xs
xsm
sm
md
lg

CTX 9000 ขึ้นเขียงสัปดาห์หน้าตกกุ้งแถมได้ปลาใหญ่ใน ทอ.

เผยแพร่:   โดย: สปาย หมายเลขหก

คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มีผลสรุปชี้ความผิดการทุจริตจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ของสนามบินสุวรรณภูมิ มีการชี้ประเด็นในสัปดาห์หน้าอย่างแน่นอน โดยที่ทราบว่า เอกสารทั้งหมดได้ถึงมือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.และสมาชิก คมช.ทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปลายสัปดาห์นี้ เป็นเอกสารแบบลำดับความและสรุปย่อชี้ประเด็นเป็นข้อๆ และแยกเป็นรายบุคคล ผลสรุปทางตัวเลขความเสียหาย รวมทั้งสิ้น 218 หน้า มีผู้เกี่ยวข้องทั้งเป็นนักการเมือง บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเมืองที่โยงถึงกันได้ 16 คน และบุคคลภายนอกการเมือง 4 คน

สรุปโดยที่สุดคือ ร่วมกันทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ มีลักษณะความผิดทั้งทางแพ่งและอาญา

บุคคลทั้ง 4 คนที่ว่าอยู่นอกการเมืองนั้น มีผู้รับผิดชอบโดยตรงซึ่งมีตำแหน่งอยู่ในบริษัทการท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) 2 คน บุคคลนอกบริษัท 1 คน และนายทหารสัญญาบัตร 1 คน ที่ร่วมกันทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ

คดี CTX 9000 ของสนามบินสุวรรณภูมิเป็นคดีแรกใน 13 คดีที่ คตส. และ ป.ป.ช.ทำอยู่ในระดับสรุปเรื่องชี้ความผิดได้แล้ว และระลอกต่อไปคือ 27 คดีที่เริ่มมีการเลือกเอกสารมาพิจารณา เพื่อจะเรียกเอกสารเพิ่มเติม หรือการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ มาให้ปากคำหรือให้ข้อเท็จจริง

แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้บอกว่า การสอบข้อเท็จจริงเป็นไปอย่างละเอียด รัดกุม รอบคอบมาก เพราะผู้รับผิดชอบรู้อยู่แล้วว่า เรื่องของ CTX 9000 นี้จะต้องออกมาเป็นเรื่องแรกในการให้ความจริงว่า ระบอบทักษิณ ได้ทำความเสียหายแก่ชาติอย่างไร จึงมีความชัดเจน การเชื่อมต่อ ทั้งของบุคคลและวิธีการ มีการพบเส้นทางโยงใยต่อกันทั้งเส้นทางความสัมพันธ์ เส้นทางระหว่างทำธุรกิจนี้ และเส้นทางการเงินที่มีหลักฐานครบถ้วน

แหล่งข่าวบอกว่า ผลสอบที่ออกมานี้ไม่ถึงตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยตรง แต่ก็มีคนใกล้ตัวที่สุดคนหนึ่ง และห่างออกมาอีก 3 คน แต่ก็ถือว่าเป็นคนระดับใกล้ตัวที่จะทำอะไร “ทักษิณ” ย่อมรู้ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเพียงการรู้ หรือรับรู้ ก็น่าจะมีการห้ามปรามหรือทัดทาน เพราะตนเองเป็นผู้อยู่ในฐานะผู้บริหารประเทศ อยู่ในฐานะที่จะต้องทำในสิ่งที่ให้คนรอบข้างมีจริยธรรมและคุณธรรม โดยในสำนวนการสอบสวนว่า เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด แม้ว่าจะไม่ได้เป็นตัวการ

