xs
xsm
sm
md
lg

ยกฟ้อง‘เซเว่นฯ’โชว์บุหรี่ไม่ผิดศาลไม่เชื่อเป็นการโฆษณาจูงใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง ร้านสะดวกซื้อเซเว่นฯ โชว์บุหรี่ ศาลชี้แม้ตำแหน่งจัดวางจะทำให้คนมองเห็นได้ง่าย แต่จำเลยไม่มีเจตนาโฆษณา อธิบดีกรมควบคุมโรคเชื่อผู้ประกอบการจะไม่นำบุหรี่มาตั้งขายเหมือนในอดีตเพราะขอให้ทำเพื่อเยาวชน ด้านเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ 264 องค์กร รวมตัวไว้อาลัยคำวินิจฉัยกฤษฎีกาปล่อยผีโฆษณาเหล้า-เบียร์ จี้ให้พิจารณา พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ ครม.ส่งไปให้โดยด่วน เพื่อนำเข้า สนช. ระบุ 4 ม.ค.ปีหน้าตบเท้าเข้ายื่นหนังสือ รมต.สำนักนายกฯ ดันใช้ประกาศกรมประชาสัมพันธ์ห้ามโฆษณา 24 ชั่วโมงแทน

วานนี้( 29 ธ.ค. ) ที่ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.กัลยา คงชู และ น.ส.เปรมฤดี สินสวัสดิ์ ซึ่งเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” สาขาห้างสรรพสินค้าน้อมจิตต์ ย่านบางกะปิ ร่วมกันเป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันกระทำผิด พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2535 มาตรา 3,8,19

โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 2 มี.ค.49 สรุปว่า เมื่อวันที่ 12 ต.ค.48 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสอง ซึ่งเป็นพนักงานขายประจำร้านเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาน้อมจิตต์ ได้ร่วมกันโฆษณาผลิตภัณฑ์ยาสูบ ชนิดต่างๆ โดยตั้งวางเรียงสินค้าภายในร้านไว้ให้ เห็นสะดุดตาเป็นพิเศษ ในตำแหน่งที่ลูกค้าเดินเข้ามาแล้วสามารถมองเห็นได้ง่าย ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ทางการค้า อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง สอง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2535 มาตรา 3,8,19 โดยจำเลยปฏิเสธ

โจทก์มีพยานผู้เชี่ยวชาญการโฆษณา เบิกความว่าการวางสินค้าในตำแหน่งระดับสายตา เป็นการกระตุ้นให้ผู้บริโภคสนใจในสินค้า มองเห็นสินค้าได้ง่าย แม้ว่าผู้บริโภคบางรายอาจจะไม่ต้องการเข้าไปในร้านเพื่อซื้อยาสูบ แต่เมื่อเห็นการจัดวางที่ สะดุดตาทำให้ตัดสินใจซื้อได้

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายหักล้างกันแล้ว เห็นว่า คำเบิกความดัง กล่าวเป็นเพียงความเห็นตามหลักการโฆษณาเท่านั้น แม้ว่าจำเลยทั้งสองได้จัดวางยาสูบไว้ตรงตำแหน่งที่มองเห็นได้ง่าย ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยจะมีเจตนาในการ โฆษณายาสูบเพื่อประสงค์แห่งการค้าแต่อย่างใด จำเลยทั้งสอง จึงไม่มีความผิดตามฟ้องโจทก์ พิพากษายกฟ้อง

ด้าน นพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายนิติกรของกระทรวงสาธารณสุขได้มีการประชุมนอกรอบถึงกรณีดังกล่าวแล้ว และต่อไปจะนำเข้าที่ประชุมอนุกฎหมายคณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ ถึงแนวทางการดำเนินการเรื่องดังกล่าวต่อไป รวมถึงในกรณีที่หากทางเซเว่นฯ จะฟ้องกลับด้วย โดยการยื่นฟ้องดังกล่าวเป็นการฟ้องพนักงานเซเว่นฯ 2 คนที่จับได้คาหนังคาเขา แต่ไม่ได้ฟ้องเซเว่นฯ ก็มีการพูดคุยกันว่าต่อไปหากจะมีการฟ้องร้อง ต้องฟ้องบริษัทด้วยหรือไม่ เพราะประโยชน์ทางการค้านั้นตกเป็นของบริษัท

อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าแม้ศาลจะมีคำพิพากษาว่าการตั้งแสดงสินค้าบุหรี่ ในร้านค้าไม่มีความผิด ทางเซเว่นฯ และร้านค้าต่างๆ คงไม่นำบุหรี่กลับมาตั้งจำหน่ายเหมือนในอดีตที่ผ่านมา เพราะในระหว่างที่มีการฟ้องร้องและตลอดเวลาที่ผ่านมาได้พูดคุยแล้วว่า ไม่ว่าคำพิพากษาจะออกมาในรูปใด ก็ขอให้ทุกคนช่วยกันทำเพื่อเยาวชนไทย อย่าพยายามหาทางเลี่ยงที่จะไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งทางฝ่ายผู้ประกอบการก็เข้าใจเป็นอย่างดี เพราะการห้ามแสดงบุหรี่ที่จุดขายไม่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าเดิมอย่างแน่นอน คนที่เคยซื้อจะรู้ว่าเขาสามารถซื้อบุหรี่ได้ที่ไหน แต่ที่ต้องห้ามก็เพื่อปกป้องเยาวชนไทย

