กกต.นัด 44 พรรคการเมืองซักซ้อมความเข้าใจก่อนเปิดทางประชุมใหญ่ได้ภายในเดือนเม.ย.นี้ พร้อมเสนอพรรคการเมืองลงสัตยาบัน ห้ามคว่ำรัฐธรรมนูญ
นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)แถลงว่า กกต.จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมพรรคการเมืองทั้งที่จดทะเบียนอยู่ในขณะนี้จำนวน 44 พรรค ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ เวลา 14.00 น. ที่โรงแรมปรินซ์ พาเลซ เพราะมีวัตถุประสงค์จำเป็นที่ กกต.จะต้องซักซ้อมความเข้าใจ ให้ทุกพรรคการเมืองปฏิบัติตามกฎหมาย เนื่องจากพรรคการเมืองต้องจัดทำบัญชีของพรรคการเมืองตามมาตรา 38 แล้ว ต้องปิดบัญชีในวันที่ 31 ธ.ค.49 เมื่อปิดบัญชีแล้ว ต้องจัดทำงบการเงิน รวมทั้งต้องจัดประชุมใหญ่ภายในเดือนเม.ย.50 และต้องแจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองหลังการประชุมใหญ่ 30 วัน นอกจากนั้นต้องทำความเข้าใจในเรื่องการปรับปรุงฐานข้อมูลสมาชิกพรรคที่มีความซ้ำซ้อนและมีข้อบกพร่องอยู่มาก รวมถึงข้อมูลที่ กกต.จัดเก็บยังมีการรั่วไหลอยู่ ซึ่งในส่วนของ กกต.ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาปรับปรุงเรื่องฐานข้อมูลแล้ว
ทั้งนี้การจัดการกับเรื่องฐานข้อมูลที่รั่วไหล ได้มีการดำเนินคดีกับผู้ที่รู้เห็นเพียงคนเดียวโดยผู้บังคับบัญชาปฎิเสธ ว่าไม่ทราบรหัสผ่าน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ที่จะมีคนรู้เพียงคนเดียว
นางสดศรี กล่าวอีกว่า ประเด็นที่จะพูดคุยกับพรรคการเมืองคือ เรื่องการจัดสรรเงินให้กับพรรคการเมือง ที่ยังมีกองทุนในปี 49 จำนวน 600 ล้านบาท แต่ในปี 50 กองทุนยังไม่ได้รับงบประมาณ จึงต้องแจ้งให้พรรคการเมืองรับทราบถึงแนวทางในการจัดสรรเงิน ที่สำคัญจะรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะในการยกร่างรัฐธรรมนูญ และกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องจากตัวแทนพรรคการเมืองด้วย รวมถึงทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ของประเทศ เพื่อให้เกิดความสามัคคี และขอความร่วมมือในการจัดทำประชามติในการเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งอาจจะให้พรรคการเมืองทำสัตยาบันร่วมกัน ไม่ให้มีการคว่ำการลงประชามติด้วย
นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)แถลงว่า กกต.จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมพรรคการเมืองทั้งที่จดทะเบียนอยู่ในขณะนี้จำนวน 44 พรรค ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ เวลา 14.00 น. ที่โรงแรมปรินซ์ พาเลซ เพราะมีวัตถุประสงค์จำเป็นที่ กกต.จะต้องซักซ้อมความเข้าใจ ให้ทุกพรรคการเมืองปฏิบัติตามกฎหมาย เนื่องจากพรรคการเมืองต้องจัดทำบัญชีของพรรคการเมืองตามมาตรา 38 แล้ว ต้องปิดบัญชีในวันที่ 31 ธ.ค.49 เมื่อปิดบัญชีแล้ว ต้องจัดทำงบการเงิน รวมทั้งต้องจัดประชุมใหญ่ภายในเดือนเม.ย.50 และต้องแจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองหลังการประชุมใหญ่ 30 วัน นอกจากนั้นต้องทำความเข้าใจในเรื่องการปรับปรุงฐานข้อมูลสมาชิกพรรคที่มีความซ้ำซ้อนและมีข้อบกพร่องอยู่มาก รวมถึงข้อมูลที่ กกต.จัดเก็บยังมีการรั่วไหลอยู่ ซึ่งในส่วนของ กกต.ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาปรับปรุงเรื่องฐานข้อมูลแล้ว
ทั้งนี้การจัดการกับเรื่องฐานข้อมูลที่รั่วไหล ได้มีการดำเนินคดีกับผู้ที่รู้เห็นเพียงคนเดียวโดยผู้บังคับบัญชาปฎิเสธ ว่าไม่ทราบรหัสผ่าน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ที่จะมีคนรู้เพียงคนเดียว
นางสดศรี กล่าวอีกว่า ประเด็นที่จะพูดคุยกับพรรคการเมืองคือ เรื่องการจัดสรรเงินให้กับพรรคการเมือง ที่ยังมีกองทุนในปี 49 จำนวน 600 ล้านบาท แต่ในปี 50 กองทุนยังไม่ได้รับงบประมาณ จึงต้องแจ้งให้พรรคการเมืองรับทราบถึงแนวทางในการจัดสรรเงิน ที่สำคัญจะรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะในการยกร่างรัฐธรรมนูญ และกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องจากตัวแทนพรรคการเมืองด้วย รวมถึงทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ของประเทศ เพื่อให้เกิดความสามัคคี และขอความร่วมมือในการจัดทำประชามติในการเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งอาจจะให้พรรคการเมืองทำสัตยาบันร่วมกัน ไม่ให้มีการคว่ำการลงประชามติด้วย