xs
xsm
sm
md
lg

ป.ป.ช.ขอเวลาตรวจสอบเพิ่ม "สุรยุทธ์"ถูกร้องรวยผิดปกติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ป.ป.ช.ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สิน “สุรยุทธ์-คุณหญิงจิตรวดี” เพิ่มก่อนสรุปร่ำรวยผิดปกติตามที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ เหตุนายกฯยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินถึง 7 บัญชี ตั้งแต่สมัยเป็น ส.ว. ปี2533 พร้อมเรียก “สุดชาย” ผู้ร้องสอบถามข้อมูลเพิ่ม หลังพบเอารูปสระว่ายน้ำที่มีคนส่งให้ทางอินเทอร์เน็ตมาร้องเรียน ด้าน คตส.จี้ 2ลูกน้องตระกูลชินวัตร รีบแจ้งข้อกล่าวหาก่อนหมดกำหนดเวลา “สมคิด” มึนถูกหางเลขทุจริตกล้ายาง

นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงกรณีที่นายสุดชาย บุญไชย แกนนำ กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.สอบ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และ พ.อ.หญิง คุณหญิงจิตรวดี จุลานนท์ ภริยา ร่ำรวยผิดปกติว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.รับทราบผลการตรวจสอบข้อกล่าวหานายกรัฐมนตรี และภริยา ในเบื้องต้น แต่เนื่องจาก พล.อ.สุรยุทธ์ แสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินไว้รวม 7 บัญชี ดังนั้นคณะกรรมการจึงมีมติให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบความถูกต้อง และความมีอยู่จริง ของทรัพย์สินตามบัญชีทรัพย์สินต่าง ๆ และให้นำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 75 วรรคหนึ่ง

นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. เสริมว่า นายสุดชาย ได้กล่าวหา ร้องเรียน พล.อ.สุรยุทธ์ และภริยา 2 ประเด็น คือ 1.ร่ำรวยผิดปกติ และ 2. แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ สำหรับประเด็นร่ำรวยผิดปกติ ทางเจ้าหน้าที่ได้เชิญ นายสุดชาย มาให้ถ้อยคำเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2549 โดยนายสุดชาย ให้ถ้อยคำว่า ในประเด็นร่ำรวยผิดปกติ ได้ร้อง พล.อ.สุรยุทธ์ ตั้งแต่รับราชการ จนเกษียณอายุราชการ ส่วนการมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ติดใจ และได้ร้อง พ.อ.หญิง คุณหญิงจิตรวดี ตั้งแต่รับราชการจนติดยศ พ.อ.หญิง และเป็นอาจารย์

นายกล้านรงค์ กล่าวว่า นายสุดชาย ได้นำบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายกรัฐมนตรีมาประกอบ เพื่อให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบย้อนหลัง ซึ่งเจ้าหน้าที่สรุปเสนอเรื่อง ให้คณะกรรมการรับทราบ และได้พิจารณาตรวจสอบ ปรากฏว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมด 7 รายการ คือ

1.เป็นสมาชิกวุฒิสภา ปี 2533 2. พ้นจากตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา 3.พ้นจากตำแหน่งวุฒิสภาครบ 1 ปี 4.เข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก 5. เข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด 6.พ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ 7. เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

นายกล้านรงค์ กล่าวว่า การให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเพิ่ม เพราะเห็นว่ากรณีนี้ เป็นกรณีปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของ ป.ป.ช.ที่จะต้องตรวจสอบถึงความถูกต้อง และมีอยู่จริงของทรัพย์สินทุกราย และต้องเปรียบเทียบในแต่ละบัญชีว่า มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติหรือไม่ ซึ่งจะต้องตรวจสอบทุกรายที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินอยู่แล้ว ส่วนประเด็นการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จที่นายสุดชาย ตั้งข้อสังเกตบัญชีทรัพย์สินแต่ละรายการนั้น เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เรื่องในลักษณะนี้ กรรมการ ป.ป.ช.ไม่ได้มีมติให้แถลง แต่เนื่องจากเป็นเรื่องที่ประชาชน สื่อมวลชนให้ความสนใจ ป.ป.ช.จึงได้มีมติให้แถลงถึงความคืบหน้าการดำเนินการ ตรวจสอบของกรรมการ ป.ป.ช.

