xs
xsm
sm
md
lg

รีบเถอะครับ ปรับเถอะครับ อย่ารอช้าครับ

เผยแพร่:   โดย: การุณ ใสงาม

นับตั้งแต่ รัฐบาลของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้ามาบริหารประเทศ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2549 และได้แถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2549 บัดนี้ครบเวลา 3 เดือนแล้ว

ผมขอย้อนไปดูหลักใหญ่ใจความนโยบายรัฐบาล 5 ด้านดังนี้
1. นโยบายการปฏิรูปการเมือง การปกครองและการบริหาร สาระสำคัญคือการสนับสนุนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับถาวร และเสริมสร้างมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ

2. นโยบายเศรษฐกิจ ยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ใช้หลักคุณธรรมกำกับการพัฒนาเศรษฐกิจในระบบตลาดเสรี ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก (เกษตรกรรม, สินค้าชุมชน, เศรษฐกิจระบบตลาด , อุตสาหกรรม SME)

3. นโยบายสังคม เสริมสร้างให้สังคมเข้มแข็ง ส่งเสริมความรัก ความสมานฉันท์ ความสามัคคี มีการสรุปบทเรียนจากปัญหาความแตกแยกร้าวฉานและมีความล้มเหลวในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวในอดีต ส่งเสริมให้เกิดการปฏิรูปสังคม และปฏิรูปการศึกษา

4. นโยบายการต่างประเทศ มุ่งส่งเสริมผลประโยชน์ของชาติ เสริมสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นของประชาคมระหว่างประเทศ โดยการดำเนินนโยบายที่เป็นมิตรกับนานาประเทศและสานต่อความร่วมมือระหว่างประเทศ

5. นโยบายการรักษาความมั่นคงของรัฐ ส่งเสริมการผนึกกำลังระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคสังคม และภาควิชาการ เพื่อการป้องกันประเทศอย่างต่อเนื่องในยามปกติ และนำไปสู่การระดมสรรพกำลังเพื่อยกระดับขีดความสามารถของกองทัพให้เพียงพอและทันเวลาในยามไม่ปกติ และมีการแก้ไขสถานการณ์ภาคใต้ โดยยึดหลัก “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”

แล้วถ้าผมถามท่านผู้อ่านว่า ผลงานที่ผ่านมา 3 เดือน ของรัฐบาล สุรยุทธ์ 1 เข้าตา ถูกใจ ถูกต้อง ตามความต้องการของพี่น้องประชาชนหรือยัง

หรือถ้าถามให้ชัดไปอีกว่า การประเมินผลงานที่ผ่านมาของ ครม.ชุดนี้ ถ้าท่านให้เกรดท่านจะให้เกรดเท่าไหร่

หรือถ้ายากไปผมถามท่านว่า ท่านลองบอกชื่อรัฐมนตรีชุดนี้ที่ทำงานได้ เข้าตาท่านมาสัก 5 ชื่อสิครับ รับรอง ท่านผู้อ่านต้องนั่งคิดเกือบชั่วโมง หรือบางคนอาจฉุกคิดว่าแล้วใครเป็นรัฐมนตรีเราเนี่ย (ในกรณีที่ท่านเป็นข้าราชการ)

ที่ไล่เรียงนโยบาย 5 ข้อมาพอสังเขป เพื่อที่จะทวนความจำพร้อมทั้งประเมินผลงานของท่านรัฐมนตรีเป็นรายๆ ไป เพราะตอนนี้มีโพลล์หลายสำนักเหลือเกินที่ออกมาบอกว่ารัฐมนตรีคนไหนที่คนไทยรู้จักมากที่สุดและคนไหนที่คนไทยรู้จักน้อยที่สุด

ข้อที่ 1 นโยบายการปฏิรูปการเมือง ผู้ที่รับผิดชอบต้องเป็นรัฐบาลทั้งคณะ หลีกหนีความรับผิดชอบจะอ้างว่า รัฐธรรมนูญก็ให้เป็นหน้าที่ของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่เกิดมาแล้วคงไม่ได้ หรือท่านจะโยนเรื่องการตรวจสอบการคอร์รัปชันไปที่ คตส., สตง., ป.ป.ช. คงไม่ได้ เพราะสำนวนที่ค้างอยู่ที่ ป.ป.ช. ก็เป็นหมื่นคดีแล้ว คตส. เองก็เร่งทำงานเพื่อให้ทันกับกรอบเวลาที่กำหนด

