"สนธิ"อัดยับ"หม่อมอุ๋ย"ทำตัวเป็นอีแอบ "นอมินี"ระบอบทักษิณ-เทมาเส็ก สร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจนับแสนล้านบาท เค้น 11 คำถามร้อน ระบุมีผลประโยชน์ทับซ้อนจากการถือหุ้นคอมลิงค์ จี้กลต.ตรวจสอบคนใกล้ชิดฟันกำไรหลายพันล้านจากการรู้ข้อมูลอินไซด์ก่อนออกมาตรการกันสำรอง 30 เปอร์เซ็นต์
วานนี้(12 ม.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ตามปกติ โดยได้กล่าวถึงการยกเลิกหนังสือเดินทางทูตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยกระทรวงการต่างประเทศหลังจากที่มีการเรียกร้องมานาน แต่เพิ่งดำเนินการทั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดถึง 4 ข้อหาหนัก และไม่มีเกียรติพอที่จะถือหนังสือเดินทางประเภทดังกล่าว
นายสนธิ ยังระบุว่า เวลานี้ประเทศจีนรู้สึกอึดอัดกับบทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอย่างมาก เคยทำหนังสือมาถึงรัฐบาลไทยเพื่อขอทราบท่าทีว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร แต่ปรากฎว่ากระทรวงการต่างประเทศยังเฉยไม่ดำเนินการอะไร และล่าสุดเพิ่งสั่งให้เจ้าหน้าที่ทูตและกงศุลในต่างประเทศไม่ต้องให้การต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ อีก แต่ยังข้องใจผู้จัดการบริษัทการบินไทยสาขาลอสแองเจลิส ที่ยังไปคอยต้อนรับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่กำลังจะถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อทุจริตกรณีซีทีเอ็กซ์ ขณะเดินทางไปสหรัฐพร้อมกับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ดังนั้นจึงอยากถาม พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ในฐานะประธานบอร์ดการบินไทย และผู้
อำนวยการการบินไทยว่ารู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้
ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ผู้นี้ ยังย้ำถึงความรู้สึกอึดอัดกับบทบาทของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิดป่วนกรุงเทพฯกลับไปร้องเพลงคาราโอเกะที่หาดใหญ่แล้ววันที่ 1 ม.ค.ยังจับเครื่องบินๆตรงไปเชียงใหม่เสียอีก และว่าที่ผ่านมาเคยตั้งวคำถามว่าเคยส่งลูกน้องไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณที่โรงแรมแมนดารินในฮ่องกงจริงหรือเปล่า
ตั้งข้อสังเกตว่า เวลานี้มีความพยายามบิดเบือนว่าการลอบวางระเบิดป่วนกรุงเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ พร้อมตั้งข้อสงสัย พล.ต.ท.จงรักษ์ จุฑานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เดิม ทักษิณ เคยวางตัวให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลให้มาจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลคดีลอบวางระเบิดและเชื่อว่าไม่มีทางได้ตัวมือระเบิด
นายสนธิ เชื่อว่าเวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเจ้าของไอทีวี โดยตั้งข้อสังเกตถึงผลประกอบการทางธุรกิจที่ที่ผลกำไรจากการดำเนินการอย่างมากแค่ปีละ 200 ล้าน แต่ต้องเสียค่าสัมปทานหลังจากถูกศาลปกครองสั่งให้จ่ายปีละ 1 พันล้านบาท ขาดทุนปีละ 800 ล้าน และยังไม่รวมค่าปรับอีกว่า 9.7 หมื่นล้าน ซึ่งตามปกติไม่มีใครทำกัน
