xs
xsm
sm
md
lg

เผด็จการทุนนิยม(สามานย์)หินลองทอง ของ คมช.

เผยแพร่:   โดย: อมร อมรรัตนานนท์

การ เปิดใจครั้งแรกของประธาน คมช. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ถึงเหตุการณ์ที่รัฐบาลไทย แสดงจุดยืนโต้ตอบรัฐบาลสิงคโปร์ กรณีการเดินทางไปเยือนสิงคโปร์ของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร

ผ่านการให้สัมภาษณ์รายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ทาง ASTV ช่อง NEWS1 เมื่อเช้าวันที่ 18 มกราคม 2550

นับได้ว่าเป็นการประกาศจุดยืนทางการเมืองที่เด่นชัดในหลายประการ

หลายประโยค หลายถ้อยคำ หลายคำพูด

ที่พรั่งพรูออกมาจากสำนึกของชายชาติทหารไทย

ที่ชื่อ สนธิ บุญยรัตกลิน

สำเนียง ความต่อเนื่อง การลื่นไหลของแต่ละประโยค

ผมเชื่อโดยสุจริต ว่า

ท่านเป็นนักรบที่มีวิญญาณ เป็นวิญญูชน ที่มีความรักชาติ รักประชาธิปไตยอย่างเต็มเปี่ยม

ผมเชื่อครับ ว่าท่านพูดด้วยความจริงใจ และจริงจัง

ผมเชื่อครับ ว่าคำพูดนั้นมันจะเป็นนายท่าน

ผมเชื่อครับ ว่าคำพูดนั้นมันคือพันธสัญญาประชาคม ในฐานะที่ท่านเป็นผู้นำสูงสุด ใน คมช.


เพื่อนมิตรสหาย หลายคนอาจ ตั้งคำถามกับผม

“ในฐานะเดิมเป็นทหารปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย วันนี้เชื่อหรือว่า คนเหล่านั้น จะมีวิญญาณเป็นทหารของประชาชนอย่างแท้จริง”

คงต้องอธิบายยาวครับ

แต่สาระใหญ่ที่ต้องบอกและตอกย้ำ ให้เพื่อนมิตรสหายรู้

ตามกฎเกณฑ์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ “สรรพสิ่งใดๆ ล้วนเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง เพราะสรรพสิ่งนั้นต่างมีสองด้านที่เป็นคู่ความขัดแย้ง ทำให้การการพัฒนาการเป็นจากปริมาณ ไปสู่คุณภาพใหม่”

จะก้าวหน้า หรือล้าหลัง

จะสู่โลกใหม่ หรือย้อนสู่ยุคมืด

จะดี หรือชั่ว


ก็ล้วนแต่อยู่ภายใต้กฎการพัฒนาที่เป็นวิทยาศาสตร์

การข้ามพ้นและเข้าสู่คุณภาพในแต่ละขั้นนั้น ปัจจัยภายในสรรพสิ่งเป็นสิ่งชี้ขาด โดยมีอิทธิพล ทั้งทางตรง ทางอ้อมของภาวะแวดล้อม รอบๆ สรรพสิ่งนั้น จะเป็นตัวกำหนด

เด็กทารกน้อยที่เกิดในตระกูลสูงศักดิ์ วันใดที่ต้องเติบโตในครอบครัวของชาวนาที่ยากจน เขาก็ต้องเป็นเด็กที่เป็นลูกชาวนาธรรมดาๆ นั่นเอง

ไม่มีพระเจ้าองค์ใด หรือนิยายน้ำเน่า ที่จะบันดาล ให้เด็กน้อยคนนั้นเป็นเจ้าชายที่สูงศักดิ์ ท่ามกลางไอแดด กลิ่นดิน ได้หรอก

