เพราะอเมริกาเป็นประเทศใหญ่ เป็นชาติมหาอำนาจมีพลเมืองมาก เพราะฉะนั้นอเมริกันจึงมีกำลังมาก และได้ใช้คนและทรัพยากรของตนออกเที่ยวฆ่าคนไปทั่วโลก เพื่อเพิ่มความยิ่งใหญ่ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก อเมริกาจึงต้องฆ่าคนไปทุกหนทุกแห่ง แต่หลังจากเที่ยวสำแดงอิทธิฤทธิ์อิทธิพลมาพอสมควรแล้วปรากฏว่า ในตอนหลังๆ ความสามารถในการฆ่าคนก็เริ่มน้อยลง ไม่ว่าในจีน เวียดนาม เขมร ไม่ว่าอเมริกาจะหอบหิ้วไปรบที่ไหนฉิบหายที่นั่น
ว่ากันว่าหลายปีมาแล้วตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 และสงครามล่าเมืองขึ้นที่ทำติดต่อกันมาหลายสิบปีนั้น อเมริกาโงหัวไม่ขึ้น ไม่ว่าจะใช้ความเฉลียวฉลาดและความสามารถประการใดที่นำมาใช้ก็ตาม อเมริกาอยู่ได้ก็อาศัยบุญบารมีเก่าหากินในเกาหลี ทั้งเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ก็อดทนมาอย่างมาก และพยายามกัดฟันสู้มาหลายสิบปีทั้งสู้ในรูปของฝูงหมาป่าที่รู้จักกันสำหรับคนไทยว่าสงครามเกาหลีนั้น ทหารทาสทั้งหลายที่เกิดมารับใช้อเมริกาในฐานะทาสอเมริกาก็ไม่มีอะไรติดมือออกมา หลังจากสงครามเกาหลี นอกจากทิ้งทหารไว้ 60,000 คน เพื่อช่วยฝึกฝนให้ผู้หญิงเกาหลีใต้สามารถหากินทางการขายตัวกินเลี้ยงเกาหลีไปได้ชั่วชีวิต
เวลานี้นอกจากคนและทหารอเมริกันตายราพณาสูรก็ไม่เคยประสบความสำเร็จใดๆในทางการเมืองนอกจากเสียงสาปแช่งอึกทึกครึกโครมไปทั่วทั้งโลก อีกทั้งยังไม่สะใจพาคนอเมริกันจำนวนหมื่นๆ คนโดยโกหกว่าจะสร้างระบอบประชาธิปไตยขึ้นในประเทศ โดยมีการลงทุนฆ่าประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ไปแล้วรายหนึ่ง ตอนนี้ก็รีบส่งทหารพร้อมด้วยอาวุธสมัยใหม่เป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 30,000 คน และยังจะเพิ่มให้มากขึ้นเพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ และเปิดฉากฟาดฟันกับอิหร่านซึ่งอาจจะใช้อีกหลายหมื่นคน เพราะการจะไปหาทางให้อิหร่านฆ่าคนอเมริกันนั้น จะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าในประเทศอิรัก
อเมริกาเป็นประเทศที่ทำอะไรเป็นล่ำเป็นสันไม่ได้ นอกจากหาทางให้คนอเมริกันไปตายเป็นขั้นเป็นตอน ขั้นตอนแรกก็พ่ายแพ้อย่างสุนัขมาแล้วในจีน เวียดนาม เขมร แล้วก็มารอคอยการฉิบหายครั้งมโหฬารอีกครั้งหนึ่งในตะวันออกกลางที่กำลังเตรียมการอยู่ทุกวันนี้
เมี่อเทียบกับเกาหลีเหนือหรือประเทศคอมมิวนิสต์อื่นอย่างคิวบาหรือประเทศในอเมริกาใต้หลายๆ ประเทศ ผู้นำของไทยเราจะกลัวอเมริกาและเรื่องราวต่างประเทศ เราจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเกี่ยวกับเรื่องต่างประเทศหรือการเมืองระหว่างประเทศในโลกเท่าที่ควร ว่ามันเล่นกันอย่างไร เล่นเพื่ออะไร!
