xs
xsm
sm
md
lg

เดือดร้อน! อะไรกันหนอ เมื่อสนธิจัดรายการ ช่อง 11

เผยแพร่:   โดย: อมร อมรรัตนานนท์

เมื่อสองวันก่อน (วันที่ 14 ก.พ.50) แฟนๆ ขาประจำ ช่อง 11 คงแปลกใจไม่มากก็น้อย

ที่จู่ๆ ช่วงสองทุ่มครึ่งถึงสามทุ่มครึ่ง ก็มีรายการยามเฝ้าแผ่นดิน ซึ่งจัดโดย คุณสนธิ ลิ้มทองกุล และคณะ ซึ่งเป็นรายการสดซึ่งจัดเป็นประจำอยู่แล้ว โดยออกอากาศช่อง NEWS1 ของ ASTV

ปรากฏว่าเกิด ปฏิกิริยา และเสียงสะท้อนอย่างกว้างขวาง

ได้ทั้งดอกไม้และก้อนอิฐ

ซึ่งอาจเทียบเคียง ปรากฏการณ์นี้ เสมือนว่า

ดอกกุหลาบที่ปากคลองตลาดหมดอย่างรวดเร็ว เนื่องในเทศกาลวันแห่งความรัก

ขณะเดียวกัน ก้อนหิน ดินทราย ก็ปลิวว่อน ถาโถมปาใส่ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ชนิดไม่ยั้งมือ


เป็นธรรมดามาก สำหรับก้อนหิน ดินทราย

ต้องยอมรับว่า ประชาชนจำนวนมากไม่เข้าถึงข้อมูลและข้อเท็จจริง

ส่วนที่เป็นลิ่วล้อ ม้าใช้ของระบอบทักษิณ ย่อมทำหน้าที่อย่างแข็งขัน เป็นเรื่องปกติที่ต้องยอมรับ

แต่สำหรับประชาชนทั่วไป มันเป็นภาพสะท้อนของสังคมที่ดำรงอยู่จริง

ว่า หลังปฏิวัติรัฐประหาร

คนส่วนใหญ่ ยังหลงใหลได้ปลื้มกับระบอบทักษิณ

เสียงวิจารณ์มากเท่าไหร่ นั้นคือบทพิสูจน์ว่า การทำงานของภาครัฐและ คมช. ยังไม่ตรงเป้าเข้าจุด


ครั้งต่อไป อยากให้ช่อง 11 จัดข้าราชการ มารับโทรศัพท์ จะได้รู้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ยังคงเข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร

แต่เชื่อเถอะ

หากคุณสนธิได้จัดอย่างต่อเนื่อง เสียงโทรศัพท์ของประชาชน ที่เข้าไม่ถึงข้อมูลโดยสุจริต จะค่อยๆ น้อยลง

และถึงวันนั้น คงมีแต่เสียงเห่าหอนของประชาชนที่แกล้งโง่เท่านั้นเอง!!!!

ดอกไม้แห่งความรัก

ไม่แปลกใจอะไรเลย

สำหรับดอกไม้สัญลักษณ์แห่งความรัก ความปีติ ชื่นชม ที่มอบให้คุณสนธิ และการตัดสินใจของอาจารย์ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ซึ่งหลายคน (รวมผู้เขียน) เคยอึดอัดกับการทำงานที่กล้าๆ กลัวๆ

ภาพของขิงหนุ่ม ซึ่งเป็นความหวังของประชาชนที่ไม่เอากับระบอบทักษิณ อาจารย์ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่ได้รับความไว้วางใจ รองจากนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนมอบให้

นั้นเป็นภาพแรก ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว

แต่ศรัทธา และความเชื่อมั่นกลับลดลงอย่างรวดเร็ว


เมื่ออาจารย์ ได้กำกับดูแล งานด้านสื่อสารมวลชน ซึ่งเป็นงานใจกลาง ที่จะหลอมรวมความเป็นเอกภาพของประชาชน ภายใต้สถานการณ์ ที่สังคมถูกแบ่งแยกอย่างรุนแรงในยุคที่ทักษิณครองเมือง

