มนุษย์ที่อยู่กันเป็นชุมชน หักล้างถางพงทำมาหากินมาหลายชั่วคนด้วยการทำไร่ ทำนา ปลูกถั่ว ปลูกงา ฟักแฟง แตงกวา เลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู พร้อมกันนั้นก็อาศัยการเก็บทรัพยากรธรรมชาติจากป่า เช่น หน่อไม้ ผลไม้ เผือก มัน มาเป็นอาหาร เป็นสิทธิโดยธรรมชาติที่มนุษย์ที่อยู่ในชุมชนนั้นสามารถจะเรียกร้องและอ้างอิงได้ เพราะเขาเหล่านั้นเกิดมาในแผ่นดินจึงต้องใช้ประโยชน์จากแผ่นดิน โดยมีสิทธิที่จะใช้แผ่นดินนั้นทำมาหากิน ใช้น้ำจากแม่น้ำลำธาร หนองบึง มีสิทธิที่จะสูดอากาศที่บริสุทธิ์ไม่มีสารพิษจากสารเคมี สิทธิที่จะใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติดังกล่าวมาแล้วนั้น เป็นสิทธิขั้นมูลฐานที่สำคัญยิ่งของชุมชนมนุษย์ ซึ่งรัฐอันเป็นกลไกและสถาบันการบริหารปกครอง ซึ่งได้รับฉันทานุมัติจากสัญญาประชาคมให้ก่อกำเนิดขึ้นนั้น ต้องเคารพสิทธิดังกล่าวมาเบื้องต้น
ทรัพยากรธรรมชาติอันเป็นสมบัติของคนในชาติทุกคนนั้น ประกอบด้วย แผ่นดิน ภูเขา ป่า แม่น้ำลำคลอง ลำธาร หนองบึง และทรัพยากรธรรมชาติอื่น เช่น พืช ผัก ผลไม้ ฝูงปลา ฝูงเนื้อ ฯลฯ สิทธิในทรัพยากรธรรมชาติดังกล่าวนี้จำเป็นจะต้องมีการแบ่งให้อย่างยุติธรรมโดยการเฉลี่ยให้ชุมชนสามารถจะใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ โดยอาศัยประเพณีการถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน หรือโดยตัวบทกฎหมายอันเป็นกฎเกณฑ์ที่ออกโดยรัฐอย่างเป็นธรรม ตัวอย่างเช่น น้ำที่มาจากต้นน้ำซึ่งไหลจากที่สูงมาสู่ที่ต่ำนั้นต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพื่อให้คนที่อยู่ปลายน้ำสามารถจะใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติดังกล่าวได้ การใช้ที่ดินเพื่อการเพาะปลูกต้องมีการแบ่งเขตจัดสรรอย่างยุติธรรมโดยไม่ล่วงละเมิดซึ่งกันและกัน การเผาทำลายซากต้นไม้ ฟางข้าว และอื่นๆ ต้องไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับผู้ที่อยู่ใต้ลม การประกอบธุรกิจอันใดเพื่อประโยชน์ของตนเองและครอบครัวต้องไม่ก่อปัญหามลภาวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งแวดล้อม เช่น ต้องไม่ก่อให้เกิดกลิ่นเหม็น น้ำเสีย และต้องไม่มีผลกระทบต่อนิเวศวิทยา เช่น การตัดไม้ทำลายป่าจนดินไม่สามารถจะดูดซับน้ำได้จนนำไปสู่การพังทลายของดินจนเกิดอุทกภัยสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตของคนในชุมชน และที่เป็นตัวอย่างเด่นชัดที่สุดคือโครงการของรัฐที่เอื้ออำนวยประโยชน์ต่อคนบางกลุ่ม เช่น การสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ทำให้ต้องมีการอพยพผู้คนออกจากพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทั้งๆ ที่คนเหล่านั้นอาศัยอยู่ในชุมชนดังกล่าวมาหลายชั่วคน ขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อนิเวศวิทยาซึ่งนำไปสู่ความเสียหายอย่างใหญ่หลวงได้
ผลกระทบของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติของชาตินี้ ยังอาจเกิดขึ้นจากเหตุภายนอกประเทศโดยรัฐไม่พยายามต่อสู้คุ้มครองสิทธิของชาติ ตัวอย่างเช่น การสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำโขง โดยอ้างว่าเป็นแม่น้ำที่อยู่ในประเทศของตน การกักเก็บน้ำดังกล่าวทำให้น้ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขงตอนล่างที่ไหลผ่านประเทศต่างๆ อันได้แก่ พม่า เวียดนาม ลาว กัมพูชา ประเทศไทย ลดปริมาตรลงซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อประเทศปลายน้ำ นอกจากนี้ยังมีการสร้างฝายเป็นขั้นบันไดอันอาจจะส่งผลให้ปลาบึกที่เป็นทรัพยากรสำคัญไม่สามารถวางไข่ได้ การระเบิดเกาะแก่งของจีนในแม่น้ำโขงเพื่อประโยชน์ในการเดินเรือ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อนิเวศวิทยา ฯลฯ ผลจากการกระทำดังกล่าวนี้ยังส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อการทำมาหากินของคนที่อาศัยอยู่บนฝั่งแม่น้ำโขงสองฝั่ง กรณีเช่นนี้เป็นการละเมิดสิทธิต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติโดยมหาอำนาจ ซึ่งประเทศที่เกี่ยวข้องรวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศควรจะหยิบยกเป็นประเด็นมาพิจารณาเพื่อหาทางแก้ไขต่อไป
