xs
xsm
sm
md
lg

จ่อส่งศาลฟัน‘บรรณพจน์’ อัยการชี้ มท.1 ส่อผิดแพ่งเสนอ ครม.จ่ายค่ารถดับเพลิงฉาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อนุฯ ไต่สวนคดี “บรรณพจน์” พี่ชายบุญธรรมภรรยา “ทักษิณ” พร้อมพวก 6 คนจงใจเลี่ยงภาษี เตรียมสรุปให้บอร์ด คตส.พิจารณาส่งให้อัยการเพื่อฟ้องศาลคดีแรกวันที่ 12 ก.พ.นี้ ขณะที่ ปชป.ส่งหลักฐานให้ คตส. สอบ “อารีย์” อุ้มพรรคพวกระบอบทักษิณ ดันจ่ายเงินค่ารถดับเพลิงฉาวเข้าครม. ทั้งที่ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบการทุจริต เจ้าตัวลั่นทำตามระเบียบบริหารราชการ ขณะที่อัยการ เตือน มท.1 อาจต้องรับผิดชอบทางแพ่ง หากสัญญาจัดซื้อเป็นโมฆะในภายหลัง ด้าน กทม.ส่งหนังสือถึงธนาคารกรุงไทย สั่งระงับจ่ายเงินค่ารถดับเพลิงรวดแรกแล้ว

นายสัก กอแสงเรือง คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความ เสียหายแก่รัฐ (คตส.)ในฐานะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้น ชินคอร์ป กล่าว วานนี้ (9 ก.พ.) ถึงความคืบหน้าของคดีว่าในส่วนของการสอบสวนการซื้อขายหุ้น ชินคอร์ปฯนั้น นายบรรณพจน์ดามาพงศ์ อดีตประธานบริหารชินคอร์ป จะเดินทาง มาชี้แจงในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่ นายบรรณพจน์จะขอเลื่อนได้อีกและนายบรรณพจน์เป็นคนกำหนดวันมาเอง

นายสัก ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณี นายบรรณพจน์และพวกรวม 6 คนจงใจเลี่ยงภาษี ซื้อขายหุ้นบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ฯ ยังกล่าวถึง ความคืบหน้าของการไต่สวนว่าที่ประชุมวันนี้ ได้เชิญนายมนตรี ศรไพศาล จาก บริษัท เงินทุนหลักทรัพย์กิมเอง มาเพื่อต้องการขอทราบข้อมูลเรื่องหุ้นจาก นายมนตรี เพราะคณะอนุกรรมการฯยังมีความรู้เรื่องหุ้นไม่มาก

นายสัก ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณี นายบรรณพจน์และพวกรวม 6 คน จงใจเลี่ยงภาษี ซื้อขายหุ้นบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ฯ ยังกล่าวถึง ความคืบหน้าว่า หากทันจะนำเข้าที่ประชุม คตส.ชุดใหญ่ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์นี้ หากไม่ทันต้องเลื่อนไปอีก 1 สัปดาห์ เพราะขณะนี้ได้สรุปประเด็นเสร็จหมดแล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมทำเอกสารให้ครบ ถ้าที่ประชุมใหญ่มีมติให้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุด ก็จะส่งไปตามขั้นตอน

“เราทำสมบูรณ์ที่สุด แต่ผลจะออกมาอย่างไรอยู่ที่การตัดสินของศาล คตส.คงไม่สามารถบอกตอนนี้ได้ว่า จะหลุดหรือไม่หลุด ส่วนจะมีการระบุความผิดเพิ่มเติมหรือไม่ อย่างไร ให้รอดูที่ประชุมใหญ่ คตส.”

