นีโอสุกี้เดินเครื่องขยายกำลังผลิตซอสน้ำจิ้มสุกี้ หวังรบตลาดโต เพิ่มช่องทางขายเข้าสู่ธุรกิจค้าส่ง บุกแม็คโคร คาดหวังปีหน้าขยับแชร์เพิ่มเป็น 50 %
นายสกนธ์ กัปปิยจรรยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นีโอ สุกี้ ไทยเรสเทอรองส์ จำกัด ผู้ผลิตซอสน้ำจิ้มสุกี้แบรนด์ "นีโอสุกี้" เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนทำตลาดในเชิงรุกในกลุ่มสินค้าซอสภายใต้แบรนด์"นีโอสุกี้"เพิ่มเติมจากเดิม เพื่อรองรับกับตลาดซอสที่จะมีการเติบโตมากขึ้นในปีหน้า ซึ่งคาดว่าตลาดรวมซอสเครื่องปรุงปีหน้าจะเติบโตขึ้น10-20% เนื่องจากการที่ปัญหาการเมืองที่มีความชัดเจนมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีนี้ อีกทั้งผู้ประกอบการด้านร้านอาหารมีจำนวนเพิ่มอยู่อย่างต่อเนื่อง
โดยแผนการดำเนินงานของบริษัทฯนั้นจะทำการขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้น จากเดิมที่กำลังการผลิตซอสได้ 5 หมื่นขวดต่อเดือน เพิ่มเป็น 1.2 แสนขวดต่อเดือน ซึ่งงบประมาณที่จะใช้ลงทุนในครั้งนี้ประมาณ 3 ล้านบาท ซึ่งการที่เพิ่มกำลังการผลิตบริษัทฯต้องการที่จะขยายไลน์การจัดส่งที่เพิ่มมากขึ้นและทำตลาดอออกสู่วงกว้าง
ทั้งนี้บริษัทฯยังเตรียมที่จะขยายช่องทางการขายเข้าไปในส่วนของธุรกิจค้าส่งอย่างแม็คโครเพิ่มขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าในส่วนภัตตาคารและร้านอาหาร เพราะช่องทางดังกล่าวนี้ในภาพรวมตลาดกลุ่มสินค้าซอสมีการเติบโตมากขึ้นถึง 100% ขณะที่ช่องทางการจำหน่ายตามโมเดิร์นเทรดต่างๆที่มีวางจำหน่ายแล้ว เช่น บิ๊กซี เทสโก้โลตัส เดอะมอลล์ เป็นต้น
ที่ผ่านมาช่องทางการขายของแบรนด์นีโอ สุกี้ นับได้ว่ามีความแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว และจากการที่บริษัทฯได้จัดเตรียมเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ด้วยการจับมือกับพันธมิตรใหม่ที่มีจุดแข็งด้านการค้าส่งอย่างแม็คโครนั้น ซึ่งจะเริ่มนำสินค้าและวางขายในกลางเดือนธันวาคมนี้ บริษัทฯเชื่อว่าจะเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆได้อีกมากและจุดนี้จะสามารถทำให้ยอดรายได้ของบริษัทฯมีเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันตลาดรวมซอสสุกี้ในประเทศมีมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ซึ่งมีการเติบโตประมาณ 10 -20 % มาโดยตลอด ในขณะที่บริษัทฯมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ประมาณ 30-40% ซึ่งการที่บริษัทฯได้ขยายช่องทางการขายเพิ่ม ผสมผสานกับจุดแข็งทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้นนั้นบริษัทฯเชื่อว่าในปีหน้าส่วนแบ่งทางตลาดจะขยับขึ้นได้กว่า 50%
นายสกนธ์ กล่าวต่อถึงธุรกิจร้านแฟรนไชส์สุกี้นีโอด้วยว่า ความคืบหน้าการขยายแฟรนไชส์ในแบบฉบับของร้านนีโอ สุกี้ บริษัทฯได้เตรียมขยายออกสู่ตามหัวเมืองใหญ่ และพื้นที่ตามแหล่งท่องเที่ยว โดยสาขาที่คาดว่าน่าจะเปิดได้ในช่วงต้นปีหน้าจะเป็นสาขาพัทยา และต่อจากนั้นจะเป็นสาขาที่เชียงใหม่และเชียงราย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาและหาโลเกชั่นกับลูกค้าอยู่
ปัจจุบันสาขาที่เป็นต้นแบบของนีโอ สุกี้มีอยู่ 2 สาขา คือ ที่พันธุ์ทิพย์งามวงศ์วาน และ เซ็นเตอร์วัน ซึ่ง 2 สาขานี้ได้รับผลตอบรับได้เป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้บริโภค โดยเฉลี่ยแล้วมีรายได้ทั้งหมดประมาณ 1 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามขณะนี้มีแผนที่จะดำเนินธุรกิจร้านสุกี้ใหม่ในอีกรูปแบบหนึ่งอย่างเต็มรูปแบบในปีหน้า ในรูปแบบ "นีโอสุกี้เอ็กซ์เพรส" ซึ่งเริ่มทดลองทำตลาดมาบ้างแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนงานในรายละเอียดและสร้างความพร้อมทั้งทางด้านทำเล ทั้งนี้ “นีโอสุกี้เอ็กซ์เพรส” จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างจากนีโอสุกี้เดิมหรือแม้แต่เจ้าตลาดอย่างเอ็มเคสุกี้ เพื่อให้สามารถทำธุรกิจได้ เนื่องจากหากไม่มีความแตกต่างแล้วโอกาสที่จะเกิดก็ลำบาก