อาจารย์กลับยอมพ่ายแพ้ต่อเกมอย่างง่ายดาย

ในวันที่จะพยายามปฏิรูปสื่อ โดยเฉพาะช่วงที่จะพยามจัดผังใหม่ ใน ช่อง 9 อสมท

หลายคนบ่นเสียดาย

อ่อนปวกเปียก ยิ่งกว่ามะเขือเผา

บางคนถึงขั้นตั้งฉายา ว่า ขิงหนุ่ม หน่อมแน้ม

คงไม่มีใครปฏิเสธว่าในยุคของทักษิโณมิกส์ สื่อมวลชนจำนวนมากถูกกระทำชำเราด้วยกลไกอำนาจรัฐ และถูกบีบกดดันจากมนต์ดำของอำนาจทางเศรษฐกิจ

สื่อมวลชนบางส่วนจำต้องขังตัวเอง เพื่อความอยู่รอดขององค์กร

ปากกาที่เสมือนอาวุธที่ทรงธรรมของบรรดาสื่อทั้งหลาย ในการพิฆาตเข่นฆ่าความไม่ถูกต้อง ชอบธรรม

ถูกแปรเปลี่ยนเป็นแค่พู่กันที่แต่งแต้ม ภาพเหมือน

โดยพยามจินตนาการ จำลองให้ดูสวยหรู ปกปิดด้านที่อัปลักษณ์ และธาตุแท้ที่อัปยศ ของสังคมที่เป็นจริง


แต่ถึงวันนี้ ต้องยอมรับ และมอบดอกไม้ให้ด้วยความจริงใจ

คนเราอาจผิดพลาด และอาจตัดสินใจผิดได้ในสถานการณ์หนึ่งๆ จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ เมื่อพลาดแล้วรู้จักสรุปบทเรียน

และยืนหยัดเดินหน้าต่อ ก็สมควรต้องให้กำลังใจ

ผมคงต้องขอโทษในบางเรื่องบ้างประเด็น ที่วิพากษ์วิจารณ์อาจารย์ในอดีต อาจหนักบ้าง เบาบ้าง

ก็ขอให้อาจารย์ทราบว่า รักห่วงด้วยความจริงใจในฐานะมิตรสหาย

ย้ำอีกครั้ง


อยากเห็นขิงหนุ่มปรับปรุงการทำงาน ที่แข็งขัน ทำงานที่ต้องแข่งกับเวลา ในสถานการณ์เปลี่ยนผ่าน ที่มีลักษณะพิเศษเช่นนี้

จึงไม่แปลกใจที่ ได้ยินอาจารย์ พูดว่า

“ผมไม่เข้าใจว่าในเมื่อเราพยายามจะเปิดประตูเสรีภาพให้กับสื่อ แต่สื่อยังไม่ออกจากประตูที่กักขังเสรีภาพไว้ แต่เมื่อถึงเวลาที่จะต้องให้สื่อได้ใช้เสรีภาพบนความรับผิดชอบของสังคมสื่อกลับไม่ทำ เรื่องนี้ผมคิดว่าสื่อต้องมองและประเมินตัวเอง โดยใช้วิจารณญาณด้วยความเป็นธรรมว่าทำประโยชน์อะไรให้สังคมบ้าง ผมคิดว่าการกล้าริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาจะเป็นเรื่องสร้างสรรค์ แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยแล้วบอกว่าใครมาแตะไม่ได้ ผมคิดว่าเราต้องให้ความเป็นธรรมกับคนอื่นด้วย”

ต้องปรบมือให้ครับ!!


จริงๆ แล้ว ประโยคนี้ ควรพูดมานานแล้ว โดยเฉพาะ ในวันที่ต้องสู้รบปรบมือกับสื่อมวลชนกระเทียม

แต่ยังไม่สายเกินไปดอกครับ!

