xs
xsm
sm
md
lg

คมมนย.ทั้งหลาย - มากู้ชาติกันเถิด

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

ในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น ที่ คมมนย. มีค่าเท่ากับ คมนย. และเท่ากับคนอื่นๆ ทุกคน

เพราะฉะนั้น คมมนย.ทั้งหลาย อย่ามัวทอดอาลัยเลย ลุกขึ้นมากู้ชาติให้เป็นประชาธิปไตยกันเถิด

ผมจะอยู่ข้างท่าน และผมจะร่วมมือกับท่านถึงที่สุด เพราะเราเป็นพวกเดียวกัน พระเจ้าอยู่หัวของเราทรงออกมาขอร้องศาลให้ช่วยกู้ชาติ เพราะชาติกำลังจะล่มจม ถ้าปล่อยให้ชาติล่มจมแล้วมันจะกู้ไม่ได้

ศาลก็ออกมาทำหน้าที่ของศาลไปแล้วส่วนหนึ่ง ยังไม่ครบบริบูรณ์

กองทัพก็ออกมาทำหน้าที่ของกองทัพไปแล้วส่วนหนึ่ง ยังไม่ครบบริบูรณ์

เวลานี้ก็ค้างเติ่งอยู่ในมือคมช. สนช. สสร. และครม.

ไม่มีใครจะทำหน้าที่ครบบริบูรณ์ได้หรอก หากปราศจากความร่วมมืออย่างบริบูรณ์จากคนอย่างพวกเรา

คนข้างเคียงผมบ่นว่าจะมานั่งเหนื่อยนอนเหนื่อยอยู่ทำไม ตำแหน่งแห่งหนอะไรก็ไม่มีกับเขาสักอย่าง คนอย่างเรา มีแต่เขาจะเห็นว่า เราเป็นคนไม่มีน้ำยา

ผมมีลูกชาย 2 คน คนหนึ่งเป็นขาประจำปราโมทย์แฟนคลับ เขาชอบมาบอกให้พ่อไปอ่านปฏิกิริยาของผู้อ่านที่โพสต์มาเสียบ้าง บางทีเขาก็โกรธแทนที่มีคนโพสต์มาเยาะเย้ยว่า ผมเขียนเพราะความแค้นที่พลาดหมด ไม่ได้เป็นอะไรเลย แม้แต่สมาชิกสมัชชาแห่งชาติตั้ง 2 พันคน ก็ไม่ได้เป็น

ผมบอกว่า ผมเขียนมาตลอดชีวิต ตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมาเขียนวิเคราะห์คัดค้านระบอบทักษิณมาเกือบ 300 ฉบับแล้ว เวลาขออะไรจากเขาก็ได้ทุกเรื่อง ทุกอย่างไม่มีอะไรเป็นเรื่องส่วนตัวเลย

คนอย่างเรา ไม่เห็นจำเป็นจะต้องเป็นอะไรเลย เป็นคนไม่มีน้ำยาอย่างนี้แหละดีกว่า เหมาะกับที่เราชอบทำอยู่อย่างนี้

เพราะฉะนั้น เมื่อเที่ยงคืนวันที่ 19 กันยายน เมื่อดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์และผู้ใหญ่ของดร.ธีรภัทร์ โทร.มาเชิญให้เข้าไปช่วยในกองบัญชาการคณะปฏิรูปฯ ผมจึงได้ขอบคุณและขอโทษว่าเข้าไปไม่ได้

เหตุผลนั้นมีมากมาย แต่ไม่อยากมากความ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดว่าถือดีกว่าคนอื่น ความจริงมิใช่ คนเราถนัดต่างกัน สังคมต้องมีการแบ่งหน้าที่อย่างถูกต้องและเป็นอิสระ

วันรุ่งขึ้น ผมรีบเขียนบทความว่าผมดีใจที่ทหารช่วยกำจัดรัฐบาลทักษิณเสียได้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องตามทฤษฎีสัญญาประชาคมแล้ว การกระทำทั้งหมดนี้ ผมรู้แต่มิอาจร่วมได้ ผมเห็นใจแต่ไม่เห็นด้วย ผมยินดีช่วยแต่ไม่ขอเกี่ยวข้อง

ทำไมผมจึงรู้ ก็เพราะว่าเที่ยงวันที่ 19 กันยายน ผมกินข้าวกลางวันอยู่กับผู้ที่จะมีความสำคัญที่สุดในการเมืองไทยในอนาคต (ผู้ไม่สู้จะเต็มใจ) และนั่งคุยกันอยู่จนบ่ายคล้อย

