วันนี้วันที่ 21 ธันวาคม 2549 เหลือเวลาอีก 10 วันก็จะเป็นวันปีใหม่แล้ว ห้วงเวลาเช่นนี้จึงจัดได้ว่าเป็นช่วงเทศกาลของปีใหม่ ซึ่งสื่อสำนักต่าง ๆ กำลังจัดลำดับภาพเรื่องที่ดีเด่นหรือที่แย่ที่สุดสำหรับปี 2549 และเป็นห้วงเวลาที่คนทั้งปวงเตรียมจิตเตรียมใจต้อนรับปีใหม่
แต่จะต้อนรับปีใหม่กันด้วยความสุขกายสบายใจ หรือด้วยจิตใจที่อกสั่นขวัญแขวนก็ยังไม่รู้ ยังต้องติดตามดูกันต่อไป
ในสถานการณ์อย่างนี้จึงสมควรที่เราจะลองมองก้าวไปข้างหน้าว่าในปี 2550 สถานการณ์ทั้งปวงจะเป็นประการใด อย่างน้อยก็เพื่อจุดประกายแห่งความคิดและการเตรียมจิตใจที่จะต้อนรับหรือรับมือกับสถานการณ์ที่จะพึงบังเกิดขึ้น
อันสิ่งทั้งปวงนั้นไม่ได้ตั้งอยู่แต่ลำพังโดดเดี่ยว หากมีความเกี่ยวเนื่องและเป็นปัจจัยส่งผลกันและกันอยู่ ดังนั้นเพื่อให้การมองของเรามีความกว้างขวางและเป็นประโยชน์มากที่สุด จึงจำเป็นที่จะต้องทอดสายตาไกลออกไปยังปริมณฑลต่าง ๆ ของโลก รวมทั้งภูมิภาคและประเทศของเราเองด้วย
แต่อย่างว่านั่นแหละ เรื่องราวในอนาคตย่อมพลิกพลิ้วผันแปรและยังมีปัจจัยที่จะทำให้เกิดความผันแปรได้มากมายสุดจะหยั่งคาด การมองสถานการณ์จึงอาจคลาดเคลื่อนได้ แม้กระนั้นแล้วการทอดสายตามองออกไปก็ยังคงเป็นประโยชน์อยู่นั่นเอง
เพราะดีกว่าจะไม่กล้าทอดสายตามองออกไปเสียเลย การมองเช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ซึ่งถือได้ว่าเป็นมงคลของชีวิต หากผู้ใดได้สัมผัสปฏิบัติแล้วย่อมได้ชื่อว่าเป็นสิริมงคลแก่ตน ย่อมไม่เป็นผู้พ่ายแพ้ในที่ทั้งปวง ย่อมถึงซึ่งความสวัสดีในที่ทั้งปวง
มองทอดสายตาออกไปยังโลกกว้างก็ยังคงเห็นว่าสหรัฐยังคงเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก โดยเฉพาะความเป็นมหาอำนาจในด้านแสนยานุภาพทางการทหาร ที่ไม่มีประเทศใดอาจสามารถต่อกรกันตัวต่อตัวได้เลย
ดังนั้นสหรัฐจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อโลกว่าจะเป็นประการใด โลกจะร้อนรุ่มเป็นไฟ กระทั่งก่อเกิดเป็นสงครามขนาดใหญ่หรือจะสงบสุขสันติ ย่อมแยกไม่ออกจากบทบาทและความเคลื่อนไหวของสหรัฐ
ทว่าสหรัฐเองก็มีข้อจำกัดมากหลาย เพราะในหลายปีมานี้คือนับแต่สหภาพโซเวียตล่มสลายลงแล้ว แม้คนจำนวนหนึ่งจะเข้าใจว่าโลกจะเหลือแต่ขั้วอำนาจเดียวที่สหรัฐจะบงการโลกประการใดก็ได้ แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่
สรรพสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงไป เมื่อความขัดแย้งหนึ่งหมดไป ก็ย่อมเกิดความขัดแย้งใหม่ขึ้นมาแทนที่ตามกฎแห่งความขัดแย้ง ซึ่งเป็นกฎแห่งการพัฒนา และเป็นปัจจัยของพัฒนาการทั้งปวง
หลังสหภาพโซเวียตล่มสลายลง โลกก็เกิดขั้วอำนาจใหม่ขึ้นมาแทนที่ แม้ว่าบางขั้วจะเพิ่งก่อตัว บางขั้วยังอ่อนตัว แต่พัฒนาการก็มีความชัดแจ้งว่าโลกปัจจุบันได้บังเกิดขั้วอำนาจเพิ่มขึ้น และมีลักษณะใหม่ ๆ ที่เพิ่งปรากฏขึ้นมาในปลายศตวรรษที่แล้วถึงต้นศตวรรษนี้
