"ป๋าเปรม"วอนผู้ใหญ่ทำดีเป็นตัวอย่างเยาวชน ชี้ให้เห็นคุณ-โทษการไม่มีคุณธรรม ยกอดีตผู้ใหญ่ไร้คุณธรรม ชาติพัง-เป็นบทเรียนราคาแพง เตือนเดินตามโลกาภิวัตน์-ใช้เทคโนโลยีผิดทาง กระทบความมั่นคงชาติ ขณะที่นายกรัฐมนตรี ขอให้ประชาชนยึดมั่นในคุณธรรม 4 ประการ"ขันติ สัจจะ ทมะ จาคะ" ระบุการสร้างสังคมคุณธรรม เป็นสิ่งท้าทายของสังคมปัจจุบัน เนื่องจากคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญต่อการแสวงหาความสุขจากวัตถุ ทรัพย์สินเงินทอง และการแสวงหากำไร "สนธิ"ฝากซีเอ็นเอ็นถึงแม้ว จะทำอะไรขอให้นึกถึงชาติบ้านเมืองเป็นหลัก
วานนี้ (26 ม.ค.) ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน การประชุมสมัชชาคุณธรรมและตลาดนัดคุณธรรม ครั้งที่ 2 ตอนหนึ่งว่า การจัดงานตลาดนัดคุณธรรมเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง คุณธรรมไม่ใช่เป็นเรื่องลึกซึ้งสูงส่ง แต่เป็นเรื่องที่สามารรถนำไปใช้ในการพัฒนาชีวิตเพื่อก่อให้เกิดความสันติสุขอย่างยั่งยืน
สิ่งที่สอดคล้องกับแผนแนวคิดหลักในการจัดงานครั้งนี้คือ ถึงเวลาคุณธรรมนำสังคมไทย ตนเชื่อว่าคุณธรรมหรือความดี มีอยู่ในหัวใจของคนไทยทุกคน และมีอยู่ในสังคมมนุษย์โดยรวม การจัดงานตลาดนัดคุณธรรม ครั้งที่ 2 เปรียบเสมือนการรวมพลคนทำดีจากทั่วประเทศ และทุกภาคส่วน ที่มาร่วมกันทางความคิดละแบ่งปันความรู้ประสบการณ์สร้างความเป็นกัลยาณมิตร สร้างเครือข่ายที่จะทำงานพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม เชื่อมโยงบุคคลให้หันหน้าเข้าหากันแลร่วมกันพัฒนาประเทศไทยสู่สังคมคุณธรรม ทั้งนี้เรื่องคุณธรรมเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเข้าใจ ยึดถือ และปฏิบัติ ต้องพูดกันบ่อยๆ จึงจะหวังผลสัมฤทธิ์ได้
พล.อ.เปรม กล่าวว่า ตนคิดว่าการแสดงและประพฤติปฏิบัติเป็นตัวอย่างของบุคคลในบ้านเมืองของเรา ถือเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อย เพื่อให้เด็กได้เห็นของจริงในทุกภาคส่วน ทั้งการศึกษา การกีฬา ในครอบครัว ในภาคสังคม ภาคเศรษฐกิจและภาคการเมือง ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างผู้ที่มีคุณธรรม กับผู้ไม่มีคุณธรรม ชี้ให้เห็นถึงคุณถึงโทษ ระหว่างการมีคุณธรรมและการไม่มีคุณธรรม ชี้ให้เห็นถึงความเสียหายใหญ่หลวงที่อาจจะเกิดขึ้นกับประเทศอันเป็นที่รักของเราถ้าผู้บริหารไม่มีคุณธรรม
"ทุกวันนี้เราพูดถึงแต่เรื่องโลกาภิวัตน์ นาโนเทคโนโลยี พูดถึงแต่เรื่องการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อทดแทนคนหรือลดแรงงานคน ทำให้เกิดความสะดวกสบาย ลดต้นทุน เพิ่มกำไร ทำให้ดูโก้ ทันสมัยหรูหรา แต่ถ้าคนเหล่านี้ นำเทคโนโลยีไปใช้ โดยปราศจากคุณธรรม ไม่สนใจใยดีแทนที่จะเป็นคุณกลับกลายจะเป็นโทษ หรืออาจจะร้ายแรงจนทำให้ความมั่นคงของประเทศอันเป็นที่รักของเรากระทบกระเทือนได้ ซึ่งเหตุการณ์ในอดีตส่อให้เห็นชัดเจน เป็นบทเรียนที่เจ็บปวด เป็นประสบการณ์ราคาแพง ผมจึงอยากให้คนที่รักชาติบ้านเมืองโปรดตระหนักเรื่องเหล่านี้ อยากให้คนไทยเห็นความสำคัญของการให้ "พล.อ.เปรม กล่าว