นายสนธิ ระบุอีกว่าเวลานี้ทางเทมาเส็กกำลังจะขายหุ้นให้กับคนไทย ซึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกจากคนของระบอบทักษิณ เพราะต้องรักษาไอทีวีเอาไว้ เงินแค่ 2 พันล้านบาทที่จะนำมาซื้อถือว่าจำนวนเล็กน้อย อีกทั้งเงินจำนวนนี้ก็ไม่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงตัวเอง แต่มาจากการโกง การทุจริตมาทั้งนั้น
"เวลานี้ไอทีวีทำผิดสัญญา ดังนั้นการเอาเงินมาคืนจึงไม่สำคัญ ต้องยึดสัมปทานคืนมา เพราะระบอบทักษิณ ต้องการรักษาไอทีวีเอาไว้เพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น ผมถามว่ารายได้เท่านี้ ผลกำไรเท่านี้ แต่ต้องยอมขาดทุนปีละเป็นพันล้าน แม้แต่ควายยังไม่กล้าลงทุนเลย"
นายสนธิ ยังพูดถึงกรณี นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการ คตส.เรื่องการขายหุ้นชินคอร์ป ที่บอกอยู่คำเดียวว่า ไม่รู้เรื่อง ไม่ทราบ เป็นเรื่องของเลขาฯแม่เป็นคนจัดการให้ทั้งหมด แต่จากการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 20 และวันที่ 23 ม.ค. 49 ที่ระบุว่า เป็นเรื่องของลูกๆจัดการกันเอง หรือลูกๆต้องการให้พ่อเล่นการเมืองสบายใจไม่ต้องถูกกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งคำพูดเหล่านี้มัดคอตัวเอง เพราะเวลานี้เมื่อลูกไปชี้แจงกลับบอกว่าไม่รู้เรื่องทั้งที่อายุเวลานี้ 28 ปีถือว่าบรรลุนิติภาวะแล้ว
"ดังนั้นการเซ็นชื่อในเรื่องการขายหุ้นถ้า นายพานทองแท้ใว้ใจคงไม่ใช่เลขาฯของแม่ แต่คงต้องเกิดจากการไว้ใจหรือทำตามคำสั่งของ นายทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ซึ่งก็คือการซุกหุ้นภาค 2 นั่นเอง เวลานี้คนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิต เพราะถ้าวันนั้น นายทักษิณ ขายหุ้นจำนวน 7.3 หมื่นล้านบาทแล้วยอมเสียภาษีประมาณกว่าหมื่นล้าน กลุ่มพันธมิตรฯก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรไปชุมนุมต่อต้าน"
นายสนธิ ยังเปิดเผยหลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งที่ลงนามโดย นายศิโรฒม์ สวัสดิพานิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร สมัย นายทนง พิทยะ เป็นรัฐมนตรีคลัง เมื่อวันที่ 15 ก.ย.49 ก่อนยึดอำนาจ 4 วัน ได้ออกประกาศกรมสรรพากรยกเว้นภาษีให้กับบริษัทโทรคมนาคมเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอไอเอส ทั้งที่แต่ละปีมีกำไรปีละเป็นหมื่นล้านแต่ยังไม่ยอมเสียภาษี
นายสนธิ ได้กล่าวตำหนิ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยตอบโต้คำพูดที่เคยระบุว่าสาเหตุที่ ตนเองมาโจมตีเพราะมีปัญหาเรื่องส่วนตัวเช่นเรื่องกองทุนวายุภักดิ์ หรือกรณีของ นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกก.ผู้จัดใหญ่ธนาคารกรุงไทย ในทำนองถูกรังแกในฐานะเจ้าของสื่อ เป็นต้น ซึ่งไม่จริง และขอเตือนว่าอย่างพยายามใช้มุขเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณ เคยใช้
ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ผู้นี้ยังกล่าวอีกว่า เมื่อปี 2548-49 เคยตั้งคำถามถึง พ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 40 ข้อ แต่ไม่เคยได้รับคำตอบ แต่สำหรับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ขอตั้งคำถามแค่ 11 คำถามพอ เพราะไม่เลวเท่า อยากให้ตอบคำถามนี้ หรือจะใช้วิธีไปออกรายการโทรทัศน์ที่ไหนก็ได้เหมือนที่เคยท้า พ.ต.ท.ทักษิณ