นายสกนธ์ กัปปิยจรรยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นีโอ สุกี้ ไทยเรสเทอรองส์ จำกัด ผู้ผลิตซอสน้ำจิ้มสุกี้แบรนด์ "นีโอสุกี้" เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนทำตลาดในเชิงรุกในกลุ่มสินค้าซอสภายใต้แบรนด์"นีโอสุกี้"เพิ่มเติมจากเดิม เพื่อรองรับกับตลาดซอสที่จะมีการเติบโตมากขึ้นในปีหน้า ซึ่งคาดว่าตลาดรวมซอสเครื่องปรุงปีหน้าจะเติบโตขึ้น10-20% เนื่องจากการที่ปัญหาการเมืองที่มีความชัดเจนมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีนี้ อีกทั้งผู้ประกอบการด้านร้านอาหารมีจำนวนเพิ่มอยู่อย่างต่อเนื่อง
โดยแผนการดำเนินงานของบริษัทฯนั้นจะทำการขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้น จากเดิมที่กำลังการผลิตซอสได้ 5 หมื่นขวดต่อเดือน เพิ่มเป็น 1.2 แสนขวดต่อเดือน ซึ่งงบประมาณที่จะใช้ลงทุนในครั้งนี้ประมาณ 3 ล้านบาท ซึ่งการที่เพิ่มกำลังการผลิตบริษัทฯต้องการที่จะขยายไลน์การจัดส่งที่เพิ่มมากขึ้นและทำตลาดอออกสู่วงกว้าง
ทั้งนี้บริษัทฯยังเตรียมที่จะขยายช่องทางการขายเข้าไปในส่วนของธุรกิจค้าส่งอย่างแม็คโครเพิ่มขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าในส่วนภัตตาคารและร้านอาหาร เพราะช่องทางดังกล่าวนี้ในภาพรวมตลาดกลุ่มสินค้าซอสมีการเติบโตมากขึ้นถึง 100% ขณะที่ช่องทางการจำหน่ายตามโมเดิร์นเทรดต่างๆที่มีวางจำหน่ายแล้ว เช่น บิ๊กซี เทสโก้โลตัส เดอะมอลล์ เป็นต้น
ที่ผ่านมาช่องทางการขายของแบรนด์นีโอ สุกี้ นับได้ว่ามีความแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว และจากการที่บริษัทฯได้จัดเตรียมเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ด้วยการจับมือกับพันธมิตรใหม่ที่มีจุดแข็งด้านการค้าส่งอย่างแม็คโครนั้น ซึ่งจะเริ่มนำสินค้าและวางขายในกลางเดือนธันวาคมนี้ บริษัทฯเชื่อว่าจะเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆได้อีกมากและจุดนี้จะสามารถทำให้ยอดรายได้ของบริษัทฯมีเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันตลาดรวมซอสสุกี้ในประเทศมีมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ซึ่งมีการเติบโตประมาณ 10 -20 % มาโดยตลอด ในขณะที่บริษัทฯมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ประมาณ 30-40% ซึ่งการที่บริษัทฯได้ขยายช่องทางการขายเพิ่ม ผสมผสานกับจุดแข็งทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้นนั้นบริษัทฯเชื่อว่าในปีหน้าส่วนแบ่งทางตลาดจะขยับขึ้นได้กว่า 50%
นายสกนธ์ กล่าวต่อถึงธุรกิจร้านแฟรนไชส์สุกี้นีโอด้วยว่า ความคืบหน้าการขยายแฟรนไชส์ในแบบฉบับของร้านนีโอ สุกี้ บริษัทฯได้เตรียมขยายออกสู่ตามหัวเมืองใหญ่ และพื้นที่ตามแหล่งท่องเที่ยว โดยสาขาที่คาดว่าน่าจะเปิดได้ในช่วงต้นปีหน้าจะเป็นสาขาพัทยา และต่อจากนั้นจะเป็นสาขาที่เชียงใหม่และเชียงราย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาและหาโลเกชั่นกับลูกค้าอยู่
ปัจจุบันสาขาที่เป็นต้นแบบของนีโอ สุกี้มีอยู่ 2 สาขา คือ ที่พันธุ์ทิพย์งามวงศ์วาน และ เซ็นเตอร์วัน ซึ่ง 2 สาขานี้ได้รับผลตอบรับได้เป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้บริโภค โดยเฉลี่ยแล้วมีรายได้ทั้งหมดประมาณ 1 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามขณะนี้มีแผนที่จะดำเนินธุรกิจร้านสุกี้ใหม่ในอีกรูปแบบหนึ่งอย่างเต็มรูปแบบในปีหน้า ในรูปแบบ "นีโอสุกี้เอ็กซ์เพรส" ซึ่งเริ่มทดลองทำตลาดมาบ้างแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนงานในรายละเอียดและสร้างความพร้อมทั้งทางด้านทำเล ทั้งนี้ “นีโอสุกี้เอ็กซ์เพรส” จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างจากนีโอสุกี้เดิมหรือแม้แต่เจ้าตลาดอย่างเอ็มเคสุกี้ เพื่อให้สามารถทำธุรกิจได้ เนื่องจากหากไม่มีความแตกต่างแล้วโอกาสที่จะเกิดก็ลำบาก