สุดชายมั่วเอารูปจากอินเทอร์เน็ตมาร้อง

สำหรับประเด็นเรื่องภาพถ่ายบ้านที่มีสระน้ำ ที่นายสุดชายกล่าวอ้างว่า มีประชาชนส่งมาให้ทางอินเทอร์เน็ตว่า อาจจะเป็นบ้านพักของ พล.อ.สุรยุทธ์ ที่เขายายเที่ยง อำเภอปากช่อง จ.นครราชสีมานั้น กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ป.ป.ช.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ ไปตรวจสอบบ้านนายกรัฐมนตรีที่เขายายเที่ยงแล้ว พร้อมกับถ่ายภาพโดยละเอียด ซึ่งบ้านพักของนายกรัฐมนตรี เป็นบ้านชั้นเดียว โปร่ง และมีการกั้นเป็นห้อง เนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ ไม่มีสระน้ำ ซึ่งเป็นบ้านคนละหลังกับที่นายสุดชาย นำภาพมากล่าวอ้างต่อ ป.ป.ช. ดังนั้น คงจะต้องเชิญนายสุดชาย มาให้ถ้อยคำเพิ่มเติม เพื่อให้ชี้ช่องว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของใครและอยู่ที่ไหน เพื่อตรวจสอบว่า นายกรัฐมนตรีได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินบ้านหลังดังกล่าวหรือไม่ ส่วนบ้านพักที่เขายายเที่ยงนั้น นายกรัฐมนตรีได้ยื่นแสดงรายการไว้

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะใช้เวลาในการตรวจสอบนานเพียงใด นายกล้านรงค์ กล่าวว่า การตรวจสอบต้องตรวจสอบทั้ง 7 บัญชีที่นายกรัฐมนตรียื่นไว้ทั้งหมด และจะต้องตรวจสอบ ครม.ทุกคนที่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน เมื่อถามว่านายสุดชายตั้งประเด็นไว้เกี่ยวกับบ้านพักที่มี 2 หลัง กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ในบริเวณดังกล่าวมีบ้าน 2 หลัง อีกหลังเป็นของอีกคนหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่

ส่วนรายการเครื่องเพชรของ พ.อ.หญิง คุณหญิงจิตรวดีนั้น ป.ป.ช. ต้องตรวจสอบถึงความมีอยู่จริง ซึ่งเป็นหน้าที่ตามปกติอยู่แล้ว แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ สำหรับเรื่องการได้มาของที่ดินบนเขายายเที่ยงนั้น ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบ จะดำเนินการตรวจสอบ

ด้านนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไป ป.ป.ช.จะเรียก นายสุดชาย มาให้ข้อมูลที่แจ้งเพิ่มเติมในเรื่องบ้านพร้อมสระว่ายน้ำ ซึ่งนายสุดชาย จะต้องไปหาข้อมูลมาให้ ป.ป.ช.ว่า บ้านหลังดังกล่าวอยู่ที่ไหน หากจะให้ ป.ป.ช. ลงไปหาข้อมูลเอง คงตรวจสอบได้ลำบาก และไม่รู้ว่าจะไปหาข้อมูลอย่างไร เพราะนายสุดชาย อ้างขึ้นมาลอยๆ ไม่รู้ว่าตั้งอยู่ที่ใด ยอมรับว่าคงต้องใช้เวลาตรวจสอบนาน พอสมควร เพราะข้อมูลมีเป็นจำนวนมาก และต้องมาเปรียบเทียบเรื่องความร่ำรวย ผิดปกติในแต่ละบัญชีทรัพย์สินฯ ที่ยื่นมาถึง 7 บัญชีด้วยกัน