**สุรยุทธ์ยกคุณธรรม 4 ประการ
ในงานเดียวกันนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อเรื่อง"สังคมคุณธรรม"โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวตอนหนึ่งว่า สังคมไม่อาจจะดำรงอยู่ได้ หากเราไม่มีคุณธรรม คุณธรรม หมายถึง สภาพคุณงามความดี การส่งเสริมการสร้างคุณธรรม จึงเป็นความท้าทายของคนยุคปัจจุบัน และไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง แต่คนไทยทุกคนต้องร่วมสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น ซึ่งไม่มีอะไรดีไปกว่า ศีลธรรม นำคำสอนทางศาสนามายึดถือปฏิบัติอย่างจริงจัง จนเกิดผลเป็นรูปธรรม
นายกรัฐมนตรี ยังยกพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2525 เกี่ยวกับคุณธรรม 4 ประการ มาเป็นตัวอย่าง ว่า คุณธรรม 4 ประการ คือ 1. สัจจะ คือการรักษาความสัตย์ ความจริงต่อตัวเอง ที่จะประพฤติปฏิบัติตนแต่สิ่งที่เป็นธรรม เป็นประโยชน์ ทั้งแก่ตัวเองและแก่ส่วนรวม 2. ทมะ คือการรู้จักข่มใจของตัวเอง ในเวลาที่มีสิ่งภายนอกมากระทบ พยายามฝึกใจของตัวเองให้อยู่ในความนึกคิดที่เป็นสัตย์ เป็นจริง ไม่หวั่นไหวโยกคลอนไปในทางที่ไม่ดีไม่งาม
3. ขันติ คือความอดทน อดกลั้น อดออม รู้จักยับยั้งเมื่อถูกกระทบกระทั่ง มีความอดทนต่อความทุกข์ ความเหนื่อยยาก ไม่ปล่อยให้สิ่งที่ไม่ดีไม่งามมาครอบงำ อดออมต่อสิ่งที่ได้มา ไม่ฟุ่มเฟือยใช้สอยจนเกินควร เก็บหอมรอมริบ เพื่อประโยชน์ในวันข้างหน้า และ 4. จาคะ คือ การยอมสละในสิ่งที่ควรสละ ทั้งภายนอกและภายใน เช่น ยอมสละความสุขเล็กๆ น้อยๆ เพื่อความสุขอันยิ่งใหญ่ในภายหลัง ยอมสละความสุข และประโยชน์ส่วนตน เพื่อความสุข และประโยชน์ของส่วนรวม
"คุณธรรม 4 ประการนี้ หากแต่ละบุคคลรู้จักปลูกฝัง และบำรุงให้เจริญงอกงามขึ้นภายในจิตใจแล้ว จะเป็นปัจจัยให้ตัวเอง ประเทศชาติเกิดความสงบร่มเย็น ซึ่งคุณธรรมจะส่งผลให้ตัวเองก่อน แล้วจึงส่งผลให้กับสังคมโดยส่วนรวม และจะทำให้บ้านเมืองของเรามีโอกาสพัฒนาให้ทัดเทียมกับอารยประเทศตามที่ปรารถนาได้ รัฐบาลอยากเสนอให้ประชาชนยึดถือทั้ง 4 ประการนี้ เป็นข้อปฏิบัติ เพื่อป้องกันความเสื่อมโทรม และเสื่อมทรามที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด"
นอกจากคุณธรรม 4 ประการนี้แล้ว ยังมีหลักธรรมอีกเป็นจำนวนมาก ที่ควรนำมาประพฤติปฏิบัติให้เกิดความดีงาม โดยเฉพาะสามัคคีธรรม เริ่มจากการเรียนรู้ และการศึกษา แต่การศึกษาส่วนใหญ่ในปัจจุบัน มักเอาความรู้นำ ไม่มีปัญญาตาม ความรู้กับปัญญานั้นต่างกัน ความรู้อาจจะเป็นเรื่องใดก็ได้ แต่ปัญญานั้นคือ ความรู้ที่มีความดี มีคุณธรรม มีจริยธรรม เราจึงต้องช่วยกันส่งเสริม ปลูกฝัง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ตั้งแต่บ้าน โรงเรียน ที่ทำงาน และองค์กรสุดท้ายที่มีบทบาทสูงต่อการสร้างคุณธรรมคือ สื่อมวลชน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การพัฒนาคุณธรรมในโลกปัจจุบัน นับว่ามีความท้าทายอย่างยิ่ง เพราะเรากำลังเผชิญกับโลกยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญต่อการแสวงหาความสุข จากวัตถุและทรัพย์สินเงินทอง และการกำหนดกติกาทางสังคมในโลกสมัยใหม่ ที่ยังมุ่งเน้นที่การแข่งขัน การช่วงชิงทรัพยากรที่มีจำกัด ในการแสวงหากำไร ที่เป็นเป้าหมายสูงสุด ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมในวิถีสังคมยุคใหม่ ที่ก้าวควบคู่กับการพัฒนาคุณธรรม เป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน ต้องอาศัยจุดยืนที่มั่นคงในการแสวงหายุทธศาสตร์เชิงรุก