สำหรับคำถาม 11 ข้อดังกล่าวมีดังนี้ 1 จริงหรือไม่ที่เคยปกป้อง นายศิโรฒม์ เป็นการแทรกแทรวงองค์กรอิสระที่กำลังตรวจสอบอยู่ 2 เมื่อปปช.ชี้มูลความผิด แต่กลับออกมาบอกว่าให้ปลดออกแล้วให้รับบำเหน็จ 3 จริงหรือไม่ที่เคยปกป้องกรณีการซื้อที่ดินของคุณหญิงพจมาน ทั้งที่ต่อมาคตส.ได้ชี้มูลความผิดแล้วให้ร้องทุกข์กล่าวโทษ
4 จริงหรือไม่ที่เคยเรียกร้องให้ยุติปัญหาหวยบนดิน ที่หมิ่นเหม่ต่อการลบล้างความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ และตัวเอง 5. จริงหรือไม่ที่เคยชี้ให้เห็นถึงความบกพร่องในสมัยที่เป็นผู้ว่าฯธปท.ทำความเสียหายกว่า 1.3 แสนล้านบาทจากการแทรกแซงค่าเงินบาท ซึ่งได้ถามหาคนรับผิดชอบ 6.การสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาททำได้หลายวิธีโดยไม่ต้องใช้มาตรการกันสำรอง 30เปอร์เซ็นต์ 7. มาตรการที่กลับไปกลับมาทำความเสียหายจำนวนมหาศาล 8 คนรู้ใส้จากการขายหุ้นจนร่ำรวยถ้วนหน้า จนบัดนี้ยังไม่มีการตรวจสอบ 9. สมัยที่อยู่ธนาคารกสิกรไทยเคยปล่อยกู้ให้กับบริษัทคอมลิงค์อย่างไม่โปร่งใส 10 . จากนั้นก็ได้ไปถือหุ้นในบริษัทคอมลิงค์ และ 11. ได้ลักไก่แก้กฎหมายพ.รบ.ธุรกิจคนต่างด้าว เพื่อล้างมลทินให้กับเทมาเส็กที่มาซื้อหุ้นชินคอร์ปใช่หรือไม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยืนยันได้ว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
นายสนธิ กล่าวหาอีกว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร มีผลประโยชน์ทับซ้อน กรณีการอนุมัติเงินกู้ให้กับคอมลิงค์สมัยที่เป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกสิกรไทย และต่อมาบริษัทคอมลิงค์ได้สัมปทานกับองค์การโทรศพท์ และต่อมายังไปเป็นกรรมการของบริษัทดังกล่าว ซึ่งถือว่าไม่ควรทำอย่างยิ่ง จากนั้นบริษัทคอมลิงค์ได้ย้ายสำนักงานไปที่ตึกเอ็กซิมแบงค์ เพราะในเวลานั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เป็นผู้จัดการ ขณะเดียวกันตัวเองก็ยังมาเป็นกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัทคอมลิงค์เสียอีก ซึ่งโดยปกติไม่ทำกันเพราะเอ็กซิมแบงค์เป็นธนาคารของรัฐ
นายสนธิ ยังได้โยงใยบริษัทคอมลิงค์ว่าเกี่ยวพันกับ นายวิจิตร ศรีสะอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษธิการ เนื่องจากมีพี่ชายเป็นกรรมการอยู่ในบริษัทดังกล่าว เพราะหลังจากรับตำแหน่งรัฐมนตรีงานแรกก็คือการเซ็นอนุมัติอนุญาติให้บริษัทคอมลิงค์เป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยโยนก พร้อมท้าให้ฟ้องร้องเพราะจะได้แฉหลักฐานกันในศาล
นายสนธิ ยังตั้งคำถามไปถึงวันที่เกิดมีการหุ้นตกถึง140 จุดเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.เมื่อครั้งออกมามาตรการสำรอง 30 เปอร์เซ็นต์ว่ามีคนรู้ข้อมูลภายในได้กำไรหลายต่อจากการขายหุ้นพร้อมทั้งเรียกร้องให้ กลต.ตรวจสอบเรื่องนี้ โดยเฉพาะให้ตรวจสอบลูก-เมีย คนใกล้ชิด ดดย เฉพาะ ม.ล.ณัฐกรณ์ เทวกุล ลูกชายด้วย
"ผมอยากตั้งคำถามว่าคอมลิงค์ถือหุ้นอยู่ในธนาคารธนชาติว่ากันว่ามีผู้ใหญ่บางคนให้ธนาคารทหารไทยไปซื้อหุ้นจำนวนหลายพันล้าน ทำให้บางคนได้กำไร และอีกเรื่องที่ผมอยากรู้ก็คือมีคนสงสัยว่าคุณชายอุ๋ยเป็นเจ้าของบริษัทหลักทรัพย์ตรินิตี้ และได้กำไรในวันโลกาวินาศ 2 พันกว่าล้าน หรือใครเข้าไปซื้อหุ้นเหมืองบ้านปูล่วงหน้าก่อนที่เดินทางไปลาวเพื่อเซ็นสัญญารับสัมปทานทำเหมืองที่นั่นสองสามวัน นี่ถ้าเป็นอเมริกาทำแบบนี้ติดคุกหัวโต"
