“สุรยุทธ์” ประชุมปลัดกระทรวงสั่งขันน็อตข้าราชการ เพื่อให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาของชาติ พร้อมให้เร่งสรุปผลงาน 4 เดือนเพื่อแถลงให้ประชาชนรับทราบ หลังผลสำรวจพบคะแนนวูบ เตรียมขัดทัวร์นกขมิ้นยุคแม้วมาให้ “สุรยุทธ์” กูศรัทธา ขณะเดียวกันสั่ง “หม่อมอุ๋ย” ดูงานราชการใครเกียร์ว่างเจอฟัน กำชับทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือ คตส. เผยผลสำรวจพบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (26 ม.ค.) พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริหารระดับปลัดกระทรวงได้นำความคิดเห็นมาหารือร่วมกัน ในการแก้ไขปัญหา และร่วมมือกันปฏิบัติราชการ เพื่อดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ป็นโอกาสอันดีที่ได้มาพูดคุยกันในวันนี้ หลังจากที่ได้ทำงานกันมาเกือบ 4 เดือน มีนโยบายใน 2 เรื่องหลัก คือ 1. ความร่วมมือในการปฏิบัติราชการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นกับข้าราชการ ภายในกระทรวงได้ว่า รัฐบาลมีความตั้งใจและมั่นใจในการบริหารงานบุคคล ที่อยู่บนพื้นฐานของระบบคุณธรรม ภายใต้ตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรม 2. เรื่องที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ฃงบประมาณรายจ่ายประจำปี จำเป็นต้องเร่งรัดดำเนินการตามแผนงาน ภายใต้ระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับให้ส่วนกลางเร่งรัดจัดสรรงบประมาณไปในระดับจังหวัดโดยเร็ว เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาหลักของประชาชน
พล.อ.สุรยุทธ์ ยังได้มอบนโยบายในการทำงาน ดังนี้ 1) กรณีที่โครงการ หรือกิจกรรมที่รัฐบาลนี้มีนโยบายยกเลิกหรือชะลอการดำเนินงาน ให้ส่วนราชการ ดำเนินการตามที่ได้มีการสั่งการ เนื่องจากได้ผ่านการพิจารณาในเชิงนโยบายแล้ว 2) โครงการหรือกิจกรรมที่รัฐบาลไม่ได้แจ้งยกเลิกหรือชะลอการดำเนินการ ซึ่งมีประโยชน์และสามารถแก้ไขปัญหาของประชาชนได้โดยตรง หากว่าอยู่ในแผนงานแล้ว ให้ส่วนราชการพิจารณาดำเนินการตามแผนต่อไป 3) ข้อคิดเห็นหรือข้อสังเกตของผู้บริหารทั้งหลาย มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ จึงขอให้เสนอความคิดเห็นต่อฝ่ายบริหารว่าควรปรับปรุงหรือทบทวนโครงการ หรือกิจกรรมที่ได้มีการดำเนินการไปแล้ว และนำเสนอโครงการกิจกรรมใหม่ ที่สอดคล้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งนี้ การดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าวต้องดำเนินการ ภายใต้การบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล คือ โปร่งใส เป็นธรรม ประสิทธิภาพ
สำหรับการจัดสรรงบประมาณปี พ.ศ. 2551 นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายดังนี้ 1) ให้ส่วนราชการพิจารณานำหลักการเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช้ในการพิจารณาจัดทำงบประมาณในปี พ.ศ. 2551 ให้มากที่สุด เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศมีความยั่งยืนบนพื้นฐานของความมั่นคง 2) ให้ส่วนราชการพิจารณาวางแผนการจัดทำงบประมาณโดยสร้างภูมิคุ้มกันจากประสบการณ์การดำเนินงาน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต 3) ให้เกิดการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างฝ่ายนโยบาย ฝ่ายกำหนดแผนและโครงการ และสำนักงบประมาณ ภายใต้ความมั่นคงและความสามัคคีต่อไป