แต่แน่นอน

วันใด ในวัยที่โตขึ้น หากเขาได้มีโอกาส มาเติบโตในสังคมอีกสังคมหนึ่ง

สิ่งแวดล้อมใหม่ วัฒนธรรมใหม่ ย่อมส่งผลสะเทือนต่อความคิด ชีวิต จิตใจ ของเด็กหนุ่มผู้นั้นอย่างแน่นอน


ด้วยระยะเวลา ที่เหมาะสม

การต่อสู้ภายในทางความคิด ความเชื่อ ที่สะสมมาตั้งแต่วันแรก ที่เขาได้ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมใหม่ จากการที่ต้องตอบคำถามที่อยู่ในใจ จาก1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 3 ..... จากปริมาณที่สะสมจากสภาวะแวดล้อม ปัจจัยภายใน คือรูปการจิตสำนึกของเด็กหนุ่ม ก็จะเลือกที่จะ

จะไปซ้าย หรือจะไปขวา

จะเลือกที่จะอยู่กับคนจน หรือหันไปขูดรีดคนจน

จะเลือกที่จะอยู่อย่างเรียบง่าย หรืออยู่อย่างราชา

ปรากฏการณ์ นี่เอง

ที่เราเรียกว่า เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพ

ก้าวไปสู่คุณภาพใหม่

จากนั้น คุณภาพใหม่ สิ่งใหม่ ก็จะเกิดคู่ความขัดแย้งใหม่ และพัฒนาไปภายใต้กฎเกณฑ์นี้เป็นวัฏจักร ที่ไม่มีวันสิ้นสุด

ถ้าเป็นมนุษย์ วันที่ไม่เปลี่ยนแปลง ก็คือวันที่ต้องสิ้นลมหายใจ


ดังนั้น ไม่เห็นแปลกอะไร

ที่เราจะเชื่อ และยึดมั่นในปรัชญาพื้นฐานที่เป็นวิทยาศาสตร์

คนเราเหมือนกัน คือทุกคนเปลี่ยน

ผมเองก็เปลี่ยน เพื่อนก็เปลี่ยน มิตรสหายก็เปลี่ยน

เพียงแต่สิ่งที่ต่างกัน คือ

บางคนเปลี่ยนในทิศทางเลวลง

บางคนเปลี่ยนในทิศทางดีขึ้น พัฒนาขึ้น

แต่

บางคนจากเคยเป็นมิตรเปลี่ยนเป็นศัตรู

บางคนจากเคยเป็นศัตรูก็อาจเป็นมิตรกันได้

ดังนั้น

การจะประเมินความดี ความเลว ความเป็นคน ความเป็นมนุษย์ของคนคนหนึ่ง จะตัดตอนประวัติศาสตร์ มองเฉพาะช่วง เฉพาะเรื่อง ไม่ได้ดอก ต้องศึกษาเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งชีวิต

มีบางคน บอกว่าจะสรุปว่าใครดีขนาดไหน ใครเลวระยำเท่าใด

ต้องรอดูวันที่สิ้นลมหายใจ?


ผมไม่เคอะเขินครับ

ที่จะชื่นชม และเชิดชู ใครสักคนหนึ่ง ซึ่งไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว

ขอให้คนคนนั้น เป็นผู้รักชาติรักประชาธิปไตย และเป็นนักปฏิบัติ พูดจริงทำจริง ก็เพียงพอแล้ว

คนคนนั้น ไม่จำเป็นต้องมียศถาบันดาศักดิ์ เป็นคนเดินดิน หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ก็ได้


วันนี้

ต้องมอบดอกไม้

ให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ด้วยความจริงใจครับ

การแสดงจุดยืน ห่วงใยความมั่นคงของประเทศ เป็นเรื่องที่ถูกต้องครับ

“เรากังวลในเรื่องของดาวเทียม เรื่องโทรศัพท์ หรือสัมปทาน เราหนักใจ เพราะเวลานี้เราต้องใช้ผ่านตรงนั้น คิดว่ารัฐบาลต้องพิจารณาเรื่องนี้แน่นอน ที่ผ่านมาได้คุยกับประธานบอร์ดองค์การโทรศัพท์ไปแล้ว และต่อไปจะหารือกับรัฐบาลในภาพใหญ่กันอีกครั้ง”