นายสนธิ ยังแสดงความแปลกใจที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ออกมาตีกัน ม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล ไม่ให้มาดำรงตำแหน่งร.ม.ว.คลัง ตามข่าวที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี โดยยืนยันว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ทั้งที่คนที่พูดเรื่องนี้น่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี ถือว่าเสียมารยาท
นายสนธิ ได้ย้อนกลับมาพูดเรื่องกฎหมายนอมินี(ตัวแทน) ที่ไทยห้ามไม่ให้ต่างชาติเป็นเจ้าของบริษัทโทรคมนาคม หรือกิจการเพื่อความมั่นคง โดยยกตัวอย่างกรณีบริษัทกุหลาบแก้วที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์สรุปว่าเป็นบริษัทต่างด้าวทำผิดกฎหมายและแจ้งความไว้ที่สน.ทุ่งมหาเมฆ แต่ปรากฎว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร และ นายเกริกไกร จิระแพทย์ รัฐมนตรีพาณิชย์ อ้างว่าต้องการแก้ปัญหาภาพรวม อ้างในประเทศไทยมีนอมินีเยอะ ซึ่งถ้าต้องการแก้ปัญหาจริงก็ต้องแยกออกมา หรือถ้าต้องการแก้ปัญหาก็ให้ดำเนินคดีกับบริษัทกุหลาบแก้วให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยดำเนินการ แต่กลับมาแก้ไขโดยให้เวลา 1 ปี เท่ากับไปล้างความผิดให้ทักษิณและเทมาเส็ก
"เป็นการเหวี่ยงแหช่วยชินคอร์ป เทมาเส็ก ถามว่าเป็นตัวแทนทักษิณ ลับๆหรือไม่ อย่ามาสร้างภาพ ผมเตือนว่าถ้ามีอะไรกับค่าเงินบาทอีกครั้งระวังคุณจะใช้หนี้กรรมไม่หมด ผมอยากบอกให้รู้ว่าลูกหลานของทักษิณเป็นหลานของเจ๊คนหนึ่งที่เชียงใหม่ที่ทุกวันพฤหัสบดีหอบเงินบาทไปสิงคโปร์คนเดียวครั้งละกว่า 300 ล้านบาท คาดว่าตลอด 3 ปี มีเงินบาทอยู่ที่สิงคโปร์ ไม่ต่ำกว่า 8 หมื่นถึง 1.2 แสนล้านบาท ผมกลัวว่าเงินบาทจะรูดลงไปถึง 50 บาท" พร้อมท้าให้ตรวจสอบการขายหุ้นเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.เชื่อว่ามีคนใกล้ชิดของ หม่อมอุ๋ยบางคนรวมอยู่ด้วย
ในตอนท้าย นายสนธิ ได้ฝากถามไปถึง คมช.และนายกรัฐมนตรีถ้าอยากปกป้อง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร แต่ประชาชนไม่ได้โง่ แม้รู้สึกเห็นใจ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เพราะไม่รู้เรื่องกฎหมาย ซึ่งไม่ควรให้คณะรัฐมนตรีรับหลักการกม.ธุรกิจคนต่างด้าวทั้งทางที่ดีน่าจะให้คณะกรรมการการกฤษฎีกาตีความก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทเทมาเส็กใช้เป็นข้ออ้างในการสู้คดีในภายหลัง
“จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องของเทมาเส็กกับชินคอร์ป ทำไมไม่จัดการเทมาเส็กกับชินคอร์ปให้เสร็จเรียบร้อย แล้วค่อยจัดการภาพรวมทีหลัง จู่ๆ เหวี่ยงแหทั้งหมดเพื่อช่วยชินคอร์ปกับเทมาเส็ก เลยย้อนกลับไปถึงจุดแรก จุดแรกสุดที่ผมพูด ผมถามคุณชาย 1 ข้อ ว่าจริงหรือไม่ที่คุณปกป้องอธิบดีกรมสรรพากร ศิโรตม์ 2. จริงหรือไม่ที่คุณปกป้องว่า การซื้อขายที่ดินที่รัชดาฯ โปร่งใส ถูกต้อง แล้ว 3 มาเรื่องนี้ ผมเลยอยากจะถาม จริงๆ แล้วคุณชายเป็นตัวแทนทักษิณลับๆ ใช่ไม่ใช่ ถ้าเป็นก็พูดมาเลยดีกว่า อย่ามาใช้ความเป็นหม่อมราชวงศ์ อย่ามาใช้ความเป็นอดีตผู้ว่าแบงก์ชาติมาสร้างภาพว่าคนอย่างคุณชายไม่มีทางจะเป็นอย่างนี้ แต่พฤติกรรมมันอดทำให้ผมคิดไม่ได้ว่าคุณชายแอบจับมืออะไรกับทักษิณไว้หรือเปล่า ช่วยเขาเหลือเกินทุกๆ เรื่อง”นายสนธิกล่าว