"เราต้องเริ่มจากการปฏิบัติของตัวเองเป็นอันดับแรก โดยรักษาคุณธรรมของครอบครัว ยึดมั่นในจรรยาบรรณ จริยธรรมของวิชาชีพของตน ไม่ว่านักบวช นักการเมือง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ครู นักเรียน นักศึกษา นักธุรกิจ สื่อมวลชน ศิลปิน นักร้อง นักแสดง จะเป็นรากฐานความมั่นคงของการพัฒนาคุณธรรมให้ขยายสู่สังคม"นายกรัฐมนตรี กล่าว
**"สนธิ"ออกซีเอ็นเอ็น
เวลา 14.00 น.วันเดียวกันนี้ ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)ได้ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็น ถึงประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองขณะนี้ ทั้งเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นสนามบินสุวรรณภูมิ เหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่ กทม.และ จ.นนทบุรี พร้อมกัน 9 จุด เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา การร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึงการตอบโต้สิงคโปร์ภายหลังที่สถานีซีเอ็นเอ็น ออกอากาศคำสัมภาษณ์ของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และการยกเลิกกฎอัยการศึก ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ยกเลิกแล้ว ซึ่งจะแพร่ภาพออกอากาศในเวลาประมาณ 18.00 น.วันเดียวกัน
พล.อ.สนธิ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังให้สัมภาษณ์กับสถานี ซีเอ็นเอ็นว่า การพูดคุยกับสถานีซีเอ็นเอ็น ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเก่า ๆ ซึ่ง ซีเอ็นเอ็นถามว่าคดีระเบิดในพื้นที่ กทม. และ จ.นนทบุรี พร้อมกัน 9 จุด และคนร้ายที่จับไว้เป็นอย่างไร ซึ่ง ซีเอ็นเอ็นไม่รู้ตนก็ตอบเขาไป ซึ่งขณะนี้ก็ทราบว่า 19 คนที่ตำรวจจับมาสอบปากคำ ได้ปล่อยตัวไปแล้ว 18 คน เหลือพลเรือนอยู่เพียงคนเดียวเมื่อถามว่า ในวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารกองทัพภาคที่ 1 เข้าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้มีการขอความเห็นของท่านหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "ไม่มี ตอนนั้นเราไม่รู้เรื่อง"
เมื่อถามว่า ต่างชาติเกิดความสับสนในหลายกรณี ทาง คมช.จะทำความเข้าใจตรงนี้ให้มากขึ้นหรือเปล่า พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เราต้องพยายามกันทุกฝ่าย ทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่ทำงานจะต้องพยายามแถลงผลการทำงานให้กับประชาชนได้รับทราบ จะได้กระจายออกไปนอกประเทศ เช่นเดียวกัน พวกเราก็จะต้องช่วยกันสื่อในของที่ดี และสิ่งที่มันเกิดขึ้นไม่ดี ให้กับประชาชน และสังคมได้รับทราบด้วย จะได้รู้ว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า สถานีซีเอ็นเอ็น