งงๆๆๆๆๆๆ

งงมาก แปลกใจมาก สับสนมาก

คือเสียงวิจารณ์จากสื่อด้วยกันเอง

“รัฐสนองตอบสนธิ ASTV ขายโฆษณาล่วงหน้า”

“กรมประชาฯ ชงเรื่องเช้า ตกเย็น “ธีรภัทร์” เกียร์ 5 อนุมัติออนแอร์” ยามเฝ้าแผ่นดิน"

“รัฐบาลทำไปเพราะเกรงใจกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”

“รายการของนายสนธิจะขัดกับบรรยากาศของการสร้างสมานฉันท์ในบ้านเมือง”

“สนธิมาจัดรายการครั้งนี้เป็นการแบ่งเค้ก”

ฯลฯ


มันน่าเศร้าจริงๆ

ผมอยากวิวาทะกับบรรดา ฯพณฯ หัวเจ้าท่าน สื่อเหล่านั้นจริงๆ

แต่พี่น้องสื่อเหล่านั้นอาจย้อนศรว่า ก็คุณอยู่ในสังกัด จึงเจ็บร้อนแทนใช่หรือไม่?


จึงขอสงวนไว้ก่อน เอาเป็นว่า มาฟังคำชี้แจง จากอาจารย์ธีรภัทร์ โดยตรงดีกว่า

“คุณสนธิเป็นผู้จัดรายการที่กล้าพูดอะไรตรงไปตรงมา และเขาสามารถวิพากษ์วิจารณ์อย่างมีเสรีภาพ ไม่ว่าจะเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งผม รัฐบาล หรือแม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีเขาก็กล้าวิพากษ์วิจารณ์ ผมคิดว่ามันก็ถือเป็นมิติใหม่ที่เรากล้าที่จะฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่นได้”

“ผมขอถามว่า เราแบ่งเค้กอะไร คนที่มองว่าการเปิดโอกาสให้นายสนธิมาจัดรายการครั้งนี้เป็นการแบ่งเค้กนั้น หัดดูตัวเองและหัดใช้วิจารญาณในเรื่องประเภทที่วิจารณ์แบบที่ไม่เข้าท่าบ้าง เรื่องนี้มีผลประโยชน์ตรงไหน มันไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรเลย เพราะช่อง 11 ไม่มีโฆษณาและรายการนี้ก็ไม่มีโฆษณา และนายสนธิก็ไม่ได้รับค่าจ้าง ผมต้องชี้แจงก่อนเพราะว่าถ้าไปวิจารณ์มันจะเสียหายและยิ่งไม่มีมูลข้อเท็จจริงก็ยิ่งเสียหาย”

“ความสมานฉันท์มันจะเกิดขึ้นบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ความสมานฉันท์จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าประชาชนทั่วไปไม่สามารถรับรู้ข้อมูลที่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นให้รอบด้าน การไปปิดกั้นข้อมูลด้านใดด้านหนึ่งนั้นตนคิดว่ามันคือการปิดกั้นสติปัญญาของมนุษย์ และในขณะเดียวกันยังไม่เป็นการเสริมสร้างประชาธิปไตย การเสริมสร้างประชาธิปไตยต้องมีความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย แต่ความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย ไม่จำเป็นที่ต้องนำไปสู่ความแตกแยกเสมอไป ถ้าผู้คนมีสติปัญญาในการรู้จักคิด ทำความเข้าใจกับข้อมูลที่แตกต่างเหล่านั้น เขาจะเลือกเดินบนทิศทางที่ถูกต้องได้ แต่ถ้าเราไปปิดกั้นประชาธิปไตยจะเดินหน้าไม่ได้”

ชัดเจนพอนะครับ

ไม่ต้องวิเคราะห์อะไรลึกซึ้ง

ใช่หรือไม่?

ผมขอถามแทนประชาชนบางส่วน ถึงพี่น้องสื่อ

จริงหรือไม่ ที่คุณเสพติดอำนาจเงินตรา และความซาดิสต์จนเคยชินแล้ว? ใช่หรือไม่ ที่ยังอารมณ์ค้างอยู่จากการที่ถูกคุณทักษิณ คุมขัง กระทำชำเรา จนเป็นความเคยชิน

หรือไม่

ก็เป็นเด็กดีของแป๊ะเจ้าของเรือ ที่เจ็บร้อน เก็บอาการ ไว้ไม่อยู่

ตาวาว หูแดง เลยนะ คนเขารู้ทันนะจะบอกให้

ออกจากกรงขังเถอะเพื่อนรัก วันนี้ไม่ใช่ยุคทาสแล้ว

กำลังโหลดความคิดเห็น