วานนี้(12 ม.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ตามปกติ โดยได้กล่าวถึงการยกเลิกหนังสือเดินทางทูตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยกระทรวงการต่างประเทศหลังจากที่มีการเรียกร้องมานาน แต่เพิ่งดำเนินการทั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดถึง 4 ข้อหาหนัก และไม่มีเกียรติพอที่จะถือหนังสือเดินทางประเภทดังกล่าว
นายสนธิ ยังระบุว่า เวลานี้ประเทศจีนรู้สึกอึดอัดกับบทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอย่างมาก เคยทำหนังสือมาถึงรัฐบาลไทยเพื่อขอทราบท่าทีว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร แต่ปรากฎว่ากระทรวงการต่างประเทศยังเฉยไม่ดำเนินการอะไร และล่าสุดเพิ่งสั่งให้เจ้าหน้าที่ทูตและกงศุลในต่างประเทศไม่ต้องให้การต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ อีก แต่ยังข้องใจผู้จัดการบริษัทการบินไทยสาขาลอสแองเจลิส ที่ยังไปคอยต้อนรับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่กำลังจะถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อทุจริตกรณีซีทีเอ็กซ์ ขณะเดินทางไปสหรัฐพร้อมกับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ดังนั้นจึงอยากถาม พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ในฐานะประธานบอร์ดการบินไทย และผู้
อำนวยการการบินไทยว่ารู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้
ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ผู้นี้ ยังย้ำถึงความรู้สึกอึดอัดกับบทบาทของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิดป่วนกรุงเทพฯกลับไปร้องเพลงคาราโอเกะที่หาดใหญ่แล้ววันที่ 1 ม.ค.ยังจับเครื่องบินๆตรงไปเชียงใหม่เสียอีก และว่าที่ผ่านมาเคยตั้งวคำถามว่าเคยส่งลูกน้องไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณที่โรงแรมแมนดารินในฮ่องกงจริงหรือเปล่า
ตั้งข้อสังเกตว่า เวลานี้มีความพยายามบิดเบือนว่าการลอบวางระเบิดป่วนกรุงเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ พร้อมตั้งข้อสงสัย พล.ต.ท.จงรักษ์ จุฑานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เดิม ทักษิณ เคยวางตัวให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลให้มาจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลคดีลอบวางระเบิดและเชื่อว่าไม่มีทางได้ตัวมือระเบิด
นายสนธิ เชื่อว่าเวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเจ้าของไอทีวี โดยตั้งข้อสังเกตถึงผลประกอบการทางธุรกิจที่ที่ผลกำไรจากการดำเนินการอย่างมากแค่ปีละ 200 ล้าน แต่ต้องเสียค่าสัมปทานหลังจากถูกศาลปกครองสั่งให้จ่ายปีละ 1 พันล้านบาท ขาดทุนปีละ 800 ล้าน และยังไม่รวมค่าปรับอีกว่า 9.7 หมื่นล้าน ซึ่งตามปกติไม่มีใครทำกัน
นายสนธิ ระบุอีกว่าเวลานี้ทางเทมาเส็กกำลังจะขายหุ้นให้กับคนไทย ซึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกจากคนของระบอบทักษิณ เพราะต้องรักษาไอทีวีเอาไว้ เงินแค่ 2 พันล้านบาทที่จะนำมาซื้อถือว่าจำนวนเล็กน้อย อีกทั้งเงินจำนวนนี้ก็ไม่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงตัวเอง แต่มาจากการโกง การทุจริตมาทั้งนั้น
