“สุรนันทน์” จี้ตรวจสอบที่ดิน “สุรยุทธ์”เขายายเที่ยง โคราช ได้มาอย่างไร มีเอกสารสิทธิหรือไม่ ระบุการตรวจสอบต้องเท่าเทียบและเป็นธรรมเหมือนกระทำกับ “ทักษิณ” อย่าเก็บเงียบ ชี้ครอบครองที่ดิน โดยไม่มีเอกสารสิทธิถือว่าผิด แต่การครอบครองที่ดินในประเทศไทยมีหลายแบบ จึงต้องตรวจสอบ พร้อมเรียกร้องอนุญาตให้ “ทักษิณ” กลับมาแก้ข้อกล่าวหา ด้าน กลุ่มคนวันเสาร์ ยื่น ป.ป.ช. สอบที่ดินเขายายเที่ยงนายกฯ ขณะที่ “สุรยุทธ์” ปลง เป็นคนสาธารณะพร้อมให้ตรวจสอบ
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงการตรวจสอบโบกี้รถไฟที่บ้านพัก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท ที่เขายายเที่ยง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมาว่า วันนี้การตรวจสอบผู้บริหารประเทศทั้งอดีตและปัจจุบันควรเป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งควรที่จะโปร่งใสและให้โอกาสในการชี้แจง เช่น กรณีของพ.ต.ท. ทักษิณ จะต้องให้โอกาสชี้แจงข้อเท็จจริง หรือกรณีของ พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ต้องให้โอกาสขี้แจง ไม่ควรที่จะมีข้อสรุปทันที ส่วนเรื่องการตรวจสอบนั้นควรมีความต่อเนื่อง เมื่อค้นพบก็ต้องติดตามต่อไม่ใช่สุดท้ายก็หายไป ต้องเอาข้อเท็จจริง หลักฐาน เอกสารเป็นตัวตั้ง ดูว่าเป็นโบกี้รถไฟจริงหรือไม่ ได้มาอย่างไร การซื้อที่ดินมีโฉนดหรือไม่ เอกสารสิทธิ์มีหรือไม่ มาได้อย่างไร จะลำเอียงให้กับคนหนึ่งคนใดไม่ได้ ต้องใช้หลักนิติธรรมเดียวกัน
ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือของนายกรัฐมนตรีและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)หรือไม่ นายสุรนันทน์ กล่าวว่า วันที่ 29 ธ.ค.ก็จะครบร้อยวัน คมช. แต่ไม่สามารถทำให้คนเชื่อถือในการดำเนินงานได้เลย คมช.และรัฐบาลต้องยอมรับว่าเข้ามาตรงนี้ด้วยวิธีพิเศษ ยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญ ทำให้ความเชื่อถือเชื่อมั่นลดลง แม้จะมีเหตุผลอย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเชื่อว่า พล.อ. สนธิ บุญรัตกลิน ประธานคมช. และพล.อ. สุรยุทธ์ มีความตั้งใจดี แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ต้องดูการทำงานด้วย การตัดสินใจใช้มาตรการทางเศรษฐกิจที่ผิดพลาดเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมายิ่งทำให้ความน่าเชื่อถือลดลงจนแทบไม่เหลือ
“วันนี้มีการเปิดเผยเรื่องส่วนตัวมากขึ้นถ้าชี้แจงไม่ได้ แล้วปีใหม่จะเหลืออะไร ต้องรีบชี้แจงและสร้างความกระจ่าง เพราะเชื่อว่าจะมีมาอีกเยอะ เพราะรัฐบาลก็ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จึงต้องถูกตรวจสอบมากกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เรื่องที่รัฐบาลพยายามทำก็ต้องทำให้ได้ แต่เรื่องส่วนตัวอย่าว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ควรรีบด่วนสรุปอะไร”
นายสุรนันทน์ กล่าวว่า การที่ พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่มีเอกสารสิทธิ แต่กลับครอบครองที่ดินถือว่าผิดอยู่แล้ว แต่การครอบครองที่ดินในประเทศไทยมีหลายแบบ ก็ต้องเปิดโอกาสให้ชี้แจงก่อน ผู้บริหารประเทศต้องโปร่งใส การทำรัฐประหารแล้วระบุว่ารัฐบาลชุดเดิมไม่โปร่งใสนั้น รัฐบาลชุดต่อมาก็ต้องพร้อมเปิดทุกอย่างด้วย
