xs
xsm
sm
md
lg

"สนธิ"ยันไม่เลิกประกาศ คปค. 41 พรรคบีบ กกต.ขอผ่อนปรน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

41 พรรคการเมืองกดดันกกต.เป็นบรุษไปรษณีย์เสนอครม.ผ่อนปรนประกาศ คปค.2 ฉบับ ที่ห้ามพรรคการเมืองจัดประชุมดำเนินกิจกรรมทางการเมือง "สดศรี"อ้างกกต.ไม่อำนาจ เจอ"อภิสิทธิ์"ตอกกลับ มีหน้าที่ดูแลพรรคการเมือง ไม่ควรด่วนสรุปแก้ไขไม่ได้ ด้านปธ.กกต.นัดประชุมกกต.วันนี้( 15ก.พ.)หาข้อสรุปทำความเห็นเสนอครม. "สนธิ"ย้ำชัด ยังไม่เลิกประกาศคปค.เพราะยังต้องเฝ้าระวังเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคง หากพรรคการเมืองจะจัดกิจกรรมอะไรให้ประสานมาได้

วานนี้(14 ก.พ.)คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้จัดประชุมพรรคการเมืองเป็นครั้งแรก หลังมีการปฏิรูปการปกครอง เพื่อหารือและรับฟังปัญหาการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในขณะที่มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองฉบับที่ 15 และ 27 ที่ห้ามพรรคการเมืองดำเนินการประชุม หรือ ดำเนินการใดๆ ในทางการเมือง ปัญหาการจัดสรรเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองที่ในปีงบประมาณ 2550 รัฐบาลไม่อุดหนุนให้ และการรับฟังความเห็นต่อประเด็นการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีหัวหน้าหรือผู้แทนพรรคการเมืองจาก 41 พรรคการเมืองเข้าร่วม อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีความเห็นตรงกัน ให้ประธานกกต.ทำความเห็นพร้อมปัญหาอุปสรรคของพรรคการเมืองที่ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมหรือจัดประชุมทางการเมืองได้ หากยังคงประกาศ คปค.ทั้ง 2 ฉบับ ต่อคณะรัฐมนตรี แต่ปรากฏว่า นาง สดศรี สัตยธรรม กกต.ในฐานะที่รับผิดชอบดูแลด้านกิจการพรรคการเมือง และการออกเสียงประชามติ กล่าวว่า ประเด็นที่เชิญหารือครั้งนี้ ก็คือปัญหาเรื่องการจัดสรรเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง ที่แม้ในปีงบประมาณ 50 กองทุนฯจะไม่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล แต่คณะกรรมการกองทุนฯ มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นว่า กองทุนฯมีภาระผูกพันตามกฎหมายที่ต้องให้เงินสนับสนุนแก่พรรคการเมือง เพียงแต่ต้องมีการปรับเกณฑ์การจัดสรรใหม่เพราะเมื่อ รธน.ปี 40 ยกเลิก ทำให้เกิดปัญหาว่าเกณฑ์ในการคำนวณเงินจัดสรร อย่างเช่น จำนวนส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร จำนวนคะแนนเสียงระบบบัญชีรายชื่อ ไม่มี จึงต้องการขอความเห็นว่าจะดำเนินการอย่างไร

"เรื่องการยกเลิกประกาศคปค.ทั้ง 2 ฉบับนั้น กกต.คงไปบังคับอะไรใคร ในเมื่อคมช.เป็นผู้ออกกฎหมาย ก็ต้องพิจารณาแล้วว่ามีความจำเป็นอย่างไร และคมช.ก็คงดูจากสถานการณ์ต่างๆว่ามีความเหมาะสมที่จะยกเลิกหรือไม่ อย่างไร ดังนั้นคิดว่า ถ้าพรรคการเมืองรออีกสักระยะหนึ่งเมื่อรธน.ฉบับใหม่มีผลใช้บังคับเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้น"นางสดศรี กล่าว

ด้านนายอภิสิทธิ์ ได้ท้วงติงนางสดศรี ว่า กกต.ไม่ควรด่วนสรุปว่า การจะยกเลิกประกาศคปค.ทั้ง 2 ฉบับเป็นไปไม่ได้ แต่น่าที่จะนำความเห็นของพรรคการเมืองไปหารือในที่ประชุมกกต. เพราะที่บรรดาพรรคการเมืองเห็นว่ากกต.มีความชอบธรรมในการเสนอต่อครม.เพื่อให้ยกเลิก หรือผ่อนปรนประกาศ เนื่องจากกกต.เป็นผู้ดูแลระบบของพรรคการเมือง การเสนอย่อมมีน้ำหนัก และเป็นการทำโดยสุจริตใจ

"โดยข้อเท็จจริง การดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองที่จะกระทบต่อความสงบ และความมั่นคงทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะมีกฎหมายอื่นมาบังคับอยู่แล้ว ไม่ใช่ไม่มีประกาศทั้ง 2 ฉบับแล้ว พรรคการเมืองจะไปเผาโรงเรียน หรือวางระเบิดได้" นายอภิสทธิ์ กล่าว

ด้านนายเสนาะ แสดงความเห็นว่า ไม่ควรที่ในการประชุมครั้งนี้พรรคการเมืองจะหามีมติเกี่ยวกับประเด็นในการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะปัญหาที่ใหญ่กว่าขณะนี้ก็คือประกาศคปค.ทั้ง 2 ฉบับ ที่คมช.ออกด้วยเจตนาป้องกันความวุ่นวาย หรือคลื่นใต้น้ำ แต่เวลานี้กลายเป็นปัญหากับพรรคการเมือง เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ รธน.ชั่วคราว 2549 บัญญัติในทำนองให้มีการเลือกตั้งในปลายปีนี้

