รองแม่ทัพภาค 2 แฉยังมีคลื่นใต้น้ำเคลื่อนไหวปล่อยข่าวลือ แจกใบปลิวโจมตีรัฐบาล-คมช.ต่อเนื่อง ย้ำสื่อท้องถิ่นอย่าตกเป็นเครื่องมือ ด้านตำรวจบุรีรัมย์ผงะ ! บุกยึดอาวุธสงครามทั้งอาก้า-เอ็ม16 รวม 8 กระบอกพร้อมแม็กกาซีนฝังใต้ดินกลางทุ่งนา คาดเป็นของกลุ่มคนร้ายที่นำเข้ามาเตรียมก่อเหตุร้ายในช่วงการเลือกตั้งท้องถิ่น หรือเพื่อสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในบ้านเมือง
ที่จังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ วานนี้ (1 ก.พ.) พล.ต. ธีระศักดิ์ ฤทธิวงศ์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เชิญสื่อมวลชนทุกแขนง ทั้งสถานีวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ ผู้ดำเนินการวิทยุชุมชน และเคเบิลทีวีในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์กว่า 100 คน เข้าประชุมหารือ เพื่อชี้แจงสถานการณ์บ้านเมืองและขอความร่วมมือในการนำเสนอข่าวเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ แก่ประชาชนในระดับรากแก้ว
โดยเฉพาะวิทยุชุมชน ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารที่เข้าถึงประชาชนในระดับท้องถิ่นมากที่สุดเพื่อนำเสนอข่าวสารข้อเท็จจริง เพราะที่ผ่านมายังพบว่าในบางแง่มุมบางประเด็นที่ประชาชนในชุมชนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากได้มีการปล่อยข่าวลือรวมทั้งการแจกจ่ายใบปลิวโจมตีการทำงานของรัฐบาล และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ พล.ต.ธีระศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า คมช.ไม่ต้องการที่จะสืบทอดอำนาจ และรัฐบาลได้ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะมีการเลือกตั้ง ส.ส.ภายในปีนี้ ซึ่งประชาชนจะต้องเข้ามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียงการเลือกตั้ง นอกจากนั้นทางกองทัพภาคที่ 2 จะได้จัดทำคู่มือแนวทางการแจ้งเหตุหรือการแจ้งเบาะแสในการรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการ หรือวัตถุต้องสงสัยให้กับผู้นำและประชาชน
รวมทั้งจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ สนับสนุนการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ทั้งในระดับกองทัพภาคที่ 2 และระดับจังหวัด ซึ่งจะมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานและประชาสัมพันธ์จังหวัด เป็นเลขานุการ เพื่อให้การประชาสัมพันธ์และการเสนอข่าวเป็นอย่างสร้างสรรค์และเป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย
ขณะนี้เหตุการณ์ต่าง ๆ เริ่มเบาบางลงเพราะทุกฝ่ายทั้งตำรวจ ทหาร ครู ชาวบ้านและองค์กรท้องถิ่น ต่างให้ความร่วมมือกันอย่างเต็มที่ ซึ่งนับเป็นผลดีกับบ้านเมือง ส่วนคดีวางเพลิงโรงเรียนและวัดตำรวจก็สรุปได้แล้วหลายคดี ทั้งเหตุไฟลัดวงจรและความคึกคะนองของคน
“ส่วนที่มาพบสื่อในครั้งนี้เพื่อขอความร่วมมือในการเสนอข่าวว่าอย่าตก เป็นเครื่องมือเสนอข่าวของพวกก่อความไม่สงบ เพราะจะกลายเป็นการส่งเสริมพวกไม่รักชาติ”
วันเดียวกัน พล.ต.ต.ชินทัต มีศุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล พ.ต.อ.นิวัฒน์ ชูภู่ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ และตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำอาวุธปืนสงคราม เอเค 47 หรืออาก้า 7 กระบอก และปืนเอ็ม 16 อีก 1 กระบอกรวม 8 กระบอกพร้อมแม็คกาซีน หรือซองกระสุนปืนอาก้า 2 ซองซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงและอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน ออกมาแถลงข่าวกับสื่อมวลชนที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดได้ในพื้นที่ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์เมื่อคืนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เนื่องจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบถังสารเคมีสีฟ้าขนาดใหญ่ ความสูงประมาณ 80 เซนติเมตร ภายในมีอาวุธปืนสงครามชโลมด้วยจราบี บรรจุถุงพลาสติก ฝังอยู่ใต้ดินกลางทุ่งนา บริเวณหมู่บ้านโคกใหญ่ ม.1 ต.คูเมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานสืบสวนและหน่วยปฎิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เข้าไปตรวจสอบและยึดไว้เป็นหลักฐานเพื่อสืบสวนหาเจ้าของปืน หรือกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่นำอาวุธปืนดังกล่าวมาซุกซ่อนฝังเอาไว้ เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
อาวุธปืนดังกล่าวเบื้องต้นยังไม่ทราบว่าเป็นของใคร คาดว่าจะนำมาก่อเหตุร้ายหรือก่อความไม่สงบในช่วงที่มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลคูเมือง เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา เพราะพื้นที่ดังกล่าวมีการแข่งขันการเลือกตั้งเข้มข้นและรุนแรง หรืออาจจะนำก่อเหตุสร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการตรวจยึดอาวุธสงครามรายใหญ่ที่สุดของ จ.บุรีรัมย์
พล.ต.ต.ชินทัต กล่าวว่า กรณีดังกล่าวได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกสืบสวนสอบสวนหาข่าวในเชิงลึกว่าอาวุธปืนสงครามที่ตรวจยึดได้เป็นของใคร ซึ่งเชื่อว่าจะลักลอบเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน เพราะจังหวัดบุรีรัมย์มีพื้นที่ติดแนวชายแดนประเทศกัมพูชา อีกทั้งได้สั่งการให้ทุกสถานีตำรวจทุกแห่ง ได้มีการตรวจตราและเฝ้าระวังสืบสวนหาข่าวของกลุ่มขบวนการดังกล่าวอย่างเข้มข้นแล้ว
ทั้งนี้ จะได้นำอาวุธปืนสงครามที่ตรวจยึดได้ดังกล่าว ส่งกองพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อตรวจพิสูจน์อาวุธปืนดังกล่าว หาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ที่จังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ วานนี้ (1 ก.พ.) พล.ต. ธีระศักดิ์ ฤทธิวงศ์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เชิญสื่อมวลชนทุกแขนง ทั้งสถานีวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ ผู้ดำเนินการวิทยุชุมชน และเคเบิลทีวีในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์กว่า 100 คน เข้าประชุมหารือ เพื่อชี้แจงสถานการณ์บ้านเมืองและขอความร่วมมือในการนำเสนอข่าวเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ แก่ประชาชนในระดับรากแก้ว
โดยเฉพาะวิทยุชุมชน ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารที่เข้าถึงประชาชนในระดับท้องถิ่นมากที่สุดเพื่อนำเสนอข่าวสารข้อเท็จจริง เพราะที่ผ่านมายังพบว่าในบางแง่มุมบางประเด็นที่ประชาชนในชุมชนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากได้มีการปล่อยข่าวลือรวมทั้งการแจกจ่ายใบปลิวโจมตีการทำงานของรัฐบาล และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ พล.ต.ธีระศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า คมช.ไม่ต้องการที่จะสืบทอดอำนาจ และรัฐบาลได้ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะมีการเลือกตั้ง ส.ส.ภายในปีนี้ ซึ่งประชาชนจะต้องเข้ามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียงการเลือกตั้ง นอกจากนั้นทางกองทัพภาคที่ 2 จะได้จัดทำคู่มือแนวทางการแจ้งเหตุหรือการแจ้งเบาะแสในการรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการ หรือวัตถุต้องสงสัยให้กับผู้นำและประชาชน