ไม่ใช่เล่นเพื่ออะไร แต่เล่นเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ด้วยการเอารัดเอาเปรียบกันหรือหาทางเอาเปรียบซึ่งกันและกัน
การเสียเปรียบหรือเสียผลประโยชนที่เห็นง่ายๆ ก็คือสิ่งที่มันเกิดขึ้นระหว่างอเมริกากับไทยทุกวันนี้คือสิงคโปร์กับไทย
ในเกาหลีเหนือ เรื่องราวอัปลักษณ์บัดซบอย่างที่เมืองไทยมีอยู่จะไม่มี แม้ว่าคนเกาหลีเป็นคนยากคนจนไม่มีความเจริญก้าวหน้ามากไปกว่าเมืองไทย แต่เกาหลีเหนือมีบุคคลต่างจากไทยอยู่ 2 ชนิดคือ
(1) ผู้นำของเกาหลีเหนือเป็นผู้นำชาติที่กล้าประกาศก้องว่าเกาหลีเหนือ กูจะไม่ยอมก้มหัวให้มึง! แต่กูจะสู้กับมึงจนวาระสุดท้าย
(2) ประชาชนเกาหลีเหนือจำนวน 10 ล้านคนนั้น ก็พร้อมที่จะต่อสู้ด้วยมือเปล่าร่วมกับผู้นำของกูมีเท่านั้น!!
แต่ในเมืองไทย ไม่ว่าจะเกิดความเป็นทาสอย่างไรขึ้น แม้แต่เป็นทาสประเภทเล็กๆ ที่ไม่กว้างไปกว่าหัวแม่เท้าของคนไทยทั่วไป ผู้นำของชาติจะรู้อะไรเป็นอะไร แต่จะร่วมมือกับแหล่งข่าวไม่ให้เปิดเผยความจริงให้ประชาชนทราบอย่างการกินบ้านกินเมืองของรัฐบาลไทยชุดที่แล้ว
เจ้าของประเทศไทยจะปล่อยให้ประชาชนท่องคำเดียวคือ “สู้ สู้” แล้วก็วิ่งหัวซุกหัวซุนไม่ผิดกับสุนัขที่ถูกน้ำร้อนลวกไป
หลังจากสงครามเกาหลี ซึ่งปรากฏว่าเกาหลีเหนือได้ถูกทำลายลงอย่างย่อยยับทุกตารางนิ้วของแผ่นดินนั้น คนสำคัญบางคนของอเมริกาประกาศว่าต่อให้เกาหลีเหนือก่อสร้างและบูรณะประเทศอีกร้อยปีก็ไม่สามารถสร้างได้ดีกลับมาสู่สภาพเดิมได้
แต่ในเวลาไม่กี่ปี เกาหลีเหนือไม่เพียงแต่จะเป็นฝ่ายที่ไม่ได้ยอมแพ้แก่พันธมิตรเท่านั้น แต่เกาหลีเหนือกลับบูรณะประเทศของตนเองขึ้นมาอย่างทันสมัย และสะพรั่งไปด้วยตึกรามที่ยิ่งใหญ่โอ่โถงอย่างไม่น่าเชื่อเกือบจะทุกแห่งในเมืองสำคัญๆ
ตลอดเวลาอาทิตย์เต็มๆ ที่ผมไปเดินอยู่ที่นั่นเป็นครั้งสุดท้าย ผมเดินไปตามถนนอันกว้างใหญ่ผ่านตึกราม และสถานที่ที่โอ่อ่านับเป็นสิบๆ ชั้นซึ่งดูเหมือนว่ามันเก่าแก่ด้วยศิลปวัฒนธรรมที่ไม่เคยมีสงครามใดๆ มาก่อนแม้แต่น้อย เกือบจะเรียกได้ว่าในเกาหลีเหนือนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำกันจากความสลักหักพังและบุบสลายจนหมดรูปนั้น ได้ถูกสร้างขึ้นอย่างทันสมัยภายในไม่กี่ปี
สิ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดก็คือ โรงเรียนสาธารณะสำหรับเด็กเกาหลีทุกคน ทั้งหญิงทั้งชายเข้าไปเรียนฟรีในโรงเรียนของรัฐในวิชาเฉพาะตามความถนัดที่เด็กคนไหนจะถนัดหรือพอใจ เริ่มตั้งแต่เด็กอายุ 5 ขวบเป็นต้นไป ใครถนัดเรียนวิชาไหนต้องการมีความรู้ความสามารถที่จะรับใช้ประเทศชาติ และประชาชนได้อย่างไร ตั้งแต่การกวาดถนนไปจนกระทั่งการสร้างระเบิดปรมาณูที่อเมริกันกำลังเป็นบ้าอยู่ทุกวันนี้ คนเกาหลีเหนือจะสามารถจะเริ่มต้นจากโรงเรียนประเภทนี้ได้ตามความพอใจทุกๆ โอกาส โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว
โรงเรียนแห่งนี้มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Student Palace ซึ่งจะเรียกหรือเข้าใจรวมๆ กันว่า สถาบันการศึกษาของคนเกาหลีที่ให้การศึกษาฟรีทุกสาขาวิชาการแล้วแต่ใครจะเลือก รับนักเรียนตั้งแต่อายุ 5 ขวบขึ้นไป จนกระทั่งจะมีความรู้ความชำนาญในวิชานั้นๆ โดยไม่เสียค่าจ่ายใดๆ ทั้งสิ้น หรือเรียนฟรีกันทุกคนจนกว่าจะจบหลักสูตร
นักเรียนในเกาหลีเหนือจะเรียนจะสอนกันอย่างไรผมไม่ทราบ เพราะมีเวลาไม่มากพอที่จะได้พบปะให้ครบถ้วน แต่โรงเรียนที่เรียกว่า Student Palace จะเปิดประมาณบ่าย 3 โมงเย็น เป็นต้นไป หมายถึงว่าเลิกจากโรงเรียนประจำก็จะมุ่งหน้ามาหาความรู้พิเศษกันที่นี่จนกว่าจะค่ำมืดจนกระทั่งหมดเวลา เมื่อถึงเวลากลับบ้านจะมีทางกลับง่ายๆ โดยทางรถใต้ดินเช่นเดียวกับตอนขามาไม่มีอะไรต้องห่วงใย หน้าที่ของนักเรียนที่นั่นแม้แต่เรียนตัดเย็บเสื้อผ้าไม่ต้องรบกวนอะไรใครที่ไหน เพราะในโรงเรียนนั้นจะมีนักเรียนไปเรียนเป็นร้อยๆ พันๆ คน จนได้รับความสะดวกและความปลอดภัยทุกอย่าง
ทุกสิ่งสำหรับนักเรียนและประชาชนในเกาหลีเหนือจะมีการจัดเตรียมบริการอย่างเรียบร้อย ผมเคยเดินทางจากตัวเมืองที่โรงเรียนแห่งหรือสองสามแห่งโดยไม่คาดฝัน เกาหลีเหนือที่แย่กว่าแย่เพราะนอนรับฟังเสียงปืน และกระสุนดินดำอเมริกันจนวอดวายกันทั้งชาตินั้น ไม่มีความพิเศษพิสดารอะไรมากนัก เพียงแต่เป็นระยะเวลาที่ต้องเสียเพราะการนั่งเอาเลือดทำทานให้แก่อาวุธยุทโธปกรณ์ของอเมริกา และสัตว์เลี้ยงทั้งหลายทั้งปวงของอเมริกาที่ทำหน้าที่นั่งเห่าหอนกันอยู่ที่องค์การสหประชาชาติ เกาหลีเหนือก็ยื่นอกมารอรับด้วยการสร้างจรวดขึ้นมาคอยต้อนรับอเมริกา
อเมริกาวิ่งร้องเห่าหอนไปทั่วโลกแทบกระอักเลือดเหมือนสุนัขที่ถูกเหยียบ
ขอให้จัดให้มีการประชุมพูดจากันระหว่าง 6 ชาติอีกครั้งหนึ่ง
เกาหลีเหนือก็ยังคงโต้ตอบด้วยภาษาของท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ ปราโมชอีกตามเดิมคือ “กูไม่กลัวมึง” อะไรนั่น
ในฐานะที่เป็นผู้นำเผด็จการคอมมิวนิสต์และต้องสู้กับเผด็จการล่าเมืองขึ้น ท่านผู้นำเกาหลีเหนือคิมอิลซุงได้สร้างเขื่อนในทะเลที่เรียกว่า The West Sea Barracge ให้อเมริกันและคนเกาหลีใต้ได้ดูกันเล่น
คนนำเที่ยวชาวเกาหลีเหนือของผมบอกว่า “ถ้าอเมริกามาทำร้ายพวกเราอีกต่อไป เราก็จะเปิดเขื่อนเอาน้ำลงไปท่วมเกาหลีใต้ให้มันเสียหายกันไป พร้อมกับพวกสัตว์เลี้ยงของมัน และตัวอเมริกันเองไม่ว่ามันจะมีอาวุธปรมาณูกี่ร้อยลูกเราจะไม่แคร์มัน”
