xs
xsm
sm
md
lg

ปีใหม่ ก้าวใหม่ สะสมชัย สามัคคีกัน จัดตั้งกันขึ้น!

เผยแพร่:   โดย: อมร อมรรัตนานนท์

นับจากวันนี้อีกเพียงสองวัน ก็จะเข้าสู่ศักราชใหม่ของประชาชน

ท่ามกลางวิกฤตทางการเมือง วิกฤตทางเศรษฐกิจของทางสากล

นับเป็นวิกฤตครั้งนี้ นับได้ว่าร้ายแรงยิ่ง

นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา วิกฤตนี้ได้ดำเนินไปท่ามกลางปัจจัยหลักทางสากล ที่ระบบทุนนิยมโลกได้เติบโตและพัฒนาถึงขีดสุด มีผลทำให้เกิดกลุ่มทุนไร้สัญชาติ ครอบงำผูกขาดการพัฒนาเศรษฐกิจ การเมืองของในนานาประเทศ สภาพดังกล่าว อาจเรียกได้ว่า โลกทั้งโลกตกอยู่ใต้อำนาจของจักรวรรดินิยมใหม่ที่แปลงรูปเปลี่ยนร่าง จากการไล่ยึด และเข้ามาครอบครองด้วยกองกำลังอาวุธ เป็นการเข้ามายึดและผูกขาดด้วยอำนาจแห่งพระเจ้าเงินตรา

หลายครั้งที่มหาอำนาจแห่งพระเจ้าเงินตรา เร่งทำกำไร สะสมทุนขนาดใหญ่ พวกเขาไม่สนใจว่า เศรษฐกิจในหลายประเทศจะเกิดวิกฤตเลวร้ายเพียงใด

ขอเพียงเพื่อกำไร และทำให้เงินในมือของพวกเขางอกได้

ในโลกทุนนิยม การเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินในหลายครั้ง จึงเป็นปรากฏการณ์ธรรมดาๆ อันเนื่องมาจากการโจมตีเก็งกำไรของเหล่ากองทุนการเงิน เก็งกำไรข้ามชาติ ของจักรพรรดินิยมใหม่

วิกฤตการการเงินได้เร่งให้วิกฤตภาคการผลิต และวิกฤตด้านต่างๆ ที่มีมาแต่เดิม และแฝงเร้นอยู่ภายในของระบบทุนนิยมโลกปะทุและขยายตัว โดยมีแนวโน้มขยายตัวไปในขอบเขตทั่วโลก ในอัตตาเร่งที่เร็วขึ้น และก่อผลกระทบที่ลึกซึ้งทั่วด้านถึงขั้นยากที่จะเยียวยา

กล่าวสำหรับประเทศไทย หลังจากที่เราต้องเผชิญวิกฤตที่เลวร้ายของระบอบทักษิณ ซึ่งเป็นนายหน้าตัวแทนของทุนนิยมครอบโลก ได้แปรเปลี่ยนประเทศไทยอันเป็นที่รักของเราทุกคน ให้ตกอยู่ในสภาพอาณานิคมใหม่ของจักรวรรดินิยม

ชนชั้นปกครองที่ปฏิกิริยาไทย ภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตยเสรีนิยม ที่เผยให้เห็นธาตุแท้ของความเป็นนักธุรกิจการเมือง ที่เป็นตัวแทนของนายทุนนายหน้าที่มุ่งจ้องกินบ้านกินเมือง นำพาประเทศชาติให้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลนายทุนผูกขาดไร้สัญชาติ ซึ่งเป็นรูปแบบที่พัฒนาขึ้นใหม่ของจักรวรรดินิยม


กลับแสดงท่าทีการแก้ปัญหาแบบสิ้นคิด ยอมจำนน คำนึงผลประโยชน์ส่วนตน และพวกพ้อง ปล่อยให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศต้องเผชิญกับวิกฤตไปตามยถากรรม

อีกทั้งยังพยายามนำพาประเทศชาติเข้าไปอยู่ใต้แอกคานของอาณานิคมแบบใหม่ของเหล่าจักรวรรดินิยมทั้งหลาย ที่มีจักรวรรดินิยมอเมริกาเป็นหัวโจก ผ่านกลไกสงครามเศรษฐกิจ เช่น IMF ธนาคารโลก WTO และอื่นๆ

