xs
xsm
sm
md
lg

‘ธีรภัทร์’ยัน‘ยามเฝ้าแผ่นดิน’สร้างปัญญาให้สังคม-โปร่งใส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ธีรภัทร์” ยัน รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ที่ดำเนินรายการโดย “สนธิ ลิ้มทองกุล” เป็นการเปิดมิติใหม่สร้างสังคมอุดมปัญญา สามารถวิจารณ์ได้ทุกฝ่าย แนะช่องอื่นเอาอย่าง พร้อมปฎิเสธไม่มีผลประโยชน์ใดๆ แอบแฝง ย้อนถามสื่อเคยตรวจสอบรัฐบาล “ทักษิณ” แบบนี้บ้างหรือไม่

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ปฎิเสธที่จะตอบคำถามกรณี มีเสียงวิจารณ์ การเชื่อมสัญญาณระหว่างสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียว ASTV กับสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ในการถ่ายทอดสดรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน”

ด้าน นายธีรภัทร เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดินเป็นการผลิตร่วมกันระหว่างช่อง 11 และเอเอสทีวี แต่เป็นการใช้สตูดิโอที่สำนักผู้จัดการ เพราะการผลิตรายการจำเป็นต้องใช้ทีมงาน เป็นจำนวนมาก จึงไม่สะดวกมาจัดรายการที่ช่อง 11 ถือเป็นการจัดรายการนอกสถานที่ ส่งผ่านระบบไฟเบอร์ออฟติกโดยตรง ไม่ใช่ไปเชื่อมต่อสัญญาณกับสถานีอื่น ซึ่งตนได้ยืนยันไปก่อนหน้านี้แล้วว่า การผลิตรายการครั้งนี้ไม่ผิดกฎหมาย

“เพื่อป้องกันข้อครหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น จึงเป็นการร่วมผลิตโดยไม่มีผลประโยชน์ทางธุรกิจมาเกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงไม่ใช่ระบบไทม์แชร์ริ่ง และช่อง 11 เอง ก็ไม่มีโฆษณา ส่วนนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ ก็ไม่ได้รับค่าจ้างค่าตอบแทน ใดๆ จึงถือเป็นรายการตัวอย่างให้กับทีวีช่องอื่นนำไปพิจารณาดูว่าจะนำเสนอรายการ ที่เป็นสารประโยชน์ในรูปแบบของสาระ หรือรูปแบบทำนองเดียวกัน สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่ผมเคยหารือกับผู้บริหารของสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นๆ แล้วว่า ควรจะนำเสนอรายการที่เป็นสาระเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาไพร์ไทม์หรือไม่ ส่วนการเสนอละครน้ำเน่านั้นก็ควรต้องคิดว่า มีเนื้อหาสาระอยู่ในขั้นมีคุณภาพเพิ่มขึ้น หากสามารถจัดให้มีคุณภาพได้เราก็ควรแบ่งสัดส่วนการนำเสนอสาระ 50 บันเทิง 50 ในทีวีแต่ละช่องหรือไม่ โดยเคยหารือกับผู้บริหารแต่ละช่องไปแล้ว”

สำหรับประโยชน์ที่ทางกรมประชาสัมพันธ์ที่ได้รับในการร่วมผลิตกับเอเอสทีวีนั้น ประโยชน์ที่ได้รับคือประโยชน์ของสังคม เพราะขณะนี้เราต้องการให้สังคมได้รับข้อมูลที่หลากหลาย ดังนั้นประโยชน์ที่ได้รับจึงไม่ได้อยู่ในรูปตัวเงินหรือวัตถุ แต่เป็นประโยชน์จากการที่ได้เพิ่มสติปัญญา ความรู้ ความเข้าใจในการรับรู้ข่าวสาร ยืนยันว่าความร่วมมือนี้ไม่มีธุรกิจและนายสนธิเองก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเช่าเวลา ให้กรมประชาสัมพันธ์แต่อย่างใดและการผ ลิตรายการเพื่อนำไปออกทางเอเอสทีวีด้วย แต่แบ่งมาออกในช่อง 11 เมื่อเขานำไปออกเอเอสทีวีก็อาจจะมีโฆษณา คิดอีกแง่การที่ นายสนธินำมาออกทางช่อง 11 อาจจะเสียลูกค้าก็ได้ เพราะดูช่อง 11 ไม่ต้องซื้อจานรับสัญญาณดาวเทียมเพื่อจะดู เอเอสทีวี