วันเดียวกันบริเวณหน้าสำนักงานกฤษฎีกา ถนนพระอาทิตย์ เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ 264 องค์กร ได้แสดงความไว้อาลัยต่อผลการวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่วินิจฉัยคำสั่งของคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยยืนยันตามคำวินิจฉัยเดิมว่าคำสั่งของ อย. ไม่มีอำนาจในการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้คำสั่งดังกล่าวไม่มีผลบังคบใช้ทางกฎหมาย พร้อมทั้งแสดงละครสั้นเสียดสีการทำงานของคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย

นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ทางกลุ่มเครือข่ายฯ รู้สึกเศร้าใจ แต่ก็เคารพในคำวินิจฉัยทุกประการ และขอไว้อาลัยกับผลการวินิจฉัยในครั้งนี้ และขอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งพิจารณาเนื้อหาร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้ส่งไปแล้วเป็นการด่วน เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว เพราะในแต่ละวันเกิดความสูญเสียโดยรวมจากน้ำเมาไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท และที่สำคัญคือสังคมไทยเรามีนักดื่มหน้าใหม่ถึงวันละ 700 คน

นายคำรณ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 4 ม.ค.2550 เวลา 10.00 น. จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้รัฐบาลสนับสนุนการขยายเวลาประกาศของกรมประชาสัมพันธ์เพื่อให้ควบคุมการโฆษณาตลอด 24 ชั่วโมง โดยให้อาศัยอำนาจของกรมประชาสัมพันธ์ ขยายเวลาการห้ามโฆษณาเหล้า เบียร์ ทางวิทยุ โทรทัศน์ ตลอด 24 ชั่วโมง จากเดิมที่เปิดโอกาสให้โฆษณาได้ในเวลา 22.00-05.00 น. เท่านั้น รวมทั้งตนจะหารือกับเครือข่ายว่าจะดำเนินการเรียกร้องเรื่องดังกล่าวอย่างไรก็ต่อไปด้วย ซึ่งอาจจะมีการฟ้องร้องต่อศาลปกครองกรณีการตีความคำสั่ง อย.ของคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย

นายประเวศ อรรถศุภผล ผอ.ฝ่ายกฎหมายสาธารณสุข คณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า เรื่องการขยายอำนาจของกรมประชาสัมพันธ์ให้ออกประกาศห้ามโฆษณาตลอด 24 ชั่วโมงนั้น ขึ้นอยู่กับกรมประชาสัมพันธ์ว่าจะส่งเรื่องมายังคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ตีความหรือไม่ ซึ่งหากมั่นใจก็สามารถทำได้เลย ไม่จำเป็นต้องปรึกษากฤษฎีกาอีก อย่างไรก็ตามกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันก็เป็นการบังคับใช้แบบมีเงื่อนไข และยังไม่มีกฎหมายฉบับใดที่ระบุชัดเจนว่าห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด

นายประเวศ กล่าวต่อว่า เหตุผลที่คณะกรรมการฯ ต้องยืนยันตามมติเดิมมีรายละเอียดมากคงต้องรอหนังสืออย่างเป็นทางการ ส่วนคำอธิบายต่อสังคมคงบอกได้เพียงว่า กฎหมายไม่ได้ออกแบบให้ห้ามโฆษณาโดยเด็ดขาดเพราะเป็นกฎหมายเก่าที่บังคับใช้ตั้งแต่ปี 2522 โดยระบุว่า ให้โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้แบบมีเงื่อนไขต่างๆ เช่น ระยะเวลา สถานที่ ไม่ให้มีข้อความเชิญชวน หรือยั่วยุ แต่ไม่ได้ห้ามโฆษณาโดยเด็ดขาด จึงไม่สามารถออกประกาศฉบับดังกล่าวได้

“สำหรับร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. ๊ ขณะนี้เรื่องส่งมาถึงกฤษฎีกาแล้ว แต่กฤษฎีการยังไม่สามารถพิจารณาได้ทันทีเพราะยังมีกฎหมายฉบับอื่นที่ค้างอยู่ ส่วนระยะเวลาการพิจารณาจะดำเนินการได้เร็วหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง หากไม่มีข้อโต้แย้งระหว่างหน่วยงานต่างๆ ก็สามารถส่งเรื่องไปยังสภานิติบัญญัติได้ทันที แต่หากตกลงกันไม่ได้ก็จะต้องใช้เวลานานกว่าเดิม” นายประเวศ กล่าว

นพ.มงคล ณ สงขลา รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า หากคณะกรรมการกฤษฎีกายืนยันตามกฤษฎีกาชุดที่ 10 แสดงว่าประกาศ อย.ไม่มีผลบังคับใช้ สธ.ก็ต้องปฏิบัติตามนั้น ส่วนที่จะดำเนินการต่อไป คือ การพยายามที่จะให้ร่างพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีผลบังคับใช้ต่อไป นอกจากนี้ สธ.กำลังเตรียมหารือกรมประชาสัมพันธ์ให้ใช้อำนาจการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอด 24 ชั่วโมงในสื่อวิทยุและโทรทัศน์ แต่สื่อสิ่งพิมพ์ไม่สามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม กรมประชาสัมพันธ์จะเห็นชอบด้วยหรือไม่ยังไม่ทราบ

ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือที่เป็นลายลักษณ์อักษรของคณะกรรมการกฤษฎีกาแต่อย่างใด แต่แนวทางที่ดีที่สุดตอนนี้นอกจากการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คงต้องรอวันที่ 9 มกราคมนี้ ว่าผลการพิจารณาของ ครม.จะเห็นชอบให้กรมประชาสัมพันธ์ออกประกาศคุมโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอด 24 ชั่วโมงหรือไม่ หาก ครม.เห็นชอบเมื่อไหร่กรมประชาสัมพันธ์ก็ต้องประกาศใช้ทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น