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า พล.อ.สุรยุทธ์ กำชับในการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการ ระดับปลัดกระทรวง ซึ่งเป็นการประชุมหัวหน้าส่วนราชการครั้งแรกในรัฐบาลชุดนี้ กำชับให้หัวหน้าส่วนราชการร่วมมือปฏิบัติงาน และใช้การบริหารบุคคลในระบบคุณธรรม มีผลชี้วัดเป็นรูปธรรม ใครที่เกียร์ว่าง ให้ดำเนินการได้ และในความพยายามแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะความขัดแย้งบางเรื่องที่อาจเกิดผลเสียได้ถ้าไม่แก้ไข จึงต้องสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น โดยงานในส่วนราชการ มอบให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไปทำความเข้าใจ
“นายกรัฐมนตรียังขอให้ส่วนราชการให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลกับคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และหากให้ข้อมูลในลักษณะให้คุณต่อการสอบสวนได้ก็จะเป็นประโยชน์ พร้อมย้ำว่า ถึงเวลาที่ข้าราชการจะทำงานบนพื้นฐานความซื่อสัตย์ ซื่อตรง นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังขอให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการใช้งบประมาณปี 2550 เพราะเหลือเวลา 8 เดือน งานไหนที่จำเป็นให้เร่งดำเนินการโดยเร็ว”
นายธีรภัทร เสรีรังสรร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนได้นำแผนการประชาสัมพันธ์งานรัฐบาลเสนอต่อ พล.อ.สุรยุทเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแผนดังกล่าวจะเน้นการประชาสัมพันธ์เชิงรุกครอบคลุมทุกด้าน ทั้งสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ส่วนนายกฯ มีข้อคิดเห็นหรือข้อท้วงติงอย่างไรนั้น ตนยังไม่ทราบ เนื่องจากส่งเพียงแผนงานไปให้นายกฯ แต่ไม่ได้อยู่รับฟัง อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะได้คำตอบ เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ระบุว่าแผนดังกล่าวจะติดตามความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและคลื่นใต้น้ำ ตรงนี้จะมีลักษณะอย่างไร นายธีรภัทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการหารือกันถึงประเด็นนี้
ขณะที่ทางร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือไปยังทุกกระทรวงให้ทำการรวบรวมผลงานและจัดทำเป็นรายงานส่งมายังทำเนียบรัฐบาลเพื่อรัฐบาลจะได้นำแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 4 เดือน ซึ่งได้สร้างความอึดอัดใจให้กับข้าราชการ เพราะว่ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากที่ที่ผ่านมาการแถลงผลงานรัฐบาลตามปกติ จะแถลงเมื่อบริหารงาน ครบ 6 เดือน หรือ 1 ปี
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า จากการที่รัฐบาลได้บริหารงานมากว่า 4 เดือนแล้ว แต่ผลงานรัฐบาลยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง และยังมีปัญหาทางด้านความมั่นคง โดยจะเห็นได้จากผลสำรวจความนิยมในตัวพล.อ.สุรยุทธ์ และรัฐบาลตกต่ำลง จึงทำให้ พล.อ.สุรยุทธ์ ได้สั่งการให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรื ได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นจุดเด่น จุดด้อยของรัฐบาลว่ามีเรื่องอะไรบ้าง โดยรวบรวมจากผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน และการสะท้อนของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาลในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาว่า ขาดตกบกพร่องอะไรบ้าง โดยเฉพาะ 4 ภารกิจหลักของรัฐบาลที่ประกาศเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่จะเร่งดำเนินการ