ผู้สื่อข่าวถามว่าการให้นายสนธิมาจัดรายการจะสอดคล้องนโยบายรัฐบาล ที่มุ่งเน้นความสมานฉันท์หรือไม่ นายธีรภัทร กล่าวว่า ความสมานฉันท์ต้องเกิดขึ้น บนพื้นที่ฐานของข้อมูล ข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง หากสมานฉันท์โดยที่ฝ่ายหนึ่ง สร้างความเสียหายให้กับประเทศ แล้วปิดกั้นแล้วไม่ให้คนรับรู้ ขอถามว่า พฤติกรรมเหล่านั้น จะสมานฉันท์เพื่ออะไร เพราะความสมานฉันท์ต้องทำให้คนมีสติปัญญาให้ได้รู้ข่าวสารเพื่อการตัดสินใจ ท้ายที่สุดจึงจะเกิดความสมานฉันท์

“คุณสนธิ จะให้ปัญญาแก่สังคมได้หรือไม่นั้นต้องปล่อยให้ทำไปสักระยะแล้วมาประเมิน และผมได้มีโอกาสดูคุณสนธิจัดรายการเพียงครึ่งเดียว เพราะติดให้สัมภาษณ์กับรายการวิทยุ ซึ่งสิ่งที่นายสนธินำเสนอถือเป็นการนำเสนออย่างมีวุฒิภาวะและนำเสนอข้อมูลหลายด้าน”

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าจะสวนทางกับนโยบายสมานฉันท์หรือไม่ เพราะขณะที่ฝ่ายหนึ่งถูกแบนไม่ให้ออกทีวี และอีกฝ่ายที่เคยขัดแย้งกันกลับได้ออกทีวีอย่างเสรี นายธีรภัทร กล่าวว่า ไม่จริง เพราะอีกไม่นานก็จะเชิญรัฐบาลเดิมมาออก เพราะนโยบายของตนนั้นต้องนำเสนอข้อมูลที่หลากหลาย ฉะนั้นพรรคฝ่ายค้าน รัฐบาลเดิม นักวิชาการต่างๆ มีนโยบายอยู่แล้วที่จะให้ออกมาแสดงความเห็นอยู่แล้วไม่ปิดกั้น

ส่วนจะขัดกับนโยบายของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) หรือไม่ ที่ขอความร่วมมือสื่อไม่ให้นำเสนอการตอบโต้กัน นายธีรภัทร กล่าวว่า เข้าใจว่าที่ คมช.ขอร้องสื่อคือให้มีการนำเสนอข่าวสารอย่างสมดุลไม่ใช่ปิดกั้น ฉะนั้นไม่ใช่ประเด็น

“คุณสนธิจะเอาข่าวในปัจจุบันในแต่ละวันมาวิเคราะห์ แน่นอนว่า ย่อมมีที่มาที่ไป หรือความเป็นมาตั้งแต่อดีต ซึ่งเขาจะพูด ให้เห็นว่าเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร จะทำให้ประชาชนเข้าใจอย่างถ่องแท้”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ออกอากาศไปแล้ว 1 วันจะเป็นการให้ปัญญาแก่สังคมจริงหรือไม่ นายธีรภัทร กล่าวว่า ตนเห็นว่าออกอากาศไปแค่วันเดียว แล้วมาประเมินถือว่าให้เวลาสั้นไป ต้องรอดูอีกสักระยะ ส่วนข้อครหาที่ว่าการเปิดโอกาส ให้นายสนธิเข้ามาจัดรายการครั้งนี้ได้รับคำสั่งจาก คมช.โดยตรงนั้นต้องขอชี้แจง ว่าเรื่องนี้เป็นนโยบายร่วมกันของทุกฝ่าย และในฐานะที่ตนกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ต้องเป็นผู้ดำเนินการและรับผิดชอบ ดังนั้นฝ่ายที่ปฏิบัติก็ไม่ต้องอึดอัดก็ขอให้ทำหน้าที่ไป ผลที่จะเกิดขึ้นก็มาประเมินกันว่าเมื่อทำรายการไปสักระยะผลที่ตั้งใจว่าจะทำให้เกิดขึ้นเป็นอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า การให้นายสนธิเข้ามาจัดรายการร่วมกับช่อง 11 ครั้งนี้ ถือเป็นการลบล้างความผิดที่เคยเปิดสัญญาณเครือข่ายช่อง 11 นิวส์วัน ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินคดีหรือไม่ นายธีรภัทร กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องในอดีต ซึ่งตนได้ดูข้อกฎหมายแล้วยืนยันว่าไม่เกี่ยวแน่นอน ส่วนข้อกฎหมายจะเป็นอย่างไรก็ให้ไปถามนักกฎหมาย