สุดชายรับรูปสระว่ายน้ำมีคนส่งมาให้

ด้านนายสุดชาย กล่าวว่า ขอขอบคุณไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ให้ความสนใจทำเรื่องนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่สุกเอาเผากิน การที่ยังไม่สามารถ ลงมติตั้งอนุกรรมการได้ ป.ป.ช.คงคิดแล้วว่า น่าจะมีอะไร ซึ่งตนพร้อมจะไปให้ข้อมูลกับ ป.ป.ช.อีกครั้ง ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.ตั้งประเด็นเรื่องบ้านหลังใหญ่มีสระว่ายน้ำ ที่ยังไม่ทราบว่า อยู่ที่ไหนและเป็นของใครนั้น บ้านหลังดังกล่าว ตนยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ ซึ่งข้อมูลและภาพ มีผู้ส่งมาให้ทางอินเทอร์เน็ต แต่ยังหาหลักฐานทางราชการที่ชัดเจนไม่ได้ว่า เป็นของ พล.อ.สุรยุทธ์ หรืออาจถือโดยบุคคลอื่น และผู้อื่นให้มา แต่ขอยืนยันว่า ไม่ใช่บ้านที่เขายายเที่ยง ซึ่งจะสอบถามรายละเอียดไปยังผู้ให้ข้อมูลอีกครั้งว่า ระบุที่ตั้งชัดเจนได้หรือไม่

นายสุดชาย กล่าวว่า กรณีเรื่องบ้าน 2 หลังในที่ดินเขายายเที่ยง ซึ่งหลังใหญ่ พล.อ.สุรยุทธ์ แจ้งว่า เป็นของเพื่อน ตนอยากให้ ป.ป.ช.เน้นตรวจสอบตรงนี้ว่า บ้านหลังดังกล่าว เป็นของใครกันแน่ เพราะสงสัยจากที่เคยมีประวัติว่า พ่อค้ามักจะสร้างบ้านให้นักการเมืองหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงหลักฐานทางการเงิน

ส่วนอีกสำนวนที่ตนได้ยื่นไป คือ เรื่องที่ พล.อ.สุรยุทธ์ อาจได้ที่ดินเขายายเที่ยง มาโดยมิชอบ ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจ เพราะนายกรัฐมนตรีแถลงว่า ได้มาสมัยเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 สมัยปี พ.ศ.2540 แต่ในขณะนั้น ปรากฏตามหลักฐานว่า ผู้ถือครองยังเป็นนายนพดล พิทักษ์วาณิชย์ นักธุรกิจนครราชสีมา และนายนพดล ก็ขายให้ พ.อ.ฤทธิรงค์ จันทราทิพย์ ในราคาต่ำมาก และ พ.อ.ฤทธิรงค์ ก็โอนโดยเสน่หาให้ พ.อ.หญิง คุณหญิงจิตรวดี ซึ่งเป็นการถือแทนกันหรือไม่

คตส.จี้เด็ก“พจมาน”รีบแก้ข้อกล่าวหา

นายสัก กอแสงเรือง กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส) ในฐานะอนุกรรมการไต่สวน กรณีนาย บรรณพจน์ ดามาพงษ์ และ คุณหญิง พจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 6 จงใจหลีกเลี่ยงภาษี การซื้อขายหุ้นบริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด กล่าวถึงความคืบหน้าว่า ในวันที่ 19 ม.ค.นี้ จะถือเป็นวันสุดท้าย ที่นายวันชัย หงษ์เหิน โบรกเกอร์ที่ทำการซื้อขายหุ้นดังกล่าว และ น.ส. ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ ผู้รับมอบอำนาจจากคุณหญิงพจมมานให้ทำหนังสือสอบถามการเสียภาษีไปยังกรมสรรพากร ซึ่งเป็น 2 ผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ จะครบกำหนด ในการแก้ข้อกล่าวกับ คตส.ซึ่งจนถึงวันที่ 18 ม.ค นี้ คตส.ยังไม่รับการติดต่อจากคนทั้ง 2 ในการแก้ข้อกล่าวหาแต่อย่างใด

ทั้งนี้หากครบกำหนดแล้ว ยังไม่มีการติดต่อมา จะถือว่าทั้ง 2 สละสิทธิ์ในการแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งอนุกรรมการไต่สวนคงจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปคือ ต้องดูว่าพยานหลักฐานครบถ้วนหรือไม่ หากยังไม่ครบก็ต้องหาเพิ่มเติม แต่ถ้าครบแล้วก็สามารถสรุปสำนวนส่งให้อัยการเพื่อส่งฟ้องต่อศาลได้เลย