ส่วนของขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตยไทย ที่ได้ตื่นตัว และลุกขึ้นมาต่อสู้อย่างเอาการเอางาน

ได้เปิดโปง ต่อต้าน สภาพดังกล่าว ให้ประชาชนทั่วไปได้เห็นถึงพิษภัยร้ายของระบอบทุนนิยมที่สามานย์

จนเป็นปัจจัยหลัก ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลง ขับไล่ และเกิดกระบวนการรื้อล้างระบอบทักษิณ

ถึงวันนี้ การเปลี่ยนแปลงผ่านมาแล้ว กว่าสามเดือน

ความคืบหน้า การสร้างสังคมใหม่ การทำลายสังคมเก่า ยังไม่ปรากฏผลเป็นที่น่าพอใจ

ขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตยไทย ควรมีท่าทีอย่างไร

เป็นปมปัญหาที่เราควรศึกษา อภิปราย ค้นคว้าหาสาเหตุปัจจัย หลักการ เหตุผล และสรุปบทเรียนกันอย่างจริงจัง ทั้งทางลึก และทางกว้าง

แน่นอน การเปลี่ยนแปลงใดที่เป็นคุณต่อผลประโยชน์ของประชาชน

เราต้องเข้าร่วมและสนับสนุน


แต่ทั้งนี้ พึงสังวร ไว้ว่า มีแต่อำนาจและขบวนการของผู้รักชาติรักประชาธิปไตยไทยเท่านั้น ที่เป็นที่พึ่งหวังและจริงใจต่อประชาชน

เราต้องไม่คาดหวัง และมอบภารกิจทางประวัติศาสตร์ให้กับชนชั้นนำ

แต่เราต้องสันทัดในการสร้างปฏิสัมพันธ์ ที่มีระยะห่างให้เหมาะสม

กุมเข็มมุ่ง ได้ประโยชน์ รู้ประมาณ สะสมกำลัง สร้างโอกาสสู่ชัยชนะที่ละขั้น ที่ละขั้น

วันนี้ ภายใต้วิกฤตที่สลับซับซ้อน ชนชั้นนำแตกแยกกันอย่างรุนแรง

การต่อสู้ช่วงชิงกันภายใน มีปรากฏการณ์ที่เห็นกันอยู่เนื่องๆ

ปมปัญหา เป็นปัจจัยที่เราต้อง รู้เท่าทัน กุมข้อมูล และวิเคราะห์ หาธาตุแท้บนพื้นฐานของการวิเคราะห์โดยคำนึงถึงที่มาและการดำรงอยู่ทางเศรษฐกิจของชนชั้นนั้นๆ

ทำไม ต้องสนใจและเข้าใจฐานะทางชนชั้น ของกลุ่มชนชั้นนำ

เป็นคำถาม ที่ต้องอภิปรายให้ชัดเจน

“เขา รู้เรา รู้จักมิตร รู้จักศัตรู ร้อยศึกก็บ่พ่าย”

เป็นกลยุทธ์ทางยุทธศาสตร์การทหาร ที่ทุกฝ่ายต้องเรียนรู้

เมื่อเราเข้าใจ และจัดกลุ่มของชนชั้นนำ เราก็สามารถกุม และแยกแยะคู่ความขัดแย้งได้

ความขัดแย้งคู่ไหน เป็นความขัดแย้งหลัก

ความขัดแย้งไหน เป็นความขัดแย้งรอง

แต่พึงสนใจไว้ว่า ความขัดแย้งหลักอาจแปรเปลี่ยนเป็นความขัดแย้งรองได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่ กับปัจจัยภายใน และภายนอก ซึ่งพัฒนาเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่งตลอดเวลา

วันหนึ่งเราอาจเห็น พวกเขาอาจสามัคคีกัน พุ่งเป้าถล่มใส่ ศัตรูร่วมได้ หรือเราอาจเห็นพวกเขาร่วมกันเสพเสวยสุข แบ่งปันผลโยชน์กันอย่างลงตัว