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสำคัญของรัฐบาลทักษิณและภรรยา, คนที่อยู่ใกล้ชิดติดตัว “ทักษิณ” ซึ่งโยงใยถึงอดีตรัฐมนตรีและภรรยา ถือว่าเป็น “ตัวการ” และผู้ที่ปฏิบัติงาน หรือเป็นผู้รับผลักดันโครงการนี้ให้ลุล่วงไปตามคำสั่งหรือความต้องการของระดับบนเป็น “ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการฯ” ของกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการจัดหา ถือว่าเป็นผู้อยู่ทางฝ่ายการเมือง แหล่งข่าวบอกว่า ผู้ที่คิดว่าจะเป็นตัวการสำคัญหรือหมายเลขหนึ่งคือ นายวรพจน์ ยศะทัตต์ “เช” นั้น เมื่อประมวลในภาพรวมแล้ว เขาตกอันดับมาจากการเป็นตัวการสำคัญ เพราะเป็นผู้ที่ตัวการสำคัญส่งเข้ามาพบกับทางกระทรวงที่เกี่ยวข้อง และทางกระทรวงนั้น มอบหมายให้กับคณะทำงานตามคำสั่ง คือที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการฯ เป็นผู้ประสานโดยตรงกับ “เช” ซึ่งน่าจะรู้เห็นหรือได้รับการบัญชาจากรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง เพราะในระดับที่ปรึกษาฯ นั้น จะมีอำนาจชี้ขาดมากมายขนาดนั้นไม่ได้ ถ้าหากว่าไม่ได้รับอำนาจหรือการบัญชาจากเบื้องบน

สำหรับนายวรพจน์ ยศะทัตต์ นั้น เขาให้ข้อเท็จจริงในแบบพ่อค้า คือยืนหยัดว่า เขาเป็นผู้ทำธุรกิจได้เสนอสินค้าที่เขาเป็นตัวแทนหรือเป็นวิศวกรที่ปรึกษาประจำประเทศไทย การกระทำของเขาเป็นวิธีของพ่อค้าทั่วไปที่จะทำให้ "ขายของ" ได้ เมื่อเขาได้เสนอเงื่อนไข และผู้ที่ซื้อพอใจ ตกลงใจตามเงื่อนไขของเขาก็เป็นสิทธิของผู้ซื้อที่จะไม่ตกลงใจก็ได้ แหล่งข่าวบอกว่า “เช” พูดความจริงเกือบทั้งหมด เพราะเขารู้ตัวว่า อยู่ในฐานะลอยตัว เพราะความเป็นพ่อค้าที่ทำธุรกิจขายให้ถือเป็นความสำเร็จ และการขายได้ก็ย่อมต้องมีกำไร

แต่สิ่งที่การรอบรู้ว่า เขาปิดบังความจริงบางอย่างไว้ คือการได้เงินล่วงหน้าก่อนที่เครื่อง CTX 9000 ถูกส่งเข้ามา เส้นทางการเงินถูกตรวจสอบพบว่า เมื่อเงินเข้ามาแล้วในบัญชีของ “เช” ก็มีส่วนหนึ่งถูกจ่ายออกไปประมาณ 900 ล้านบาท โดยจ่ายครั้งแรก 500 ล้านบาท และอีกครั้งหนึ่ง 400 ล้านบาท ครั้นเมื่อเรื่องแดงออกมา ถูกตรวจสอบทางสังคม และฝ่ายค้านนำเข้าอภิปรายไม่ไว้วางใจนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น และนายวรพจน์ ให้สัมภาษณ์ว่า เงินค่าเครื่อง CTX 9000 ที่เขาได้รับล่วงหน้า ถูกใช้จ่ายไปหมดแล้ว เป็นการซื้อที่ดิน รถยนต์ และต้นลีลาวดี ก็ปรากฏว่า มีตัวเงินต่างๆ ทยอยกลับเข้ามาสู่บัญชีของ “เช” เหมือนเดิม โดยแหล่งที่ส่งเงินคืนนั้น ก็คลำพบเส้นทางแล้วว่ามีต้นทางมาจากทางใด หรือเป็นของใครที่ส่งย้อนกลับมา เพื่อให้มีเงินนอนในบัญชี