ได้มีการสอบถามถึงปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นสนามบินสุวรรณภูมิหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เขาไม่ได้สอบถามเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ว่าในคำตอบมีเกี่ยวข้อง เมื่อถามย้ำว่า เราเป็นห่วงหรือไม่ เพราะสนามบินสุวรรณภูมิ ถือเป็นหน้าตาของประเทศไทย พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เราพูดอย่างนั้นไม่ได้ เราอายเขา เหมือนกับบ้าน เราเก็บไว้แก้ปัญหาของเราดีกว่า อย่าให้เขาได้รับรู้ในสิ่งที่มันไม่ดี
เมื่อถามว่า ผบ.ทบ.ได้ใช้สถานีซีเอ็นเอ็น สื่อข้อมูลไปถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า “ผมเรียนนิดเดียวให้ใครที่เป็นคนไทยช่วยรักประเทศชาติหน่อย” เมื่อถามย้ำว่า ได้สื่อข้อมูลไป พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรบ้าง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ท่านคงฟัง ซีเอ็นเอ็นอยู่ในวันที่ออกอากาศ ก็ขอให้ทุกคนช่วยกันรักชาติ ทุกคนไม่ใช่เฉพาะท่าน ดังนั้นทุกคนในประเทศจะต้องรักชาติบ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การสัมภาษณ์กับสถานีซีเอ็นเอ็นครั้งนี้ มีความยาวประมาณเกือบ 1 ชม.โดยมีเนื้อหาที่สำคัญที่ทางสถานีซีเอ็นเอ็นได้ถาม พล.อ.สนธิ ถึงการร่าง รธน.โดย พล.อ.สนธิ กล่าวว่า การร่าง รธน.จะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกรรมาธิการยกร่าง รธน.
ซีเอ็นเอ็น ถามว่า การตอบโต้สิงคโปร์หลังจากที่พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานของ รัฐบาล และ คมช. พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เป็นเรื่องวิธีการทูต หลังจากที่ซีเอ็นเอ็นออกอากาศคำสัมภาษณ์ของอดีตนายกรัฐมนตรี ประเทศไทยก็ได้ดำเนินการกรรมาวิธีทางการทูตเป็นหลัก ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่เกี่ยวกับ คมช.เพราะการดำเนินการขึ้นอยู่กับกระทวงการต่างประเทศ และรัฐบาล จะพิจารณาเป็นคนละส่วนกัน
ซีเอ็นเอ็น ถามว่า อยากฝากอะไรไปถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านทางซีเอ็นเอ็นอย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ก็อยากฝากความระลึกไปถึงท่าน เพราะในอดีตที่ผ่านมาท่านเคยเป็นผู้บังคับบัญชา และเคยทำงานร่วมกันมา ฉะนั้น ขอให้ท่านนึกถึงชาติบ้านเมืองเป็นหลักด้วย ท่านอยู่ตรงไหนก็แล้วแต่ ขอให้รักประเทศชาติ
ซีเอ็นเอ็น ถามว่า เคยคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ หลังจากเกิดเหตุการณ์ 19 ก.ย.49 พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่เคยคุยกัน เพียงแต่คุยกับกับคนใกล้ชิดเท่านั้น
ซีเอ็นเอ็น ถามว่า การยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ กทม.และ พื้นที่ใกล้เคียงแล้วหรือยัง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า วันเดียวกันนี้ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ 41 จังหวัด และได้ประกาศราชกิจจานุเบกษา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลงวันที่ 26 ม.ค.50 ทั้งนี้ จะส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารไม่มีอำนาจที่จะลงไปตรวจค้นในพื้นที่ล่อแหลมได้ ซึ่งหากสงสัยบุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคง หรือมีอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง ทางเจ้าหน้าที่จะต้องขออนุมัติหมายค้นจากศาลเท่านั้น ถึงจะดำเนินการได้
