xs
xsm
sm
md
lg

กรุงรัตนโกสินทร์กำลังล่มสลาย ผ่านความตายท่ามกลางกลิ่นอายของยาหอม

เผยแพร่:   โดย: ศาสตรา โตอ่อน

หากคนไทยเพ่งพินิจข่าวสารต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศของเรา ทั้งข่าวความพยายามในการผลักดันการเจรจาการค้า FTA ไทย ญี่ปุ่น การประกาศขยายสาขาของร้านสะดวกซื้อในปี 2540 อีกห้าพันสาขาทั่วประเทศ การชุมนุมประท้วงของกลุ่มค้าปลีก การขยายตัวของร้านซูเปอร์สโตร์ทั่วพื้นที่ประเทศไทย การลักลอบจดสิทธิบัตรมะละกอไทย การแย่งยึดโครงข่ายโทรคมนาคมไทย การถือสัมปทานโทรคมนาคมโดยกลุ่มทุนต่างด้าว ความพยายามในการเดินหน้าการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ความพยายามในการดำเนินโครงการสัมปทานเหมืองโพแทสที่ โนนสูง อุดรธานี การเข้ายึดที่ดินของเกษตรกรที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวในภาคอีสาน

ข่าวสารที่กล่าวมา ล้วนเป็นประเด็นที่เป็นปัญหาสำคัญของประเทศชาติ จนถึงขั้นที่อาจกล่าวได้ว่า ข่าวสารทั้งหมดล้วนส่อแสดงถึงภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่กรุงรัตนโกสินทร์เคยเผชิญภายหลังจากยุคแห่งการไล่ล่าอาณานิคม ซึ่งในครั้งนั้น พระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงพระปรีชาสามารถนำพาประเทศชาติรอดพ้นภัยพิบัติจากการตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งได้อย่างสวยงาม

เมื่อกลับมามองข่าวสารต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดจะพบว่า ประเทศไทยเรากำลังเผชิญกับปัญหาที่กินลึกทั้งจากตัวโครงสร้างภายในประเทศ และบริบทแวดล้อม โดยในบรรดาเหตุการณ์ทั้งหมดที่กล่าวมามี ธาตุแท้ที่สถิตอยู่ภายในทั้งสิ้น สามประการ คือ

หนึ่ง ประเทศไทยกำลังเผชิญภัยคุกคามร้ายแรงจากระบอบทุนสามานย์ในการมีอิทธิพลเหนืออำนาจอธิปไตยที่มีไว้เพื่อปกป้องชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

สอง ผู้ปกครองประเทศ ขาดความรู้ความเข้าใจและไม่เอาใจใส่ต่อภั
ยคุกคามจากระบอบทุนสามานย์

สาม ขบวนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนไม่มีพลังเพียงพอในการขับเคลื่อนสังคมเพื่อข้ามพ้นภัยคุกคามร้ายแรงได้

จากธาตุแท้ ทั้งสามประการอาจกล่าวสรุปได้ว่า “กรุงรัตนโกสินทร์กำลังเผชิญหน้ากับการล่าอาณานิคมครั้งยิ่งใหญ่ที่หนักหนาสาหัสกว่าครั้งก่อนเสียอีก” ความยิ่งใหญ่ของมันถึงขั้นที่คนไทยส่วนใหญ่อาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรากำลังเผชิญหน้าอยู่กับมัน หรือหลายคนทำนิ่งเสีย ด้วยการเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ สภาพเช่นนี้ไม่ต่างจากสภาพเหตุการณ์บ้านเมือง ภายในกำแพงพระนครศรีอยุธยา ในวันที่พม่ากำลังส่งกองกำลังเข้าโจมตีอย่างหนักหนาสาหัส

เค้าลางแห่งความล่มสลายดังกล่าวได้ปรากฏชัดแล้ว จากความเคลื่อนไหวเล็กๆ ของนักวิชาการบางท่าน เช่น ดร.ไสว บุญมา ได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า “สู่จุดจบประเทศไทย” เป็นดอกไม้จันท์วางบนเชิงตะกอนไว้เรียบร้อยแล้ว หรือ นักวิชาการผู้ผ่านร้อนหนาวผ่านหนาวมาเนิ่นนานอย่าง ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ กำลังใช้ความพยายามเพื่อยื้อชีวิตของประเทศไทยที่ลมหายใจรวยรินให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยแนวทาง “ราชประชาสมาสัย”

ทำไมผมจึงกล้ากล่าวว่า “กรุงรัตนโกสินทร์กำลังล่มสลาย” การจะทำความเข้าใจประเด็นข้อนี้ คงต้องย้อนหลังกลับไปตั้งต้นที่ธาตุแท้ของปัญหาทั้งสามประการ