"เวลานี้ไอทีวีทำผิดสัญญา ดังนั้นการเอาเงินมาคืนจึงไม่สำคัญ ต้องยึดสัมปทานคืนมา เพราะระบอบทักษิณ ต้องการรักษาไอทีวีเอาไว้เพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น ผมถามว่ารายได้เท่านี้ ผลกำไรเท่านี้ แต่ต้องยอมขาดทุนปีละเป็นพันล้าน แม้แต่ควายยังไม่กล้าลงทุนเลย"
นายสนธิ ยังพูดถึงกรณี นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการ คตส.เรื่องการขายหุ้นชินคอร์ป ที่บอกอยู่คำเดียวว่า ไม่รู้เรื่อง ไม่ทราบ เป็นเรื่องของเลขาฯแม่เป็นคนจัดการให้ทั้งหมด แต่จากการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 20 และวันที่ 23 ม.ค. 49 ที่ระบุว่า เป็นเรื่องของลูกๆจัดการกันเอง หรือลูกๆต้องการให้พ่อเล่นการเมืองสบายใจไม่ต้องถูกกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งคำพูดเหล่านี้มัดคอตัวเอง เพราะเวลานี้เมื่อลูกไปชี้แจงกลับบอกว่าไม่รู้เรื่องทั้งที่อายุเวลานี้ 28 ปีถือว่าบรรลุนิติภาวะแล้ว
"ดังนั้นการเซ็นชื่อในเรื่องการขายหุ้นถ้า นายพานทองแท้ใว้ใจคงไม่ใช่เลขาฯของแม่ แต่คงต้องเกิดจากการไว้ใจหรือทำตามคำสั่งของ นายทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ซึ่งก็คือการซุกหุ้นภาค 2 นั่นเอง เวลานี้คนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิต เพราะถ้าวันนั้น นายทักษิณ ขายหุ้นจำนวน 7.3 หมื่นล้านบาทแล้วยอมเสียภาษีประมาณกว่าหมื่นล้าน กลุ่มพันธมิตรฯก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรไปชุมนุมต่อต้าน"
นายสนธิ ยังเปิดเผยหลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งที่ลงนามโดย นายศิโรฒม์ สวัสดิพานิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร สมัย นายทนง พิทยะ เป็นรัฐมนตรีคลัง เมื่อวันที่ 15 ก.ย.49 ก่อนยึดอำนาจ 4 วัน ได้ออกประกาศกรมสรรพากรยกเว้นภาษีให้กับบริษัทโทรคมนาคมเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอไอเอส ทั้งที่แต่ละปีมีกำไรปีละเป็นหมื่นล้านแต่ยังไม่ยอมเสียภาษี
นายสนธิ ได้กล่าวตำหนิ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยตอบโต้คำพูดที่เคยระบุว่าสาเหตุที่ ตนเองมาโจมตีเพราะมีปัญหาเรื่องส่วนตัวเช่นเรื่องกองทุนวายุภักดิ์ หรือกรณีของ นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกก.ผู้จัดใหญ่ธนาคารกรุงไทย ในทำนองถูกรังแกในฐานะเจ้าของสื่อ เป็นต้น ซึ่งไม่จริง และขอเตือนว่าอย่างพยายามใช้มุขเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณ เคยใช้
ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ผู้นี้ยังกล่าวอีกว่า เมื่อปี 2548-49 เคยตั้งคำถามถึง พ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 40 ข้อ แต่ไม่เคยได้รับคำตอบ แต่สำหรับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ขอตั้งคำถามแค่ 11 คำถามพอ เพราะไม่เลวเท่า อยากให้ตอบคำถามนี้ หรือจะใช้วิธีไปออกรายการโทรทัศน์ที่ไหนก็ได้เหมือนที่เคยท้า พ.ต.ท.ทักษิณ
สำหรับคำถาม 11 ข้อดังกล่าวมีดังนี้ 1 จริงหรือไม่ที่เคยปกป้อง นายศิโรฒม์ เป็นการแทรกแทรวงองค์กรอิสระที่กำลังตรวจสอบอยู่ 2 เมื่อปปช.ชี้มูลความผิด แต่กลับออกมาบอกว่าให้ปลดออกแล้วให้รับบำเหน็จ 3 จริงหรือไม่ที่เคยปกป้องกรณีการซื้อที่ดินของคุณหญิงพจมาน ทั้งที่ต่อมาคตส.ได้ชี้มูลความผิดแล้วให้ร้องทุกข์กล่าวโทษ