วานนี้ (26 ม.ค.) ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน การประชุมสมัชชาคุณธรรมและตลาดนัดคุณธรรม ครั้งที่ 2 ตอนหนึ่งว่า การจัดงานตลาดนัดคุณธรรมเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง คุณธรรมไม่ใช่เป็นเรื่องลึกซึ้งสูงส่ง แต่เป็นเรื่องที่สามารรถนำไปใช้ในการพัฒนาชีวิตเพื่อก่อให้เกิดความสันติสุขอย่างยั่งยืน
สิ่งที่สอดคล้องกับแผนแนวคิดหลักในการจัดงานครั้งนี้คือ ถึงเวลาคุณธรรมนำสังคมไทย ตนเชื่อว่าคุณธรรมหรือความดี มีอยู่ในหัวใจของคนไทยทุกคน และมีอยู่ในสังคมมนุษย์โดยรวม การจัดงานตลาดนัดคุณธรรม ครั้งที่ 2 เปรียบเสมือนการรวมพลคนทำดีจากทั่วประเทศ และทุกภาคส่วน ที่มาร่วมกันทางความคิดละแบ่งปันความรู้ประสบการณ์สร้างความเป็นกัลยาณมิตร สร้างเครือข่ายที่จะทำงานพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม เชื่อมโยงบุคคลให้หันหน้าเข้าหากันแลร่วมกันพัฒนาประเทศไทยสู่สังคมคุณธรรม ทั้งนี้เรื่องคุณธรรมเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเข้าใจ ยึดถือ และปฏิบัติ ต้องพูดกันบ่อยๆ จึงจะหวังผลสัมฤทธิ์ได้
พล.อ.เปรม กล่าวว่า ตนคิดว่าการแสดงและประพฤติปฏิบัติเป็นตัวอย่างของบุคคลในบ้านเมืองของเรา ถือเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อย เพื่อให้เด็กได้เห็นของจริงในทุกภาคส่วน ทั้งการศึกษา การกีฬา ในครอบครัว ในภาคสังคม ภาคเศรษฐกิจและภาคการเมือง ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างผู้ที่มีคุณธรรม กับผู้ไม่มีคุณธรรม ชี้ให้เห็นถึงคุณถึงโทษ ระหว่างการมีคุณธรรมและการไม่มีคุณธรรม ชี้ให้เห็นถึงความเสียหายใหญ่หลวงที่อาจจะเกิดขึ้นกับประเทศอันเป็นที่รักของเราถ้าผู้บริหารไม่มีคุณธรรม
"ทุกวันนี้เราพูดถึงแต่เรื่องโลกาภิวัตน์ นาโนเทคโนโลยี พูดถึงแต่เรื่องการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อทดแทนคนหรือลดแรงงานคน ทำให้เกิดความสะดวกสบาย ลดต้นทุน เพิ่มกำไร ทำให้ดูโก้ ทันสมัยหรูหรา แต่ถ้าคนเหล่านี้ นำเทคโนโลยีไปใช้ โดยปราศจากคุณธรรม ไม่สนใจใยดีแทนที่จะเป็นคุณกลับกลายจะเป็นโทษ หรืออาจจะร้ายแรงจนทำให้ความมั่นคงของประเทศอันเป็นที่รักของเรากระทบกระเทือนได้ ซึ่งเหตุการณ์ในอดีตส่อให้เห็นชัดเจน เป็นบทเรียนที่เจ็บปวด เป็นประสบการณ์ราคาแพง ผมจึงอยากให้คนที่รักชาติบ้านเมืองโปรดตระหนักเรื่องเหล่านี้ อยากให้คนไทยเห็นความสำคัญของการให้ "พล.อ.เปรม กล่าว
**สุรยุทธ์ยกคุณธรรม 4 ประการ
ในงานเดียวกันนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อเรื่อง"สังคมคุณธรรม"โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวตอนหนึ่งว่า สังคมไม่อาจจะดำรงอยู่ได้ หากเราไม่มีคุณธรรม คุณธรรม หมายถึง สภาพคุณงามความดี การส่งเสริมการสร้างคุณธรรม จึงเป็นความท้าทายของคนยุคปัจจุบัน และไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง แต่คนไทยทุกคนต้องร่วมสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น ซึ่งไม่มีอะไรดีไปกว่า ศีลธรรม นำคำสอนทางศาสนามายึดถือปฏิบัติอย่างจริงจัง จนเกิดผลเป็นรูปธรรม