ส่วนกรณีที่คตส.เรียกให้นายพานทองแท้ และน.ส. พิณทองทา ชินวัตร บุตรและบุตรีของพ.ต.ท.ทักษิณมาชี้แจงกรณีขายหุ้นชินคอร์ปฯนั้น นายสุรนันทน์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าสิ่งที่ดำเนินการอยู่ต้องทำ เพราะเมื่อมีข้อกล่าวหาต้องทำให้สุด แต่จะต้องโปร่งใสและเปิดเผย คตส.แม้จะมีอำนาจพิเศษก็ต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ให้เร็วที่สุด อำนาจพิเศษมีให้ในการตั้งเรื่อง แต่จะต้องเข้าสูกระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาได้
“การเมืองถ้าทำผิดก็ต้องรับผิดชอบไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้านักการเมืองเข้ามาแล้ว ทำผิด ผ่านกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใสและพบว่าผิด ก็ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าไม่ผิด ผู้ที่ถูกฟ้องก็มีสิทธิที่จะดำเนินการกลับทางกฎหมายอยู่แล้ว แต่ถ้ามีธงอยู่แล้วว่าต้องจัดการกับคนนั้นคนนี้ถือว่าไม่ยุติธรรม ต้องเอาข้อเท็จจริงเป็นตัวตั้งและให้โอกาส”
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับความยุติธรรมเพียงพอแล้วหรือยัง นายสุรนันทน์ กล่าวว่า อดีตนายกรัฐมนตรีน่าจะได้รับการอนุญาตให้กลับประเทศไทยได้ รัฐบาลและคมช.ก็ต้องหารือกับพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้ทราบชัดเจนว่า ถูกกล่าวหาอะไรบ้าง หากมองว่าขาดอะไร ก็คือขาดโอกาสชี้แจงข้อกล่าวหา และในอนาคตหากมีการตั้งข้อกล่าวหาก็ควรที่จะให้กลับมาสู้ตามกระบวนการยุติธรรม แต่หากปล่อยไว้นานโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบถือว่าไม่เป็นธรรม
ส่วนที่มองว่านายพานทองแท้และน.ส.พิณทองทาเป็นเหยื่อทางการเมือง หรือไม่ นายสุรนันทน์ กล่าวว่าต้องให้ความเป็นธรรมและโปร่งใส ต้องไม่มีธงเพื่อทำลายเครดิตคนใดคนหนึ่ง แต่หากเป็นข้อเท็จจริง ถูกต้องตามกระบวนการกฎหมายทุกคนก็น่าจะพร้อมให้ความร่วมมือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (26 ธ.ค.) นายสุดชาย บุญไชย แกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ได้เดินทางไปยัง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเรียกร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบรายละเอียดบ้านพักของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่เขายายเที่ยง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา และการได้มาของที่ดินบนเขายายเที่ยง ตามที่ดินเลขที่ ภ.บ.ท.5 ซึ่งเดิมเป็นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยมีนายสิทธิพงศ์ ปึงวงศานุรักษ์ รักษาการผู้อำนวยการรับเรื่องร้องเรียน ป.ป.ช. เป็นผู้รับเรื่อง
นายสุดชาย กล่าวว่า เรื่องที่ดินบนเขายายเที่ยงนี้ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ซื้อมาจากนายเบ้า ซึ่งไม่ทราบว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ จึงอยากให้ตรวจสอบว่าที่ดินและบ้านหลังดังกล่าว ได้มาโดยสุจริตและถูกต้องหรือไม่
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แกนนำวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการได้ยื่นหนังสือถึง ป.ป.ช.เพื่อให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินเพิ่ม เนื่องจากเกรงว่าอาจแจ้งบัญชีไม่ครบว่า พร้อมจะให้ตรวจสอบอยู่แล้ว เมื่อววันก่อน ได้เรียนแล้ว หากเป็นเรื่องส่วนตัวยินดีจะให้ตรวจสอบ เมื่อถามว่ามองเป็นเกมการเมือง หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนเป็นบุคคลสาธารณะพร้อมที่จะให้ตรวจสอบทุก ๆ เรื่อง ไม่มีปิดบัง
