xs
xsm
sm
md
lg

ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

เผยแพร่:   โดย: ศ.ดร.ลิขิต ธีรเวคิน

มนุษย์เป็นสัตว์ประเภทหนึ่ง หากแต่เป็นสัตว์ประเสริฐเนื่องจากมนุษย์นอกจากจะมีร่างกาย มีสมองที่คิดได้ลึกซึ้งมากกว่าสัตว์เดรัจฉานแล้ว มนุษย์ยังมีอีกส่วนหนึ่งคือจิตวิญญาณ จิตวิญญาณจะเป็นตัวที่ฉุดไม่ให้มนุษย์กระทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมและจริยธรรม โดยให้สามารถควบคุมสัญชาตญาณดิบของสัตว์ทั่วไปซึ่งต้องการกินอาหาร มีที่อยู่อาศัย มีความต้องการทางกามารมณ์ มีความโลภ ฯลฯ ในส่วนนี้ทำให้มนุษย์มีความแตกต่างจากสัตว์ซึ่งถูกผลักดันโดยสัญชาตญาณเป็นหลัก และขณะเดียวกันก็เป็นตัวแปรสำคัญที่แยกแยะระหว่างมนุษย์ที่มีระดับการพัฒนาจิตวิญญาณสูง เป็นคนดี กับมนุษย์ที่มีระดับการพัฒนาจิตวิญญาณต่ำ เป็นคนเห็นแก่ตัว โหดเหี้ยมทารุณ ไร้ความเมตตาปรานี ฯลฯ

แต่อีกส่วนหนึ่งของมนุษย์ซึ่งนอกเหนือจากที่ต้องมีปัจจัยสี่เพื่อการดำรงชีวิตแล้ว มนุษย์ยังถูกผลักดันด้วยความปรารถนาที่จะเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม เพื่อให้เกิดความเคารพตนเอง (self esteem) และในส่วนนี้ได้นำไปสู่ความรู้สึกของความต้องการมีศักดิ์ศรี อันได้แก่ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ในทางศาสนาคริสต์ถือว่ามนุษย์เป็นภาพลักษณ์แห่งพระผู้เป็นเจ้า สะท้อนถึงความเป็นพระผู้ทรงมหิทธานุภาพในมนุษย์ ส่วนทางศาสนาอื่นต่างก็ยกย่องให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์โลกอื่น มนุษย์จึงมีสิทธิตามธรรมชาติและจากพระผู้สร้างให้มีศักดิ์ศรี ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์อยู่ที่การสามารถที่จะยืนสูงตระหง่านชูคอด้วยความเชื่อมั่น และในสังคมและระบบการเมืองที่ดีก็ต้องมีมาตรการและกระบวนการที่จะให้มนุษย์สามารถธำรงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ไว้ได้ สังคมใดก็ตามที่ทำให้มนุษย์อีกส่วนหนึ่งเป็นทาสก็จะเป็นการทำลายศักดิ์ศรีของมนุษย์กลุ่มนั้นทันที มนุษย์ที่มีจิตใจสูงย่อมจะไม่กระทำต่อมนุษย์ร่วมโลกเยี่ยงนั้น

ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์จึงเป็นสิ่งที่ยอมรับในสังคมที่พัฒนาแล้ว และต้องรับรองด้วยกฎหมายและเจตนารมณ์ ปฏิญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติก็คือความพยายามที่จะธำรงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ไว้นั่นเอง ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาตรา 4 มาตรา 26 และมาตรา 28 ก็ได้มีการกล่าวถึงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ไว้

ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์มิอาจจะถูกละเมิดได้ด้วยอำนาจรัฐ ด้วยการกระทำหรือด้วยมาตรการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือแม้แต่โดยเพื่อนร่วมโลกด้วยกันเอง

มนุษย์ผู้ใดที่ทำผิดกฎหมายก็คงต้องถูกลงโทษตามกระบิลเมือง แต่แม้การลงโทษนั้นก็ต้องลงโทษอย่างเป็นระบบที่ไม่ทำให้มนุษย์ผู้นั้นเสียศักดิ์ศรี เช่น ไม่นำไปประหารในลักษณะประจานเพราะมนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะตายอย่างมีศักดิ์ศรี ผู้ถูกกล่าวหาว่าทำการละเมิดกฎหมายก็ต้องได้รับการปฏิบัติโดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน เป็นต้นว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่มีสิทธิที่จะให้ผู้ถูกจับกุมคาบมีดพร้าในปากเพื่อเป็นการประจาน หรือบังคับให้ผู้ถูกกล่าวหาเปลื้องเสื้อผ้าเพื่อตรวจค้นต่อหน้าธารกำนัล เพราะเมื่อมีการกระทำเช่นนั้นเกิดขึ้นก็จะละเมิดศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

ในส่วนของปัจเจกชนก็จะต้องพยายามธำรงหลักการเรื่องศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เช่น ในการรับน้องใหม่ของสถาบันการศึกษาจะต้องต้อนรับโดยการให้เกียรติกัน ไม่ลุแก่อำนาจใช้ความเป็นรุ่นพี่ข่มขู่รุ่นน้อง หรือบังคับให้รุ่นน้องกระทำสิ่งซึ่งมนุษย์ทั่วไปไม่กระทำกัน เป็นต้นว่า ให้คลานกับพื้นเยี่ยงสุนัข ให้แต่งตัวลักษณะแปลกๆ กลายเป็นที่ขบขัน การใช้ภาษาดูถูกดูแคลนโดยไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทั้งหลายทั้งปวงดังกล่าวนี้แม้ปัจเจกบุคคลด้วยกันเองก็ไม่มีสิทธิที่จะกระทำ