ยุโรปได้รวมตัวกันเป็นประชาคมยุโรป นี่ก็เป็นขั้วอำนาจหนึ่ง จีนมีความเข้มแข็งขึ้นในทุกด้าน นี่ก็เป็นขั้วอำนาจหนึ่ง อินเดียยักษ์หลับแห่งโลกตัวที่สองน้อง ๆ ของจีนก็กำลังเข้มแข็งขึ้นในทุกด้าน และกำลังกลายเป็นอีกขั้วอำนาจหนึ่ง ลาตินอเมริกาที่อ่อนปวกเปียกป้อแป้แม้บางประเทศก็ล้มละลายก็กำลังก่อตัวเป็นอีกขั้วหนึ่ง ซึ่งถึงแม้จะไม่มีบทบาทกว้างขวางเท่าใดนัก แต่อย่างน้อยบทบาทในการกวนใจหรือถ่วงรั้งสหรัฐก็มีอยู่ไม่น้อย
โลกอิสลามที่มีประชากร 1,500 ล้านคน แม้ว่าจำแนกได้เป็นหลายนิกาย หลายสำนักคิด และยังมีความขัดแย้งด้านความเชื่อและความขัดแย้งภายในอยู่ไม่น้อย แต่พัฒนาการได้บ่งชี้ให้เห็นว่าทิศทางและแนวโน้มนั้นโลกอิสลามได้เกิดการรวมตัวกันขึ้นอย่างหลวม ๆ แล้ว โดยเฉพาะความร่วมมือทางด้านวิเทโศบายที่มีอิหร่าน ซาอุดิอาระเบีย และอียิปต์เป็นศูนย์กลาง กำลังทำให้เกิดการก่อตัวของขั้วอำนาจใหม่ที่มีพลานุภาพยิ่งใหญ่
เพราะภายใต้เอกองค์อัลเลาะห์และพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านนั้น มุสลิมทั้งโลกมีแต่ต้องรวมตัวกัน และยังคงเพิ่มประชากร ตลอดจนขยายบทบาทออกไปทั่วโลก แม้ในสหรัฐเอง ชนชาวผิวดำซึ่งเคยนับถือคริสต์ศาสนาและเคยถูกจัดว่าเป็นพลเมืองชั้นสองกำลังหันมานับถือศาสนาอิสลามมากขึ้นทุกที
คนเหล่านี้อยู่ในวงการต่าง ๆ ของสหรัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานด้านความปลอดภัย ด้านความมั่นคง การกีฬาและการเมือง ความผันแปรของอเมริกันนิโกรจะทำให้สหรัฐปวดเศียรเวียนเกล้าและต้องย้อนกลับไปแก้ไขปัญหาภายในของตนเองมากขึ้น
ญี่ปุ่นอดีตมหาอำนาจทางการทหารในยุคสงครามโลกครั้งที่สองซึ่งหมดเขี้ยวเล็บไปร่วมครึ่งศตวรรษได้รับความรู้เห็นเป็นใจและเห็นชอบจากสหรัฐให้เพิ่มแสนยานุภาพทางการทหารและยกระดับหน่วยงานป้องกันประเทศขึ้นเป็นกระทรวงกลาโหมเป็นครั้งแรก และนับแต่นี้ไปงบประมาณทางการทหาร ทางเทคโนโลยี ก็จะเพิ่มแสนยานุภาพให้กับกองทัพของสมเด็จพระจักรพรรดิครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเงินตราสำรองในลำดับสองหรือสามของโลก เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่สำคัญคือมีความเป็นนักคิด นักประดิษฐ์ ที่ถ้าหากติดอาวุธทางความคิดแห่งลัทธิบูชิโดครั้งใหม่ ญี่ปุ่นก็ไม่ใช่ประเทศที่ใครจะข่มเหงได้อีกต่อไป
แต่ญี่ปุ่นก็มีความเน่าเฟะทางสังคมต่อเนื่องมาเป็นเวลายาวนาน ความที่คนญี่ปุ่นถูกทำให้เป็นเครื่องจักร และคุ้นชินกับสภาพเช่นนี้ร่วมครึ่งศตวรรษ โดยเฉพาะเยาวชนของญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่เหลวไหลเหลาะแหละฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยนั้น ยังต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยจึงจะสามารถฟื้นลัทธิบูชิโดให้เต็มรูปแบบขึ้นมาได้
ถึงกระนั้นญี่ปุ่นก็กำลังยกฐานะขึ้นเป็นขั้วอำนาจหนึ่งในโลก
ในอาฟริกาเล่า การช่วงชิงประชากรทางด้านศาสนาระหว่างศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลามยังคงขยายตัวต่อไป แต่ทว่าสำนึกและปัญหาทางชนชั้นจะกดดันจิตใจของทุกผู้คนให้จำต้องผนึกกำลังสามัคคีกัน ประกอบทั้งการค้นพบใหม่ๆ ในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะทรัพยากรพลังงาน จะทำให้อาฟริกานอกจากจะเป็นแหล่งช่วงชิงทรัพยากรแล้ว ก็จะเกิดการก่อตัวของขั้วใหม่อย่างเป็นขั้นตอนขึ้น
รัสเซียเองแม้ได้รับผลกระทบจากการล่มสลายของมหาอาณาจักรโซเวียต แต่แกนหลักของมหาอาณาจักรนั้นก็ยังคงอยู่ที่รัสเซีย วิทยาการที่ก้าวหน้าทันสมัยประการใดที่โซเวียตเคยมีล้วนตกทอดสืบต่อมายังรัสเซียแทบทั้งสิ้น ทำให้รัสเซียยังคงความเป็นมหาอำนาจและยังคงเป็นประเทศที่ส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์มากที่สุดติดลำดับต้น ๆ ของโลก
เยอรมัน อังกฤษ และฝรั่งเศส สามประเทศนี้ยังคงเป็นแกนหลักของประชาคมยุโรป ที่ด้านหนึ่งก็ร่วมกัน แต่อีกด้านหนึ่งก็ขัดแย้งกันเพราะความไม่สม่ำเสมอทางด้านการเมือง การปกครอง และปัญหาตกค้างทางประวัติศาสตร์ ทางด้านเชื้อชาติและวัฒนธรรม
ถึงอย่างไรก็ยังต้องจัดว่าเป็นมหาอำนาจของโลก โดยเฉพาะบทบาทสำคัญที่เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติย่อมยังมีบทบาทที่จะทำให้โลกมีสงครามหรือสันติภาพได้อย่างมีพลัง และกลายเป็นขั้วที่ขั้วต่าง ๆ ต้องพยายามสร้างความสามัคคีสมานฉันท์
ขั้วอำนาจต่างๆ เหล่านี้ของโลกคือเหตุปัจจัยที่จะทำให้โลกร้อนรุ่มหรือเย็นฉ่ำ ดังนั้นความสัมพันธ์และปฏิสัมพันธ์ของขั้วอำนาจเหล่านี้จึงเป็นเหตุปัจจัยที่จะทำให้สถานการณ์ของโลกในปี 2550 เป็นไป
ในปี 2549 สภาพความขัดแย้งหลักของโลกปรากฏขึ้นใน 3 จุดใหญ่ ได้แก่
จุดแรกเป็นความขัดแย้งเหนือคาบสมุทรเปอร์เชียที่โหมกระพือขึ้นหลังจากสหรัฐได้กรีฑาแสนยานุภาพเข้ายึดอิรัก และตั้งรัฐบาลหุ่นขึ้นปกครองอิรัก นับแต่นั้นมาแผ่นดินนี้ก็ลุกเป็นไฟร่ำไป จนกระทั่งล่าสุดหน่วยงานด้านความมั่นคงส่วนใหญ่ของสหรัฐพากันสรุปว่าการบุกเข้ายึดอิรักเป็นการกระทำที่ผิดพลาด ทำให้เสียงเรียกร้องต้องการให้สหรัฐต้องถอนตัวออกจากพื้นที่นั้นก้องกระหึ่มมากขึ้น
แต่เพราะเหตุที่อิรักเป็นประเทศสำคัญประเทศหนึ่งในอ่าวเปอร์เชีย เป็นแหล่งทรัพยากรพลังงานลำดับต้นของโลก สหรัฐจึงยากที่จะถอนตัวออกมาได้ ในขณะเดียวกันโลกอิสลามก็ไม่มีวันที่จะปล่อยปละละเลยให้อิรักถูกยึดครองนานวันต่อไปได้