ทำไมผมจึงไม่เห็นด้วย เพราะผมเห็นด้วยกับข้อที่เราคุยกันว่าการขับไล่ทักษิณด้วยอำนาจประชาชนโดยมีกองทัพขานรับเป็นปัจจัยเด็ดขาด แบบ People Power ในฟิลิปปินส์จะสวยงามกว่าและมีปัญหาน้อยกว่าทหารยึดอำนาจฝ่ายเดียว

ทำไมผมจึงเห็นใจ เพราะผมรู้ว่าทักษิณทำอะไรบ้างที่เป็นโทษต่อประชาธิปไตยและบ้านเมืองใน 5 ปีที่ผ่านมา และเพราะผมรู้ว่าทักษิณกำลังทำอะไรอยู่ในวันที่ 19 กันยายน 2549

ทำไมผมจึงไม่ขอเกี่ยวข้อง เพราะผมยังไม่อยากตาย อนึ่ง คนที่เป็นครูสอนประชาธิปไตย เคยต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาตลอดชีวิต จะต้องมารับการแต่งตั้งจากคณะปฏิวัติ ตายแล้ววิญญาณผมคงนอนไม่หลับ

ทำไมผมจึงช่วย เพราะผมถือว่าการก่นล้างระบอบทักษิณและการสร้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นเรื่องสำคัญ จะปล่อยให้คมช.ทำฝ่ายเดียวคงไม่สำเร็จ ผมสรรเสริญคนที่อยากช่วยและเข้าไปช่วยทุกๆ คน

แต่คนอย่างผม เหมาะที่จะอยู่ข้างนอก อย่างคนไม่มีน้ำยา

และทุกวันนี้ผมก็ยังช่วย ที่เขียนอยู่อย่างนี้ อย่าเข้าใจผิดเป็นอันขาดว่าเป็นการต่อต้าน คมช. หรือเป็นแนวร่วมมุมกลับให้ทักษิณ ผมกระตุ้นมิให้คมช.อ่อนข้อให้ทักษิณ และทำงานให้ดีขึ้นต่างหาก

คมช.มิใช่เทวดา ทำไมจะผิดพลาดบ้างไม่ได้ แต่ผิดแล้วต้องแก้ไข อย่าปล่อยไปครั้งแล้วครั้งเล่า จนบรรดาปุโรหิตโหราจารย์แม้กระทั่งคนเดินถนนเกรงว่าอย่างนี้จะนำพาบ้านเมืองไปไม่รอด กลียุคขุกเข็ญใหญ่ของบ้านเมืองกำลังตั้งเค้า

เรื่องสมัชชายุงและผลพลอยเสียที่อาจจะเกิดขึ้นนี้ก็หนักมาก ผมใคร่ครวญดูแล้วว่าจะปล่อยให้ผ่านไปโดยมิแก้ไข คงจะไม่ดีแน่ จึงได้เขียนในบทความสมัชชายุง ชวนพี่น้องประชาชนให้ติดตาม และอย่ายอม

และในฉบับ “ใช่แต่ทหาร อาจารย์กฎหมายและนักรัฐศาสตร์ก็ไม่รู้เรื่อง” ผมก็ย้ำอีกครั้งว่า “ใครจะยอม ก็เชิญ ผมคนหนึ่งล่ะที่จะสู้ ใครจะเอากับผมบ้าง ”

คนไม่มีน้ำยาอย่างผมจะสู้คนเดียวได้อย่างไร คนไม่มีน้ำยาอย่างผมที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศจะต้องกระโจนลงมาช่วยกัน ยิ่งคนมีน้ำยาจะมีน้ำใจโหมเข้ามาด้วยก็ยิ่งดี

มีผู้ขานรับตรึม ต่างก็ว่าบอกมาเลยจะเอายังไง ผมว่าเราน่าจะมีขั้นตอนดังนี้ก่อนครับ (1) คิดให้ดี (2) ตั้งเป้าหมายให้แน่นอน (3) ลงมือกระทำ (4) ติดตามผลให้ได้สมความมุ่งหมาย