ปรากฏการณ์ต่างๆ เหล่านี้ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เราต้องสนใจเกาะติดข้อมูลอย่างต่อเนื่อง

กล่าวถึงด้าน

ขบวนการรักชาติ รักประชาธิปไตย หากพิจารณาโดยรวมให้ดีแล้ว จะเห็นว่าด้านหนึ่งขบวนการดูคึกคักเติบโต ขยายตัวค่อนข้างกว้างขวาง แต่มองอีกด้านหนึ่งกลับยังมีสภาพที่ตกอยู่ในภาวะ แตกแยก อ่อนแอ สับสน ท้อแท้ ถดถอย เหนื่อยล้า ไร้เอกภาพ ไร้ความเข้มแข็ง มีทัศนะโน้มเอียงปฏิเสธการจัดตั้ง จมปลักกับความเจ็บปวด และมีอาการหวาดผวา ขาดสติปฏิเสธ การสรุป เก็บรับบทเรียน และละทิ้งปรัชญาวิธีคิด ลัทธิมาร์กซ์ ลัทธิเลนิน นำมาวิเคราะห์สภาพความเป็นจริงของสังคมไทย เพื่อกำหนด ทิศทาง แนวทาง นโยบาย เข็มมุ่ง ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีให้สอดคล้อง และปฏิบัติได้อย่างเป็นจริง

มิตรสหายบางส่วน มีความโน้มเอียง ถือเอา ลัทธิมาร์กซ์ ลัทธิเลนิน เป็นคัมภีร์นำมาปฏิบัติ อย่างตายด้าน โดยขาดความสันทัดในการประสานทฤษฎีกับความเป็นจริงของสังคมไทย


บางส่วนก็เพ้อฝัน พยามค้นหา เสนอทฤษฏี ใหม่ๆ ซึ่งมีรากฐานความคิดอภิปรัชญาเป็นปัจเจกนิยม พยายามนำเสนอสิ่งที่เรียกว่า นวัตกรรมใหม่ บ้างก็เรียกว่า การปฏิวัติรูปแบบใหม่ แท้จริงแล้ว มันคือ หญ้าพิษ ที่บอนไซการเติบใหญ่ และส่งผลโดยอ้อมทำให้ขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตย มึนชา และพังทลายไปในที่สุด

สำหรับประชาชน เราเห็นว่า ในวาระปีใหม่นี้ ควรเป็นปีที่ขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตย จะต้องสนใจค้นคว้า ศึกษา สรุปบทเรียน แสวงหาสัจจะจากโลกของความจริง

เพื่อยืนหยัด จัดตั้งกันขึ้นมา ร้อยเรียงเป็นองค์กรที่มีความหลากหลาย มีลักษณะทั้งแนวราบ และแนวดิ่ง ทั้งนี้ให้คำนึงถึงทิศทาง นโยบาย เป้าหมาย ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี และภารกิจเป็นสำคัญ


ความศรัทธาและความเชื่อถือ เป็นภาระที่ต้องอาศัยการพิสูจน์

ในด้านรูปแบบต้องสร้างสรรค์

ในทางด้านนโยบายต้องชัดเจน ยืนอยู่บนผลประโยชน์ของมหาประชาชน ที่มีประสิทธิผล และประสิทธิภาพ นี่คือสิ่งที่ขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตยต้องเอาชนะอิทธิพลทุนนิยมให้ได้ และแน่นอนนี่เป็นระยะผ่านของการเคลื่อนไหว เป็นระยะตระเตรียม และสะสมกำลังของขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตย ภายใต้บรรยากาศการต่อสู้อย่างสันติ


ประชาชนเราไม่อาจจะเพ้อฝันกับการเมืองของอิทธิพลทุนนิยม ไม่อาจจะฝากความหวังกับเสรีประชาธิปไตย ปัญหาของประเทศไม่อาจจะแก้ได้ด้วยการปฏิรูป