นายสัก กล่าวว่า สำรับผู้ถูกกล่าวอีก 4 คนที่เหลือจะครบกำหนดแก้ข้อกล่าวหา ห่างจากผู้ถูกกล่าวทั้ง 2 คนข้างต้นประมาณ 2-3 วัน คณะอนุกรรมการ จะต้องรอการติดต่อจากบุคคลเหล่านี้ก่อน

ทนายแม้วแจงเตรียมชี้แจงแล้ว

ด้านนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายประจำตัวพ.ต.ท.ทักษิณและตระกูลชินวัตร กล่าวว่า ในช่วงเช้าวันที่ 19 ม.ค.นี้ จะมีทนายความเข้ายื่นเอกสาร การแก้ข้อกล่าววหาของผู้ถูกกล่าวในคดีดังกล่าวทั้ง 2 คน คือ นายวันชัย กับ น.ส.ปราณี ส่วนที่เหลือจะมีการทยอย ส่งคำแก้ข้อกล่าวในภายหลัง ซึ่งรายละเอียดเอกสารจะมีไม่มากโดยจะเป็นการปฏิเสธข้อกล่าวหาของ คตส.ทั้งหมด พร้อมคำชี้แจงบางส่วน และผู้ถูกกล่าวหาทุกคนพร้อมจะไปพิสูจน์ความจริงในชั้นศาลเท่านั้น โดยคุณหญิงพจมาน และนายบรรณพจน์ จะส่งเอกสารในลักษณะเดียวกัน

นายนพดล กล่าวว่า ในการเตรียมความพร้อมสำหรับการสู้แต่ละคดีที่เกี่ยวข้อง กับครอบครัวชินวัตร ตอนนี้ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่คตส. ให้ความเป็นธรรมกับอดีตนายกฯโดยพร้อมที่จะเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งตนก็ขอสนับสนุนในเรื่องนี้ถ้าทำได้ถ้าไม่ขัดกับระเบียบการทำงานของคตส.ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

คตส.พร้อมสอบ“ทักษิณ”ในตปท.

นายอำนวย ธันธรา กรรมการคตส. ประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบ โครงการจัดซื้อเครื่องวัตถุระเบิด CTX 9000 กล่าวว่า ในเรื่องความเป็นไปได้ ในการเดินทางไปสอบปากค ำพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกชี้มูลความผิดจากโครงการดังกล่าว ประการแรกคงต้องขึ้นอยู่กับท่าทีของตัวอดีตนายกฯว่ามีวัตถุประสงค์ต้องการให้ถ้อยคำต่อ คตส.ด้วยตัวเองหรือไม่ ถ้าต้องการ คตส.ก็พร้อมที่จะนำเรื่องเข้าหารือกับที่ประชุมคตส.ชุดใหญ่ว่าจะเดินทางไปรับฟังการแก้ข้อกล่าวหาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อใด แต่ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการชี้แจงผ่านเอกสาร ส่วนตัวคิดว่าคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเดินทางไปต่างประเทศ

“แนวคิดนี้มาจากความต้องการที่คตส.อยากให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งตอนนี้ทาง คมช.ก็ออกมาระบุแล้วว่าจะยังไม่ให้พ.ต.ท.ทักษิณ กลับเข้ามาในเมืองไทย เพราะกลัวจะเกิดความวุ่นวายทางการเมือง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่คตส.จะต้องเดินทางไปต่างประเทศ”

ทอท.กล่าวโทษ“ทักษิณ-สุริยะ”ทุจริต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (17 ม.ค.) นายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ กรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้เดินทาง เข้ากล่าวโทษร้องทุกข์ผู้กระทำผิดในโครงการเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด CTX 9000 ต่อ คตส. แล้ว โดยการกล่าวโทษครั้งนี้ได้ระบุรายชื่อผู้กระทำผิด คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต รมว.คมนาคมและพวก