แต่สิทธิในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติของชาติส่วนใหญ่มักจะเกิดความขัดแย้ง ตัวอย่างที่เห็นชัดคือความขัดแย้งระหว่างผู้ที่ทำเกษตรกรรมแบบจารีตนิยมและผู้ทำเกษตรกรรมแบบเกษตรอุตสาหกรรม อันดำเนินการโดยนายทุนกว้านซื้อที่ดินแปลงใหญ่ๆ เพื่อการเพาะปลูกขนาดใหญ่ ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ดั้งเดิมถูกไล่ที่ถอยร่นไปที่อื่น หรือในกรณีที่มีการใช้ที่ดินเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมก็จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อพื้นที่ในการประกอบเกษตรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าส่งผลต่อสภาวะแวดล้อม ความเจริญหรือการพัฒนาอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประชาชนที่ต้องการรักษาสภาพเดิมของภูมิทัศน์เพื่อการท่องเที่ยวกับความต้องการของกลุ่มนายทุนที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อการประกอบธุรกิจ ทั้งหลายทั้งปวงดังกล่าวนี้ย่อมจะนำไปสู่ความขัดแย้งและส่งผลต่อสิทธิในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติของชาติอันเป็นสิทธิโดยธรรมชาติของชุมชนดั้งเดิม
นอกเหนือจากการใช้ทรัพยากรจากที่ดิน น้ำ และทรัพยากรอื่นๆ ในยุคอารยธรรมคลื่นลูกที่สามของอัลวิน ทอฟเฟอร์ ยังมีทรัพยากรซึ่งเป็นสมบัติของคนทั้งชาติซึ่งต้องนำมาใช้เพื่อสาธารณประโยชน์นั่นคือคลื่นความถี่ที่ใช้ในการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และวิทยุโทรคมนาคม ซึ่งเป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติ จึงต้องมีการแบ่งสันปันส่วนแจกแจงอย่างยุติธรรม เช่นเดียวกับการแจกแจงทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์ทั้งภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริหาร
ทรัพยากรธรรมชาติของชาติโดยทั่วไปมีจำกัด การจัดระบบการแจกแจงแบ่งสันปันส่วนอย่างยุติธรรมเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ที่สำคัญที่สุดทรัพยากรธรรมชาติของชาตินั้นเป็นของคนทั้งประเทศ จะปล่อยให้มีการฉกฉวยประโยชน์ เอารัดเอาเปรียบ ครอบครองโดยกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมิได้
ประเด็นที่จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งในยุคที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมอันเป็นคลื่นอารยธรรมลูกที่สอง และการใช้ประโยชน์จากคลื่นวิทยุอันเป็นอารยธรรมของคลื่นลูกที่สาม คือการมีระบบ มีกฎหมาย มีการจัดการอย่างเป็นธรรมและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อคนที่อยู่ในคลื่นลูกที่หนึ่งเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เนื่องจากว่าทรัพยากรธรรมชาติของชาติเป็นของประชาชนทุกคน และการใช้ทรัพยากรดังกล่าวโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากชุมชนเดิมที่ทำมาหากินมาหลายชั่วคนเป็นสิทธิที่ต้องเคารพ แต่หลายกรณีเป็นเรื่องที่รัฐรุกสังคม โดยรัฐรุกสังคมด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขาดความชอบธรรมทางการเมือง
อันจะเห็นได้จากจากพระบรมราโชวาท “...ถ้าดูในทางกฎหมายเขา (หมายถึงราษฎร) ก็เป็นอยู่อย่างฝ่าฝืน เพราะว่าตรามาเป็นกฎหมายโดยชอบธรรม แต่ว่าถ้าตามธรรมชาติใครเป็นผู้ทำผิด ก็ผู้ที่ขีดเส้นนั่นเอง เพราะว่าบุคคลที่อยู่ในป่านั้นเขาอยู่มาก่อน เขามีสิทธิในทางเป็นมนุษย์ หมายความว่าทางราชการบุกรุกบุคคล ไม่ใช่บุคคลบุกรุกกฎหมายบ้านเมือง...” ( สงวน ลิ่วมโนมนต์, “ปรัชญากฎหมายไทย” ใน วารสารราชบัณฑิตยสถานฉบับเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ, หน้า 479)
ทรัพยากรธรรมชาติอันเป็นสมบัติของคนในชาติทุกคนนั้น ประกอบด้วย แผ่นดิน ภูเขา ป่า แม่น้ำลำคลอง ลำธาร หนองบึง และทรัพยากรธรรมชาติอื่น เช่น พืช ผัก ผลไม้ ฝูงปลา ฝูงเนื้อ ฯลฯ สิทธิในทรัพยากรธรรมชาติดังกล่าวนี้จำเป็นจะต้องมีการแบ่งให้อย่างยุติธรรมโดยการเฉลี่ยให้ชุมชนสามารถจะใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ โดยอาศัยประเพณีการถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน หรือโดยตัวบทกฎหมายอันเป็นกฎเกณฑ์ที่ออกโดยรัฐอย่างเป็นธรรม ตัวอย่างเช่น น้ำที่มาจากต้นน้ำซึ่งไหลจากที่สูงมาสู่ที่ต่ำนั้นต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพื่อให้คนที่อยู่ปลายน้ำสามารถจะใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติดังกล่าวได้ การใช้ที่ดินเพื่อการเพาะปลูกต้องมีการแบ่งเขตจัดสรรอย่างยุติธรรมโดยไม่ล่วงละเมิดซึ่งกันและกัน การเผาทำลายซากต้นไม้ ฟางข้าว และอื่นๆ ต้องไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับผู้ที่อยู่ใต้ลม การประกอบธุรกิจอันใดเพื่อประโยชน์ของตนเองและครอบครัวต้องไม่ก่อปัญหามลภาวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งแวดล้อม เช่น ต้องไม่ก่อให้เกิดกลิ่นเหม็น น้ำเสีย และต้องไม่มีผลกระทบต่อนิเวศวิทยา เช่น การตัดไม้ทำลายป่าจนดินไม่สามารถจะดูดซับน้ำได้จนนำไปสู่การพังทลายของดินจนเกิดอุทกภัยสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตของคนในชุมชน และที่เป็นตัวอย่างเด่นชัดที่สุดคือโครงการของรัฐที่เอื้ออำนวยประโยชน์ต่อคนบางกลุ่ม เช่น การสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ทำให้ต้องมีการอพยพผู้คนออกจากพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทั้งๆ ที่คนเหล่านั้นอาศัยอยู่ในชุมชนดังกล่าวมาหลายชั่วคน ขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อนิเวศวิทยาซึ่งนำไปสู่ความเสียหายอย่างใหญ่หลวงได้
ผลกระทบของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติของชาตินี้ ยังอาจเกิดขึ้นจากเหตุภายนอกประเทศโดยรัฐไม่พยายามต่อสู้คุ้มครองสิทธิของชาติ ตัวอย่างเช่น การสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำโขง โดยอ้างว่าเป็นแม่น้ำที่อยู่ในประเทศของตน การกักเก็บน้ำดังกล่าวทำให้น้ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขงตอนล่างที่ไหลผ่านประเทศต่างๆ อันได้แก่ พม่า เวียดนาม ลาว กัมพูชา ประเทศไทย ลดปริมาตรลงซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อประเทศปลายน้ำ นอกจากนี้ยังมีการสร้างฝายเป็นขั้นบันไดอันอาจจะส่งผลให้ปลาบึกที่เป็นทรัพยากรสำคัญไม่สามารถวางไข่ได้ การระเบิดเกาะแก่งของจีนในแม่น้ำโขงเพื่อประโยชน์ในการเดินเรือ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อนิเวศวิทยา ฯลฯ ผลจากการกระทำดังกล่าวนี้ยังส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อการทำมาหากินของคนที่อาศัยอยู่บนฝั่งแม่น้ำโขงสองฝั่ง กรณีเช่นนี้เป็นการละเมิดสิทธิต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติโดยมหาอำนาจ ซึ่งประเทศที่เกี่ยวข้องรวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศควรจะหยิบยกเป็นประเด็นมาพิจารณาเพื่อหาทางแก้ไขต่อไป