“ยืนยันว่าไม่ใช่การเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งผมอธิบายแล้วว่า ไม่มีผลประโยชน์ทางธุรกิจ ขอให้ทุกคนเข้าใจ ถ้าหากกล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์ ก็ขอให้บอกว่าเอื้อประโยชน์อย่างไร ผมขอยืนยันว่าไม่มีการล็อกสเป็กให้กับใคร โดยต่อจากนี้เราเปิดโอกาสให้ผู้จัดรายการรายอื่นเข้ามา และไม่ต้องวิตกว่า การนำเสนอความคิดเห็นของฝ่ายอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมือง ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล นักวิชาการ จะมาออกรายการเพิ่มมากขึ้น ให้มีแง่มุมที่หลากหลาย ผมพยายาม เปิดประตูเสรีภาพให้ทุกฝ่ายได้ทุกฝ่ายได้แสดงความคิดความเห็นไม่ปิดกั้นเหมือนรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งผมขอถามว่ารัฐบาลที่แล้วทำอะไรบ้างที่เป็นการสร้างสติปัญญากับสังคม พวกคุณตรวจสอบกันบ้างหรือไม่”

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากวันหนึ่งนายสนธิวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐมนตรี โดยเฉพาะตัวรัฐมนตรีเองจะยอมรับได้หรือไม่ นายธีรภัทร กล่าวว่า ยอมรับเพราะเขาเคยวิพากษ์วิจารณ์มาแล้ว “คุณเคยดูมั้ยเอเอสทีวี ผมเขายังวิจารณ์ ผมยังยอมรับได้ แต่จะชี้แจงว่าสิ่งที่เขาวิพากษ์วิจารณ์สมเหตุสมผลหรือไม่ และผมคิดว่า คุณสนธิมีความเป็นวิชาชีพในการที่จะให้เกิดความสมดุลในการนำเสนอข่าวสารทุกฝ่าย”

ผู้สื่อข่าวถามว่าดูเหมือนว่าท่านจะมั่นใจมาก หากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมาจะรับผิดชอบหรือไม่ นายธีรภัทร กล่าวว่า ตนรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ให้มันเกิดเหตุการณ์ขึ้นก่อน เมื่อถามว่านำเรื่องนี้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบและได้แนะนำอะไรหรือไม่ นายธีรภัทร กล่าวว่า “ในฐานะที่ตนดูแลหน่วยงานนี้ ตนรับผิดชอบเอง ไม่ต้องถึงคนอื่น แต่ถ้าคุณจะไปถามคนอื่นถามได้เป็นสิทธิ์ของคุณ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์อึดอัดกับนโยบายนี้ จะมีการทบทวน หรือไม่ นายธีรภัทร ย้อนถามว่า “รู้สึกว่าคุณจะรู้หัวใจอธิบดีดีนะ ผมว่าไปถามอธิบดีดูใหม่”

ผู้สื่อข่าวถามว่าเพื่อป้องกันข้อครหาสามารถเปิดสัญญาร่วมผลิตรายการระหว่างเอเอสทีวีกับช่อง 11 ได้หรือไม่ นายธีรภัทร กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามกรมประชาสัมพันธ์ เพราะตนไม่ใช่คนเซ็นต์คำสั่ง ตนไม่แน่ใจว่าสัญญาจะมีหารือไม่ เพราะบางทีไม่จำเป็นต้องมีสัญญาด้วยซ้ำ การผลิตรายการอื่นๆของช่อง 11 นั้น ยินดีที่จะให้ผู้ผลิตรายการรายอื่นเข้ามาร่วมผลิตด้วย และขอเสนอให้สถานีโทรทัศน์ช่องอื่น ทำรายการลักษณะนี้ได้ อาจจะจัดในเวลาเดียวกันจะแข่งขันในเชิงคุณภาพ

ผู้สื่อข่าวถามว่า กลัวหรือไม่ว่าคนรัก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะออกมาต่อต้าน จนทำให้เกิดบรรยากาศไม่สมานฉันฑ์ นายธีรภัทร์ กล่าวว่า “ผมจะกลัวอะไร ผมทำเพื่อความถูกต้อง อะไรที่ทำเพื่อความถูกต้อง ผมไม่เคยกลัว ซึ่งเราต้องการสร้างปัญญาให้คนในสังคม”

นายธีรภัทร์ ยังปฎิเสธข่าวที่ว่า ช่อง 11 จ่ายเงินให้นายสนธิตอนละ 1 แสนบาท โดยยืนยันว่าไม่มีการจ่ายเงินใดๆ ทั้งสิ้น และกรมประชาสัมพันธ์ก็ต้องการเสนอข้อมูล ที่เกิดประโยชน์ต่อสังคม บางรายการก็ไม่มีการจ่ายเงินด้วยซ้ำ
กำลังโหลดความคิดเห็น