เพราะว่าเกาหลีเหนือมีแม่น้ำสำคัญไหลผ่านถึง 5 สายทั่วกัน แม่น้ำที่มีความสำคัญกว่าเจ้าพระยาของเราคือ เดตองซึ่งมีความยาว 450 กิโลเมตร น้ำทะเลซึ่งจะไหลจากทางเหนือไปออกทางด้านตะวันตกโดยบรรจบกับแม่น้ำสายอื่นบริเวณปากอ่าวระหว่างแม่น้ำโปกับเมืองจัวนางแฮ
มีคนไทยที่เคยไปเยือนเกาหลีเหนือเคยเขียนถึงแม่น้ำนี้ไว้ว่า น้ำทะเลลึกประมาณ 12 เมตร ในแต่ละวันน้ำทะเลจะขึ้นลง 6 ชั่วโมงสับกันไป และเมื่อน้ำทะเลขึ้นส่วนมากจะสูงขึ้นอีก 4 เมตร และบางครั้งน้ำทะเลจะสูงมากให้ไหลย้อนกลับขึ้นไปสู่แม่น้ำเดตอง ครั้งหนึ่งเมื่อประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา น้ำทะเลไหลบ่าเข้าไปในแม่น้ำเดตองเป็นเหตุให้น้ำท่วมเมืองเปียงยาง พืชผลได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก เป็นต้นเหตุให้ดินเค็มทำการเพาะปลูกไม่ได้ ประธานาธิบดีคิมอิลซุงจึงตัดสินใจสร้างเขื่อนตรงที่กล่าวนี้บริเวณเพื่อไม่ให้น้ำทะเลไหลบ่าเข้าไปในในนครเปียงยางอีก
เขื่อนยักษ์แห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. 2524 สร้างเสร็จเมื่อเดือนมิถุนายน 2529 ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 5ปี เสียค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นรวม 1 แสนล้านบาท ครึ่งหนึ่งของงบประมาณในประเทศของเราในตอนนั้น
โลกทุกวันนี้ที่ไหนๆ สิ่งที่ขาดแคลนมากไม่ใช่คนหรือคนโง่ แต่มันขาดมากยิ่งกว่านั้นก็คือคนจริงและลูกผู้ชาย ทุกคนรอคอยสิ่งเดียวคือวันที่ความฉิบหายจะมาถึง!!
ว่ากันว่าหลายปีมาแล้วตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 และสงครามล่าเมืองขึ้นที่ทำติดต่อกันมาหลายสิบปีนั้น อเมริกาโงหัวไม่ขึ้น ไม่ว่าจะใช้ความเฉลียวฉลาดและความสามารถประการใดที่นำมาใช้ก็ตาม อเมริกาอยู่ได้ก็อาศัยบุญบารมีเก่าหากินในเกาหลี ทั้งเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ก็อดทนมาอย่างมาก และพยายามกัดฟันสู้มาหลายสิบปีทั้งสู้ในรูปของฝูงหมาป่าที่รู้จักกันสำหรับคนไทยว่าสงครามเกาหลีนั้น ทหารทาสทั้งหลายที่เกิดมารับใช้อเมริกาในฐานะทาสอเมริกาก็ไม่มีอะไรติดมือออกมา หลังจากสงครามเกาหลี นอกจากทิ้งทหารไว้ 60,000 คน เพื่อช่วยฝึกฝนให้ผู้หญิงเกาหลีใต้สามารถหากินทางการขายตัวกินเลี้ยงเกาหลีไปได้ชั่วชีวิต