นี่เป็นสิ่งที่เราควรจะพยายามชี้ให้ประชาชนเข้าใจต่อไป นี่เป็นเนื้อหาของการโฆษณาที่ไม่อาจจะละทิ้งได้ แต่ว่าในทางปฏิบัติอีกหลายด้าน ขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตย จำเป็นต้องใช้สิ่งที่อิทธิทุนนิยมหยิบยื่นมาให้ เป็นประโยชน์ต่อการ รักษา และพัฒนากำลังของตน ใช้สิ่งที่ทุนนิยมสร้างขึ้นเป็นประโยชน์ต่อการปฏิวัติประชาธิปไตย


ปัญหาของการที่ ขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตย จะสามารถใช้สิ่งที่เป็นผลสะเทือน จากอิทธิพลทุนนิยมให้เป็นประโยชน์ได้อย่างไร นี่เป็นปมเงื่อนสำคัญที่ต้องคลี่คลายให้ได้ จะคลายปมเงื่อนนี้ได้หรือไม่ ขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตย ต้องกำหนดท่าทีที่ถูกต้องเกี่ยวกับลัทธิรัฐสภา ลัทธิสหกรณ์และสหภาพแรงงาน ลัทธิพัฒนานิยม

จะเข้าร่วมรัฐสภาหรือไม่? จะเข้าร่วมสหกรณ์หรือไม่? จะสร้างสหภาพแรงงานให้เข้มแข็งหรือไม่? จะพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนภายใต้อำนาจรัฐที่มิใช่ของประชาชนอย่างแท้จริงหรือไม่? เมื่อกล่าวถึงสิ่งเหล่านี้ในทางทฤษฎี (ในทางหลักการ) ดูเหมือนจะไม่มีใครจะปฏิเสธว่าควรจะเข้าร่วม ควรจะทำ

แต่ในทางปฏิบัตินั้นยังไม่สอดคล้องกับการยอมรับในทางทฤษฏี (ในทางหลักการ) นัก

ไม่ใช่เข้าร่วมรัฐสภา สหกรณ์และสหภาพแรงงาน และการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ภายใต้อำนาจรัฐที่ไม่ใช่ของประชาชนเท่านั้น แต่ต้องสันทัดในการเข้าร่วม อย่างไรจึงจะเรียกว่าสันทัดในการเข้าร่วมนี้ เพราะมีแต่ปฏิบัติเช่นนี้ เท่านั้น ขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตย? จึงจะสามารถรักษาความสัมพันธ์กับประชาชนอย่างแน่นแฟ้นได้?จึงจะไม่ห่างเหินมวลชน? จึงจะสามารถนำพามวลชนไปค่อยๆ?เรียนรู้ ความล้มเหลวของลัทธิรัฐสภา? ลัทธิสหกรณ์ และสหภาพแรงงาน? และลัทธิพัฒนานิยมได้อย่างแท้จริง?

ใช้ลัทธิปฏิรูปเพื่อปรับใช้การเปลี่ยนแปลง นี่คือคำสรุปสำหรับการต่อสู้ ของขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตย ในสถานการณ์ปัจจุบัน ขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตย จะต้องสันทัดและ เรียนรู้ในการรักษา และพัฒนากำลังในภาวะกระแสปฏิรูป ภายใต้คำขวัญชูลัทธิรัฐสภา ชูลัทธิสหกรณ์และสหภาพแรงงาน ชูลัทธิพัฒนานิยม

แต่ว่าขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตย จะต้องตระหนักว่า นี่เป็นการต่อสู้ในระยะผ่านที่แน่นอน เป็นการต่อสู้ในภาวะที่กำลังของขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตยยังไม่เข้มแข็งเพียงพอ และเป็นการต่อสู้ในเงื่อนไขกระแสต่ำทางการเมือง หาก มิใช่ว่าขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตยจะยึดกุมไปปฏิบัติตลอดไป ตรงกันข้ามเมื่อสถานการณ์สุกงอม เมื่อกระแสสูงทางการเมืองหวนกลับมาอีกครั้งและโดยเฉพาะเมื่อขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตย มีกำลังเข้มแข็งเพียงพอที่จะเอาขนะฝ่ายปฏิกิริยาได้ ก็ไม่อาจยึดกุมการต่อสู้เช่นนี้อีกต่อไป