ทั้งนี้ การเข้ากล่าวโทษครั้งล่าสุดเกิดขึ้นภายหลังจากที่ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ประธานคณะกรรมการ ทอท. ออกมาแสดงความไม่พอใจ ที่นายโชติศักดิ์ เข้ากล่าวโทษคดีดังกล่าวโดยไม่ระบุรายชื่อบุคคล ภายหลังที่ปรึกษากฎหมายให้คำแนะนำว่าตามมาตรา 67 (4) ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ระบุชัดเจนให้การกล่าวโทษ ต้องมีการระบุรายชื่อบุคคล แต่การประชุมคณะกรรมการ ทอท.ในครั้งแรกไม่ได้มีการยกกฎหมายมาตราดังกล่าวมาพิจารณา.

“สมคิด”มึนถูกหางเลขทุจริตกล้ายาง

นาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมการกลั่นกรองเข้าสู่คณะรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ คตส. มีมติชี้มูลความผิดว่า มีส่วนเกี่ยวข้องการทุจริตในโครงการจัดซื้อกล้ายางของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ยังรู้สึกงงๆ กับเรื่องนี้อยู่ แต่อยากจะบอกว่าตลอดระยะเวลา 6 ปี ที่ทำงานมา ตนยึดมั่นประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นหลัก ทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ และแนวทางการทำงานก็เน้นเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ความมีประสิทธิภาพ เป็นสำคัญ ซึ่งตนเชื่อมั่นในการทำความดี เชื่อมั่นในความบริสุทธ์ เชื่อมั่นความยุติธรรมของสังคม และเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม ฉะนั้นตนพร้อมและยินดีที่จะร่วมมือกับคตส. เพื่อทำให้ข้อเท็จจริงเกิดความกระจ่าง แล้วแต่ว่าคตส.จะให้ทำอะไร

นายสมคิด กล่าวว่า สำหรับโครงการจัดซื้อกล้ายางเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว เท่าที่จำได้ช่วงนั้นราคายางสูงมาก จากกิโลกรัมละ 20 กว่าบาท ราคาขึ้นไปเกือบ กิโลกรัมละ 70 บาท รัฐบาลขณะนั้นจึงมีความคิดว่าถ้าส่งเสริมให้เกษตรกรในภาคอื่นๆ โดยเฉพาะภาคอีสานซึ่งมีประชากรที่ยากจนได้เพาะปลูกยางพารา ก็จะทำให้มารายได้เพิ่มมากขึ้น ตรงนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือประชาชน ส่วนในทางปฏิบัติเป็นเรื่องของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ส่วนตนในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองมีหน้าที่กรองเรื่อง ของแต่ละกระทรวงที่ส่งเรื่องเข้ามา เพื่อนำเข้าครม.อนุมัติ คณะกรรมการกลั่นกรองจะไม่มีหน้าที่ในการอนุมัติอยู่แล้ว

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการนำเงินค่าธรรมเนียมการส่งออกกยาง มาใช้ผิดวัตถุประสงค์ ในฐานประธานคณะกรรมการกลั่นกรอง ทำไมไม่พิจารณา ให้รอบคอบ นายสมคิด กล่าวว่า ตรงนี้เป็นรายละเอียดต้องไปดูกันอีกทีหนึ่ง แต่ปกติเรื่องระเบียบและกฎหมายทางกระทรวงและผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องดูแลและกรองอยู่แล้ว เมื่อนำเข้าครม.จะมีกฤษฎีกาพิจารณา ถ้าไม่ถูกต้องก็จะมีการชี้แจง

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองว่า คตส.ชี้มูลความผิดกับบุคคลครอบคลุมเกินไปหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า ใช่ แต่คิดว่าทุกคนก็คงต้องการทำงานเพื่อประเทศชาติ แต่เมื่อไม่เข้าใจก็จะชี้แจงเพื่อให้เกิดความเข้าใจ ไม่มีอะไร เมื่อถามว่าเท่าที่มอง ความบกพร่องน่าจะอยู่ที่กระทรวงเกษตรหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า ไม่ทราบ
กำลังโหลดความคิดเห็น