ดังนั้นพลังของโลกอิสลามจึงจำเป็นต้องเข้าหนุนช่วยอิรัก และย่อมกำหนดให้สหรัฐเป็นศัตรูคู่อาฆาตหมายเลข 1 อย่างเดียวกับอิสราเอล
อันประมุขทางศาสนาสูงสุดของอิรักนั้นก็หาใช่คนธรรมดาไม่ หากเป็นผู้นำศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ลำดับที่สองของโลก นั่นคืออยาตุลเลาะห์ซิสตานี่ โดยมีผู้นำสูงสุดของอิหร่านคืออยาตุลเลาะห์คาเมนีเป็นผู้นำศาสนาสูงสุดของนิกายชีอะห์โลก
การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านจึงเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการความเป็นขั้วอำนาจหนึ่งของโลกอิสลาม เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการรับมือกับมหาอำนาจอย่างสหรัฐ และก็เป็นส่วนหนึ่งของการผนึกโลกอิสลามที่สามารถยืนขึ้นเป็นขั้วอำนาจหลักของโลกเทียบชั้นกับสหรัฐในอนาคต
สหรัฐจึงต้องถือว่าโลกอิสลามโดยภาพรวมคือภยันตรายของโลกตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐและอิสราเอล และต้องถือว่าการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านคืออันตรายของสหรัฐด้วย
หากเป็นการต่อสู้กันระหว่างสหรัฐกับอิหร่านตัวต่อตัว ก็ย่อมยากที่อิหร่านจะรับมือได้ แต่เมื่อโลกอิสลามเริ่มผนึกกำลังกันแล้วก็ทำให้ปริมณฑลของปัญหาขยายตัวออกไปและมีความลึกซึ้งมากขึ้น
ดังนั้นความเติบโตของกลุ่มฮามัสในเลบานอน การเพิ่มบทบาทของซีเรียในปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่าน ซาอุดีอาระเบียและอียิปต์ รวมทั้งการขยายความร่วมมือไปถึงประเทศอิสลามในแอฟริกา และการทำให้สงครามจรยุทธ์ในอัฟกานิสถานยังยืนหยัดอยู่ได้ จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญและเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้อิหร่านและโลกอิสลามปลอดภัย
ผลประโยชน์ของโลกอิสลามมากมายมหาศาลและขั้วอำนาจอื่นๆ ของโลกจำนวนหนึ่งล้วนได้รับผลประโยชน์จากโลกอิสลาม ดังนั้นการถ่วงรั้งสหรัฐไม่ให้ทำการใดได้ตามใจชอบ และการหนุนช่วยโลกอิสลามไม่ว่าทางเปิดหรือทางปิดจึงเกิดขึ้น และทำให้ปัญหาดังกล่าวยืดเยื้อเรื้อรัง จนบั่นทอนมหาอำนาจอย่างสหรัฐค่อนข้างจะรุนแรง
ตั้งแต่ปลายปี 2548 มาถึงตลอดปี 2549 สหรัฐได้วางกำลังทางทหารเรียงรายในหลายประเทศโดยรอบอิหร่าน นับเป็นการวางกำลังทางยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
การซ้อมรบของกองทัพเรือสหรัฐใกล้ช่องแคบฮามุสเมื่อไม่นานมานี้ได้ใช้เรือบรรทุกเครื่องบินและเรือรบมากที่สุดเท่าที่มีการซ้อมรบทางเรือในโลกย่อมไม่ใช่เหตุการณ์ธรรมดา
มันคือปรากฏการณ์ของการเตรียมการใช้แสนยานุภาพทางการทหารปฏิบัติการต่ออิหร่าน โดยมีพลังงานน้ำมันเป็นเป้าหมายหลัก และการสยบความเคลื่อนไหวของโลกอิสลาม ตลอดจนการควบคุมประเทศอิสลามในแถบอ่าวคือเป้าหมายสำคัญของเรื่องนี้
ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ แม้ปรากฏว่าพรรคริพลับริกันของประธานาธิบดีบุชจะพ่ายแพ้ยับเยิน และกลุ่มการเมืองต่าง ๆ พากันเรียกร้องให้บุชถอนทหารจากอิรัก แต่จุดยืนของบุชก็คือยังคงเดินหน้าต่อไป
เหลือเวลาอีกปีเศษก็จะถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่ นี่คือปัจจัยเวลาสำคัญที่พรรคริพลับริกันอาจคิดอ่านกอบกู้สถานการณ์ที่ตกต่ำของพรรคที่สำคัญที่สุด
อย่าลืมว่าเศรษฐกิจของสหรัฐนั้นเป็นเศรษฐกิจสงคราม และคนอเมริกันแม้ปากพร่ำเพ้อเรื่องสันติภาพแต่เบื้องน้ำใจลึกกลับเป็นผู้ใฝ่สงคราม และเรียกร้องสงครามอยู่เร่า ๆ
ดังนั้นสงครามสหรัฐกับอิหร่านจึงเป็นเหตุปัจจัยของการพลิกฟื้นความตกต่ำของพรรคริพลับริกัน และเป็นการสร้างโอกาสให้พรรคริพลับริกันได้สืบทอดอำนาจต่อไป
โดยปัจจัยทางการเมืองและน้ำใจลึกของสหรัฐ ประกอบกับการวางกำลังทางยุทธศาสตร์รอบอิหร่านโดยมีผลประโยชน์อันมากหลายดังได้กล่าวมาเป็นเดิมพัน จึงชี้ชัดว่าสงครามระหว่างสหรัฐกับอิหร่านจะเกิดขึ้นในอนาคตอันไม่ไกลนี้
มันจะเกิดขึ้นในห้วงเวลาใดของปี 2550 หรือปี 2551 คือสิ่งที่จะต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไป และอิหร่านตลอดจนขั้วอำนาจอื่นๆ ของโลกจะยับยั้งสงครามนี้อย่างไร จึงเป็นเรื่องน่าสนใจอย่างยิ่ง.
แต่จะต้อนรับปีใหม่กันด้วยความสุขกายสบายใจ หรือด้วยจิตใจที่อกสั่นขวัญแขวนก็ยังไม่รู้ ยังต้องติดตามดูกันต่อไป
ในสถานการณ์อย่างนี้จึงสมควรที่เราจะลองมองก้าวไปข้างหน้าว่าในปี 2550 สถานการณ์ทั้งปวงจะเป็นประการใด อย่างน้อยก็เพื่อจุดประกายแห่งความคิดและการเตรียมจิตใจที่จะต้อนรับหรือรับมือกับสถานการณ์ที่จะพึงบังเกิดขึ้น
อันสิ่งทั้งปวงนั้นไม่ได้ตั้งอยู่แต่ลำพังโดดเดี่ยว หากมีความเกี่ยวเนื่องและเป็นปัจจัยส่งผลกันและกันอยู่ ดังนั้นเพื่อให้การมองของเรามีความกว้างขวางและเป็นประโยชน์มากที่สุด จึงจำเป็นที่จะต้องทอดสายตาไกลออกไปยังปริมณฑลต่าง ๆ ของโลก รวมทั้งภูมิภาคและประเทศของเราเองด้วย
แต่อย่างว่านั่นแหละ เรื่องราวในอนาคตย่อมพลิกพลิ้วผันแปรและยังมีปัจจัยที่จะทำให้เกิดความผันแปรได้มากมายสุดจะหยั่งคาด การมองสถานการณ์จึงอาจคลาดเคลื่อนได้ แม้กระนั้นแล้วการทอดสายตามองออกไปก็ยังคงเป็นประโยชน์อยู่นั่นเอง
เพราะดีกว่าจะไม่กล้าทอดสายตามองออกไปเสียเลย การมองเช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ซึ่งถือได้ว่าเป็นมงคลของชีวิต หากผู้ใดได้สัมผัสปฏิบัติแล้วย่อมได้ชื่อว่าเป็นสิริมงคลแก่ตน ย่อมไม่เป็นผู้พ่ายแพ้ในที่ทั้งปวง ย่อมถึงซึ่งความสวัสดีในที่ทั้งปวง
มองทอดสายตาออกไปยังโลกกว้างก็ยังคงเห็นว่าสหรัฐยังคงเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก โดยเฉพาะความเป็นมหาอำนาจในด้านแสนยานุภาพทางการทหาร ที่ไม่มีประเทศใดอาจสามารถต่อกรกันตัวต่อตัวได้เลย