เมื่อสภาพการณ์เปลี่ยนไปเช่นนั้นแล้ว ขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตย ยังไม่เปลี่ยนแปลงการต่อสู้ของตน ก็จะเป็นการผิดอย่างมหันต์ เช่นเดียวกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน ถ้าหากขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตย ไม่แปรการต่อสู้ของตนเสียใหม่ก็เป็นการผิดพลาด


ลักษณะที่เรียกว่าสันทัด ในการเข้าร่วมลัทธิรัฐสภา ลัทธิสหกรณ์และสหภาพแรงงาน และลัทธิพัฒนานิยมอีกประการหนึ่งก็คือ ไม่ใช่ถูกสลายกำลัง หากจะต้องใช้มันมาขยายกำลังขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตย จะต้องสันทัดในการใช้ลัทธิเหล่านี้มาสามัคคีกำลังของประชาชนในวงการต่างๆ พึงตระหนักว่าประชาชนไม่ยอมหยุดนิ่งประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง ต้องการการปฏิวัติ

เพียงแต่ว่าในเวลาหนึ่งประชาชน ยอมรับการใช้วิถีทางการเปลี่ยนแปลงแบบหนึ่ง ในเมื่อสภาพการณ์ยังไม่ได้บอกประชาชนเข้าใจว่าต้องใช้การเปลี่ยนแปลงตามวิถีทางปฏิวัติ ประชาชนยังต้องการปฏิรูปก็มิได้หมายความว่าประชาชนไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลงแล้ว ในเวลาเช่นนี้ (ในเวลาที่ประชาชนยังต้องการเพียงการปฏิรูป) ก็ต้องใช้ลัทธิปฏิรูปไปเคลื่อนไหว ไประดมประชาชน

ขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตยเมื่อใช้ลัทธิรัฐสภา ลัทธิสหกรณ์และสหภาพแรงงาน และลัทธิพัฒนานิยม หากไม่สามารถนำมันไประดมมวลชน ไปสามัคคีประชาชนวงการต่างๆ แต่กลับถูกมันมึนชา บั่นทอนกำลังสู้รบและทำลายจิตใจรับใช้ประชาชน ก็เป็นอันตรายเช่นกัน เพราะฉะนั้นขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตย จะ
ต้องศึกษาให้เข้าใจอย่างถูกต้องต่อสิ่งเหล่านี้อย่างจริงจังและไม่ประมาทเป็นอันขาด


จึงเห็นควรที่ขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตยจะได้มีโอกาส หันกลับมาทบทวนและพิจารณาอย่างจริงจังอีกครั้ง พร้อมกันนี้มิตรสหายจักต้องร่วมใจกันค้นคว้า คันหาและทำความเข้าใจสภาพการณ์การเคลื่อนไหวต่อสู้อย่างเป็นจริง สรุปบทเรียนและยกระดับการต่อสู้ ให้สอดคล้องกับความเป็นจริงของสังคมไทยอย่างเป็นรูปธรรม

ภายใต้ช่วงสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นสถานการณ์ใหม่ที่ปัญหาต่างๆ ของสังคมไทยกำลังปะทุและทวีความรุนแรง ท่ามกลางความแตกต่าง ความหลากหลาย ในขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตย มิตรสหายจักต้องค้นคว้า และลงมือปฎิบัติการที่เป็นจริง ฝ่าแนวปิดล้อมของทุนนิยมที่พยามพัฒนารูปแบบเพื่อผ่อนคลายการเปลี่ยนแปลงต่อปัญหาภายในขบวน มิตรสหายต้องวิพากษ์ ลัทธิป้อมค่าย ลัทธิคัมภีร์ ลัทธิยุบเลิก สร้างความเป็นเอกภาพบนทิศทางใหญ่ ภายใต้ร่มธงของขบวนการรักชาติรักประชาธิปไตยอย่างจริงจัง

ปีใหม่ ก้าวใหม่ สะสมชัย สามัคคีกัน จัดตั้งกันขึ้น!

“ชัยชนะจักต้องเป็นของประชาชน”

กำลังโหลดความคิดเห็น