รวมทั้งจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ สนับสนุนการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ทั้งในระดับกองทัพภาคที่ 2 และระดับจังหวัด ซึ่งจะมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานและประชาสัมพันธ์จังหวัด เป็นเลขานุการ เพื่อให้การประชาสัมพันธ์และการเสนอข่าวเป็นอย่างสร้างสรรค์และเป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย
ขณะนี้เหตุการณ์ต่าง ๆ เริ่มเบาบางลงเพราะทุกฝ่ายทั้งตำรวจ ทหาร ครู ชาวบ้านและองค์กรท้องถิ่น ต่างให้ความร่วมมือกันอย่างเต็มที่ ซึ่งนับเป็นผลดีกับบ้านเมือง ส่วนคดีวางเพลิงโรงเรียนและวัดตำรวจก็สรุปได้แล้วหลายคดี ทั้งเหตุไฟลัดวงจรและความคึกคะนองของคน
“ส่วนที่มาพบสื่อในครั้งนี้เพื่อขอความร่วมมือในการเสนอข่าวว่าอย่าตก เป็นเครื่องมือเสนอข่าวของพวกก่อความไม่สงบ เพราะจะกลายเป็นการส่งเสริมพวกไม่รักชาติ”
วันเดียวกัน พล.ต.ต.ชินทัต มีศุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล พ.ต.อ.นิวัฒน์ ชูภู่ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ และตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำอาวุธปืนสงคราม เอเค 47 หรืออาก้า 7 กระบอก และปืนเอ็ม 16 อีก 1 กระบอกรวม 8 กระบอกพร้อมแม็คกาซีน หรือซองกระสุนปืนอาก้า 2 ซองซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงและอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน ออกมาแถลงข่าวกับสื่อมวลชนที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดได้ในพื้นที่ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์เมื่อคืนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เนื่องจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบถังสารเคมีสีฟ้าขนาดใหญ่ ความสูงประมาณ 80 เซนติเมตร ภายในมีอาวุธปืนสงครามชโลมด้วยจราบี บรรจุถุงพลาสติก ฝังอยู่ใต้ดินกลางทุ่งนา บริเวณหมู่บ้านโคกใหญ่ ม.1 ต.คูเมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานสืบสวนและหน่วยปฎิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เข้าไปตรวจสอบและยึดไว้เป็นหลักฐานเพื่อสืบสวนหาเจ้าของปืน หรือกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่นำอาวุธปืนดังกล่าวมาซุกซ่อนฝังเอาไว้ เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
อาวุธปืนดังกล่าวเบื้องต้นยังไม่ทราบว่าเป็นของใคร คาดว่าจะนำมาก่อเหตุร้ายหรือก่อความไม่สงบในช่วงที่มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลคูเมือง เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา เพราะพื้นที่ดังกล่าวมีการแข่งขันการเลือกตั้งเข้มข้นและรุนแรง หรืออาจจะนำก่อเหตุสร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการตรวจยึดอาวุธสงครามรายใหญ่ที่สุดของ จ.บุรีรัมย์
พล.ต.ต.ชินทัต กล่าวว่า กรณีดังกล่าวได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกสืบสวนสอบสวนหาข่าวในเชิงลึกว่าอาวุธปืนสงครามที่ตรวจยึดได้เป็นของใคร ซึ่งเชื่อว่าจะลักลอบเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน เพราะจังหวัดบุรีรัมย์มีพื้นที่ติดแนวชายแดนประเทศกัมพูชา อีกทั้งได้สั่งการให้ทุกสถานีตำรวจทุกแห่ง ได้มีการตรวจตราและเฝ้าระวังสืบสวนหาข่าวของกลุ่มขบวนการดังกล่าวอย่างเข้มข้นแล้ว
ทั้งนี้ จะได้นำอาวุธปืนสงครามที่ตรวจยึดได้ดังกล่าว ส่งกองพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อตรวจพิสูจน์อาวุธปืนดังกล่าว หาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป