ปีใหม่นี้ โหรหลายคนทำนายเหตุการณ์ตลอดปีในทางร้ายๆ หากเป็นจริงตามที่บางคนทำนาย ประเทศไทยเห็นทีจะต้องสร้างกันใหม่ เพราะมีทั้งการสูญเสียบุคคลสำคัญ การเกิดวินาศกรรมถึงขั้นตึกถล่ม คนตาย ประชาชนปะทะกัน
เวลานี้เกิดสภาวะความไม่มั่นคง และความไม่แน่นอนสูงมาก เมื่อใดที่เป็นเช่นนี้ เมื่อนั้นคนก็หันไปพึ่งโหร เพราะวิสัยของมนุษย์เรานั้น ต้องการความแน่นอน แต่การเมืองไทยเป็นกิจกรรมที่ปราศจากความแน่นอน เมื่อพยายามหาข้อมูลข่าวสารต่างๆ แต่ก็ยังมืดแปดด้านอยู่แล้ว ก็เลยต้องไปถามหมอดู
เรื่องโหราศาสตร์กับการเมืองไทยนี้มีอยู่คู่กันมานมนานตั้งแต่ยุคพันปีมาแล้ว ในสมัยก่อนโหราจารย์ทำหน้าที่หลายอย่าง โดยเฉพาะการทำนายเกี่ยวกับเหตุการณ์ผิดปกติทางธรรมชาติ เวลาเราอ่านพงศาวดารก็จะพบปูมโหร นอกจากนั้นก็ยังมีการบันทึกเหตุการณ์ที่ผิดปกติไว้ด้วย
ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ก็มีการทำนายว่าอายุของราชวงศ์จักรีจะสิ้นสุดลงแค่ 150 ปี พ.ศ. 2475 เป็นปีที่ 150 พอดี ก็มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ดังนั้นคำทำนายก็ถูกครึ่งหนึ่ง คือพระมหากษัตริย์ทรงเสียพระราชอำนาจเด็ดขาดไป
หลัง พ.ศ. 2475 มีการปฏิวัติรัฐประหารบ่อยครั้ง ผู้นำทหารหลายคนต้องมีโหรประจำตัว นอกจากจะคอยตรวจดวงชะตาของตนเองแล้ว ยังคอยดูดวงชะตาของผู้ที่ต้องการจะโค่นล้มด้วย ผู้นำหลายคนจึงปกปิดดวงชะตาของตน เพื่อให้หมอดูทายผิด
ดวงชะตาที่โหรใช้เป็นหลัก ในการตรวจดูเหตุการณ์ทางการเมือง ก็คือดวงเมืองซึ่งกำหนดโดยโหราจารย์สมัยรัชกาลที่ 1 โหราจารย์ได้วางตำแหน่งดาวอังคารซึ่งหมายถึงทหารไว้ที่จุดแข็งของดวงเมือง จึงกล่าวกันว่า ทหารถึงมีความเข้มแข็ง
ดวงเมืองของประเทศไทยนับว่าดีมาก บ้านเมืองเราศัตรูทำอะไรไม่ค่อยได้ แต่จะวุ่นวายก็เพราะพวกเราทำกันเองมากกว่า
โหราศาสตร์ถือว่าเป็นศาสตร์ชนิดหนึ่ง ความเป็นศาสตร์อยู่ที่การมีหลักเกณฑ์ มีการเก็บสถิติ ความสัมพันธ์ระหว่างการเคลื่อนที่ของดวงดาว ความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาวแต่ละดวง การจับกลุ่ม และที่ตั้งของดวงดาว การเก็บข้อมูลเหล่านี้ทำกันมาหลายพันปี จนได้แบบฉบับหลายแบบนับเป็นพันๆ แบบที่เกิดขึ้น ดวงดาวแต่ละดวงก็เป็นตัวแทนของคุณสมบัติ ทั้งด้านดีและด้านร้าย เมื่อนำการเคลื่อนที่ของดวงดาวมาเปรียบเทียบกับดวงชะตาของคนแต่ละคน โดยดูจากตำแหน่งของดวงดาวต่างๆ ในเวลาเกิดของคนแล้ว ก็จะได้การเกาะกลุ่มของดาว เช่น ผู้ที่เกิดในปี 2487 ก็จะมีดาวใหญ่ๆ อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน เพราะดาวบางดวงจะเคลื่อนที่ทีหนึ่งก็หลายปี บางดวงเข้ามาไม่นานก็เคลื่อนที่ออกไป เป็นต้น
เวลานี้มีบางคนที่นำโหราศาสตร์ไปใช้ในการทำนายการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น ตลาดหุ้นนั้นมีการเคลื่อนไหวที่ทำนายยาก เพราะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนจำนวนมาก แต่ก็มีการเคลื่อนไหวเป็นกราฟที่พอจะคาดคะเนได้ ด้วยเหตุของการที่มีความไม่แน่นอนสูงนี้ โหราศาสตร์จึงมีประโยชน์
สำหรับการเมืองแล้ว ของไทยเรามีคนจำนวนไม่มากนักที่ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมือง การศึกษาทัศนคติและพฤติกรรมของคนเหล่านี้ ก็น่าจะทำให้เราสามารถเข้าใจการเคลื่อนไหวทางการเมืองของเขาได้ หากรู้ดวงชะตาดูพื้นดวงประกอบด้วยแล้ว ก็ยิ่งดี
เมื่อมีความขัดแย้งทางการเมืองเกิดขึ้น หากเรารู้อุปนิสัยของคู่ขัดแย้งแล้ว ก็จะทำนายเหตุการณ์ไม่ยากอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีลักษณะเชื่อตัวเองสูงและดื้อ แต่มีข้อดีคือ รักครอบครัวอย่างนี้ไม่ต้องดูดวงก็รู้ว่า หากมีสิ่งใดที่มากระทบทำให้ครอบครัวต้องเดือดร้อนในระยะยาวแล้วก็จะหลีกเลี่ยง ดังนั้น หากลูกๆ ต้องเดือดร้อน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะสู้ แต่ถ้าไม่ได้รับผลกระทบมาก ก็จะระมัดระวังและหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
ผมยังคิดในแง่ดีว่า การเมืองเป็นเรื่องที่พอจะประนีประนอมกันได้ สามารถหลีกเลี่ยงการปะทะแบบนองเลือดได้ ผิดกับเหตุการณ์วิปริตทางธรรมชาติที่เราไม่อาจหยุดยั้งได้
โดยสรุปแล้ว ที่โหรวิตกกันมากก็เป็นเพราะตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้วเป็นต้นมา ดาวใหญ่ๆ ที่เป็นดาวไม่ดีได้โคจรมาทับจันทร์เดิมของดวงเมืองในราศีกรกฎ ดาวเสาร์กับดวงจันทร์นั้นเป็นศัตรูกัน ภาษาโหรเรียกว่า “เป็นอริ” ส่วนดาวดีๆ คือ ดาวพฤหัสก็โคจรมาอยู่ในเรือนมรณะของดวงเมือง ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ทำนายว่าเศรษฐกิจจะไม่ดี มีการสูญเสียนักปราชญ์ผู้ทรงศีล กว่าดาวพฤหัสจะพ้นเรือนมรณะไปก็ราวๆ เดือนพฤศจิกายน อนึ่ง ดาวราหูโคจรเข้ามาอยู่ในเรือนลาภะของดวงเมือง ทายว่าผู้คนจะมัวเมาเห็นผิดเป็นชอบ กระแสสังคมก็จะแปรปรวนวิปริตไปเช่นกัน
ถ้าดูตามดวงดาวแล้ว สถิติจะบอกว่า หากดาวนี้มาพบกับดาวนี้ตรงนี้ ก็จะไม่ค่อยจะดี นี่เป็นหลักโหรทุกคนรู้ แต่โหรที่เก่งคือผู้ที่แปลความหมายเก่ง คือสามารถหาข้อสรุปจากความสัมพันธ์ของดวงดาวได้
ปกติดาวพฤหัสเป็นดาวใหญ่ เมื่อใดที่ไปอยู่ในเรือนมรณะของดวงเมือง ก็ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษหน่อย
วันที่ 25 มกราคมนี้ ผมจะไปร่วมเสวนาเรื่อง “โหราศาสตร์กับการเมือง” ที่รามาการ์เด้นส์ ตอนบ่ายโมงครับ วันนั้นคงได้พูดรายละเอียดกันมากกว่านี้
เวลานี้เกิดสภาวะความไม่มั่นคง และความไม่แน่นอนสูงมาก เมื่อใดที่เป็นเช่นนี้ เมื่อนั้นคนก็หันไปพึ่งโหร เพราะวิสัยของมนุษย์เรานั้น ต้องการความแน่นอน แต่การเมืองไทยเป็นกิจกรรมที่ปราศจากความแน่นอน เมื่อพยายามหาข้อมูลข่าวสารต่างๆ แต่ก็ยังมืดแปดด้านอยู่แล้ว ก็เลยต้องไปถามหมอดู
เรื่องโหราศาสตร์กับการเมืองไทยนี้มีอยู่คู่กันมานมนานตั้งแต่ยุคพันปีมาแล้ว ในสมัยก่อนโหราจารย์ทำหน้าที่หลายอย่าง โดยเฉพาะการทำนายเกี่ยวกับเหตุการณ์ผิดปกติทางธรรมชาติ เวลาเราอ่านพงศาวดารก็จะพบปูมโหร นอกจากนั้นก็ยังมีการบันทึกเหตุการณ์ที่ผิดปกติไว้ด้วย
ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ก็มีการทำนายว่าอายุของราชวงศ์จักรีจะสิ้นสุดลงแค่ 150 ปี พ.ศ. 2475 เป็นปีที่ 150 พอดี ก็มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ดังนั้นคำทำนายก็ถูกครึ่งหนึ่ง คือพระมหากษัตริย์ทรงเสียพระราชอำนาจเด็ดขาดไป
หลัง พ.ศ. 2475 มีการปฏิวัติรัฐประหารบ่อยครั้ง ผู้นำทหารหลายคนต้องมีโหรประจำตัว นอกจากจะคอยตรวจดวงชะตาของตนเองแล้ว ยังคอยดูดวงชะตาของผู้ที่ต้องการจะโค่นล้มด้วย ผู้นำหลายคนจึงปกปิดดวงชะตาของตน เพื่อให้หมอดูทายผิด
ดวงชะตาที่โหรใช้เป็นหลัก ในการตรวจดูเหตุการณ์ทางการเมือง ก็คือดวงเมืองซึ่งกำหนดโดยโหราจารย์สมัยรัชกาลที่ 1 โหราจารย์ได้วางตำแหน่งดาวอังคารซึ่งหมายถึงทหารไว้ที่จุดแข็งของดวงเมือง จึงกล่าวกันว่า ทหารถึงมีความเข้มแข็ง
ดวงเมืองของประเทศไทยนับว่าดีมาก บ้านเมืองเราศัตรูทำอะไรไม่ค่อยได้ แต่จะวุ่นวายก็เพราะพวกเราทำกันเองมากกว่า
โหราศาสตร์ถือว่าเป็นศาสตร์ชนิดหนึ่ง ความเป็นศาสตร์อยู่ที่การมีหลักเกณฑ์ มีการเก็บสถิติ ความสัมพันธ์ระหว่างการเคลื่อนที่ของดวงดาว ความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาวแต่ละดวง การจับกลุ่ม และที่ตั้งของดวงดาว การเก็บข้อมูลเหล่านี้ทำกันมาหลายพันปี จนได้แบบฉบับหลายแบบนับเป็นพันๆ แบบที่เกิดขึ้น ดวงดาวแต่ละดวงก็เป็นตัวแทนของคุณสมบัติ ทั้งด้านดีและด้านร้าย เมื่อนำการเคลื่อนที่ของดวงดาวมาเปรียบเทียบกับดวงชะตาของคนแต่ละคน โดยดูจากตำแหน่งของดวงดาวต่างๆ ในเวลาเกิดของคนแล้ว ก็จะได้การเกาะกลุ่มของดาว เช่น ผู้ที่เกิดในปี 2487 ก็จะมีดาวใหญ่ๆ อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน เพราะดาวบางดวงจะเคลื่อนที่ทีหนึ่งก็หลายปี บางดวงเข้ามาไม่นานก็เคลื่อนที่ออกไป เป็นต้น
เวลานี้มีบางคนที่นำโหราศาสตร์ไปใช้ในการทำนายการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น ตลาดหุ้นนั้นมีการเคลื่อนไหวที่ทำนายยาก เพราะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนจำนวนมาก แต่ก็มีการเคลื่อนไหวเป็นกราฟที่พอจะคาดคะเนได้ ด้วยเหตุของการที่มีความไม่แน่นอนสูงนี้ โหราศาสตร์จึงมีประโยชน์
สำหรับการเมืองแล้ว ของไทยเรามีคนจำนวนไม่มากนักที่ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมือง การศึกษาทัศนคติและพฤติกรรมของคนเหล่านี้ ก็น่าจะทำให้เราสามารถเข้าใจการเคลื่อนไหวทางการเมืองของเขาได้ หากรู้ดวงชะตาดูพื้นดวงประกอบด้วยแล้ว ก็ยิ่งดี
เมื่อมีความขัดแย้งทางการเมืองเกิดขึ้น หากเรารู้อุปนิสัยของคู่ขัดแย้งแล้ว ก็จะทำนายเหตุการณ์ไม่ยากอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีลักษณะเชื่อตัวเองสูงและดื้อ แต่มีข้อดีคือ รักครอบครัวอย่างนี้ไม่ต้องดูดวงก็รู้ว่า หากมีสิ่งใดที่มากระทบทำให้ครอบครัวต้องเดือดร้อนในระยะยาวแล้วก็จะหลีกเลี่ยง ดังนั้น หากลูกๆ ต้องเดือดร้อน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะสู้ แต่ถ้าไม่ได้รับผลกระทบมาก ก็จะระมัดระวังและหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
ผมยังคิดในแง่ดีว่า การเมืองเป็นเรื่องที่พอจะประนีประนอมกันได้ สามารถหลีกเลี่ยงการปะทะแบบนองเลือดได้ ผิดกับเหตุการณ์วิปริตทางธรรมชาติที่เราไม่อาจหยุดยั้งได้
โดยสรุปแล้ว ที่โหรวิตกกันมากก็เป็นเพราะตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้วเป็นต้นมา ดาวใหญ่ๆ ที่เป็นดาวไม่ดีได้โคจรมาทับจันทร์เดิมของดวงเมืองในราศีกรกฎ ดาวเสาร์กับดวงจันทร์นั้นเป็นศัตรูกัน ภาษาโหรเรียกว่า “เป็นอริ” ส่วนดาวดีๆ คือ ดาวพฤหัสก็โคจรมาอยู่ในเรือนมรณะของดวงเมือง ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ทำนายว่าเศรษฐกิจจะไม่ดี มีการสูญเสียนักปราชญ์ผู้ทรงศีล กว่าดาวพฤหัสจะพ้นเรือนมรณะไปก็ราวๆ เดือนพฤศจิกายน อนึ่ง ดาวราหูโคจรเข้ามาอยู่ในเรือนลาภะของดวงเมือง ทายว่าผู้คนจะมัวเมาเห็นผิดเป็นชอบ กระแสสังคมก็จะแปรปรวนวิปริตไปเช่นกัน
ถ้าดูตามดวงดาวแล้ว สถิติจะบอกว่า หากดาวนี้มาพบกับดาวนี้ตรงนี้ ก็จะไม่ค่อยจะดี นี่เป็นหลักโหรทุกคนรู้ แต่โหรที่เก่งคือผู้ที่แปลความหมายเก่ง คือสามารถหาข้อสรุปจากความสัมพันธ์ของดวงดาวได้
ปกติดาวพฤหัสเป็นดาวใหญ่ เมื่อใดที่ไปอยู่ในเรือนมรณะของดวงเมือง ก็ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษหน่อย
วันที่ 25 มกราคมนี้ ผมจะไปร่วมเสวนาเรื่อง “โหราศาสตร์กับการเมือง” ที่รามาการ์เด้นส์ ตอนบ่ายโมงครับ วันนั้นคงได้พูดรายละเอียดกันมากกว่านี้