ซึ่งจากการรวบรวมผลสำรวจและการสะท้อนของสื่อมวลชน สรุปได้ว่า นายกรัฐมนตรีอ่อนในด้านมวลชน รวมทั้งไม่มีการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยที่เป็นไปอย่างล่าช้ารวมถึง การแก้ไขปัญหาความยากจน ปัญหาเกษตรกร ทางทีมงานจึงได้กำหนด ยุทธศาสตร์ใหม่ โดยให้นายกฯลงพื้นที่มากขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ประชาชนหวนกลับไปคิดถึงนโยบายสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเสนอนายกฯในเร็ววันนี้ ไม่เกี่ยวกับการทำงานของบรรดารัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (26 ม.ค.) พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริหารระดับปลัดกระทรวงได้นำความคิดเห็นมาหารือร่วมกัน ในการแก้ไขปัญหา และร่วมมือกันปฏิบัติราชการ เพื่อดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ป็นโอกาสอันดีที่ได้มาพูดคุยกันในวันนี้ หลังจากที่ได้ทำงานกันมาเกือบ 4 เดือน มีนโยบายใน 2 เรื่องหลัก คือ 1. ความร่วมมือในการปฏิบัติราชการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นกับข้าราชการ ภายในกระทรวงได้ว่า รัฐบาลมีความตั้งใจและมั่นใจในการบริหารงานบุคคล ที่อยู่บนพื้นฐานของระบบคุณธรรม ภายใต้ตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรม 2. เรื่องที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ฃงบประมาณรายจ่ายประจำปี จำเป็นต้องเร่งรัดดำเนินการตามแผนงาน ภายใต้ระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับให้ส่วนกลางเร่งรัดจัดสรรงบประมาณไปในระดับจังหวัดโดยเร็ว เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาหลักของประชาชน
พล.อ.สุรยุทธ์ ยังได้มอบนโยบายในการทำงาน ดังนี้ 1) กรณีที่โครงการ หรือกิจกรรมที่รัฐบาลนี้มีนโยบายยกเลิกหรือชะลอการดำเนินงาน ให้ส่วนราชการ ดำเนินการตามที่ได้มีการสั่งการ เนื่องจากได้ผ่านการพิจารณาในเชิงนโยบายแล้ว 2) โครงการหรือกิจกรรมที่รัฐบาลไม่ได้แจ้งยกเลิกหรือชะลอการดำเนินการ ซึ่งมีประโยชน์และสามารถแก้ไขปัญหาของประชาชนได้โดยตรง หากว่าอยู่ในแผนงานแล้ว ให้ส่วนราชการพิจารณาดำเนินการตามแผนต่อไป 3) ข้อคิดเห็นหรือข้อสังเกตของผู้บริหารทั้งหลาย มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ จึงขอให้เสนอความคิดเห็นต่อฝ่ายบริหารว่าควรปรับปรุงหรือทบทวนโครงการ หรือกิจกรรมที่ได้มีการดำเนินการไปแล้ว และนำเสนอโครงการกิจกรรมใหม่ ที่สอดคล้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งนี้ การดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าวต้องดำเนินการ ภายใต้การบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล คือ โปร่งใส เป็นธรรม ประสิทธิภาพ
สำหรับการจัดสรรงบประมาณปี พ.ศ. 2551 นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายดังนี้ 1) ให้ส่วนราชการพิจารณานำหลักการเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช้ในการพิจารณาจัดทำงบประมาณในปี พ.ศ. 2551 ให้มากที่สุด เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศมีความยั่งยืนบนพื้นฐานของความมั่นคง 2) ให้ส่วนราชการพิจารณาวางแผนการจัดทำงบประมาณโดยสร้างภูมิคุ้มกันจากประสบการณ์การดำเนินงาน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต 3) ให้เกิดการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างฝ่ายนโยบาย ฝ่ายกำหนดแผนและโครงการ และสำนักงบประมาณ ภายใต้ความมั่นคงและความสามัคคีต่อไป
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า พล.อ.สุรยุทธ์ กำชับในการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการ ระดับปลัดกระทรวง ซึ่งเป็นการประชุมหัวหน้าส่วนราชการครั้งแรกในรัฐบาลชุดนี้ กำชับให้หัวหน้าส่วนราชการร่วมมือปฏิบัติงาน และใช้การบริหารบุคคลในระบบคุณธรรม มีผลชี้วัดเป็นรูปธรรม ใครที่เกียร์ว่าง ให้ดำเนินการได้ และในความพยายามแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะความขัดแย้งบางเรื่องที่อาจเกิดผลเสียได้ถ้าไม่แก้ไข จึงต้องสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น โดยงานในส่วนราชการ มอบให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไปทำความเข้าใจ