หนึ่ง ประเทศไทยกำลังเผชิญภัยคุกคามร้ายแรงจากระบอบทุนสามานย์ในการมีอิทธิพลเหนืออำนาจอธิปไตยที่มีไว้เพื่อปกป้องชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

ระบอบทุนสามานย์มีกองทัพสำคัญสามทัพ

กองทัพแรก คือ กองทัพข้อมูลข่าวสาร ที่เดินทัพผ่านระบบการศึกษา สื่อสาธารณะและสื่อส่วนบุคคลอย่าง อินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ ทัพนี้มีหน้าที่ทำให้ข้าศึกยอมสยบด้วยการมอมเมาเชิงวัฒนธรรม ทั้งการศึกษาวิชาการแขนงต่างๆ ภาพยนตร์ เพลง มิวสิกวิดีโอ โฆษณาสินค้าภายใต้ปรัชญาของกองทัพที่ว่า “หากเปลี่ยนจิตวิญญาณได้ แขนขา องคาพยพ ย่อมทำงาน” หรือตามที่ซุนวูกล่าวไว้ว่า “ทำให้ข้าศึกยอมสยบเป็นยอด ต้องโจมตีข้าศึกป็นรอง”

กองทัพที่สอง คือ กองทัพคู่ระหว่างกองทัพทุนที่สั่งสมไว้ตั้งแต่ยุคล่าเมืองขึ้น และกองทัพกฎหมาย กองทัพกฎหมายมีหน้าที่รับใช้แนวความคิดเสรีนิยมสกุล นีโอ ริเบอรัล ที่ถูกแปลงร่างเป็นฉันทามติวอชิงตันอันหมายถึง ลัทธิ นีโอ โคโลเนียล (ลัทธิล่าเมืองขึ้นใหม่) กองทัพทางกฎหมายช่วยปูทางให้เกิดกระบวนการจัดทำข้อตกลงระหว่างประเทศทั้งแบบพหุภาคี และทวิภาคี (FTA) หรือกระทั่งส่งอิทธิพลเข้าเปลี่ยนแปลงระบบกฎหมายภายในประเทศ เช่น กรณีกฎหมายแปรรูปรัฐวิสาหกิจ กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา กฎหมายว่าด้วยใช้และเชื่อมโยงโครงข่ายโทรคมนาคม ทั้งหมดเพื่อปูทางให้กองทัพทุนจากประเทศต่างๆ เข้ามาดูดซับทรัพยากรของประเทศอื่น ผ่านตลาดหลักทรัพย์โดยผิดกฎหมาย

ทัพสาม คือ กองทัพแสนยานุภาพ อันได้แก่ กองกำลังติดอาวุธชนิดต่างๆ เช่น ในกรณีที่อเมริกาส่งกองกำลังเข้าไปในอิรัก หรือในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งมีเป้าประสงค์สำคัญในการยึดกุมจุดยุทธศาสตร์ทางทรัพยากรเพื่อดำรงความมั่งคั่งจอมปลอมของประเทศตนต่อไป

สอง ผู้ปกครองประเทศ ขาดความรู้ความเข้าใจและไม่เอาใจใส่ต่อภัยคุกคามจากระบอบทุนสามานย์

กองทัพสองกองทัพแรกของลัทธิล่าเมืองขึ้นใหม่ ได้คืบคลานเข้ายึดพื้นที่ของประเทศไทย เกือบจะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว โดยไม่ต้องใช้กองทัพแสนยานุภาพทางทหารแต่ประการใด ทั้งนี้เนื่องจาก ผู้ปกครองประเทศในหลายยุค หลายสมัย ขาดความเข้าใจในการต่อสู้กับกองทัพนักล่าอาณานิคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุครัฐบาลทักษิณ นอกจากจะไม่ต่อสู้แล้ว ยังฉกฉวยโอกาสดังกล่าวเพื่อตักตวงทรัพยากรของประเทศชาติประชาชนแบบผสมโรง จนกระทั่งเกิดการชุมนุมเคลื่อนไหวจนนำไปสู่การรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา

คณะ คปค.ที่แปลงร่างเป็น คมช.ได้ขึ้นมากุมสภาพการปกครองประเทศไทย บรรยากาศในช่วงแรก หากเปรียบสังคมไทยเป็นคนป่วยใกล้ตายด้วยโรคร้าย คปค.ก็เปรียบเสมือนยาหอมที่คนเฒ่าคนแก่ชอบใช้ เป็นยาสามัญประจำทุกโรค ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรคนไทยโบราณมักใช้ยาหอมเป็นยาครอบจักรวาล ช่วยให้มีกำลังวังชา หอมอบอวล พอทุเลาโรค

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ภัยคุกคามหรือโรคร้ายจากระบอบทุน นักล่าเมืองขึ้นก็ยังสำแดงอาการอยูไม่หยุดหย่อน ในขณะที่กลิ่นยาหอมก็เริ่มบรรเทาเบาบางลง พร้อมกับกลิ่นเน่าเหม็นจากสังขารประเทศเริ่มส่งกลิ่นโชยออกมาจากเหตุการณ์ความเดือดร้อนต่างๆ ที่ได้กล่าวไปแล้วในช่วงต้น

