นำเอาวัฒนธรรมของตะวันตกมาใช้เพิ่มขึ้นทุกวัน เริ่มตั้งแต่พูดภาษาไทยคำอังกฤษคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำที่มีภาษาไทยใช้ และเป็นที่เข้าใจกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่นำคำพูดภาษาต่างชาติมาใช้เพื่ออะไรถ้าไม่ใช่เพื่อเป็นการแสดงภูมิรู้ของตนเอง โดยไม่รู้ว่าตนเองกำลังยอมเป็นทาสทางวัฒนธรรมโดยความสมัครใจ

ยิ่งกว่านี้ เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา ถ้าใครได้อ่านหรือฟังข่าวเกี่ยวกับวันวาเลนไทน์ในประเทศไทยที่บอกว่า มีคนแห่กันไปจดทะเบียนที่อำเภอบางรัก และมีการซื้อดอกกุหลาบสีแดงเพื่อให้แก่กันเป็นการแสดงความรัก และที่น่าสนใจมากที่สุดก็คือ ข่าวที่ว่าวัยรุ่นส่วนหนึ่งกำลังจะเตรียมตัวเสียสาวให้แก่คนรักในวันวาเลนไทน์ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้มองเห็นความเป็นทาสทางวัฒนธรรมอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นทุกวัน

อะไรคือเหตุที่ทำให้คนไทยตกเป็นทาสทางวัฒนธรรมของตะวันตก ทั้งๆ ที่พื้นฐานและความเป็นมาของเชื้อชาติแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และการที่เป็นเช่นนี้ทำให้ได้อะไร เสียอะไรแก่ประเทศโดยรวม?

เพื่อให้มองเห็นปัญหานี้อย่างชัดเจน ผู้เขียนใคร่ขอให้ท่านผู้อ่านลองนึกย้อนไปในอดีตที่คนไทยยังคงความเป็นไทยสมบูรณ์กว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ก็จะเห็นว่าคนไทยมีอะไรดีที่ทำให้ต่างชาติสนใจ และนิยมชมชอบ เช่น การต้อนรับแขกหรือผู้มาเยือนด้วยจิตใจไมตรี ยิ้มแย้มแจ่มใส เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นต้น จะทำให้เห็นว่าคนไทยมีวัฒนธรรมประเพณีในการต้อนรับขับสู้ผู้มาเยือนแตกต่างไปจากประเทศของเขา

แต่วันนี้ เวลานี้ ประเพณีที่ว่านี้เจือจางไป โดยเฉพาะในสังคมเมืองที่ผู้คนได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมต่างประเทศมากขึ้น จะคงเหลือให้เห็นมากหน่อยก็ในสังคมชนบทที่ผู้คนยังคงดำเนินชีวิตแบบดั้งเดิม และที่เป็นเช่นนี้ก็ด้วยเหตุปัจจัยอันเป็นการเข้ามาของวัฒนธรรมต่างประเทศ ดังต่อไปนี้

1. ระบบการศึกษา

ถึงแม้ว่าประเทศไทยมิเคยอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศตะวันตก แต่การที่ประเทศไทยรับเอาระบบการศึกษาแบบตะวันตกเข้ามาโดยผ่านทางการเรียน การสอน โดยไม่มีการประยุกต์ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมไทยนั้น ก็เปิดโอกาสให้ผู้คนในสังคมไทยทั้งที่ได้รับทุนการศึกษาจากต่างประเทศ และผู้หาทางดิ้นรนไปศึกษาด้วยทุนของตนเอง ได้เป็นพาหะที่นำเอาวัฒนธรรมของต่างชาติเข้ามาเผยแพร่ในสังคมไทย ทั้งผ่านการสอนและการใช้ความรู้ในการทำงานโดยยึดแบบอย่างของประเทศที่ตนเองได้ศึกษามา อันเป็นการปลูกฝังให้วัฒนธรรมของต่างชาติงอกงามเกิดขึ้นในสังคมไทย โดยที่ผู้คนในสังคมไทยอ้าแขนรับด้วยความรู้สึกว่าเป็นสิ่งทันสมัย

ถ้าเผอิญสิ่งที่นำเข้ามาเป็นสิ่งดี และไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของสังคมไทยก็เป็นความโชคดีของประเทศ

แต่ถ้าเผอิญสิ่งที่นำเข้ามาเป็นสิ่งไม่ดีไม่งาม และขัดแย้งต่อศีลธรรมอันดีของสังคมไทย เช่น การแต่งกายที่ยั่วยุให้เกิดความรู้สึกทางเพศ หรือที่เรียกกันว่าศิลปะโป๊เปลือย เป็นต้น ก็เป็นความโชคร้ายของสังคมไทย

2. การท่องเที่ยว

เนื่องจากโลกปัจจุบันแคบเข้าอันเนื่องจากความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางด้านการบิน และคมนาคมรวมไปถึงการสื่อสารอื่นๆ เช่น อินเทอร์เน็ต เป็นต้น ทำให้การถ่ายเททางวัฒนธรรมเกิดขึ้นได้ง่าย และในเวลาอันสั้น

3. การติดต่อทางธุรกิจ

การนำเข้าทุนจากต่างชาติเพื่อมาทำธุรกิจในประเทศไทย ก็เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจจากต่างชาติเข้ามาตั้งหลักปักฐานในประเทศไทย และเผยแพร่วัฒนธรรมประเพณีของตนให้ผู้คนในสังคมไทยได้รับรู้ได้อีกทางหนึ่ง

ใน 3 ประการนี้ ประการที่หนึ่งถือได้ว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ทำให้วัฒนธรรมต่างชาติไหลเข้ามาครอบงำสังคมไทย นับตั้งแต่ประเทศไทยรับระบบการศึกษาตะวันตกเข้ามา และไม่มีการประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับสังคมไทย

ด้วยเหตุนี้ ถ้าจะแก้ไขและป้องกันมิให้สังคมไทยถูกวัฒนธรรมต่างชาติกลืนจนสูญเสียความเป็นไทย กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและวัฒนธรรมจะต้องร่วมมือกันทบทวนปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น และวางมาตรการแก้ไขป้องกันโดยยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมไทยไว้เป็นจุดขายในการท่องเที่ยวก่อนที่จะไม่มีจุดให้ขายในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น