แต่สิทธิในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติของชาติส่วนใหญ่มักจะเกิดความขัดแย้ง ตัวอย่างที่เห็นชัดคือความขัดแย้งระหว่างผู้ที่ทำเกษตรกรรมแบบจารีตนิยมและผู้ทำเกษตรกรรมแบบเกษตรอุตสาหกรรม อันดำเนินการโดยนายทุนกว้านซื้อที่ดินแปลงใหญ่ๆ เพื่อการเพาะปลูกขนาดใหญ่ ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ดั้งเดิมถูกไล่ที่ถอยร่นไปที่อื่น หรือในกรณีที่มีการใช้ที่ดินเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมก็จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อพื้นที่ในการประกอบเกษตรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าส่งผลต่อสภาวะแวดล้อม ความเจริญหรือการพัฒนาอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประชาชนที่ต้องการรักษาสภาพเดิมของภูมิทัศน์เพื่อการท่องเที่ยวกับความต้องการของกลุ่มนายทุนที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อการประกอบธุรกิจ ทั้งหลายทั้งปวงดังกล่าวนี้ย่อมจะนำไปสู่ความขัดแย้งและส่งผลต่อสิทธิในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติของชาติอันเป็นสิทธิโดยธรรมชาติของชุมชนดั้งเดิม
นอกเหนือจากการใช้ทรัพยากรจากที่ดิน น้ำ และทรัพยากรอื่นๆ ในยุคอารยธรรมคลื่นลูกที่สามของอัลวิน ทอฟเฟอร์ ยังมีทรัพยากรซึ่งเป็นสมบัติของคนทั้งชาติซึ่งต้องนำมาใช้เพื่อสาธารณประโยชน์นั่นคือคลื่นความถี่ที่ใช้ในการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และวิทยุโทรคมนาคม ซึ่งเป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติ จึงต้องมีการแบ่งสันปันส่วนแจกแจงอย่างยุติธรรม เช่นเดียวกับการแจกแจงทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์ทั้งภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริหาร
ทรัพยากรธรรมชาติของชาติโดยทั่วไปมีจำกัด การจัดระบบการแจกแจงแบ่งสันปันส่วนอย่างยุติธรรมเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ที่สำคัญที่สุดทรัพยากรธรรมชาติของชาตินั้นเป็นของคนทั้งประเทศ จะปล่อยให้มีการฉกฉวยประโยชน์ เอารัดเอาเปรียบ ครอบครองโดยกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมิได้
ประเด็นที่จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งในยุคที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมอันเป็นคลื่นอารยธรรมลูกที่สอง และการใช้ประโยชน์จากคลื่นวิทยุอันเป็นอารยธรรมของคลื่นลูกที่สาม คือการมีระบบ มีกฎหมาย มีการจัดการอย่างเป็นธรรมและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อคนที่อยู่ในคลื่นลูกที่หนึ่งเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เนื่องจากว่าทรัพยากรธรรมชาติของชาติเป็นของประชาชนทุกคน และการใช้ทรัพยากรดังกล่าวโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากชุมชนเดิมที่ทำมาหากินมาหลายชั่วคนเป็นสิทธิที่ต้องเคารพ แต่หลายกรณีเป็นเรื่องที่รัฐรุกสังคม โดยรัฐรุกสังคมด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขาดความชอบธรรมทางการเมือง
อันจะเห็นได้จากจากพระบรมราโชวาท “...ถ้าดูในทางกฎหมายเขา (หมายถึงราษฎร) ก็เป็นอยู่อย่างฝ่าฝืน เพราะว่าตรามาเป็นกฎหมายโดยชอบธรรม แต่ว่าถ้าตามธรรมชาติใครเป็นผู้ทำผิด ก็ผู้ที่ขีดเส้นนั่นเอง เพราะว่าบุคคลที่อยู่ในป่านั้นเขาอยู่มาก่อน เขามีสิทธิในทางเป็นมนุษย์ หมายความว่าทางราชการบุกรุกบุคคล ไม่ใช่บุคคลบุกรุกกฎหมายบ้านเมือง...” ( สงวน ลิ่วมโนมนต์, “ปรัชญากฎหมายไทย” ใน วารสารราชบัณฑิตยสถานฉบับเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ, หน้า 479)