ยันหากมีมติ ครม.งาน คตส.เร็วขึ้น

นายสัก ยังกล่าวในฐานะโฆษก คตส.ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีออกมาระบุว่า ไม่จำเป็นต้องออกเป็นมติ ครม.ให้ข้าราชการร่วมมือกับ คตส.ว่า ขอให้หนังสือของ คตส.ที่ระบุเหตุผลไปถึงนายกรัฐมนตรีก่อน จากนั้นขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีที่จะพิจารณา เพราะหากออกเป็นมติ ครม.และส่งหนังสือเวียนไปทุกส่วนราชการก็จะทำให้การทำงาน คตส. รวดเร็วและมีผลได้ทันที จะได้ไม่ทำงานลำบากเสียเวลา ในเรื่องของการประสานงาน และไม่จำเป็นต้องพบกันบ่อย

ส่วนการแก้กฎหมาย ป.ป.ช. ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง คงไม่เกี่ยวกันเพราะถ้าเราขอความร่วมมือไปและมีการตอบส่งเอกสารที่ครบถ้วนสมบูรณ์โดยไม่มีการตัดทอนให้ คตส.ก็จะทำให้เราได้ข้อมูลที่แท้จริง

มีรายงานข่าวจากอนุกรรมการไต่สวนโครงการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด CTX 9000 ในสนามบินสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะอนุกรรมการ ไต่สวนได้ส่งรายชื่ออนุกรรมการไต่สวนให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 31 คน ได้คัดค้าน ปรากฏว่าขณะนี้มีผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 2 รายยังไม่ได้รับหนังสือเนื่องจากจดหมาย ถูกตีกลับไม่มีคนรับตามที่อยู่ที่ คตส.ได้ส่งไป คือ นายอดิเทพ นาควิสุทธิ์ อดีตประธานคณะกรรมการพิจารณาต่อรองราคาการจัดซื้อ กับ พล.อ.สมชัย สมประสงค์ กรรมการบริหารบริษัท ทอท.

ปชป.ยื่นเอกสารเอาผิด มท.1

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ (9 ก.พ.) นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้ายื่นข้อมูลเพิ่มเติมต่อ นายประเสริฐ บุญศรี ประธานอนุกรรมการตรวจสอบกรณีการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงกทม. ของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) พร้อมเข้าให้ข้อมูลต่อที่ประชุมนานร่วม 30 นาที

จากนั้น นายยุทธพงศ์ เปิดเผยว่า ได้มอบหลักฐานเป็นเอกสารวาระการประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่นายอารี วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย ขอให้นำเข้าสู่การ พิจารณาใน ครม.ลงเลขที่ มท.0100/1444 วันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนในการรายงานความคืบหน้าโครงการดังกล่าว ซึ่งมีสาระสำคัญ คือ การเสนอให้ธนาคารกรุงไทยจ่ายเงินให้บริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ โดยไม่เปิดโอกาสให้รัฐมนตรีอื่นได้พิจารณาเรื่องก่อน เพราะได้เสนอเรื่องด่วนต่อ นายรองพล เจริญพันธุ์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามอนุญาตให้นำเข้าพิจารณาในที่ประชุม ครม.วันเดียวกัน

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า สิ่งที่น่าสังเกตอีกประเด็นคือ หนังสือดังกล่าวพิมพ์ที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. แต่เลขหัวหนังสือกลับออกที่กระทรวงมหาดไทย จึงน่าจะมีเลศนัยว่า คนเสนอเรื่องเข้า ครม.ต้องการช่วยเหลือ กลุ่มผลประโยชน์การเมืองเก่าที่เกี่ยวข้องในกรณีนี้ เพราะหาก ครม.มีมติออกมาจะกลายเป็นการช่วยเหลือโดยทำเรื่องดำให้เป็นขาว และขอยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นวาระจรเพื่อพิจารณา ไม่ใช่วาระเพื่อทราบตามที่นายอารีย์ กล่าวอ้าง

อย่างไรก็ตามนายประเสริฐ ระบุว่า จะรับเรื่องนี้มาเป็นข้อมูล เพื่อประกอบการพิจารณาไปในคราวเดียวกันว่าจะมีคนผิดเพิ่มขึ้นหรือไม่

“เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา บริษัท สไตเออร์ฯ ยอมตกลงให้ กทม. จ่ายเงินงวดแรก จำนวน 845 ล้านบาท พร้อมกับงวดที่ 2 ในอีก 6 เดือนข้างหน้า แต่นายอารีย์ กลับเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เพื่อให้ดำเนินการตามสัญญา ดังนั้น หากมีความเสียหายเกิดขึ้น นายอารีย์ ต้องรับผิดชอบทั้งหมด และไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใดรัฐบาลจึงตั้งนายอารีย์ เป็น รมว.มหาดไทย หากหาคนไม่ได้มาบอกผมก็ได้ ผมพร้อมที่จะเป็นแทนให้”

ด้านนายประเสริฐ บุญศรี ประธานอนุกรรมการตรวจสอบกรณีการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงของ กทม กล่าวว่า จะสามารถสรุปคดีนี้อย่างช้าในวันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้ เติมต่อนาย ประเสริฐ บุญศรี ประธานอนุกรรมการตรวจสอบกรณีการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงของ กทม. พร้อมเข้าให้ข้อมูลต่อที่ประชุมนานร่วม 30 นาที

“อารีย์”ยันทำตามระเบียบราชการ

ด้านนายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหลักฐานกล่าวหา รมว.มหาดไทย เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีนำเรื่องการจ่ายเงินค่ารถดับเพลิงงวดแรกของ กทม.เสนอเข้าที่ประชุม ครม.ว่า กทม.ในฐานะผู้ทำสัญญามีความจำเป็นจะต้องจ่ายเงินงวดแรกจากการจัดซื้อรถดับเพลิงให้ บริษัท สไตเออร์ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ หากไม่ปฏิบัติตาม รัฐอาจต้องเสียเงินกินเปล่า ทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐเป็นวงกว้างมากขึ้น ซึ่งตนไม่ได้ให้ความสนใจว่า จะมีการหารือเพื่อหาทางออกภายใน พรรคประชาธิปัตย์กับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะเป็นอย่างไร แต่ขอยืนยันว่ากระทรวงมหาดไทยได้ปฏิบัติตามระเบียบการบริหารราชการแผ่นดินอย่างเคร่งครัด และรายงานให้ ครม.รับทราบโดยตลอด

“ผมทำตามระเบียบราชการแผ่นดินอย่างเคร่งครัด รายงานให้ ครม. ทราบตลอดใครอยากไปฟ้องที่ไหนเชิญตามสบาย เขาไม่รู้กฎหมาย ออกมาระบุว่า การจ่ายเงินจะทำให้ผู้เกี่ยวข้องกับกรณีนี้พ้นมลทิน นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเคยยืนยันไปแล้วว่า การปฏิบัติตามสัญญา เป็นคนละประเด็นกับการนำผู้ทุจริตมาลงโทษ แม้จะมีความจำเป็นต้องจ่ายเงินตามสัญญา แต่หากคำชี้ขาดของ คตส. พบว่า เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ก็สามารถนำตัวผู้ทุจริตมาลงโทษภายหลังได้”

อัยการติง มท.1 อาจต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย

นายนันทศักดิ์ พูลสุข รองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวถึง กรณีที่ นายยุทธพงษ์ ยื่นเรื่องให้ คตส. ตรวจสอบ นายอารีย์ วงศ์อารยะ ที่ได้นำเรื่องเงิน ค่ารถดับเพลิงงวดแรกของ กทม. เสนอต่อ ครม. เพื่อให้จ่ายเงินงวดแรกให้กับทาง บริษัท สไตเออร์ ผู้ขาย ทั้งที่สัญญาจัดซื้อยังมีปัญหา และอยู่ในระหว่างการตรวจสอบของ คตส. ุว่า เนื่องจากอำนาจในการจัดซื้อเป็นของ ครม.หาก ครม. เห็นว่าควรจ่าย ก็เป็นไปตามนั้น อีกทั้งตอนนี้สัญญาจัดซื้อรถดับเพลิง ยังไม่มีการบอกเลิก จึงต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการปฏิบัติตามสัญญา

อย่างไรก็ตาม หากส่งมอบเงินค่ารถดับเพลิงไปแล้ว แต่ต่อมาเกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง ทำให้สัญญาที่ทำกันไว้ตกเป็นโมฆะ ทั้งนายอารีย์ ผู้เสนอเรื่องและ ครม. ที่เห็นชอบ จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งที่เกิดขึ้น เพราะถือว่า เป็นการประมาทเลินเล่อ ซึ่งกรณีที่จะทำให้สัญญาเป็นโมฆะอาจเกิดขึ้นได้ถ้าหาก ในการทำสัญญาจัดซื้อรถดับเพลิง มีเรื่องสินบนเข้ามาเกี่ยวข้อง”

นายนันทศักดิ์ ระบุอีกว่า การจ่ายเงินค่ารถดับเพลิงงวดแรกให้กับบริษัท สไตเออร์ ผู้ขายไม่มีผลต่อคดีทุจริตจัดซื้อรถดับเพลิงที่ทาง คตส. กำลังตรวจสอบอยู่เพราะเป็นคนละเรื่องกัน เนื่องจากกรณีนี้เป็นเรื่องสัญญาทางแพ่ง

“การที่จะเอาผิดกับนายอารีย์ ที่เป็นผู้เสนอเรื่องนี้เข้า ครม.ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ซึ่งเป็นความผิดทางอาญานั้น ไม่น่าจะได้เพราะทางคตส. เองก็ไม่ได้มีการแจ้งต่อ ครม.ให้ระงับการปฏิบัติตามสัญญาไว้ก่อน และการที่จะเอาผิดทางอาญากับนายอารีย์ ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบได้นั้น จะต้องมีข้อเท็จจริงปรากฏว่านายอารีย์ รู้อยู่แล้วว่าจะเกิดความเสียหายขึ้นในอนาคต หากมีการจ่ายเงินค่ารถดับเพลิงไป หรือว่าไปรับเงินรับทองจากใครมาผลักดันเรื่องนี้ ซึ่งก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวแต่อย่างใด”

กทม.ระงับจ่ายเงินงวดแรก

นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวภายหลังหารือร่วมกับนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองผู้ว่าฯ กทม. และ นายชนินทร์ รุ่งแสง โฆษก กทม. เพื่อหาแนวทางระงับการชำระค่ารถดับเพลิงงวดแรก ในวันที่ 12 ก.พ.นี้ ว่า กทม.ได้มีหนังสือถึง ผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ยืนยันการชะลอการจ่ายเงินค่าอุปกรณ์และรถดับเพลิง จำนวน 16.9 ล้านยูโร ออกไปก่อน เพื่อรอผลการวินิจฉัยของ คตส. พร้อมทั้งขอให้ธนาคารระงับการตัดยอดเงินจากบัญชีของกทม. โดยเชื่อมั่นว่า ธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นธนาคารของรัฐ มีความเข้าใจดีถึงความจำเป็น และจะอนุมัติตามที่ กทม. ร้องขอ

ด้าน นายพนิช กล่าวว่า กทม. ได้เตรียมความพร้อมและศึกษาขั้นตอนต่างๆ ไว้รองรับแล้ว ขณะนี้ กทม. ยังไม่ได้รับของแต่อย่างใด หากผลวินิจฉัยของ คตส. ออกมาระบุว่าให้ กทม. ดำเนินการได้ กทม. ก็พร้อมจะจัดสรรงบประมาณทั้งในส่วนที่ กทม. ต้องจ่ายเองร้อยละ 40 และเงินอุดหนุนของรัฐ ร้อยละ 60 ในส่วนของสินค้าที่บริษัทสไตร์เออร์ เดมเลอร์ ได้ส่งมาที่ท่าเรือแหลมฉบังขณะนี้ กทม. จะทำหนังสือประสานขอยกเว้นค่าระวางหน้าท่าไปก่อน