"ระยะเวลาที่เหลืออยู่ หากไม่มีการผ่อนปรนประกาศ คปค. 2 ฉบับ การจะหาเสียง เปิดตัวของพรรคการเมือง การเข้าถึงประชาชน จะเป็นปัญหา ซึ่งเมื่อถึงเวลาเลือกตั้งก็จะเป็นปัญหาต่อองค์กรกกต.ที่ต้องรับผิดชอบในการหาคนบริสุทธิ์เข้ามาบริหารประเทศ"นายเสนาะ กล่าว

ส่วนนายพงศ์เทพ กล่าวว่า เนื้อหาของประกาศ คปค. 2 ฉบับ เขียนไว้ค่อนข้างกว้าง ทำให้พรรคการเมืองยากจะปฏิบัติได้ เพราะแค่สมาชิกพรรคลงไปรับปัญหาทุกข์ สุขประชาชนก็ถือว่าเป็นการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองที่เข้าข่ายมีความผิดแล้ว จึงเห็นด้วยที่กกต.จะเป็นเสนอต่อครม. แต่ไม่ควรทำหน้าที่เป็นเพียงบุรษไปรษณีย์ รวบรวมความเห็นของพรรคการเมืองไปเสนอเท่านั้น แต่ควรมีความเห็นของกกต.เองแนบไปด้วย เพื่อเพิ่มน้ำหนักให้ครม.พิจารณา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแสดงความเห็นผู้แทนพรรคการเมืองต่างพยายามที่จะขอมติของที่ประชุม เพื่อให้กกต.นำเรื่องดังกล่าวไปเสนอครม.แต่ปรากฏว่า นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวว่า กกต.เป็นองค์อิสระ ซึ่งก็ถือเป็นพนักงานของราชการ การจะดำเนินการอะไรก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และรัฐธรรมนูญชั่วคราว จึงอยากให้ผู้แทนพรรคการเมืองเห็นใจกกต.ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ก็จะนำข้อเสนอดังกล่าวไปพิจารณาในที่ประชุมกกต.วันนี้ (15 ก.พ.)ว่าจะทำหนังสือเสนอไปยังครม.อย่างไร และควรจะมีความเห็นของกกต.แนบไปด้วยหรือไม่ โดยจะส่งหนังสือดังกล่าวไปยังรัฐบาลเร็วที่สุด

**"สนธิ"ยันไม่เลิกประกาศ คปค.

ด้านพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การที่พรรคการเมืองใดจะทำกิจกรรมใด ก็ขอให้ประสานงานมาที่ คมช.ได้ ตนยืนยันว่าเรื่องของความมั่นคงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญกว่าสิ่งใดๆ เราจะคงตรงนี้เอาไว้เพื่อให้กระบวนการทุกเรื่อง ในการจัดระเบียบของการทำงานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ฉะนั้นคิดว่าพรรคการเมืองต่างๆ คงเข้าใจในความยากลำบากของเรา ก็ขอให้ทุกพรรคถ้าใครมีกิจกรรมทางการเมืองก็ทำเรื่องประสานงานมา เราไม่เคยขัด

"ที่ผ่านมามีบางพรรคทำเรื่องขอประชุมเข้ามาที่ คมช.ซึ่งเราก็ไม่ได้ขัดข้อง เราให้ทำกิจกรรมทั้งหมด ดังนั้นใครจะจัดกิจกรรมอะไร ก็ขอให้ประสานมาให้ทาง คมช.ทราบจะได้ไม่ต้องเกิดความเข้าใจผิดซึ่งกันและกัน และภาวะที่เรากำลังรับอยู่ขณะนี้ โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยในพื้นที่จะยังคงต้องเฝ้าระวังอยู่"พล.อ.สนธิ กล่าว

เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการยกเลิกการประกาศ คปค.ทั้งสองฉบับ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "จะต้องใช้ระยะเวลาอีกหน่อยครับ ไว้ขอให้ผมดูความสงบเรียบร้อยภายในประเทศเสียก่อน" เมื่อถามว่า พรรคการเมืองต้องการขอมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ รธน.ฉบับใหม่นั้น พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ในส่วนของ คมช.เองก็ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับ ส.ส.ร.แต่ถ้าเผื่อว่าทางพรรคการเมืองต้องการจะเข้าไปประสานในรายละเอียด เพื่อขอเข้าไปมีส่วนร่วมก็จะต้องไปพูดคุยกับทาง ส.ส.ร. ทาง คมช.ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องนี้

ต่อข้อถามว่า เกรงหรือไม่ว่าหากมีการยกเลิกประกาศ คปค. จะเป็นช่องว่างให้กลุ่มคลื่นใต้น้ำเคลื่อนไหวต่อต้าน พล.อ.สนธิ กล่าวว่า การที่เรายังไม่ประกาศยกเลิก เพราะว่าถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมา โดยที่เราไม่รู้ หรือไม่ชัดเจน เดี๋ยวจะเกิดความเข้าใจผิด ถ้าเผื่อว่าจะทำอะไรก็บอกเรา จะได้รู้ว่าตรงนี้มีคนทำกิจกรรมเท่านั้นเอง ซึ่งพรรคการเมืองสามารถขอทำกิจกรรมทางการเมืองเป็นเรื่องๆไป จะมีอะไรก็ขอให้บอกมา จะได้ดูแลความปลอดภัยให้
กำลังโหลดความคิดเห็น