4 จริงหรือไม่ที่เคยเรียกร้องให้ยุติปัญหาหวยบนดิน ที่หมิ่นเหม่ต่อการลบล้างความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ และตัวเอง 5. จริงหรือไม่ที่เคยชี้ให้เห็นถึงความบกพร่องในสมัยที่เป็นผู้ว่าฯธปท.ทำความเสียหายกว่า 1.3 แสนล้านบาทจากการแทรกแซงค่าเงินบาท ซึ่งได้ถามหาคนรับผิดชอบ 6.การสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาททำได้หลายวิธีโดยไม่ต้องใช้มาตรการกันสำรอง 30เปอร์เซ็นต์ 7. มาตรการที่กลับไปกลับมาทำความเสียหายจำนวนมหาศาล 8 คนรู้ใส้จากการขายหุ้นจนร่ำรวยถ้วนหน้า จนบัดนี้ยังไม่มีการตรวจสอบ 9. สมัยที่อยู่ธนาคารกสิกรไทยเคยปล่อยกู้ให้กับบริษัทคอมลิงค์อย่างไม่โปร่งใส 10 . จากนั้นก็ได้ไปถือหุ้นในบริษัทคอมลิงค์ และ 11. ได้ลักไก่แก้กฎหมายพ.รบ.ธุรกิจคนต่างด้าว เพื่อล้างมลทินให้กับเทมาเส็กที่มาซื้อหุ้นชินคอร์ปใช่หรือไม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยืนยันได้ว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
นายสนธิ กล่าวหาอีกว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร มีผลประโยชน์ทับซ้อน กรณีการอนุมัติเงินกู้ให้กับคอมลิงค์สมัยที่เป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกสิกรไทย และต่อมาบริษัทคอมลิงค์ได้สัมปทานกับองค์การโทรศพท์ และต่อมายังไปเป็นกรรมการของบริษัทดังกล่าว ซึ่งถือว่าไม่ควรทำอย่างยิ่ง จากนั้นบริษัทคอมลิงค์ได้ย้ายสำนักงานไปที่ตึกเอ็กซิมแบงค์ เพราะในเวลานั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เป็นผู้จัดการ ขณะเดียวกันตัวเองก็ยังมาเป็นกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัทคอมลิงค์เสียอีก ซึ่งโดยปกติไม่ทำกันเพราะเอ็กซิมแบงค์เป็นธนาคารของรัฐ
นายสนธิ ยังได้โยงใยบริษัทคอมลิงค์ว่าเกี่ยวพันกับ นายวิจิตร ศรีสะอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษธิการ เนื่องจากมีพี่ชายเป็นกรรมการอยู่ในบริษัทดังกล่าว เพราะหลังจากรับตำแหน่งรัฐมนตรีงานแรกก็คือการเซ็นอนุมัติอนุญาติให้บริษัทคอมลิงค์เป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยโยนก พร้อมท้าให้ฟ้องร้องเพราะจะได้แฉหลักฐานกันในศาล
นายสนธิ ยังตั้งคำถามไปถึงวันที่เกิดมีการหุ้นตกถึง140 จุดเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.เมื่อครั้งออกมามาตรการสำรอง 30 เปอร์เซ็นต์ว่ามีคนรู้ข้อมูลภายในได้กำไรหลายต่อจากการขายหุ้นพร้อมทั้งเรียกร้องให้ กลต.ตรวจสอบเรื่องนี้ โดยเฉพาะให้ตรวจสอบลูก-เมีย คนใกล้ชิด ดดย เฉพาะ ม.ล.ณัฐกรณ์ เทวกุล ลูกชายด้วย
"ผมอยากตั้งคำถามว่าคอมลิงค์ถือหุ้นอยู่ในธนาคารธนชาติว่ากันว่ามีผู้ใหญ่บางคนให้ธนาคารทหารไทยไปซื้อหุ้นจำนวนหลายพันล้าน ทำให้บางคนได้กำไร และอีกเรื่องที่ผมอยากรู้ก็คือมีคนสงสัยว่าคุณชายอุ๋ยเป็นเจ้าของบริษัทหลักทรัพย์ตรินิตี้ และได้กำไรในวันโลกาวินาศ 2 พันกว่าล้าน หรือใครเข้าไปซื้อหุ้นเหมืองบ้านปูล่วงหน้าก่อนที่เดินทางไปลาวเพื่อเซ็นสัญญารับสัมปทานทำเหมืองที่นั่นสองสามวัน นี่ถ้าเป็นอเมริกาทำแบบนี้ติดคุกหัวโต"
