แม่ฮ่องสอน - ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอนยืนยัน เดินหน้ารวมหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวไว้ที่บ้านห้วยปูแกง เป็นศูนย์วัฒนธรรมชนเผ่า ลั่นล้างบางอิทธิพลกลุ่มนายทุนกะเหรี่ยง หลังเริ่มออกมาปล่อยข่าวปั่นป่วน เนื่องจากเสียผลประโยชน์หลายสิบล้านบาท
ตามที่นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านพม่า จ.แม่ฮ่องสอน เตรียมย้ายหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวบ้านห้วยเสือเฒ่า ต.ผาบ่อง และหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวบ้านใหม่ในสอย ต.ปางหมู อ.เมือง มารวมกันอยู่ที่หมู่บ้านห้วยปูแกง ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อให้เป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมชนเผ่านั้น
ล่าสุดนายดิเรก ก้อนกลีบ ยังยืนยันว่าการย้ายหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวบ้านห้วยเสือเฒ่า และบ้านใหม่ในสอยมารวมอยู่ที่บ้านห้วยปูแกง ยังคงดำเนินการต่อไป ซึ่งขณะนี้กำลังรอคำตอบจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่จังหวัดได้ขอใช้พื้นที่ป่าไม้ จำนวน 105 ไร่ ในพื้นที่บ้านห้วยปูแกง
"การย้ายหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวดังกล่าว อาจจะทำให้กลุ่มนายทุนที่ควบคุมกะเหรี่ยงคอยาวไม่พอใจ เนื่องจากกลุ่มนายทุนเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาล"นายดิเรกกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อย้ายหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวทั้งหมดมารวมอยู่ที่บ้านห้วยปูแกงแล้ว จังหวัดจะเข้าไปควบคุมดูแลโดยให้หน่วยงานความมั่นคงเข้าไปดูแล โดยนักท่องเที่ยวไม่ต้องเสียเงินเข้าชมหมู่บ้านวัฒนธรรมชนเผ่า นอกจากนี้ จังหวัดสามารถดูแลกะเหรี่ยงคอยาวไม่ให้หลบหนีออกนอกหมู่บ้านวัฒนธรรมชนเผ่า
"การย้ายหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวดังกล่าว จะมีแรงเสียดสีบ้างก็พร้อมจะเดินหน้าต่อไป"นายดิเรกกล่าว
มีรายงานแจ้งว่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มีหนังสือไปยังสภาความมั่นคงแห่งชาติ ( สมช. ) เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับการย้ายหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวบ้านห้วยเสือเฒ่า และบ้านใหม่ในสอย มารวมกันอยู่ที่บ้านห้วยปูแกง ขณะนี้สภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับหลักการแล้ว ซึ่งคาดว่าในราวเดือนมีนาคม 2550 สภาความมั่นคงแห่งชาติน่าจะเห็นชอบการย้ายหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวดังกล่าวและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็น่าจะอนุญาตให้ใช้พื้นที่ป่าไม้จำนวน 105 ไร่
ด้านแหล่งข่าวกลุ่มบริษัททัวร์นำเที่ยวแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มนายทุนกะเหรี่ยงคอยาวที่บ้านห้วยเสือเฒ่าและบ้านใหม่ในสอย ได้ปล่อยข่าวว่าผู้บริหารระดับจังหวัดได้ไปกว้านซื้อที่ดินใกล้ ๆ บริเวณบ้านห้วยปูแกง เพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
การปล่อยข่าวดังกล่าวออกมา เพื่อหวังทำลายผู้บริหารระดับสูงของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เนื่องจากกลุ่มนายทุนกะเหรี่ยงคอยาวมีอิทธิพล และกลัวเสียผลประโยชน์ในการเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เข้าชมกะเหรี่ยงคอยาวคนละ 250 บาท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว ที่บ้านห้วยเสือเฒ่า บ้านใหม่ในสอย และบ้านห้วยปูแกง ทั้ง 3 หมู่บ้าน กลุ่มบริษัททัวร์จะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวประมาณ 250,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเมื่อรวมตลอดทั้งจะได้เงินจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประมาณ 9-10 ล้านบาท ยังไม่รวมที่กองถ่ายทำสารคดีเข้ามาถ่ายทำสารคดีในหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว ที่กลุ่มนายทุนกะเหรี่ยงคอยาวเรียกเก็บจากกองถ่ายทำสารคดีครั้งละประมาณ 20,000 - 30,000 บาท
สำหรับเงินที่กะเหรี่ยงคอยาวได้รับประมาณ 5-10% เท่านั้น จะเห็นได้ว่า กลุ่มนายทุนกะเหรี่ยงคอยาวดังกล่าว มีฐานะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดซื้อรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อในราคาเงินสด มีเงินฝากธนาคารนับสิบล้านบาท ซึ่งการย้ายหมู่บ้านดังกล่าวทำให้กลุ่มนายทุนกะเหรี่ยงคอยาว พยายามให้ชาวบ้านในหมู่บ้านในสอย และบ้านห้วยเสือเฒ่าออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการย้าย เพราะเสียผลประโยชน์อย่างมาก