“ลูกชวน”อ้างพ่อห้ามส่งข้อมูลทุจริต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.45 น. วันเดียวกัน นายสุรบถ หลีกภัย บุตรชาย นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนางภักดิพร สุจริตกุล มารดา ได้เดินทางมายังสำนักงาน สตง. โดยนางภักดิพร ได้รออยู่ที่รถ และให้นายสุรบถ เดินทางเข้าพบคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง. และกรรมการ คตส.เพียงคนเดียว เพื่อขอโทษหลังจากเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้นัดหมายว่าจะมีการมอบเอกสารเกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมือง

นายสุรบถ กล่าวว่า เดิมตั้งใจจะมายื่นเบาะแสเกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมือง แต่หลังจากได้นำข้อมูลทั้งหมดไปปรึกษากับบิดา ปรากฏว่าบิดาให้ยับยั้งเรื่องเอาไว้ก่อน และให้ไปรวบรวมข้อมูลหลักฐานให้แน่นหนามากขึ้น จึงไม่สามารถ เปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดได้ เพราะอาจจะโดนฟ้อง และเรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องถึงชีวิต ของตนและกลุ่มเพื่อนที่ช่วยรวบรวมข้อมูล ดังนั้น ตนจึงต้องการขอโทษ คุณหญิงจารุวรรณ ที่ก่อนหน้านี้ได้นัดว่าจะมายื่นเอกสาร

นายสุรบถ ยืนยันว่า จะกลับไปหาข้อมูลเพิ่มเติมกับกลุ่มเพื่อน เพื่อมายื่นต่อ คตส.อีกครั้งหนึ่ง เพราะเมื่อเยาวชนอายุ 18 ปีสามารถไปเลือกตั้งได้ ก็แสดงว่า เยาวชนอายุ 19 ปีมีวุฒิภาวะพอที่จะดูได้ว่านักการเมืองคนไหนดีหรือไม่ดี

“คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกตายได้ ถ้าเราจะตายเพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตายเพื่อประเทศชาติ ปลื้มก็พอใจ”

ด้านคุณหญิงจารุวรรณ กล่าวว่า เป็นสิทธิและเป็นความพึงพอใจของผู้ที่จะยื่น เมื่อนายสุรบถต้องการไปรวบรวมหลักฐานให้แน่นหนาก็สามารถทำได้ และ สตง. ก็พร้อมรับข้อมูลตลอดเวลา จากนั้นได้เชิญนายสุรบถ ขึ้นไปที่ห้องพักรับรองนานประมาณ 30 นาที โดยในระหว่างนั้นนายชวน ได้โทรศัพท์ติดต่อพุดคุยกับคุณหญิงจารุวรรณด้วย

แย้มพบทุจริตต้นกล้าผักชี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการให้สัมภาษณ์นายสุรบถพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะเปิดเผยถึงโครงการทุจริตที่ติดตาม โดยอ้างเพียงว่าเป็นเรื่องต้นกล้าผักชี ซึ่งเกี่ยวกับ 2 ครอบครัวที่สนิทกันและส่งลูกไปเรียนอังกฤษด้วย โดยครอบครัวหนึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับนำเข้าเหล็ก และมีภรรยารัฐมนตรีคนหนึ่งจ้างช่างตัดผมมาจากฮ่องกง ค่าตัดผมเดือนละแสนบาท โดยทั้ง 2 ครอบครัวมีที่ดินบริเวณเขาใหญ่กว่าร้อยไร่ จึงอยากให้มีการตรวจสอบที่ดินดังกล่าวบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนหรือไม่ หากไม่ถูกต้องขอให้ยึดคืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อพยายามสอบถามว่าเรื่องที่พูดเป็นเรื่องจริงหรือโกหก นายสุรบถ เพียงแต่ยิ้ม และยกมือไหว้เพื่อลาผู้สื่อข่าว พร้อมกับระบุว่าจะกลับไปหาข้อมูลให้แน่นหนามากขึ้น และไม่ทราบว่าจะเสร็จเมื่อใด

สำหรับนาย สุรบถ ปัจจุบันอายุ 19 ปี กำลังศึกษาที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปี 2 คณะรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง และอยู่ในระหว่างเตรียมตัวสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
กำลังโหลดความคิดเห็น