“นายกรัฐมนตรียังขอให้ส่วนราชการให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลกับคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และหากให้ข้อมูลในลักษณะให้คุณต่อการสอบสวนได้ก็จะเป็นประโยชน์ พร้อมย้ำว่า ถึงเวลาที่ข้าราชการจะทำงานบนพื้นฐานความซื่อสัตย์ ซื่อตรง นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังขอให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการใช้งบประมาณปี 2550 เพราะเหลือเวลา 8 เดือน งานไหนที่จำเป็นให้เร่งดำเนินการโดยเร็ว”
นายธีรภัทร เสรีรังสรร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนได้นำแผนการประชาสัมพันธ์งานรัฐบาลเสนอต่อ พล.อ.สุรยุทเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแผนดังกล่าวจะเน้นการประชาสัมพันธ์เชิงรุกครอบคลุมทุกด้าน ทั้งสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ส่วนนายกฯ มีข้อคิดเห็นหรือข้อท้วงติงอย่างไรนั้น ตนยังไม่ทราบ เนื่องจากส่งเพียงแผนงานไปให้นายกฯ แต่ไม่ได้อยู่รับฟัง อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะได้คำตอบ เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ระบุว่าแผนดังกล่าวจะติดตามความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและคลื่นใต้น้ำ ตรงนี้จะมีลักษณะอย่างไร นายธีรภัทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการหารือกันถึงประเด็นนี้
ขณะที่ทางร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือไปยังทุกกระทรวงให้ทำการรวบรวมผลงานและจัดทำเป็นรายงานส่งมายังทำเนียบรัฐบาลเพื่อรัฐบาลจะได้นำแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 4 เดือน ซึ่งได้สร้างความอึดอัดใจให้กับข้าราชการ เพราะว่ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากที่ที่ผ่านมาการแถลงผลงานรัฐบาลตามปกติ จะแถลงเมื่อบริหารงาน ครบ 6 เดือน หรือ 1 ปี
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า จากการที่รัฐบาลได้บริหารงานมากว่า 4 เดือนแล้ว แต่ผลงานรัฐบาลยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง และยังมีปัญหาทางด้านความมั่นคง โดยจะเห็นได้จากผลสำรวจความนิยมในตัวพล.อ.สุรยุทธ์ และรัฐบาลตกต่ำลง จึงทำให้ พล.อ.สุรยุทธ์ ได้สั่งการให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรื ได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นจุดเด่น จุดด้อยของรัฐบาลว่ามีเรื่องอะไรบ้าง โดยรวบรวมจากผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน และการสะท้อนของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาลในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาว่า ขาดตกบกพร่องอะไรบ้าง โดยเฉพาะ 4 ภารกิจหลักของรัฐบาลที่ประกาศเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่จะเร่งดำเนินการ
ซึ่งจากการรวบรวมผลสำรวจและการสะท้อนของสื่อมวลชน สรุปได้ว่า นายกรัฐมนตรีอ่อนในด้านมวลชน รวมทั้งไม่มีการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยที่เป็นไปอย่างล่าช้ารวมถึง การแก้ไขปัญหาความยากจน ปัญหาเกษตรกร ทางทีมงานจึงได้กำหนด ยุทธศาสตร์ใหม่ โดยให้นายกฯลงพื้นที่มากขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ประชาชนหวนกลับไปคิดถึงนโยบายสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเสนอนายกฯในเร็ววันนี้ ไม่เกี่ยวกับการทำงานของบรรดารัฐมนตรี