(1) คิดให้ดี ว่าประเทศไทยต้องการระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ ถ้าต้องการ ขอให้คิดต่อว่า พฤติกรรมของสมช.ในวันจันทร์ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ถูกต้องหรือไม่ สมควรจะไว้ใจให้เป็นผู้สร้างระบอบที่พึงปรารถนาแทนเราหรือไม่ ทั้งนี้อย่าเชื่อใครแม้แต่ผม ต้องรวบรวมหลักการ หลักฐาน และฟังความให้ทั่วถึง แล้วจึงสรุปเอาเอง

(2) ตั้งเป้าหมายให้แน่นอน หากสรุปได้ว่าการกระทำของสมัชชาไม่ถูกต้อง ขืนละเลยปล่อยไป อนาคตจะเสียหาย เราจะต้องช่วยกันแก้ไข เป้าหมายที่เราจะต้องตั้งไว้ก็คือ จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด เริ่มแต่เล็กไปหาใหญ่อย่างเป็นระบบ คือแก้ ไข พฤติกรรม องค์ประกอบ และโครงสร้างของสมัชชาแห่งชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลของการเลือกตั้งสสร. 200 คนจะต้องยกเลิก

(3) ลงมือกระทำ การเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ยากอย่างที่คิด อย่าไปเชื่อทฤษฎีของนักกฎหมายทาสว่า เดี๋ยวนี้เปลี่ยนแปลงอะไรมิได้แล้ว ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว เพราะ คมช.พ้นสภาพแห่งการเป็นองค์อธิปัตย์ไปแล้ว คิดเอาง่ายๆ ก็ได้ว่าจริงหรือไม่ แม้แต่รัฐธรรมนูญ 2540 ก็ยังล้มล้างได้มิใช่หรือ เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกเราควรลงมือกระทำ ก็คือ การเรียกร้องให้ คมช. และผู้ที่มีส่วนกระทำความเสียหายร่วมกันรับผิดชอบแก้ไขความผิดพลาด

วิธีการเรียกร้องมีอยู่มากมายตั้งแต่ง่ายไปหายาก ผมขอเสนอวิธีที่ง่ายที่สุดและจะไม่มีผลในทางเผชิญหน้า เพราะผมห่วงเรื่องที่หมอดูทำนายไว้เหมือนกัน ก็คือ ขอทุกคนยอมเสียสละซื้อไปรษณียบัตรคนละ 3 ฉบับ เขียนส่งไปถึง (1) ประธาน คมช. (2) ประธาน สมช. (3) หนังสือพิมพ์รายวัน 1 ฉบับ มีข้อความคล้ายคลึงกันทำนองนี้คือ (1) ขอให้สอบสวน ศึกษาวิเคราะห์ความไม่ถูกต้องของการเลือกสสร. (2) ขอให้รวบรวมข้อมูล ข้อเขียนและบทความต่างๆ จากนักวิชาการในเรื่องดังกล่าวให้ทั่วถึงและทำการเผยแพร่ (3) ขอให้ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบทั้งหมดช่วยกันแก้ไขตามขอบเขต อำนาจหน้าที่และหิริโอตตัปปะของแต่ละคน(4) ขอให้ชี้แจงสรุปให้ประชาชนทราบ หากสื่อฉบับใดจะรับหน้าเสื่อจัดการแทนเราได้ก็ยิ่งดี

(4) ติดตามผลให้ได้สมความมุ่งหมาย
วิธีข้างต้นนี้ง่ายที่สุด และอย่าเพิ่งดูถูกว่าจะไม่มีผล ผมขอภาวนาและวิงวอนให้ท่านผู้อ่านที่เห็นด้วยกับผม ช่วยกันทำทุกๆ คนเถิด แล้วพยายามชักชวนกันต่อๆไป ให้เกิดเป็นทั้งห่วงโซ่บุคคลและเครือข่ายองค์กร และติดตามขยายผลไปเรื่อยๆ นี่จะเป็นบทเรียนเรื่องการเคลื่อนไหวเพื่อกู้ชาติบทแรก ซึ่งใครๆ ก็ทำได้ ไม่มีอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น ซ้ำ คมช.ควรจะขอบคุณเราด้วย

ผมถือว่าการกระทำของสมัชชายุงเมื่อวันจันทร์นี้เป็นความผิดอุกฉกรรจ์ ยิ่งคิดผมก็ยิ่งหวาดเสียว ประเทศที่รักของผมเป็นไปได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ทำไมหนอคนที่ได้คะแนนสูงที่สุด จึงเป็นบุคคลที่สังคมไม่รู้จักเลย ทำไมหนอคะแนนสูงสุดจึงมีเพียง 55 คะแนน ในเมื่อมีผู้ลงคะแนนเกือบ 1,982 คน