นายกรัฐมนตรี ยังยกพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2525 เกี่ยวกับคุณธรรม 4 ประการ มาเป็นตัวอย่าง ว่า คุณธรรม 4 ประการ คือ 1. สัจจะ คือการรักษาความสัตย์ ความจริงต่อตัวเอง ที่จะประพฤติปฏิบัติตนแต่สิ่งที่เป็นธรรม เป็นประโยชน์ ทั้งแก่ตัวเองและแก่ส่วนรวม 2. ทมะ คือการรู้จักข่มใจของตัวเอง ในเวลาที่มีสิ่งภายนอกมากระทบ พยายามฝึกใจของตัวเองให้อยู่ในความนึกคิดที่เป็นสัตย์ เป็นจริง ไม่หวั่นไหวโยกคลอนไปในทางที่ไม่ดีไม่งาม
3. ขันติ คือความอดทน อดกลั้น อดออม รู้จักยับยั้งเมื่อถูกกระทบกระทั่ง มีความอดทนต่อความทุกข์ ความเหนื่อยยาก ไม่ปล่อยให้สิ่งที่ไม่ดีไม่งามมาครอบงำ อดออมต่อสิ่งที่ได้มา ไม่ฟุ่มเฟือยใช้สอยจนเกินควร เก็บหอมรอมริบ เพื่อประโยชน์ในวันข้างหน้า และ 4. จาคะ คือ การยอมสละในสิ่งที่ควรสละ ทั้งภายนอกและภายใน เช่น ยอมสละความสุขเล็กๆ น้อยๆ เพื่อความสุขอันยิ่งใหญ่ในภายหลัง ยอมสละความสุข และประโยชน์ส่วนตน เพื่อความสุข และประโยชน์ของส่วนรวม
"คุณธรรม 4 ประการนี้ หากแต่ละบุคคลรู้จักปลูกฝัง และบำรุงให้เจริญงอกงามขึ้นภายในจิตใจแล้ว จะเป็นปัจจัยให้ตัวเอง ประเทศชาติเกิดความสงบร่มเย็น ซึ่งคุณธรรมจะส่งผลให้ตัวเองก่อน แล้วจึงส่งผลให้กับสังคมโดยส่วนรวม และจะทำให้บ้านเมืองของเรามีโอกาสพัฒนาให้ทัดเทียมกับอารยประเทศตามที่ปรารถนาได้ รัฐบาลอยากเสนอให้ประชาชนยึดถือทั้ง 4 ประการนี้ เป็นข้อปฏิบัติ เพื่อป้องกันความเสื่อมโทรม และเสื่อมทรามที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด"
นอกจากคุณธรรม 4 ประการนี้แล้ว ยังมีหลักธรรมอีกเป็นจำนวนมาก ที่ควรนำมาประพฤติปฏิบัติให้เกิดความดีงาม โดยเฉพาะสามัคคีธรรม เริ่มจากการเรียนรู้ และการศึกษา แต่การศึกษาส่วนใหญ่ในปัจจุบัน มักเอาความรู้นำ ไม่มีปัญญาตาม ความรู้กับปัญญานั้นต่างกัน ความรู้อาจจะเป็นเรื่องใดก็ได้ แต่ปัญญานั้นคือ ความรู้ที่มีความดี มีคุณธรรม มีจริยธรรม เราจึงต้องช่วยกันส่งเสริม ปลูกฝัง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ตั้งแต่บ้าน โรงเรียน ที่ทำงาน และองค์กรสุดท้ายที่มีบทบาทสูงต่อการสร้างคุณธรรมคือ สื่อมวลชน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การพัฒนาคุณธรรมในโลกปัจจุบัน นับว่ามีความท้าทายอย่างยิ่ง เพราะเรากำลังเผชิญกับโลกยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญต่อการแสวงหาความสุข จากวัตถุและทรัพย์สินเงินทอง และการกำหนดกติกาทางสังคมในโลกสมัยใหม่ ที่ยังมุ่งเน้นที่การแข่งขัน การช่วงชิงทรัพยากรที่มีจำกัด ในการแสวงหากำไร ที่เป็นเป้าหมายสูงสุด ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมในวิถีสังคมยุคใหม่ ที่ก้าวควบคู่กับการพัฒนาคุณธรรม เป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน ต้องอาศัยจุดยืนที่มั่นคงในการแสวงหายุทธศาสตร์เชิงรุก