เวลานี้นอกจากคนและทหารอเมริกันตายราพณาสูรก็ไม่เคยประสบความสำเร็จใดๆในทางการเมืองนอกจากเสียงสาปแช่งอึกทึกครึกโครมไปทั่วทั้งโลก อีกทั้งยังไม่สะใจพาคนอเมริกันจำนวนหมื่นๆ คนโดยโกหกว่าจะสร้างระบอบประชาธิปไตยขึ้นในประเทศ โดยมีการลงทุนฆ่าประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ไปแล้วรายหนึ่ง ตอนนี้ก็รีบส่งทหารพร้อมด้วยอาวุธสมัยใหม่เป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 30,000 คน และยังจะเพิ่มให้มากขึ้นเพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ และเปิดฉากฟาดฟันกับอิหร่านซึ่งอาจจะใช้อีกหลายหมื่นคน เพราะการจะไปหาทางให้อิหร่านฆ่าคนอเมริกันนั้น จะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าในประเทศอิรัก
อเมริกาเป็นประเทศที่ทำอะไรเป็นล่ำเป็นสันไม่ได้ นอกจากหาทางให้คนอเมริกันไปตายเป็นขั้นเป็นตอน ขั้นตอนแรกก็พ่ายแพ้อย่างสุนัขมาแล้วในจีน เวียดนาม เขมร แล้วก็มารอคอยการฉิบหายครั้งมโหฬารอีกครั้งหนึ่งในตะวันออกกลางที่กำลังเตรียมการอยู่ทุกวันนี้
เมี่อเทียบกับเกาหลีเหนือหรือประเทศคอมมิวนิสต์อื่นอย่างคิวบาหรือประเทศในอเมริกาใต้หลายๆ ประเทศ ผู้นำของไทยเราจะกลัวอเมริกาและเรื่องราวต่างประเทศ เราจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเกี่ยวกับเรื่องต่างประเทศหรือการเมืองระหว่างประเทศในโลกเท่าที่ควร ว่ามันเล่นกันอย่างไร เล่นเพื่ออะไร!
ไม่ใช่เล่นเพื่ออะไร แต่เล่นเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ด้วยการเอารัดเอาเปรียบกันหรือหาทางเอาเปรียบซึ่งกันและกัน
การเสียเปรียบหรือเสียผลประโยชนที่เห็นง่ายๆ ก็คือสิ่งที่มันเกิดขึ้นระหว่างอเมริกากับไทยทุกวันนี้คือสิงคโปร์กับไทย
ในเกาหลีเหนือ เรื่องราวอัปลักษณ์บัดซบอย่างที่เมืองไทยมีอยู่จะไม่มี แม้ว่าคนเกาหลีเป็นคนยากคนจนไม่มีความเจริญก้าวหน้ามากไปกว่าเมืองไทย แต่เกาหลีเหนือมีบุคคลต่างจากไทยอยู่ 2 ชนิดคือ
(1) ผู้นำของเกาหลีเหนือเป็นผู้นำชาติที่กล้าประกาศก้องว่าเกาหลีเหนือ กูจะไม่ยอมก้มหัวให้มึง! แต่กูจะสู้กับมึงจนวาระสุดท้าย
(2) ประชาชนเกาหลีเหนือจำนวน 10 ล้านคนนั้น ก็พร้อมที่จะต่อสู้ด้วยมือเปล่าร่วมกับผู้นำของกูมีเท่านั้น!!
แต่ในเมืองไทย ไม่ว่าจะเกิดความเป็นทาสอย่างไรขึ้น แม้แต่เป็นทาสประเภทเล็กๆ ที่ไม่กว้างไปกว่าหัวแม่เท้าของคนไทยทั่วไป ผู้นำของชาติจะรู้อะไรเป็นอะไร แต่จะร่วมมือกับแหล่งข่าวไม่ให้เปิดเผยความจริงให้ประชาชนทราบอย่างการกินบ้านกินเมืองของรัฐบาลไทยชุดที่แล้ว
เจ้าของประเทศไทยจะปล่อยให้ประชาชนท่องคำเดียวคือ “สู้ สู้” แล้วก็วิ่งหัวซุกหัวซุนไม่ผิดกับสุนัขที่ถูกน้ำร้อนลวกไป
หลังจากสงครามเกาหลี ซึ่งปรากฏว่าเกาหลีเหนือได้ถูกทำลายลงอย่างย่อยยับทุกตารางนิ้วของแผ่นดินนั้น คนสำคัญบางคนของอเมริกาประกาศว่าต่อให้เกาหลีเหนือก่อสร้างและบูรณะประเทศอีกร้อยปีก็ไม่สามารถสร้างได้ดีกลับมาสู่สภาพเดิมได้
