xs
xsm
sm
md
lg

พวกทักษิณขอสมานฉันท์?

เผยแพร่:   โดย: สุวัฒน์ ทองธนากุล

ทุกวันนี้ผมรู้สึกว่ามีการกล่าวอ้างถึงคำว่า “สมานฉันท์” กันอย่างไม่เหมาะสมอยู่บ่อยๆ

จริงอยู่ความหมายของคำนี้ดูดี และมีคุณค่า จึงน่าส่งเสริมให้สังคมอยู่ร่วมกันมีการร่วมมือร่วมใจเป็นอันดีต่อกัน

คนที่มีความคิดต่างกัน แต่ถ้ารู้จักรับฟังความเห็นที่ไม่ตรงกันอย่างมีใจเป็นกลาง และเป็นธรรมคือไม่ติดยึดเพื่อผลประโยชน์ฝ่ายตน การสมานจุดร่วมและการสมานฉันท์ย่อมเกิดขึ้นได้

แต่กรณีการทำความผิด สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ หรือทุจริตหาผลประโยชน์จากส่วนรวมด้วยการฉ้อฉลของผู้มีอำนาจทางการเมืองที่ขาดคุณธรรม

ดังที่หลายกรณีที่เกิดขึ้นในยุคระบอบทักษิณเรืองอำนาจ เช่น ความเสียหายจากโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ และการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ ที่กำลังถูกสอบสวน และดำเนินคดีหรือการถูกสื่อมวลชนเปิดโปงพฤติกรรม จึงไม่อาจอ้างว่า “ไม่สมานฉันท์”

แม้รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จะมีนโยบายสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติก็ตาม ก็มิได้หมายความว่าผู้ก่ออาชญากรรมหรือโจรทางการเมืองจะอ้าง “ความสมานฉันท์” มาปกป้องตัวเองไม่ให้ถูกดำเนินคดีที่ทำผิดคิดร้ายต่อประเทศชาติได้

ดังนั้น การที่มวลหมู่ผู้ที่ต่อต้านการบริหารที่ขาดคุณธรรม และการทุจริตเชิงนโยบายของรัฐบาลทักษิณ มีปฏิกิริยาไม่คัดค้านรับการแต่งตั้ง ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ให้มาช่วยงานรัฐบาลนี้จึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

เพราะไม่ควรทำเพื่อ “ความสมานฉันท์” แต่ถ้าเป็นยุทธศาสตร์แบบเกลือจิ้มเกลือก็เป็นอีกเรื่อง

นั่นเป็นผลกรรมในฐานะที่เคยเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลทักษิณ ย่อมต้องรับผิดชอบต่อนโยบายที่เรียกว่า “ทักษิโณมิกส์” ซึ่งเป็นทุนนิยมสุดโต่ง และส่งเสริมบริโภคนิยมสุดขั้ว

การแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการประสานความสัมพันธ์ให้นักบริหารต่างประเทศมีความเข้าใจที่ดีต่อนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งยึดหลัก “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ว่ามิได้ปฏิเสธการลงทุนจากต่างประเทศ ที่รัฐบาลมีปัญหาการสื่อสาร

ผู้คนก็เลยข้องใจว่า ภาพอดีตหัวขบวน “ทักษิโณมิกส์” ที่ติดตัวดร.สมคิด อยู่ แล้วจะเป็นผู้อธิบายสนับสนุนหลัก “เศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งตรงข้ามกันได้อย่างไร

คุณสนธิ ลิ้มทองกุล จึงได้ย้ำในรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ที่เผยแพร่ทางเอเอสทีวี และสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ว่า ดร.สมคิด ต้องแสดงจุดยืนว่าตัดขาดจากระบอบทักษิณแล้ว แล้วยังมีความเห็นจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับเรียกร้องให้สารภาพบาปแต่เก่าก่อนด้วย

ผมว่า ถ้าดร.สมคิดกล้าวิเคราะห์วิจารณ์ความผิดพลาดของระบบทักษิโณมิกส์ ก็เป็นการแสดงจุดยืนสมกับที่จะเล่นบทอธิบายเหตุผลสนับสนุนการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลปัจจุบันได้ดีขึ้น

เพราะการพูดความจริงถึงเหตุแห่งการใช้นโยบายที่เรียกว่า “ประชานิยม” ที่ไม่เจตนาสร้างความมั่นคงยั่งยืน จึงเป็นการใช้ประชาชนเป็นเครื่องที่มอมเมามารับใช้การเมือง

การพูดเพื่อประโยชน์ส่วนรวมช่วยสร้างทำความเข้าใจที่ถูกต้อง ก็จะลดความขัดแย้ง จึงเป็นการมุ่งความสมานฉันท์ในทางที่ถูกต้อง

อย่างรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ทำหน้าที่ให้อธิบายและวิเคราะห์ประเด็นสำคัญที่ช่วยให้ประชาชนรู้ทันสถานการณ์ รู้ทันนักการเมืองที่ประพฤติมิชอบ แล้วรัฐมนตรีธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ เห็นประโยชน์ในการให้ข้อมูลข่าวสารแก่สังคมปัจจุบัน จึงเห็นชอบให้กรมประชาสัมพันธ์ร่วมมือกับเอเอสทีวี นำรายการดังกล่าวมาออกอากาศทางช่อง 11 ด้วย แถมไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

แต่ก็ยังอุตส่าห์มีผู้สื่อข่าวถามว่า “จะขัดแย้งแนวทางสมานฉันท์ของรัฐบาลหรือไม่ เพราะนายสนธิเป็นฝ่ายตรงข้ามกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้วยังมาดำเนินรายการ”

ถ้าน้องนักข่าวคนนั้นติดตามเหตุการณ์ตลอดมา ก็จะเข้าใจหน้าที่ของสื่อมวลชนว่าคนในวิชาชีพนี้นั้น แม้การนำเสนอ “ข่าว” ที่ต้องวางตัว “เป็นกลาง” หมายถึง “การเสนอข้อมูลอย่างรอบด้าน” แต่ในการเสนอ “ความเห็น” นั้น ต้องกล้าชี้ถูกชี้ผิด

การ “เป็นกลาง” จึงมิได้หมายถึง “วางเฉย” เมื่อสืบค้นข้อมูลเจาะลึกลงไปประเด็นข่าวย่อมบ่งชี้ไปในลักษณะที่เห็นว่าความผิดหรือการฉ้อฉลเลวร้ายอย่างไร ตัวการคือใคร แนวการนำเสนอจึงดูเหมือนเป็นฝ่ายตรงข้ามกับคนเลว

การเมืองเปลี่ยนขั้วได้เสมอ แต่หน้าที่สื่อมวลชนก็ยังคงต้องยึดมั่นความถูกต้องเที่ยงธรรม

รัฐมนตรี ธีรภัทร์ ก็ตอบนักข่าวได้ดีว่า

“ความสมานฉันท์ต้องเกิดขึ้นบนพื้นฐานของข้อมูล ข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง หากสมานฉันท์โดยที่ฝ่ายหนึ่งสร้างความเสียหายให้กับประเทศแล้วปิดกั้นไม่ให้คนรับรู้ ขอถามว่าพฤติกรรมเหล่านั้นจะสมานฉันท์เพื่ออะไร

ต้องทำให้คนมีสติปัญญาให้ได้รู้ข่าวสารเพื่อการตัดสินใจ ท้ายที่สุดจึงจะเกิดความสมานฉันท์”


ดังนั้น การที่ทนายคุณทักษิณหรือแกนนำพรรคไทยรักไทย ไม่พอใจที่นายกำลังจะถูกดำเนินคดีแล้วเรียกร้องการสมานฉันท์ จึงเป็นเรื่องตลก
กำลังโหลดความคิดเห็น