เปิดทำเนียบฯถกปัญหาทั่วไทยกับสภานักเรียน"ลุงแอ้ด"ระบุ ปัญหาภายในที่ต้องแก้คือประชาธิปไตย ย้ำ อนาคตต้องแข่งกับประเทศพี่เบิ้มอยู่บนพื้นฐานคุณธรรม เชื่อถ้าทำได้ ทำให้มิตรเชื่อมั่นและไว้วางใจระยะยาวมากขึ้น ขณะที่ เยาวชนภาคใต้เสนอรัฐบาลสนับสนุนหลักสูตรส่งเสริมความเข้าใจวัฒนธรรมที่แตกต่าง
เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (17ม.ค.)พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวให้โอวาทกับคณะนักเรียนจากโครงการสภานักเรียนไทยหัวใจสมานฉันท์ยึดมั่นธรรมาภิบาล ทั่วประเทศจาก 175 เขตพื้นที่การศึกษา ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่า นอกจากปัญหาในบ้านเมืองที่ทุกคนทราบกันดีแล้ว ปัญหาที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่จะต้องหาทางแก้ไขคือการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยของไทยให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องภายในของประเทศ ส่วนเรื่องภายนอกที่อาจจะมีผลกระทบต่อการเรียนรู้และการใช้ชีวิตของเยาวชนต่อไปในอนาคต คือความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ซึ่งเป็นวิถีของการเปลี่ยนแปลงของโลก
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวถึงการปรับตัวของประเทศไทยที่จะต้องไปมีความสัมพันธ์กับประเทศใหญ่ๆ ว่า จะต้องมีการเตรียมตัวในทุกๆ ด้าน โดยจะต้องมีความพร้อมในการแข่งขันและพร้อมที่จะต่อสู้ แต่ในการต่อสู้นั้นจะต้องยืนอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรมและความเป็นธรรม ถ้าต่อสู้โดยไม่มีพื้นฐานคุณธรรม และความเป็นธรรมแล้ว จะสู้ได้ไม่นานและจะมีคนเกลียดมากขึ้น
"ทั้งนี้ถ้ายืนอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรม มีความเอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ก็จะช่วยทำให้มีมิตรที่มีความเชื่อมั่นและไว้วางใจในระยะยาวมากขึ้น ซึ่งความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจะเกิดขึ้นได้ด้วยการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงและมีคุณธรรมจริง ไม่ว่าจะในระดับประเทศหรือบุคคล อันเป็นระบอบประชาธิปไตยที่อยากให้เกิดขึ้นกับคนไทย ทั้งนี้คนไทยจะต้องตระหนักว่าถ้าเพียงแต่มองถึงผลประโยชน์ระยะสั้นบ้านเมืองจะไม่ก้าวหน้า"พล.อ.สุรยุธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ทำอย่างไรที่จะมีระบบที่ดี และมีบุคคลที่ดี ที่จะมาเป็นผู้บริหาร ซึ่งในการบริหารชาติบ้านเมืองมีเวลาที่ประเทศจะรุ่งเรือง เจริญ ทรุดโทรม ตกต่ำ การแก้ไขปัญหาขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคน สิ่งที่ดีที่สุดที่จะแก้ไขคือเรื่องของความเชื่อ ศาสนา ที่ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ทำดีได้ดี ฉะนั้น หากเกิดความท้อแท้ต้องกลับมาหาความเชื่อ โดยสร้างความเชื่อมั่นขึ้นมาในใจของเรา ว่าถ้าเลือกเดินบนเส้นทางของความดีมีคุณธรรมแล้ว ต้องยึดมั่น อย่าไขว้เขว ไม่แน่ใจเนื่องจากปัญหาความท้อแท้ที่เกิดขึ้น หากทำได้เชื่อว่าชีวิตของเยาวชนทุกคนและความเจริญของชาติบ้านเมืองจะปรากฏได้ในเร็วๆ นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนสภานักเรียนในแต่ละภูมิภาคได้นำเสนอมติที่ประชุมสภานักเรียนต่อนายกรัฐมนตรี โดยนำเสนอปัญหาและแนวทางแก้ไข โดยในส่วนของภาคใต้ ได้เสนอปัญหาความรุนแรงความขัดแย้งในพื้นที่ ซึ่งมีการขอให้รัฐบาลสนับสนุนการจัดหลักสูตรการส่งเสริมความเข้าใจในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เพื่อสร้างความเข้าใจภายในโรงเรียน และสร้างความสมานฉันท์ในโรงเรียนและชุมชน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการนำเสนอปัญหาความยากจนที่ส่งผลกระทบต่อการศึกษา โดยขอให้รัฐบาลส่งเสริมการจัดทำโครงการหารายได้ระหว่างเรียนและระหว่างที่ปิดภาคเรียน โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ภาคเหนือ นำเสนอปัญหาการขาดโอกาสของบุคคลไร้สัญชาติที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลของภาคเหนือ โดยขอให้รัฐบาลช่วยส่งเสริมให้ผู้ที่ไร้สิทธิ์เหล่านี้ได้รับโอกาสทางการศึกษา และเสนอขอให้มีการรับรองบทบาทของสภานักเรียนไทย
ภาคกลาง นำเสนอปัญหาการขาดงบประมาณในการจัดกิจกรรมของนักเรียนในเขตพื้นที่การศึกษา กับปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรการเรียนของโรงเรียนขนาดเล็ก ขอให้รัฐบาลจัดตั้งกองทุนงบประมาณเพื่อเป็นกองทุนจัดกิจกรรมในแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา และขอให้โรงเรียนขนาดใหญ่ได้ใช้ทรัพยากรการเรียนร่วมกับโรงเรียนขนาดเล็กอย่างเต็มรูปแบบ ภาคตะวันออก นำเสนอการช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยขอให้รัฐบาลสนับสนุนการจัดตั้งเครือข่ายเยาวชนสร้างสรรค์สังคมเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ซึ่งจะมีการดำเนินการในรูปแบบต่าง ๆ อย่างเข้มแข็ง
นอกจากนี้ ผู้แทนเด็กพิการ ได้เสนอปัญหาโรงเรียนร่วม ที่ปัจจุบันยังมีจำนวนน้อยแห่ง จึงขอให้รัฐบาลเปิดโอกาสเพิ่มจำนวนโรงเรียนร่วมจังหวัดละ 2–3 แห่ง เพื่อช่วยเหลือเด็กพิเศษที่ขาดโอกาสและอยู่ห่างไกล พร้อมกับขอให้รัฐบาลสนับสนุนอุปกรณ์และสื่อการเรียนการสอนแก่ผู้พิการ
เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (17ม.ค.)พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวให้โอวาทกับคณะนักเรียนจากโครงการสภานักเรียนไทยหัวใจสมานฉันท์ยึดมั่นธรรมาภิบาล ทั่วประเทศจาก 175 เขตพื้นที่การศึกษา ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่า นอกจากปัญหาในบ้านเมืองที่ทุกคนทราบกันดีแล้ว ปัญหาที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่จะต้องหาทางแก้ไขคือการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยของไทยให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องภายในของประเทศ ส่วนเรื่องภายนอกที่อาจจะมีผลกระทบต่อการเรียนรู้และการใช้ชีวิตของเยาวชนต่อไปในอนาคต คือความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ซึ่งเป็นวิถีของการเปลี่ยนแปลงของโลก
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวถึงการปรับตัวของประเทศไทยที่จะต้องไปมีความสัมพันธ์กับประเทศใหญ่ๆ ว่า จะต้องมีการเตรียมตัวในทุกๆ ด้าน โดยจะต้องมีความพร้อมในการแข่งขันและพร้อมที่จะต่อสู้ แต่ในการต่อสู้นั้นจะต้องยืนอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรมและความเป็นธรรม ถ้าต่อสู้โดยไม่มีพื้นฐานคุณธรรม และความเป็นธรรมแล้ว จะสู้ได้ไม่นานและจะมีคนเกลียดมากขึ้น