"เราต้องเริ่มจากการปฏิบัติของตัวเองเป็นอันดับแรก โดยรักษาคุณธรรมของครอบครัว ยึดมั่นในจรรยาบรรณ จริยธรรมของวิชาชีพของตน ไม่ว่านักบวช นักการเมือง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ครู นักเรียน นักศึกษา นักธุรกิจ สื่อมวลชน ศิลปิน นักร้อง นักแสดง จะเป็นรากฐานความมั่นคงของการพัฒนาคุณธรรมให้ขยายสู่สังคม"นายกรัฐมนตรี กล่าว
**"สนธิ"ออกซีเอ็นเอ็น
เวลา 14.00 น.วันเดียวกันนี้ ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)ได้ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็น ถึงประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองขณะนี้ ทั้งเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นสนามบินสุวรรณภูมิ เหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่ กทม.และ จ.นนทบุรี พร้อมกัน 9 จุด เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา การร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึงการตอบโต้สิงคโปร์ภายหลังที่สถานีซีเอ็นเอ็น ออกอากาศคำสัมภาษณ์ของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และการยกเลิกกฎอัยการศึก ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ยกเลิกแล้ว ซึ่งจะแพร่ภาพออกอากาศในเวลาประมาณ 18.00 น.วันเดียวกัน
พล.อ.สนธิ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังให้สัมภาษณ์กับสถานี ซีเอ็นเอ็นว่า การพูดคุยกับสถานีซีเอ็นเอ็น ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเก่า ๆ ซึ่ง ซีเอ็นเอ็นถามว่าคดีระเบิดในพื้นที่ กทม. และ จ.นนทบุรี พร้อมกัน 9 จุด และคนร้ายที่จับไว้เป็นอย่างไร ซึ่ง ซีเอ็นเอ็นไม่รู้ตนก็ตอบเขาไป ซึ่งขณะนี้ก็ทราบว่า 19 คนที่ตำรวจจับมาสอบปากคำ ได้ปล่อยตัวไปแล้ว 18 คน เหลือพลเรือนอยู่เพียงคนเดียวเมื่อถามว่า ในวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารกองทัพภาคที่ 1 เข้าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้มีการขอความเห็นของท่านหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "ไม่มี ตอนนั้นเราไม่รู้เรื่อง"
เมื่อถามว่า ต่างชาติเกิดความสับสนในหลายกรณี ทาง คมช.จะทำความเข้าใจตรงนี้ให้มากขึ้นหรือเปล่า พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เราต้องพยายามกันทุกฝ่าย ทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่ทำงานจะต้องพยายามแถลงผลการทำงานให้กับประชาชนได้รับทราบ จะได้กระจายออกไปนอกประเทศ เช่นเดียวกัน พวกเราก็จะต้องช่วยกันสื่อในของที่ดี และสิ่งที่มันเกิดขึ้นไม่ดี ให้กับประชาชน และสังคมได้รับทราบด้วย จะได้รู้ว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า สถานีซีเอ็นเอ็น ได้มีการสอบถามถึงปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นสนามบินสุวรรณภูมิหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เขาไม่ได้สอบถามเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ว่าในคำตอบมีเกี่ยวข้อง เมื่อถามย้ำว่า เราเป็นห่วงหรือไม่ เพราะสนามบินสุวรรณภูมิ ถือเป็นหน้าตาของประเทศไทย พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เราพูดอย่างนั้นไม่ได้ เราอายเขา เหมือนกับบ้าน เราเก็บไว้แก้ปัญหาของเราดีกว่า อย่าให้เขาได้รับรู้ในสิ่งที่มันไม่ดี