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงการตรวจสอบโบกี้รถไฟที่บ้านพัก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท ที่เขายายเที่ยง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมาว่า วันนี้การตรวจสอบผู้บริหารประเทศทั้งอดีตและปัจจุบันควรเป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งควรที่จะโปร่งใสและให้โอกาสในการชี้แจง เช่น กรณีของพ.ต.ท. ทักษิณ จะต้องให้โอกาสชี้แจงข้อเท็จจริง หรือกรณีของ พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ต้องให้โอกาสขี้แจง ไม่ควรที่จะมีข้อสรุปทันที ส่วนเรื่องการตรวจสอบนั้นควรมีความต่อเนื่อง เมื่อค้นพบก็ต้องติดตามต่อไม่ใช่สุดท้ายก็หายไป ต้องเอาข้อเท็จจริง หลักฐาน เอกสารเป็นตัวตั้ง ดูว่าเป็นโบกี้รถไฟจริงหรือไม่ ได้มาอย่างไร การซื้อที่ดินมีโฉนดหรือไม่ เอกสารสิทธิ์มีหรือไม่ มาได้อย่างไร จะลำเอียงให้กับคนหนึ่งคนใดไม่ได้ ต้องใช้หลักนิติธรรมเดียวกัน
ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือของนายกรัฐมนตรีและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)หรือไม่ นายสุรนันทน์ กล่าวว่า วันที่ 29 ธ.ค.ก็จะครบร้อยวัน คมช. แต่ไม่สามารถทำให้คนเชื่อถือในการดำเนินงานได้เลย คมช.และรัฐบาลต้องยอมรับว่าเข้ามาตรงนี้ด้วยวิธีพิเศษ ยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญ ทำให้ความเชื่อถือเชื่อมั่นลดลง แม้จะมีเหตุผลอย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเชื่อว่า พล.อ. สนธิ บุญรัตกลิน ประธานคมช. และพล.อ. สุรยุทธ์ มีความตั้งใจดี แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ต้องดูการทำงานด้วย การตัดสินใจใช้มาตรการทางเศรษฐกิจที่ผิดพลาดเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมายิ่งทำให้ความน่าเชื่อถือลดลงจนแทบไม่เหลือ
“วันนี้มีการเปิดเผยเรื่องส่วนตัวมากขึ้นถ้าชี้แจงไม่ได้ แล้วปีใหม่จะเหลืออะไร ต้องรีบชี้แจงและสร้างความกระจ่าง เพราะเชื่อว่าจะมีมาอีกเยอะ เพราะรัฐบาลก็ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จึงต้องถูกตรวจสอบมากกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เรื่องที่รัฐบาลพยายามทำก็ต้องทำให้ได้ แต่เรื่องส่วนตัวอย่าว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ควรรีบด่วนสรุปอะไร”
นายสุรนันทน์ กล่าวว่า การที่ พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่มีเอกสารสิทธิ แต่กลับครอบครองที่ดินถือว่าผิดอยู่แล้ว แต่การครอบครองที่ดินในประเทศไทยมีหลายแบบ ก็ต้องเปิดโอกาสให้ชี้แจงก่อน ผู้บริหารประเทศต้องโปร่งใส การทำรัฐประหารแล้วระบุว่ารัฐบาลชุดเดิมไม่โปร่งใสนั้น รัฐบาลชุดต่อมาก็ต้องพร้อมเปิดทุกอย่างด้วย