"ทั้งนี้ถ้ายืนอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรม มีความเอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ก็จะช่วยทำให้มีมิตรที่มีความเชื่อมั่นและไว้วางใจในระยะยาวมากขึ้น ซึ่งความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจะเกิดขึ้นได้ด้วยการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงและมีคุณธรรมจริง ไม่ว่าจะในระดับประเทศหรือบุคคล อันเป็นระบอบประชาธิปไตยที่อยากให้เกิดขึ้นกับคนไทย ทั้งนี้คนไทยจะต้องตระหนักว่าถ้าเพียงแต่มองถึงผลประโยชน์ระยะสั้นบ้านเมืองจะไม่ก้าวหน้า"พล.อ.สุรยุธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ทำอย่างไรที่จะมีระบบที่ดี และมีบุคคลที่ดี ที่จะมาเป็นผู้บริหาร ซึ่งในการบริหารชาติบ้านเมืองมีเวลาที่ประเทศจะรุ่งเรือง เจริญ ทรุดโทรม ตกต่ำ การแก้ไขปัญหาขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคน สิ่งที่ดีที่สุดที่จะแก้ไขคือเรื่องของความเชื่อ ศาสนา ที่ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ทำดีได้ดี ฉะนั้น หากเกิดความท้อแท้ต้องกลับมาหาความเชื่อ โดยสร้างความเชื่อมั่นขึ้นมาในใจของเรา ว่าถ้าเลือกเดินบนเส้นทางของความดีมีคุณธรรมแล้ว ต้องยึดมั่น อย่าไขว้เขว ไม่แน่ใจเนื่องจากปัญหาความท้อแท้ที่เกิดขึ้น หากทำได้เชื่อว่าชีวิตของเยาวชนทุกคนและความเจริญของชาติบ้านเมืองจะปรากฏได้ในเร็วๆ นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนสภานักเรียนในแต่ละภูมิภาคได้นำเสนอมติที่ประชุมสภานักเรียนต่อนายกรัฐมนตรี โดยนำเสนอปัญหาและแนวทางแก้ไข โดยในส่วนของภาคใต้ ได้เสนอปัญหาความรุนแรงความขัดแย้งในพื้นที่ ซึ่งมีการขอให้รัฐบาลสนับสนุนการจัดหลักสูตรการส่งเสริมความเข้าใจในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เพื่อสร้างความเข้าใจภายในโรงเรียน และสร้างความสมานฉันท์ในโรงเรียนและชุมชน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการนำเสนอปัญหาความยากจนที่ส่งผลกระทบต่อการศึกษา โดยขอให้รัฐบาลส่งเสริมการจัดทำโครงการหารายได้ระหว่างเรียนและระหว่างที่ปิดภาคเรียน โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ภาคเหนือ นำเสนอปัญหาการขาดโอกาสของบุคคลไร้สัญชาติที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลของภาคเหนือ โดยขอให้รัฐบาลช่วยส่งเสริมให้ผู้ที่ไร้สิทธิ์เหล่านี้ได้รับโอกาสทางการศึกษา และเสนอขอให้มีการรับรองบทบาทของสภานักเรียนไทย
ภาคกลาง นำเสนอปัญหาการขาดงบประมาณในการจัดกิจกรรมของนักเรียนในเขตพื้นที่การศึกษา กับปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรการเรียนของโรงเรียนขนาดเล็ก ขอให้รัฐบาลจัดตั้งกองทุนงบประมาณเพื่อเป็นกองทุนจัดกิจกรรมในแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา และขอให้โรงเรียนขนาดใหญ่ได้ใช้ทรัพยากรการเรียนร่วมกับโรงเรียนขนาดเล็กอย่างเต็มรูปแบบ ภาคตะวันออก นำเสนอการช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยขอให้รัฐบาลสนับสนุนการจัดตั้งเครือข่ายเยาวชนสร้างสรรค์สังคมเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ซึ่งจะมีการดำเนินการในรูปแบบต่าง ๆ อย่างเข้มแข็ง
นอกจากนี้ ผู้แทนเด็กพิการ ได้เสนอปัญหาโรงเรียนร่วม ที่ปัจจุบันยังมีจำนวนน้อยแห่ง จึงขอให้รัฐบาลเปิดโอกาสเพิ่มจำนวนโรงเรียนร่วมจังหวัดละ 2–3 แห่ง เพื่อช่วยเหลือเด็กพิเศษที่ขาดโอกาสและอยู่ห่างไกล พร้อมกับขอให้รัฐบาลสนับสนุนอุปกรณ์และสื่อการเรียนการสอนแก่ผู้พิการ