เมื่อถามว่า ผบ.ทบ.ได้ใช้สถานีซีเอ็นเอ็น สื่อข้อมูลไปถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า “ผมเรียนนิดเดียวให้ใครที่เป็นคนไทยช่วยรักประเทศชาติหน่อย” เมื่อถามย้ำว่า ได้สื่อข้อมูลไป พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรบ้าง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ท่านคงฟัง ซีเอ็นเอ็นอยู่ในวันที่ออกอากาศ ก็ขอให้ทุกคนช่วยกันรักชาติ ทุกคนไม่ใช่เฉพาะท่าน ดังนั้นทุกคนในประเทศจะต้องรักชาติบ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การสัมภาษณ์กับสถานีซีเอ็นเอ็นครั้งนี้ มีความยาวประมาณเกือบ 1 ชม.โดยมีเนื้อหาที่สำคัญที่ทางสถานีซีเอ็นเอ็นได้ถาม พล.อ.สนธิ ถึงการร่าง รธน.โดย พล.อ.สนธิ กล่าวว่า การร่าง รธน.จะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกรรมาธิการยกร่าง รธน.
ซีเอ็นเอ็น ถามว่า การตอบโต้สิงคโปร์หลังจากที่พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานของ รัฐบาล และ คมช. พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เป็นเรื่องวิธีการทูต หลังจากที่ซีเอ็นเอ็นออกอากาศคำสัมภาษณ์ของอดีตนายกรัฐมนตรี ประเทศไทยก็ได้ดำเนินการกรรมาวิธีทางการทูตเป็นหลัก ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่เกี่ยวกับ คมช.เพราะการดำเนินการขึ้นอยู่กับกระทวงการต่างประเทศ และรัฐบาล จะพิจารณาเป็นคนละส่วนกัน
ซีเอ็นเอ็น ถามว่า อยากฝากอะไรไปถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านทางซีเอ็นเอ็นอย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ก็อยากฝากความระลึกไปถึงท่าน เพราะในอดีตที่ผ่านมาท่านเคยเป็นผู้บังคับบัญชา และเคยทำงานร่วมกันมา ฉะนั้น ขอให้ท่านนึกถึงชาติบ้านเมืองเป็นหลักด้วย ท่านอยู่ตรงไหนก็แล้วแต่ ขอให้รักประเทศชาติ
ซีเอ็นเอ็น ถามว่า เคยคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ หลังจากเกิดเหตุการณ์ 19 ก.ย.49 พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่เคยคุยกัน เพียงแต่คุยกับกับคนใกล้ชิดเท่านั้น
ซีเอ็นเอ็น ถามว่า การยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ กทม.และ พื้นที่ใกล้เคียงแล้วหรือยัง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า วันเดียวกันนี้ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ 41 จังหวัด และได้ประกาศราชกิจจานุเบกษา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลงวันที่ 26 ม.ค.50 ทั้งนี้ จะส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารไม่มีอำนาจที่จะลงไปตรวจค้นในพื้นที่ล่อแหลมได้ ซึ่งหากสงสัยบุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคง หรือมีอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง ทางเจ้าหน้าที่จะต้องขออนุมัติหมายค้นจากศาลเท่านั้น ถึงจะดำเนินการได้