ส่วนกรณีที่คตส.เรียกให้นายพานทองแท้ และน.ส. พิณทองทา ชินวัตร บุตรและบุตรีของพ.ต.ท.ทักษิณมาชี้แจงกรณีขายหุ้นชินคอร์ปฯนั้น นายสุรนันทน์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าสิ่งที่ดำเนินการอยู่ต้องทำ เพราะเมื่อมีข้อกล่าวหาต้องทำให้สุด แต่จะต้องโปร่งใสและเปิดเผย คตส.แม้จะมีอำนาจพิเศษก็ต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ให้เร็วที่สุด อำนาจพิเศษมีให้ในการตั้งเรื่อง แต่จะต้องเข้าสูกระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาได้
“การเมืองถ้าทำผิดก็ต้องรับผิดชอบไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้านักการเมืองเข้ามาแล้ว ทำผิด ผ่านกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใสและพบว่าผิด ก็ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าไม่ผิด ผู้ที่ถูกฟ้องก็มีสิทธิที่จะดำเนินการกลับทางกฎหมายอยู่แล้ว แต่ถ้ามีธงอยู่แล้วว่าต้องจัดการกับคนนั้นคนนี้ถือว่าไม่ยุติธรรม ต้องเอาข้อเท็จจริงเป็นตัวตั้งและให้โอกาส”
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับความยุติธรรมเพียงพอแล้วหรือยัง นายสุรนันทน์ กล่าวว่า อดีตนายกรัฐมนตรีน่าจะได้รับการอนุญาตให้กลับประเทศไทยได้ รัฐบาลและคมช.ก็ต้องหารือกับพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้ทราบชัดเจนว่า ถูกกล่าวหาอะไรบ้าง หากมองว่าขาดอะไร ก็คือขาดโอกาสชี้แจงข้อกล่าวหา และในอนาคตหากมีการตั้งข้อกล่าวหาก็ควรที่จะให้กลับมาสู้ตามกระบวนการยุติธรรม แต่หากปล่อยไว้นานโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบถือว่าไม่เป็นธรรม
ส่วนที่มองว่านายพานทองแท้และน.ส.พิณทองทาเป็นเหยื่อทางการเมือง หรือไม่ นายสุรนันทน์ กล่าวว่าต้องให้ความเป็นธรรมและโปร่งใส ต้องไม่มีธงเพื่อทำลายเครดิตคนใดคนหนึ่ง แต่หากเป็นข้อเท็จจริง ถูกต้องตามกระบวนการกฎหมายทุกคนก็น่าจะพร้อมให้ความร่วมมือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (26 ธ.ค.) นายสุดชาย บุญไชย แกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ได้เดินทางไปยัง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเรียกร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบรายละเอียดบ้านพักของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่เขายายเที่ยง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา และการได้มาของที่ดินบนเขายายเที่ยง ตามที่ดินเลขที่ ภ.บ.ท.5 ซึ่งเดิมเป็นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยมีนายสิทธิพงศ์ ปึงวงศานุรักษ์ รักษาการผู้อำนวยการรับเรื่องร้องเรียน ป.ป.ช. เป็นผู้รับเรื่อง
นายสุดชาย กล่าวว่า เรื่องที่ดินบนเขายายเที่ยงนี้ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ซื้อมาจากนายเบ้า ซึ่งไม่ทราบว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ จึงอยากให้ตรวจสอบว่าที่ดินและบ้านหลังดังกล่าว ได้มาโดยสุจริตและถูกต้องหรือไม่
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แกนนำวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการได้ยื่นหนังสือถึง ป.ป.ช.เพื่อให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินเพิ่ม เนื่องจากเกรงว่าอาจแจ้งบัญชีไม่ครบว่า พร้อมจะให้ตรวจสอบอยู่แล้ว เมื่อววันก่อน ได้เรียนแล้ว หากเป็นเรื่องส่วนตัวยินดีจะให้ตรวจสอบ เมื่อถามว่ามองเป็นเกมการเมือง หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนเป็นบุคคลสาธารณะพร้อมที่จะให้ตรวจสอบทุก ๆ เรื่อง ไม่มีปิดบัง