แต่ในเวลาไม่กี่ปี เกาหลีเหนือไม่เพียงแต่จะเป็นฝ่ายที่ไม่ได้ยอมแพ้แก่พันธมิตรเท่านั้น แต่เกาหลีเหนือกลับบูรณะประเทศของตนเองขึ้นมาอย่างทันสมัย และสะพรั่งไปด้วยตึกรามที่ยิ่งใหญ่โอ่โถงอย่างไม่น่าเชื่อเกือบจะทุกแห่งในเมืองสำคัญๆ
ตลอดเวลาอาทิตย์เต็มๆ ที่ผมไปเดินอยู่ที่นั่นเป็นครั้งสุดท้าย ผมเดินไปตามถนนอันกว้างใหญ่ผ่านตึกราม และสถานที่ที่โอ่อ่านับเป็นสิบๆ ชั้นซึ่งดูเหมือนว่ามันเก่าแก่ด้วยศิลปวัฒนธรรมที่ไม่เคยมีสงครามใดๆ มาก่อนแม้แต่น้อย เกือบจะเรียกได้ว่าในเกาหลีเหนือนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำกันจากความสลักหักพังและบุบสลายจนหมดรูปนั้น ได้ถูกสร้างขึ้นอย่างทันสมัยภายในไม่กี่ปี
สิ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดก็คือ โรงเรียนสาธารณะสำหรับเด็กเกาหลีทุกคน ทั้งหญิงทั้งชายเข้าไปเรียนฟรีในโรงเรียนของรัฐในวิชาเฉพาะตามความถนัดที่เด็กคนไหนจะถนัดหรือพอใจ เริ่มตั้งแต่เด็กอายุ 5 ขวบเป็นต้นไป ใครถนัดเรียนวิชาไหนต้องการมีความรู้ความสามารถที่จะรับใช้ประเทศชาติ และประชาชนได้อย่างไร ตั้งแต่การกวาดถนนไปจนกระทั่งการสร้างระเบิดปรมาณูที่อเมริกันกำลังเป็นบ้าอยู่ทุกวันนี้ คนเกาหลีเหนือจะสามารถจะเริ่มต้นจากโรงเรียนประเภทนี้ได้ตามความพอใจทุกๆ โอกาส โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว
โรงเรียนแห่งนี้มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Student Palace ซึ่งจะเรียกหรือเข้าใจรวมๆ กันว่า สถาบันการศึกษาของคนเกาหลีที่ให้การศึกษาฟรีทุกสาขาวิชาการแล้วแต่ใครจะเลือก รับนักเรียนตั้งแต่อายุ 5 ขวบขึ้นไป จนกระทั่งจะมีความรู้ความชำนาญในวิชานั้นๆ โดยไม่เสียค่าจ่ายใดๆ ทั้งสิ้น หรือเรียนฟรีกันทุกคนจนกว่าจะจบหลักสูตร
นักเรียนในเกาหลีเหนือจะเรียนจะสอนกันอย่างไรผมไม่ทราบ เพราะมีเวลาไม่มากพอที่จะได้พบปะให้ครบถ้วน แต่โรงเรียนที่เรียกว่า Student Palace จะเปิดประมาณบ่าย 3 โมงเย็น เป็นต้นไป หมายถึงว่าเลิกจากโรงเรียนประจำก็จะมุ่งหน้ามาหาความรู้พิเศษกันที่นี่จนกว่าจะค่ำมืดจนกระทั่งหมดเวลา เมื่อถึงเวลากลับบ้านจะมีทางกลับง่ายๆ โดยทางรถใต้ดินเช่นเดียวกับตอนขามาไม่มีอะไรต้องห่วงใย หน้าที่ของนักเรียนที่นั่นแม้แต่เรียนตัดเย็บเสื้อผ้าไม่ต้องรบกวนอะไรใครที่ไหน เพราะในโรงเรียนนั้นจะมีนักเรียนไปเรียนเป็นร้อยๆ พันๆ คน จนได้รับความสะดวกและความปลอดภัยทุกอย่าง