แหล่งข่าวบอกว่า ข้อนี้-การสอบสวนได้ประเมินความเป็นไปว่า

เมื่อเรื่อง CTX 9000 นั้น ถูกตีแผ่ออกมาใน 3 ประเด็นคือ 1. สมรรถนะคุณภาพขีดความสามารถของการใช้งาน 2. ราคาของเครื่องที่ค่อนข้างสูง เมื่อตกมาถึงมือสนามบินสุวรรณภูมิ และ 3. การจ่ายเงินก้อนใหญ่เป็นการล่วงหน้า ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ส่งมอบสินค้า ที่ผิดระเบียบว่าด้วยการพัสดุ สำนักนายกรัฐมนตรีอย่างชัดเจน

โดยข้อ 1 เป็นเรื่องทางเทคนิคของคุณสมบัติ การสนองความต้องการของการใช้งานซึ่งเป็นเรื่องพิสูจน์กันยาก หรือเอาผิดกันลำบาก หากไม่มีการสอบสวนอย่างลึกจริงๆ ข้อ 2 ปัญหาเรื่องราคาก็เป็นเรื่องของธุรกิจการค้า ซึ่งผู้ซื้อยินดีกับราคาที่ตั้งเสนอมา ส่วนข้อ 3 นั้น เป็นประเด็นที่มีความผิดแจ้งชัด หรือบรรลุความผิดแล้ว ก็น่าจะมีการพิจารณาว่า การปลดเปลื้องความผิดในข้อนี้จะทำได้ คือการขอเงินที่จ่ายล่วงหน้าไปแล้วกลับคืนมาก่อน โดยคิดว่า หากมีการคืนเงินแล้ว เรื่องจะจบลงได้ และจะไม่อยู่ในความสนใจของสังคมอีก ผู้ที่รับส่วน “500 ล้านบาท” และ “400 ล้านบาท” นั้น วิตกว่าเงินที่อยู่ในส่วนของตนนั้นจะถูกเปิดเผย จึงได้คืนมาก่อน เพื่อให้เรื่องจบๆ กันไปสักระยะหนึ่งก่อน แล้วจึงค่อยโอนกลับมาใหม่

มีการวิเคราะห์ถึงประเด็นเงินย้อนกลับไว้ในการสอบสวนด้วย คือ

จากการที่ “เช” เป็นคนพูดตรงเกินไป ถึงเรื่องของราคา และส่วนของกำไรที่เขาสามารถจะเปิดเผยได้ เพราะว่าเป็นกำไรทางธุรกิจ และตัวเลขต่างๆ นั้น ก็ปิดบังกันไว้ไม่อยู่แล้ว เมื่อกำแพงความลับพังลงมาอย่างนี้

ตัวเลขบางตัวอาจจะสร้างความขัดแย้งกันเอง ระหว่างผู้ที่ถูกจัดว่าเป็น “ตัวการ”

ตั้งสมมติฐานว่า เช่น ผู้หญิงชื่อ “ส” บอกกับผู้หญิงชื่อ “อ” ว่างานนี้ความสำเร็จอยู่ที่ 9 บาท จากการที่เป็นงานแบบหมูในอวย เรื่องที่จะไม่สำเร็จนั้นเป็นไม่มี เพราะอำนาจทั้งหลายมีล้นฟ้า ใช้บารมีเสกเงินได้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่อยากจะรอรับผลเมื่อสำเร็จเสร็จงาน เรื่องอย่างนี้ต้อง “ล่วงหน้า” และ “เงินสด” เท่านั้น แล้วคนอื่นคอยไปรับผลในภายหลัง ตัวเงินต้องมาก่อนตัวงาน จึงมีการจัดเงินล่วงหน้าออกไปได้ ผู้ชื่อ “ส” ได้จัดการให้ผู้ชื่อ “อ” ได้รับล่วงหน้าไปก่อน 5 บาท ส่วนตัวเองนั้นขอรับในส่วนที่น้อยกว่าคือ 4 บาท

แต่เมื่อเรื่องแดงออกมาว่า งานนี้มีกำไรมหาศาลส่วนแบ่งที่ควรจะเป็น 9 บาทนั้นน้อยเกินไป โดยคาดว่าควรจะได้ส่วนแบ่งค่าเปิดทางถึง 12 บาท เท่ากับว่า มีการบอกตัวเลขอันเป็นเท็จ มีการปกปิดอำพรางกันไว้ โดย “ส” ผู้ที่ว่าตนเองมีผลได้ 4 บาทนั้น จะ “งาบ” ส่วนที่เหลืออีก 3 บาท รวมเป็น 7 บาท ทำให้ “อ” ผู้ที่ได้ 5 บาท เกิดความไม่พอใจ คิดว่า “เพื่อนรัก” เล่นไม่ซื่อเสียแล้ว เมื่อเป็นตัวนั้นจึงคืน 5 บาท ที่ได้มาในทำนอง ประชดประชันตามลักษณะของผู้หญิง และ “ส” ก็ส่งเงินไหลกลับเข้าไปด้วย ในทำนองไม่ยอมกัน การขัดแย้งกันเช่นนี้ ทำให้ “ส” และ “อ” เกิดความบาดหมางถึงกับมีข่าวว่าโกรธกัน

ทั้งหมดนี้ เป็นผลของการประมวลหารายละเอียดอย่างรอบด้าน ทั้งวิธีการ สิ่งที่เกิดขึ้น ความสัมพันธ์ และเหตุจูงใจที่ทำให้ผลการสอบ CTX 9000 เป็นไปอย่างสมบูรณ์ที่สุด เพราะทุกอย่างนำไปสู่ความเป็นจริงและข้อเท็จจริงได้ทั้งสิ้น

แหล่งข่าวบอกว่า พอจะเปิดเผยกันอย่างไม่กระทบกระเทือนต่อ "ชั้นความลับ" ได้เท่านี้ และเรื่องนี้คงจะไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณชนได้อย่างละเอียดละออในชั้นสอบสวน เพราะจะเป็นสำนวนหลักฐานที่จะต้องส่งไปถึงศาลยุติธรรมในลำดับต่อไป การเปิดเผยเช่นนั้นจะมีผลเสียทางคดีได้

ใน 17 สำนวนชุดแรกที่จะสรุปผลออกมาในลำดับแรก คือเรื่อง CTX 9000 ต่อไปคือการขายที่ดินใกล้ศูนย์วัฒนธรรมให้กับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ในราคาต่ำนั้น ล้วนแล้วแต่มีกระบวนการตรวจสอบทั้งทางหลักฐาน ข่าวสาร ข้อมูล ประเด็นแวดล้อมสิ่งที่เชื่อมโยงกันได้นั้น สิ่งที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่มีน้ำหนักพอเป็นพยานหลักฐานก็จัดเข้าเป็นฐานข้อมูล และจากฐานข้อมูลนี้ มีสิ่งที่กรอบหน้า “ลึก-หกสิบ”-“ลับ-สี่สิบ” ได้เปิดเผยไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คือการเชื่อมโยงของ “เช” ไปสู่เครื่อง CTX 9000 ที่สนามบินสุวรรณภูมิว่า “เช” เป็นผู้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมกรณีการเปลี่ยนแปลงนโยบายของกองทัพอากาศ เรื่องการเปลี่ยนเก้าอี้ดีดของนักบินกับเครื่องบินอัลฟ่าเจ็ตที่ซื้อเครื่องบินขับไล่ไอพ่นใช้แล้วมาจากกองทัพอากาศเยอรมนี และมีปัญหาเรื่องเก้าอี้ดีดนั้นดีดไม่ออก นักบินดีดตัวออกมาจากเครื่องบินที่มีปัญหาไม่ได้ โดยที่สมัย พล.อ.ปอง มณีศิลป์ เป็นผู้บัญชาการทหารอากาศได้อนุมัติโครงการเปลี่ยนเก้าอี้ดีดทั้งชุดเป็นของบริษัทมาร์ตินเบเกอร์ แต่เมื่อ พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.แทน พล.อ.อ.ปอง ได้เปลี่ยนมาเป็นจัดซื้ออะไหล่มาซ่อม, ทำให้นายวรพจน์ ยศะทัตต์ “เช” ที่เป็นวิศวกรที่ปรึกษาประจำประเทศไทยของมาร์ติน เบเกอร์ เข้า “ชน” อย่างสุดแรงในหลายๆ วิธีการ ซึ่งการมีบทบาทของ “เช” ในเรื่องนั้นทำให้ “เข้าตา” คนนามสกุล “ชินวัตร” ว่าเขาเป็นคนหนุ่ม กล้าได้กล้าเสีย มองว่าเป็นคนที่น่าจะเอามาทำงานด้วย ประกอบกับ “เช” เป็นตัวแทนหรือเป็นวิศวกรที่ปรึกษาของเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด CTX สหรัฐอเมริกาด้วย จึงเกิดการหักเหมาทางนี้ แล้วทำให้เขาเพลามือในเรื่องการขอความเป็นธรรมกับการขายเก้าอี้ดีดของอัลฟ่าเจ็ตไป