รัฐมนตรีทุกท่านครับ เฉพาะในกระทรวงที่ท่านรับผิดชอบลองไปไล่รื้อโครงการตั้งแต่ปี 2543 มาสิครับท่านจะเห็นอะไรที่ไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง ลองดูง่ายๆ อย่างนี้ก่อน พรุ่งนี้เช้ารัฐมนตรีทุกท่านไปที่กระทรวงสั่งการลงไป ถามจริงๆ รัฐมนตรีแต่ละท่านไม่ได้ยินเรื่องการทุจริตในแต่ละกระทรวงบ้างเลยหรือ ถ้าเพียงแต่ท่านเอาจริงเท่านั้นแหล่ะครับ

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ถ้ารู้ข้อมูลการทุจริตในกระทรวงทั้งหมด ท่านอาจอยากจะร้องไห้อีกรอบก็เป็นได้ เพราะ ระบอบทักษิณไม่สามารถที่จะโกงกินประเทศได้ ถ้าไม่มีแขนขาโดยเฉพาะข้าราชการที่รับใช้อย่างไม่ลืมหูลืมตา รับใช้จนลืมศักดิ์ศรีข้าราชการไปแล้ว

ดูตัวอย่างอธิบดีกรมสรรพสามิตกับพวกรวม 5 คนที่โดนวินัยไล่ออกไปแล้ว ถ้ายังเป็นยุคทักษิณอยู่ ถามหน่อยว่าจะมีวันนี้ไหม

และถ้าพวกท่านยังใจอ่อน ไม่ยอมจัดการกับระบอบทักษิณที่โกงกินจนแทบจะสิ้นชาติ ท่านจะไม่สามารถเข้าสู่ลู่ทางของการปฏิรูปทางการเมืองได้เลย

การปฏิรูปการเมือง ต้องเน้นไปที่ตัวประชาชนแต่ทุกวันนี้ประชาชนยังไม่รู้ความจริงเลย ท่านจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปคงไม่ได้ และถ้ามัวแต่ตะโกนว่าสมานฉันท์ สมานฉันท์ กันอยู่อย่างนี้ สุดท้ายก็หมดเวลา 1 ปี

ต้องฝากท่านรัฐมนตรี ธีรภัทร์ที่ดูแลเรื่องสื่อมวลชน ท่านควรรีบลำเลียงข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตของทักษิณออกมาให้ประชาชนได้ทราบเถิดครับ ท่านอย่านึกว่าชาวบ้านที่อยู่ต่างจังหวัดเข้าใจแล้ว เขารู้แล้วนะครับ

ข้อที่ 2 นโยบายเศรษฐกิจ หวยออกที่หม่อมอุ๋ยแน่นอน และหนีความรับผิดชอบไม่ได้ ที่ท่านบอกว่าเน้นเศรษฐกิจพอเพียง มาถึงวันนี้แล้วมีอะไรที่จับต้องได้เป็นรูปธรรมบ้าง สิ่งที่ท่านทิ้งค้างไว้คาราคาซังก็เรื่อง หวยบนดินหวย 2 ตัวหวย 3 ตัว จะเอาอย่างไรต่อ เพราะตอนนี้มีม็อบของผู้ค้าสลาก ม็อบคนเดินโพยมาร้องเรียนแทบทุกอาทิตย์

การออกมาตรการที่ให้กันเงินสำรองไว้ร้อยละ 30 เพื่อป้องกันเงินทุนเข้ามาเก็งกำไรระยะสั้น ทำให้ค่าเงินบาทแข็งเกินไป แล้วเป็นอย่างไร ค่าเงินบาทตอนนี้อ่อนหรือยังเมื่อแลกกับการเสียหายเพียงแค่ 2-3 ชั่วโมง 8 แสนกว่าล้านบาท

ยังไม่พอ หม่อมอุ๋ย ร่วมกับ รมต.กระทรวงพาณิชย์ นายเกริกไกร จีระแพทย์ เสนอแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 อีก จนชาวต่างชาติออกมาโวยวายว่าจะย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น จนคนทั่วไปงงว่า ท่านทำไปได้อย่างไร เรื่องที่ควรทำกลับไม่ทำ