ทุกสิ่งสำหรับนักเรียนและประชาชนในเกาหลีเหนือจะมีการจัดเตรียมบริการอย่างเรียบร้อย ผมเคยเดินทางจากตัวเมืองที่โรงเรียนแห่งหรือสองสามแห่งโดยไม่คาดฝัน เกาหลีเหนือที่แย่กว่าแย่เพราะนอนรับฟังเสียงปืน และกระสุนดินดำอเมริกันจนวอดวายกันทั้งชาตินั้น ไม่มีความพิเศษพิสดารอะไรมากนัก เพียงแต่เป็นระยะเวลาที่ต้องเสียเพราะการนั่งเอาเลือดทำทานให้แก่อาวุธยุทโธปกรณ์ของอเมริกา และสัตว์เลี้ยงทั้งหลายทั้งปวงของอเมริกาที่ทำหน้าที่นั่งเห่าหอนกันอยู่ที่องค์การสหประชาชาติ เกาหลีเหนือก็ยื่นอกมารอรับด้วยการสร้างจรวดขึ้นมาคอยต้อนรับอเมริกา
อเมริกาวิ่งร้องเห่าหอนไปทั่วโลกแทบกระอักเลือดเหมือนสุนัขที่ถูกเหยียบ
ขอให้จัดให้มีการประชุมพูดจากันระหว่าง 6 ชาติอีกครั้งหนึ่ง
เกาหลีเหนือก็ยังคงโต้ตอบด้วยภาษาของท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ ปราโมชอีกตามเดิมคือ “กูไม่กลัวมึง” อะไรนั่น
ในฐานะที่เป็นผู้นำเผด็จการคอมมิวนิสต์และต้องสู้กับเผด็จการล่าเมืองขึ้น ท่านผู้นำเกาหลีเหนือคิมอิลซุงได้สร้างเขื่อนในทะเลที่เรียกว่า The West Sea Barracge ให้อเมริกันและคนเกาหลีใต้ได้ดูกันเล่น
คนนำเที่ยวชาวเกาหลีเหนือของผมบอกว่า “ถ้าอเมริกามาทำร้ายพวกเราอีกต่อไป เราก็จะเปิดเขื่อนเอาน้ำลงไปท่วมเกาหลีใต้ให้มันเสียหายกันไป พร้อมกับพวกสัตว์เลี้ยงของมัน และตัวอเมริกันเองไม่ว่ามันจะมีอาวุธปรมาณูกี่ร้อยลูกเราจะไม่แคร์มัน”
เพราะว่าเกาหลีเหนือมีแม่น้ำสำคัญไหลผ่านถึง 5 สายทั่วกัน แม่น้ำที่มีความสำคัญกว่าเจ้าพระยาของเราคือ เดตองซึ่งมีความยาว 450 กิโลเมตร น้ำทะเลซึ่งจะไหลจากทางเหนือไปออกทางด้านตะวันตกโดยบรรจบกับแม่น้ำสายอื่นบริเวณปากอ่าวระหว่างแม่น้ำโปกับเมืองจัวนางแฮ
มีคนไทยที่เคยไปเยือนเกาหลีเหนือเคยเขียนถึงแม่น้ำนี้ไว้ว่า น้ำทะเลลึกประมาณ 12 เมตร ในแต่ละวันน้ำทะเลจะขึ้นลง 6 ชั่วโมงสับกันไป และเมื่อน้ำทะเลขึ้นส่วนมากจะสูงขึ้นอีก 4 เมตร และบางครั้งน้ำทะเลจะสูงมากให้ไหลย้อนกลับขึ้นไปสู่แม่น้ำเดตอง ครั้งหนึ่งเมื่อประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา น้ำทะเลไหลบ่าเข้าไปในแม่น้ำเดตองเป็นเหตุให้น้ำท่วมเมืองเปียงยาง พืชผลได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก เป็นต้นเหตุให้ดินเค็มทำการเพาะปลูกไม่ได้ ประธานาธิบดีคิมอิลซุงจึงตัดสินใจสร้างเขื่อนตรงที่กล่าวนี้บริเวณเพื่อไม่ให้น้ำทะเลไหลบ่าเข้าไปในในนครเปียงยางอีก
เขื่อนยักษ์แห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. 2524 สร้างเสร็จเมื่อเดือนมิถุนายน 2529 ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 5ปี เสียค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นรวม 1 แสนล้านบาท ครึ่งหนึ่งของงบประมาณในประเทศของเราในตอนนั้น
โลกทุกวันนี้ที่ไหนๆ สิ่งที่ขาดแคลนมากไม่ใช่คนหรือคนโง่ แต่มันขาดมากยิ่งกว่านั้นก็คือคนจริงและลูกผู้ชาย ทุกคนรอคอยสิ่งเดียวคือวันที่ความฉิบหายจะมาถึง!!