สิ่งที่นับว่าเป็น “ฐานข้อมูล” เช่นนี้, ได้มีการแกะรอยตามเรื่องกันอีก

ได้พบว่า เรื่องเก้าอี้ดีดนี้มีผู้ส่งเรื่องเข้า ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบ เพราะเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ เพราะโดยรวมแล้วการเปลี่ยนทั้งชุด ด้วยการซื้อของใหม่จะมีราคาถูกและมีผลดีกว่าการซ่อม โดยมีหลักฐานอยู่ที่ ป.ป.ช.ครบครันว่ามีความแตกต่างหรือผลต่างกันอย่างไร โดยชี้ว่าการตัดสินใจใหม่ พลิกนโยบายที่ พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของรัฐบาล “ทักษิณ” เป็นสิ่งที่ผิดพลาด โดยการส่งเรื่องและข้อมูลต่างๆ เข้า ป.ป.ช.นั้น มีหลักฐานว่าเกิดความขัดแย้งกันในกลุ่มผู้รับผิดชอบในกองทัพอากาศ เช่น กรมสรรพาวุธทหารอากาศ มีความเห็นไม่ตรงกับกรมยุทธการทหารอากาศและมีหลักฐานว่า ทางกองทัพอากาศได้สอบถามไปทางกองทัพอากาศอังกฤษ ซึ่งซื้อเครื่องบินอัลฟ่าเจ็ตมาจากเยอรมนี เช่นเดียวกับไทยได้ปรับปรุงเก้าอี้ดีดโดยวิธีใด ได้รับคำตอบว่า-ทางอังกฤษไม่ได้ซ่อม แต่เปลี่ยนใหม่ทั้งชุด

เมื่อมีรายละเอียดและประเด็นอยู่ในกระบวนการของ ป.ป.ช.แล้ว และมีความเชื่อมโยงกันได้คือ ข้อเท็จจริงบางอย่าง "หลุด" ออกมาจากกระบวนการสอบเรื่องของ CTX 9000 ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับแฟ้มเรื่อง “เก้าอี้ดีด” ที่มีอยู่แล้ว ที่จะขยายผลต่อได้ในทันที

การที่มีสำนวนอยู่แล้ว 13 เรื่อง ที่จะสรุปมาก่อน ว่าสมัยรัฐบาลทักษิณได้มีการกระทำใดๆ ที่ก่อให้เกิดผลเสียหายต่อรัฐ และมีอีก 27 สำนวนจะตามมาเป็นคลื่นบนน้ำระลอกที่สองนั้น, เรื่องของเก้าอี้ดีดที่เกิดขึ้นสมัย พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา เป็นผู้บัญชาการทหารอากาศ ก็จะเป็นสำนวนลำดับที่ 41 ก็ได้

อย่างนี้ต้องเรียกว่า ตกเบ็ดกุ้งได้กุ้ง แต่กุ้งมันหนีบเอาปูขึ้นมาอีกตัวหนึ่งด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น