ผมมิได้เพ่งไปที่โนโหวตหรือคนที่มิได้ลงคะแนนให้ ซึ่งก็น่าขนหัวลุกพอๆ กัน

กล่าวคือ มีผู้ที่มิได้ลงให้ผู้ที่ได้คะแนนที่หนึ่ง ถึง 1,900 กว่าคน ลดหลั่นกันลงไปถึงกลุ่มสุดท้ายที่ได้ 7 คะแนน ซึ่งแปลว่าไม่มีผู้ลงให้หรือโนโหวตโดยปริยายถึง 1,970 คน แต่ผมจำต้องเพ่งพินิจว่าในบรรดาคนดี 1,900 กว่าคนนั้น จะไม่มีสักคนเดียวเชียวหรือสัก 10 คนก็ไม่มีเชียวหรือ ที่เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสพอที่ใครๆ สัก 100 คน 200 คน หรือ 300 ถึง 500 คนจะต้องลงคะแนนเสียงให้ด้วยความเต็มใจ ถึงแม้ว่าเขาจะมีสิทธิเลือกได้แค่เพียง 1 คนก็ตาม เขาก็จะไม่ลงให้ตนเอง แต่ลงให้คนดี หรือว่าวันนี้ กรุงศรีอยุธยาสิ้นคนดีเสียแล้ว

ผมได้ส่งตัวเลขไปขอให้ศาสตราจารย์ชิดชนก แห่งแผนกคณิตศาสตร์ จุฬาฯ ช่วยวิเคราะห์ ในขณะเดียวกัน ก็ใคร่ครวญถึงสภาพความจริงว่าเป็นไปได้หรือที่บุคคล 1,982 นี้ ล้วนแต่เป็นปัจเจกที่เห็นแต่ตนหรือกลุ่มหรือเครือข่ายของตนเป็นหลัก ถึงแหงนหน้าขึ้นดูฟ้าก็ไม่สามารถมองผ่านจมูกของตนเองไปเห็นคนดีผู้อื่นได้

ผมจึงอดนึกถึง Thomas Hobbes ปรัชญาเมธีผู้ยิ่งใหญ่แห่งคริสต์ศตวรรษที่ 18 มิได้ ฮอบส์ได้บรรยายถึงสังคมที่แต่ละคนทำสงครามกับแต่ละคน และทุกคนทำสงครามกับทุกคน เพราะทุกคนคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์และความปลอดภัยของตนเอง จึงเกิดสภาพที่เรียกเป็นภาษาละตินว่า bellum omnium contra omnes แปลว่า “the war of all against all.” เมื่อทุกคนต่างก็มุ่งปฏิเสธผู้อื่น เพื่อผลประโยชน์และฐานะของตนเอง คำว่าส่วนรวมจึงไม่เกิดขึ้นหรือดำรงอยู่มิได้ จึงเหลืออยู่แต่บุคคลและสังคมในเปลือกของธรรมชาติ ต่างก็ดำเนินชีวิตที่ “เดียวดาย แสนเข็น โสโครก เหี้ยมโหด และสั้น : solitary, poor, nasty, brutish, and short.”

ถึงแม้นสภาพและชีวิตของสมัชชายุงจะเป็นเช่นนั้น ผมก็เข้าใจได้ว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง แต่ผมจะไม่ยอมให้สังคมไทยของผมเป็นเช่นนั้นเด็ดขาด

เห็นไม่มี น้ำยา พากันเหยียบ หากเราเงียบ เองก็ยิ่ง มาหยาบหยาม

ว่าโง่เง่า เต่าตุ่น ทุกโมงยาม ถึงต้องถาม ถึงความกล้า มหาชน

ลุกขึ้นยืน ตื่นเถิด เพื่อนไทยเอ๋ย ไทยก็เคย แกว่นกล้า มาทุกหน

จงฝากชื่อ ลือชา ทั่วสากล อย่าให้คน จูงจมูก ดูถูกไทย !!!

ฉบับหน้า เราจะเคลื่อนไหว ผนึกกำลังของแผ่นดินและแผ่นฟ้าเข้าด้วยกัน เพื่อนำมาซึ่งรัฐธรรมนูญและระบบราชประชาสมาสัย โดยยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยเป็นธงไชย

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ผมขอเพียงไปรษณียบัตรคนละ 3 ใบ!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น