“เวลานี้ระบบโทรศัพท์ในบ้านเรา ต้องผ่านชุมสายไม่ใช่ของประเทศเรา เป็นของต่างชาติ ทำให้เรารู้สึกเป็นกังวล”


ที่สำคัญ วรรคทองที่ต้องขีดเส้นใต้

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน กล่าวย้ำว่า

“สาเหตุที่แท้จริง ในการยึดอำนาจครั้งนี้ว่า มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงจาก “ระบอบเผด็จการทุนนิยม” ไปเป็น ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่างแท้จริง ส่วนเรื่องเหตุผลหลัก 4 ข้อ ที่ระบุก่อนหน้านี้ยังถือเป็นเรื่องรองลงไป”

จากนั้นท่านยังย้ำอีกว่า

“แม้ว่าในความสัมพันธ์ทางทหารจะถือว่ายังดีอยู่ แต่มีความรู้สึกอึดอัดเหมือนกับคนไทยทั้งประเทศ ในเวลานี้โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจ ที่ไทยมีความมีความสัมพันธ์กับสิงคโปร์ ซึ่งต่อไปนี้ทางคณะกรรมการร่วม ระหว่าง คมช.กับรัฐบาล จะหารือกันในภาพรวมทั้งหมดอย่างใกล้ชิดในเร็วๆ นี้”

ถ้าเป็นการสอบ

วันนี้ถือว่า สอบภาคทฤษฎี ผ่านครับ A+

แต่ท่านอย่าเพิ่งดีใจ นะครับ

ยังเหลือการสอบภาคสนาม ที่ต้องรอประเมิน


แต่สิ่งที่เป็นภารกิจใหญ่ที่ท้าทาย และหนักยิ่ง

ที่สำคัญ เวลาที่เหลืออยู่ ทำไม่สำเร็จหรอกครับ

แต่ที่ทำได้ หากลงมืออย่างจริงจัง ก็อาจได้เห็นงานฐานราก เสาเข็ม ต่อหม้อ คาคอดิน คงได้เห็น

ส่วนหล่อเสา วางพื้น ใส่หลังคา คงต้องรับช่วงต่อโดยผู้รับเหมารายใหม่


การจะปรับเปลี่ยนโลกทรรศน์ของคนในสังคมไทย

ซึ่งถูกบ่มฟัก และครอบงำจากอิทธิพลทางวัฒนธรรมการบริโภค ภายใต้ระบอบทุนนิยม

ประกอบกับมอมเมาทางความคิด ด้วยวิถีจารีตนิยม

ความเชื่อในศาสนาถูกนำมารับใช้การเมือง สำนักพุทธที่ครอบงำปัจจุบันพั
ฒนาเป็นพุทธพาณิชย์ สอนให้คนไทยจำปรักกับความเชื่อทางไสยศาสตร์ ของลัทธิพราหมณ์ที่บูชา ผีสาง นางไม้รวมทั้งสร้างรูปการจิตสำนึกให้ยอมรับ การแบ่งชนชั้นในสังคม


วันนี้หากจะอธิบาย ว่าสังคมทุนนิยมมันเลวร้ายอย่างไร เป็นเรื่องใหญ่ครับ

ยิ่งจะต้องชี้ให้เห็นถึงพิษภัยผลร้ายของระบอบเผด็จการทุนนิยมที่สามานย์ ที่ปรับเปลี่ยนโฉมใส่เสื้อคลุมของนโยบายประชานิยม ยิ่งยากกว่า