การโกงค่าแรงของผู้ใช้แรงงานเนื่องจากไม่มีอำนาจต่อรอง จนนำไปสู่การดำรงชีวิตอย่างอดๆ อยากๆ หรือการฉกฉวยประโยชน์เอารัดเอาเปรียบจากผู้ซึ่งโง่เขลาเบาปัญญาซึ่งไม่มีทางต่อรองหรือทางเลือกอื่นๆ เช่น บังคับให้นักโทษทำงานเป็นเวลายาวนานและจ่ายค่าจ้างแบบเอารัดเอาเปรียบอย่างน่าเกียจ การบังคับให้หญิงบางประเภทต้องรับแขกวันละ 20 ราย เนื่องจากความโลภและโดยการใช้กำลังบังคับและข่มขู่ ล้วนแล้วแต่ละเมิดศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ทั้งสิ้นนอกเหนือจากการกระทำผิดกฎหมาย

มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐที่ต้องให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ผู้กระทำความผิดก็ต้องว่าไปตามกระบวนการที่อารยะ ไม่มีรัฐใดมีสิทธิที่จะละเมิดต่อศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์อันเป็นสิทธิโดยธรรมชาติ หรือเป็นสิทธิอันศักดิ์สิทธิ์ประทานมาโดยพระผู้ทรงมหิทธานุภาพ มนุษย์ผู้ใดที่ละเมิดศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ผู้อื่นมนุษย์ผู้นั้นกระทำผิดกฎหมายอย่างรุนแรง กระทำผิดต่อหลักศาสนาอย่างมหันต์ และกระทำผิดศีลธรรมอย่างน่าละอายยิ่ง

การธำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์จะต้องกระทำโดยรัฐในเบื้องต้น ซึ่งได้แก่การพยายามขจัดตัวแปรที่จะนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำในสังคม สิ่งที่รัฐต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ก็คือต้องทำให้มนุษย์ที่อยู่ในสังคมและอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐนั้นสามารถธำรงอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ อันได้แก่

ประการแรก

(1) สมาชิกของสังคมนั้นแม้จะยากจนข้นแค้นเพียงใดก็ตาม จะต้องมีปัจจัยสี่เพื่อการดำรงชีวิตที่มีศักดิ์ศรี อันได้แก่ ต้องมีอาหารพอเพียงต่อความต้องการของร่างกาย ไม่อดอยาก

(2) ต้องมีเสื้อผ้าที่จะสวมใส่เพื่อป้องกันความหนาวเย็น และเพื่อมิให้เกิดความสังเวชใจเนื่องจากการใส่เสื้อผ้าขาดและปะทั้งตัว

(3) จะต้องมีที่อยู่อาศัย ไม่นอนตากฝน ตากแดด ตากลม ขาดความเป็นส่วนตัว

(4) เมื่อเจ็บไข้ต้องมียารักษาพยาบาล หรือได้รับการรักษาจากสถานพยาบาล

กล่าวอีกนัยหนึ่ง มนุษย์ทุกคนมีสิทธิที่จะมีอาหารพอเพียง มีเสื้อผ้าสวมใส่ มีที่อยู่อาศัย ได้รับการเยียวยารักษาเมื่อเจ็บป่วย โดยสังคมและโดยรัฐที่ตนเป็นสมาชิก

ประการที่สอง

สิทธิเสรีภาพขั้นมูลฐานของมนุษย์ที่เป็นสมาชิกในสังคมและภายใต้รัฐนั้น ต้องได้รับความคุ้มครองโดยรัฐธรรมนูญและการบังคับกฎหมาย สิทธิดังกล่าวถือเป็นสิทธิมูลฐานอันศักดิ์สิทธิ์ ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นได้ เพราะเป็นหลักประกันสำหรับมนุษย์เพื่อธำรงความเป็นศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ไว้ได้

ประการที่สาม

มนุษย์ทุกคนที่อยู่ในสังคมหรือภายใต้รัฐที่กล่าวมาเบื้องต้นต้องมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงฐานะทางสังคม และสถานะทางเศรษฐกิจของตนเอง ถ้าหากว่ามีความสามารถ มีความขยันหมั่นเพียร เพื่อการดังกล่าวจะต้องเปิดโอกาสให้มีการเข้าถึงการศึกษา และโอกาสการเข้าทำงานอย่างเสมอภาคกัน และจากการเปลี่ยนแปลงฐานะทางสังคมและเศรษฐกิจดังกล่าว ก็ย่อมเปิดโอกาสให้สมาชิกของสังคมซึ่งอยู่ภายใต้รัฐนั้นสามารถแสดงออกถึงสิทธิของตนซึ่งเป็นสิทธิขั้นมูลฐาน ทั้งในแง่การแสดงความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมในฐานะของประชาชน หรือแม้ในฐานะของผู้ดำรงตำแหน่งในทางการเมืองได้

สิทธิเสรีภาพของประชาชน เป็นสิทธิที่มีอยู่โดยตามปกติภายใต้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย แต่สิ่งที่สำคัญพอๆ กับสิทธิเสรีภาพคือการเคารพและการมีหลักประกันในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ โดยรัฐ โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ และโดยสมาชิกของคนในสังคมนั้น รวมทั้งของคนในสังคมโลก ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เป็นคุณสมบัติอันศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครมีสิทธิที่จะละเมิดได้
กำลังโหลดความคิดเห็น