นายสนธิ ยังแสดงความแปลกใจที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ออกมาตีกัน ม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล ไม่ให้มาดำรงตำแหน่งร.ม.ว.คลัง ตามข่าวที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี โดยยืนยันว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ทั้งที่คนที่พูดเรื่องนี้น่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี ถือว่าเสียมารยาท
นายสนธิ ได้ย้อนกลับมาพูดเรื่องกฎหมายนอมินี(ตัวแทน) ที่ไทยห้ามไม่ให้ต่างชาติเป็นเจ้าของบริษัทโทรคมนาคม หรือกิจการเพื่อความมั่นคง โดยยกตัวอย่างกรณีบริษัทกุหลาบแก้วที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์สรุปว่าเป็นบริษัทต่างด้าวทำผิดกฎหมายและแจ้งความไว้ที่สน.ทุ่งมหาเมฆ แต่ปรากฎว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร และ นายเกริกไกร จิระแพทย์ รัฐมนตรีพาณิชย์ อ้างว่าต้องการแก้ปัญหาภาพรวม อ้างในประเทศไทยมีนอมินีเยอะ ซึ่งถ้าต้องการแก้ปัญหาจริงก็ต้องแยกออกมา หรือถ้าต้องการแก้ปัญหาก็ให้ดำเนินคดีกับบริษัทกุหลาบแก้วให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยดำเนินการ แต่กลับมาแก้ไขโดยให้เวลา 1 ปี เท่ากับไปล้างความผิดให้ทักษิณและเทมาเส็ก
"เป็นการเหวี่ยงแหช่วยชินคอร์ป เทมาเส็ก ถามว่าเป็นตัวแทนทักษิณ ลับๆหรือไม่ อย่ามาสร้างภาพ ผมเตือนว่าถ้ามีอะไรกับค่าเงินบาทอีกครั้งระวังคุณจะใช้หนี้กรรมไม่หมด ผมอยากบอกให้รู้ว่าลูกหลานของทักษิณเป็นหลานของเจ๊คนหนึ่งที่เชียงใหม่ที่ทุกวันพฤหัสบดีหอบเงินบาทไปสิงคโปร์คนเดียวครั้งละกว่า 300 ล้านบาท คาดว่าตลอด 3 ปี มีเงินบาทอยู่ที่สิงคโปร์ ไม่ต่ำกว่า 8 หมื่นถึง 1.2 แสนล้านบาท ผมกลัวว่าเงินบาทจะรูดลงไปถึง 50 บาท" พร้อมท้าให้ตรวจสอบการขายหุ้นเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.เชื่อว่ามีคนใกล้ชิดของ หม่อมอุ๋ยบางคนรวมอยู่ด้วย
ในตอนท้าย นายสนธิ ได้ฝากถามไปถึง คมช.และนายกรัฐมนตรีถ้าอยากปกป้อง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร แต่ประชาชนไม่ได้โง่ แม้รู้สึกเห็นใจ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เพราะไม่รู้เรื่องกฎหมาย ซึ่งไม่ควรให้คณะรัฐมนตรีรับหลักการกม.ธุรกิจคนต่างด้าวทั้งทางที่ดีน่าจะให้คณะกรรมการการกฤษฎีกาตีความก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทเทมาเส็กใช้เป็นข้ออ้างในการสู้คดีในภายหลัง
“จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องของเทมาเส็กกับชินคอร์ป ทำไมไม่จัดการเทมาเส็กกับชินคอร์ปให้เสร็จเรียบร้อย แล้วค่อยจัดการภาพรวมทีหลัง จู่ๆ เหวี่ยงแหทั้งหมดเพื่อช่วยชินคอร์ปกับเทมาเส็ก เลยย้อนกลับไปถึงจุดแรก จุดแรกสุดที่ผมพูด ผมถามคุณชาย 1 ข้อ ว่าจริงหรือไม่ที่คุณปกป้องอธิบดีกรมสรรพากร ศิโรตม์ 2. จริงหรือไม่ที่คุณปกป้องว่า การซื้อขายที่ดินที่รัชดาฯ โปร่งใส ถูกต้อง แล้ว 3 มาเรื่องนี้ ผมเลยอยากจะถาม จริงๆ แล้วคุณชายเป็นตัวแทนทักษิณลับๆ ใช่ไม่ใช่ ถ้าเป็นก็พูดมาเลยดีกว่า อย่ามาใช้ความเป็นหม่อมราชวงศ์ อย่ามาใช้ความเป็นอดีตผู้ว่าแบงก์ชาติมาสร้างภาพว่าคนอย่างคุณชายไม่มีทางจะเป็นอย่างนี้ แต่พฤติกรรมมันอดทำให้ผมคิดไม่ได้ว่าคุณชายแอบจับมืออะไรกับทักษิณไว้หรือเปล่า ช่วยเขาเหลือเกินทุกๆ เรื่อง”นายสนธิกล่าว