แต่สัจธรรม บ่งบอกแล้วว่า ไม่มีอะไรที่ไม่เปลี่ยนแปลง

ขอแต่ลงมือทำ และทำจริง

ก็สำเร็จได้

ดั่งลุงโง่ย้ายภูเขา ด้วยจอบและด้ามพร้า

ถึงวันนี้ ก็ครบ 4 เดือนแล้ว

การจะเปลี่ยนทิศทางประเทศใหม่ จากทุนนิยมที่สามานย์
เป็นวิธีเศรษฐกิจใหม่ที่มีความเป็นไท

ต้องระดมสรรพกำลังของมิตรร่วมรบทุกชั้นชน ผนึกแน่นให้เป็นหนึ่งเดียว

สร้างความสมานฉันท์ ให้เป็นเครือข่ายที่กว้างขวาง

ที่สำคัญ ต้องสมานฉันท์ ต้องจำกัดวงเฉพาะหมู่มิตร ไม่มีหรอกในโลกนี้ที่จะสมานฉันท์กับฝ่ายที่เป็นศัตรูของประเทศชาติและประชาชน


ถามใครเป็นมิตร

ง่ายนิดเดียว

มิตร คือคนที่มีจิตใจสาธารณะ เป็นแก่ผลประโยชน์ของส่วนรวม

มิตร คือคนที่มีจิตสำนึกอาสา รู้หนาว รู้ร้อน ทุกข์อยู่หน้า สุขอยู่หลัง

มิตร คือคนที่รักชาติ รักประชาธิปไตย


วันนี้ สังคมต้องชัดเจน ว่า ใครคือมิตร ใครคือศัตรู ภาคประชาชนจำต้องสนใจ ศึกษาปัญหาความขัดแย้งในสังคม จับหาคู่ความขัดแย้งรองหลัก ในแต่ละช่วงประวัติศาสตร์ให้ได้

ในสถานการณ์เช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย

คมช.และรัฐบาล ต้องเปิดพื้นที่ในชนบท และทุกมุมเมือง

สนามหญ้า ศาลาวัด สถานที่สาธารณะ ทั่วทุกท้องสายถนน จะต้องแปรเปลี่ยนให้เป็นโรงเรียนประชาธิปไตย

เพื่อให้เกิดพลวัตในสังคม ว่าสังคมใหม่ ทิศทางใหม่คืออะไร


เลิกคิดจากห้องแอร์ได้แล้ว

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ต้องกล้าให้ประชาชนคิด และประชาชนตัดสินใจ

หากทำได้เช่นนั้น เชื่อว่า ประเทศไทยเราจะได้รูปแบบการปกครอง การเมือง เศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม ที่สอดคล้องและมีอัตลักษณ์ของความเป็นไท

ภายใต้ภารกิจ การสร้างประเทศไทยใหม่ ประเทศต้องการคนนำหน้าที่เสียสละ
และต้องเป็นคนจริงที่เสียสละ

วันนี้ท่านคิดได้สวยหรู

แต่จะให้เราเชื่อ ท่านต้องทำให้เห็น

ข้อสอบข้อแรก คือ


จะทำลายทุนนิยม ท่านต้องกล้าถอดถอน มือไม้ ลิ่วล้อที่เป็นตัวแทนระบอบทุน

จะปรับเปลี่ยนวิถีคิด จะสร้างคนรุ่นใหม่ของสังคม ท่านต้องเอาคนที่ไม่ใช่ขุนนางที่คอยแทะเล็มผลประโยชน์จากระบบการศึกษาไทย

จะให้ความมั่นใจกับชีวิต ความมั่นคงต้องรีบถอดถอนผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

และรัฐมนตรีเด็กฝาก ขิงแก่รากเน่า หนุ่มแน่น แต่ขลาดเขลา เอาออกไปเถอะครับ

ลองทำให้ดู หากทำได้

เกรด A+ ภาคสนาม ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม

ให้กำลังใจ และเอาใจช่วยครับ!!!!

กำลังโหลดความคิดเห็น