“สุรยุทธ์” แบะท่ายกเลิกประกาศ คปป.ฉบับที่ 15 และ 27 ที่ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เตรียมหารือ สมช.ก่อนก่อนตัดสินใจ ระบุเมื่อต้องการให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการร่าง รธน.ก็ต้องเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองแสดงความเห็นได้ วอนทุกฝ่ายหันมาร่วมมืออย่าก่อคลื่นใต้น้ำ
พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนโครงการหลวง ณ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง จ.เชียงใหม่ ถึงกรณีที่พรรคไทยรักไทยยื่นหนังสือให้ใช้อำนาจรัฐบางยกเลิกคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 15และ27 เพื่อให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรม ทางการเมืองได้ว่าขณะนี้ได้หารือกับทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.,)แล้ว คงต้องรอการพิจารณาของสภาความมั่นคงแห่งชาตินิดหน่อยหนึ่ง
ส่วนจะมีความเป็นไปได้ในการยกเลิกประกาศ คปค. ฉบับที่ 15 และ ฉบับที่ 27 หรือไม่นั้นพล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เมื่อมีการเตรียมการที่จะพัฒนาการทางการเมืองแล้ว จะต้องเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองมีการหารือ มีการประชุม ให้มีกิจกรรมทางการเมืองได้
สำหรับการยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ที่เหลือนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่าคงจะดูจากผลของการทำงานทางการเมืองกันต่อไปว่าจะมีความคืบหน้ามากน้อยแค่ไหน คงจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง นอกจากนี้ในการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก ที่ ครม.มีมติไปก่อนหน้านี้นั้นก็ยังไม่สมบูรณ์ เพราะยังไม่ได้ทูลเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงลงพระปรมาภิไธย โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการทางธุรการอยู่ ซึ่งเมื่อผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกาไปแล้วก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคการเมืองให้เหตุผลว่าขณะนี้ขบวนการร่างรัฐธรรมนูญเดินหน้าแล้ว จึงอยากเข้าไปมีส่วนร่วมโดยจะต้องมีเปิดประชุมพรรคการเมือง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเหตุผลที่ฟังได้ รัฐบาลเองก็อยากจะให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมจริงๆ ซึ่งเป็นความตั้งใจตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าดูเหมือนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)และรัฐบาลยังห่วงเรื่องคลื่นใต้น้ำอยู่เลยไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนเองไม่ได้เป็นห่วง เพราะเรามีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาบ้านเมืองให้ก้าวไปข้างหน้า คนที่คิดและใช้วิธีการไม่ดี ก็ควรจะได้ยุติและหันหน้ามาร่วมมือกัน มิเช่นนั้นบ้านเมืองของเราจะไม่มีทางก้าวไปข้างหน้าได้ ตราบใดที่ผู้คนยังไม่ให้ความร่วมมือร่วมใจกันอย่างจริงจัง คิดว่าในช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดแล้ว ที่ผู้คนจะได้หันหน้าเข้ามาหากันและช่วยกันแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางการเมือง เรื่องคลื่นใต้น้ำหรือปัญหาสถานการณ์ทางภาคใต้ เป็นช่วงเวลาที่จะต้องหันมาร่วมมือร่วมใจกัน ถ้าเราไม่ช่วยกันแก้ไขบ้านเมืองของเราคงจะล้าหลัง
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 20ธ.ค.ได้พูดคุยกันนายกรัฐมนตรีเวียดนามที่มาเยือนไทย ท่านถามว่าปัญหาทางภาคใต้เป็นอย่างไรบ้าง ตนก็อธิบายให้ท่านฟังว่าปัญหามีความคืบหน้าอย่างไรในตอนนี้ แต่ยังติดตรงประเด็นที่ได้กล่าวมาเบื้องต้นคือเรื่องของการร่วมมือร่วมใจของผู้คนของเรา ไม่ว่าจะเป็นคนไทยในจังหวัดอื่นๆ หรือคนไทยใน 3 หรือ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ควรจะให้ความร่วมมือร่วมใจกันมากขึ้นกว่าเดิม
พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนโครงการหลวง ณ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง จ.เชียงใหม่ ถึงกรณีที่พรรคไทยรักไทยยื่นหนังสือให้ใช้อำนาจรัฐบางยกเลิกคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 15และ27 เพื่อให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรม ทางการเมืองได้ว่าขณะนี้ได้หารือกับทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.,)แล้ว คงต้องรอการพิจารณาของสภาความมั่นคงแห่งชาตินิดหน่อยหนึ่ง
ส่วนจะมีความเป็นไปได้ในการยกเลิกประกาศ คปค. ฉบับที่ 15 และ ฉบับที่ 27 หรือไม่นั้นพล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เมื่อมีการเตรียมการที่จะพัฒนาการทางการเมืองแล้ว จะต้องเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองมีการหารือ มีการประชุม ให้มีกิจกรรมทางการเมืองได้
สำหรับการยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ที่เหลือนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่าคงจะดูจากผลของการทำงานทางการเมืองกันต่อไปว่าจะมีความคืบหน้ามากน้อยแค่ไหน คงจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง นอกจากนี้ในการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก ที่ ครม.มีมติไปก่อนหน้านี้นั้นก็ยังไม่สมบูรณ์ เพราะยังไม่ได้ทูลเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงลงพระปรมาภิไธย โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการทางธุรการอยู่ ซึ่งเมื่อผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกาไปแล้วก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคการเมืองให้เหตุผลว่าขณะนี้ขบวนการร่างรัฐธรรมนูญเดินหน้าแล้ว จึงอยากเข้าไปมีส่วนร่วมโดยจะต้องมีเปิดประชุมพรรคการเมือง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเหตุผลที่ฟังได้ รัฐบาลเองก็อยากจะให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมจริงๆ ซึ่งเป็นความตั้งใจตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าดูเหมือนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)และรัฐบาลยังห่วงเรื่องคลื่นใต้น้ำอยู่เลยไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนเองไม่ได้เป็นห่วง เพราะเรามีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาบ้านเมืองให้ก้าวไปข้างหน้า คนที่คิดและใช้วิธีการไม่ดี ก็ควรจะได้ยุติและหันหน้ามาร่วมมือกัน มิเช่นนั้นบ้านเมืองของเราจะไม่มีทางก้าวไปข้างหน้าได้ ตราบใดที่ผู้คนยังไม่ให้ความร่วมมือร่วมใจกันอย่างจริงจัง คิดว่าในช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดแล้ว ที่ผู้คนจะได้หันหน้าเข้ามาหากันและช่วยกันแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางการเมือง เรื่องคลื่นใต้น้ำหรือปัญหาสถานการณ์ทางภาคใต้ เป็นช่วงเวลาที่จะต้องหันมาร่วมมือร่วมใจกัน ถ้าเราไม่ช่วยกันแก้ไขบ้านเมืองของเราคงจะล้าหลัง
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 20ธ.ค.ได้พูดคุยกันนายกรัฐมนตรีเวียดนามที่มาเยือนไทย ท่านถามว่าปัญหาทางภาคใต้เป็นอย่างไรบ้าง ตนก็อธิบายให้ท่านฟังว่าปัญหามีความคืบหน้าอย่างไรในตอนนี้ แต่ยังติดตรงประเด็นที่ได้กล่าวมาเบื้องต้นคือเรื่องของการร่วมมือร่วมใจของผู้คนของเรา ไม่ว่าจะเป็นคนไทยในจังหวัดอื่นๆ หรือคนไทยใน 3 หรือ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ควรจะให้ความร่วมมือร่วมใจกันมากขึ้นกว่าเดิม