การใช้ยาหอมในการรักษาโรคร้าย กระทั่งการดันทุรังกินของแสลงนานาชนิด แสดงออกอย่างชัดเจนถึงการขาดความรู้ความเข้าใจและไม่เอาใจใส่ต่อภัยคุกคามจากระบอบทุนสามานย์ มิติการมองปัญหาของทหารคงไม่สามารถนำมาใช้ได้กับกองทัพและเส้นทางเดินทัพของข้าศึกในยุคโลกาภิวัตน์เป็นแน่แท้

ด้วยเหตุนี้ ระบอบทุนสามานย์จึงสามารถสถาปนากองทัพข้อมูลข่าวสาร เผยแพร่วิถีบริโภค มอมเมาประชาชน และเยาวชนจนเหลวแหลก กองทัพกฎหมายและทุน สามารถสถาปนาสถานีการค้าสะดวกซื้อ แทบจะทุกทั่วหัวระแหง ไม่ต่างจาก บริษัท อีสอินเดียในอดีต ด้วยเหตุนี้จึงอาจกล่าวได้ว่า ประเทศไทยได้กลายเป็นประเทศทาสเกือบจะสิ้นเชิง

สาม ขบวนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนไม่มีพลังเพียงพอในการขับเคลื่อนสังคมเพื่อข้ามพ้นภัยคุกคามร้ายแรงได้

สถานการณ์ประเทศไทยในปี 2549 ที่มีพลวัตขับเคลื่อนอำนาจรัฐให้ตกอยู่ในมือของ คมช. ล้วนมีที่มาจากความเคลื่อนไหวของประชาชน ในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มีเป้าหมายหลักในการกดดันให้นายทักษิณ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

เมื่อเกิดการรัฐประหารกระบวนการเหล่านี้ก็สะดุดหยุดลง พลังประชาชนก็แยกสลาย สถานการณ์ในภาคประชาชนกลับกลายเป็นการผลุบโผล่ของคลื่นใต้น้ำ คลื่นบนดินที่ต่อต้าน คมช. ในขณะที่พลังประชาชนพันธมิตรฯ ต้องตั้งสงบเพราะเกรงสถานการณ์จะบานปลาย กลายเป็นการปะทะ ด้วยเหตุนี้ สภาพของกองกำลังประชาชนจึงตกอยู่ในสภาพที่ต้องเคลื่อนไหวผ่านสื่อสาธารณะที่ยังจำกัดวงแคบ และไม่มีพลังเพียงพอ

ความไม่มีพลังเพียงพอดังกล่าวหมายถึง ความไม่มีพลังเพียงพอในการเข้าเปลี่ยนแปลงสภาพของอำนาจอธิปไตยให้สามารถสู้รบปรบมือกองทัพทุนนิยมนักล่าเมืองขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้ กองทัพทุนนิยม จึงยังคงเดินหน้าเข้ารุกรานอำนาจอธิปไตยของประเทศชาติ ผ่านระบบข้อมูลข่าวสาร ผ่านตัวบทกฎหมาย ผ่านการประนีประนอมกับอำนาจรัฐอย่างไม่หยุดหย่อน และนั่น คือดัชนีชี้วัดว่า ภูมิคุ้มกันของประเทศไม่อาจเข้าไปเยียวยารักษาสังขารประเทศที่กำลังดมยาหอมได้ทันท่วงที เมื่อเป็นเช่นนั้น หายนะของประเทศไทยในนามกรุงรัตนโกสินทร์คงต้องเดินหน้าสู่ความล่มสลายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

สังขารประเทศไทยกำลังเผชิญโรคภัยขั้นรุนแรง ความดำรงอยู่ของประเทศชาติกำลังถูกทุบทำลายอย่างหนักหน่วงจากทุนนิยมสามานย์ และลัทธิล่าอาณานิคมใหม่ การแก้ปัญหาประเทศชาติของ คมช. รัฐบาล สนช.เป็นเพียงยาหอมครอบจักรวาล ที่ไม่อาจเยียวยารักษาประเทศนี้ได้

ประเทศไทยในนามกรุงรัตนโกสินทร์กำลังต้องยาขนานเอก คือ การปฏิรูปขนานใหญ่ ไม่ว่าจะโดยแนวทางราชประชาสมาสัย หรือการปฏิวัติประชาชน

โจทย์ข้อสำคัญ คือ

เราจะร่วมกันสร้างเงื่อนไขดังกล่าวได้อย่างไร เมื่อกลิ่นยาหอมยังคงตลบอบอวลอยู่เช่นนี้!

กำลังโหลดความคิดเห็น