อีกเรื่องครับ เกษตรกร 4 ภาคที่เขาเดินทางมารวมตัวที่หน้าทำเนียบเพื่อเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือในเรื่องปัญหาหนี้สิน ท่านเตรียมการหรือยังครับ รมต.กระทรวงการคลังและรมต.กระทรวงเกษตรฯ ท่านอย่ามัวแต่สนใจงานพืชสวนโลกอย่างเดียวสิครับ ต้องดูแลพี่น้องประชาชนด้วย

ต้องช่วยเหลือชาวบ้านเกษตรกรในเรื่องดอกเบี้ย เพื่อไปเป็นเงินทุนให้เขาได้พัฒนาตัวเองและสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ ให้ชาวบ้านรู้จักทำมาหากินบนหลักเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง และตั้งแต่ที่คุณธีระมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ผมไม่แน่ใจว่าคุณธีระ สูตะบุตร จัดลำดับการดำเนินการได้ถูกต้องหรือไม่จนถึงวันนี้

แล้วยังเรื่องการทุจริตไม่ว่าจะเป็นเรื่องกล้ายาง เรื่องลำไย เรื่องไก่ลม โครงการวัวล้านตัว หลักฐานแค่นี้ก็เพียงพอต่อการเอาคนเข้าคุกได้แล้ว

ข้อที่ 3 นโยบายสังคม คนที่ต้องโดนประเมินหนักสุดคือ นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แทนที่ท่านจะทำจัดการระบบบริการสาธารณสุขให้ชาวบ้านประชาชนตาดำๆ ได้รับบริการอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ท่านกลับไปยุ่งกับเรื่องการห้ามการโฆษณาเหล้าเบียร์ ท่านไม่รู้หรือไงว่ามันเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด เกาไม่ถูกที่คัน ยื่นกฎหมายยื่นแล้วยื่นอีก แล้วก็หน้าแตกกลับมาว่ากฎหมายไม่มีผลบังคับใช้ เรื่องการทุจริตในกระทรวง เรื่องที่มีอยู่แล้วทุจริตรถพยาบาล ท่านจะทำอย่างไรต่อ

คุณหมอมงคล ท่านลองไปส่องกล้องดูกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่อยู่ในสังกัดของกระทรวงท่านดีไหม ได้ข่าวว่ามีการใช้จ่ายเงินกันไม่ถูกวิธีหลายต่อหลายโครงการที่มีงบประมาณมหาศาล ถ้าผมมีเวลาจะมาคุยประเด็นนี้กันสักวัน

รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ นายวิจิตร ศรีสะอ้าน ท่านคิดอะไรไม่ออกก็บอกว่ามหาวิทยาลัยต้องออกนอกระบบ ท่านไม่ได้ศึกษาหรืออย่างไรถึงผลได้ผลเสียของการออกนอกระบบ ลูกหลานต่อไปจะเรียนกันอย่างไร พ่อแม่จ่ายค่าเทอมๆ ละ 2-3 หมื่น ค่าใช้จ่ายต่อเดือนคนละ 6,000 - 10,000 บาท แต่จบมาได้ เงินเดือน 8,500 แล้วอย่างนี้เขาจะส่งเสียให้ลูกเรียนทำไม ประเทศอังกฤษก็มีตัวอย่างที่มหาวิทยาลัยออกนอกระบบทำให้พ่อแม่ตัดสินใจให้ลูกลาออกเพราะรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว

ข้อที่ 4 นโยบายการต่างประเทศ นายนิตย์ พิบูลสงคราม พึ่งออกมาบอกว่ายกเลิกพาสปอร์ตการทูตให้ทักษิณกับภรรยา ซึ่งถ้าศึกษากันให้ดีจะพบว่าไม่มีประโยชน์อะไร เพราะทักษิณก็ยังคงเดินทางไปไหนได้เป็นปกติ แถมยังมีการรับรองอีกโดยไม่สนว่าจะโดนยึดพาสปอร์ตสีแดงแล้วหรือไม่ก็ตาม

อย่าลืมนะครับว่าเขามีเงินเป็นแสนๆ ล้าน แล้ว คมช. ไม่คิดที่จะตัดเงินนอกระบบที่เครือข่ายทักษิณใช้ในการสร้างคลื่นใต้น้ำ ปัญหาก็จะคาราคาซังอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ

กระทรวงการต่างประเทศ ต้องทำจดหมายไปยังประเทศต่างๆ ทุกประเทศเพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาของทักษิณพร้อมหลักฐาน น่าจะแสดงจุดยืน เจตนารมณ์ให้ชัดเจนว่าคุณทักษิณหมดภาระหน้าที่ในเมืองไทยแล้ว และต่อไปจะดำเนินการอย่างไรกับคุณทักษิณที่มีข่าวไปประเทศโน้นประเทศนี้ ไปพบผู้นำคนนั้นพบผู้นำคนนี้ ทำราวกับว่าจะเป็นรัฐบาลพลัดถิ่น และยังเป็นการสร้างค่าให้ราคากับทักษิณอีก

ข้อที่ 5 นโยบายการรักษาความมั่นคงของรัฐ กระทรวงมหาดไทย นายอารีย์ วงศ์อารยะ สอบตกอย่างไม่มีรูป ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายอารีย์ไม่สามารถลงไปแก้ปัญหาในพื้นที่ได้เลย อาศัยแต่ ผอ.ศอ.บต. นายพระนาย สุวรรณรัฐ อย่างเดียวคงไม่ได้ แล้วยังปัญหาเหตุระเบิด 9 จุด ในกรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ทุกคนพุ่งเป้าไปที่พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ว่าหายไปไหน เลยลืมรัฐมนตรีกระทรวงนี้ไป

ทุกท่านอย่าลืมนะครับว่ากระทรวงมหาดไทยต้องดูแลเรื่องความมั่นคงภายในประเทศ แล้วยังปัญหาคลื่นใต้น้ำ ที่มีการเผาโรงเรียนแถบอีสานและภาคเหนือ จนวันนี้ตอบได้แต่เพียงว่า ไฟฟ้าลัดวงจร

แล้วประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เขาจะฝากความหวังกับท่านได้อย่างไร ช่วงปีใหม่มีคนบอกว่า 10 วันอันตราย แต่ที่ภาคใต้เขาบอกว่า 365 วันอันตรายทั้งหมด แล้วนี่รุกลามมาถึงกรุงเทพฯ ด้วยแล้ว

ปัญหาที่บอกมานี้สามารถแก้ได้ไหม
ผมบอกว่าได้ครับ เป็นไปได้ไหมครับ ท่านพลเอกสุรยุทธ์ ท่านปรับกองกำลังของท่านใหม่ กรุงศรีอยุธยายังไม่สิ้นคนดีหรอครับ ยังมีคนที่มีความรู้ความสามารถอีกหลายต่อหลายท่าน

อย่างน้อย ข่าวที่ออกมาว่าจะมีการแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรีเพื่อดูแลเรื่องความมั่นคงนั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วครับ เพราะรัฐบาลชุดนี้เข้ามาในลักษณะเฉพาะกาล เข้ามาโดยเหตุแห่งการยึดอำนาจ ดังนั้น การต่อต้านหรือแรงเสียดทานทางการเมืองจากกลุ่มขั้วอำนาจเก่ายังคงมีอยู่เป็นเรื่องธรรมดาครับ

มิเช่นนั้นเราคงไม่เห็นข่าวนกขมิ้น เที่ยวบินไปโน่นมานี่ แล้วให้ทนายหน้าหอมาอ่านจดหมายเรียกร้องขอความเห็นใจ มาแก้ต่างทุกอาทิตย์ เพราะเขาได้มีการวิเคราะห์ไว้แล้วว่า

คนไทยลืมง่าย ขี้สงสาร แล้วก็แล้วกันไปเถอะ อย่าฟื้นฝอยหาตะเข็บ ให้อภัยโดยขาดเหตุผล เดี๋ยวก็กลับเข้ามาได้แล้ว

ความสงบเรียบร้อยความมั่นคงของประเทศ เป็นเรื่องใหญ่ ท่านต้องรีบจัดการ ไม่เช่นนั้นจะมีข่าวปฎิวัติซ้ำ ปฏิวัติซ้อน ทุกอาทิตย์

ก่อนอื่นจะกวาดบ้านใครต้องจัดการบ้านตัวเองก่อนครับ หาทางปรับคณะรัฐมนตรีเถอะครับ รัฐมนตรีของท่านที่ไม่มีผลงานที่แย่งงานปลัดกระทรวงทำ ท่านต้องเอาออก ตั้งคนใหม่ที่เอาจริงเอาจัง เพื่อให้การทำงานขับเคลื่อนไปได้มากกว่านี้ และยังบรรลุวัตถุประสงค์ 4 ข้อ ของการเข้ายึดอำนาจของ คมช. ด้วย

รีบเถอะครับ ปรับเถอะครับ อย่ารอช้าครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น