ดังนั้นสหรัฐจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อโลกว่าจะเป็นประการใด โลกจะร้อนรุ่มเป็นไฟ กระทั่งก่อเกิดเป็นสงครามขนาดใหญ่หรือจะสงบสุขสันติ ย่อมแยกไม่ออกจากบทบาทและความเคลื่อนไหวของสหรัฐ
ทว่าสหรัฐเองก็มีข้อจำกัดมากหลาย เพราะในหลายปีมานี้คือนับแต่สหภาพโซเวียตล่มสลายลงแล้ว แม้คนจำนวนหนึ่งจะเข้าใจว่าโลกจะเหลือแต่ขั้วอำนาจเดียวที่สหรัฐจะบงการโลกประการใดก็ได้ แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่
สรรพสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงไป เมื่อความขัดแย้งหนึ่งหมดไป ก็ย่อมเกิดความขัดแย้งใหม่ขึ้นมาแทนที่ตามกฎแห่งความขัดแย้ง ซึ่งเป็นกฎแห่งการพัฒนา และเป็นปัจจัยของพัฒนาการทั้งปวง
หลังสหภาพโซเวียตล่มสลายลง โลกก็เกิดขั้วอำนาจใหม่ขึ้นมาแทนที่ แม้ว่าบางขั้วจะเพิ่งก่อตัว บางขั้วยังอ่อนตัว แต่พัฒนาการก็มีความชัดแจ้งว่าโลกปัจจุบันได้บังเกิดขั้วอำนาจเพิ่มขึ้น และมีลักษณะใหม่ ๆ ที่เพิ่งปรากฏขึ้นมาในปลายศตวรรษที่แล้วถึงต้นศตวรรษนี้
ยุโรปได้รวมตัวกันเป็นประชาคมยุโรป นี่ก็เป็นขั้วอำนาจหนึ่ง จีนมีความเข้มแข็งขึ้นในทุกด้าน นี่ก็เป็นขั้วอำนาจหนึ่ง อินเดียยักษ์หลับแห่งโลกตัวที่สองน้อง ๆ ของจีนก็กำลังเข้มแข็งขึ้นในทุกด้าน และกำลังกลายเป็นอีกขั้วอำนาจหนึ่ง ลาตินอเมริกาที่อ่อนปวกเปียกป้อแป้แม้บางประเทศก็ล้มละลายก็กำลังก่อตัวเป็นอีกขั้วหนึ่ง ซึ่งถึงแม้จะไม่มีบทบาทกว้างขวางเท่าใดนัก แต่อย่างน้อยบทบาทในการกวนใจหรือถ่วงรั้งสหรัฐก็มีอยู่ไม่น้อย
โลกอิสลามที่มีประชากร 1,500 ล้านคน แม้ว่าจำแนกได้เป็นหลายนิกาย หลายสำนักคิด และยังมีความขัดแย้งด้านความเชื่อและความขัดแย้งภายในอยู่ไม่น้อย แต่พัฒนาการได้บ่งชี้ให้เห็นว่าทิศทางและแนวโน้มนั้นโลกอิสลามได้เกิดการรวมตัวกันขึ้นอย่างหลวม ๆ แล้ว โดยเฉพาะความร่วมมือทางด้านวิเทโศบายที่มีอิหร่าน ซาอุดิอาระเบีย และอียิปต์เป็นศูนย์กลาง กำลังทำให้เกิดการก่อตัวของขั้วอำนาจใหม่ที่มีพลานุภาพยิ่งใหญ่
เพราะภายใต้เอกองค์อัลเลาะห์และพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านนั้น มุสลิมทั้งโลกมีแต่ต้องรวมตัวกัน และยังคงเพิ่มประชากร ตลอดจนขยายบทบาทออกไปทั่วโลก แม้ในสหรัฐเอง ชนชาวผิวดำซึ่งเคยนับถือคริสต์ศาสนาและเคยถูกจัดว่าเป็นพลเมืองชั้นสองกำลังหันมานับถือศาสนาอิสลามมากขึ้นทุกที
คนเหล่านี้อยู่ในวงการต่าง ๆ ของสหรัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานด้านความปลอดภัย ด้านความมั่นคง การกีฬาและการเมือง ความผันแปรของอเมริกันนิโกรจะทำให้สหรัฐปวดเศียรเวียนเกล้าและต้องย้อนกลับไปแก้ไขปัญหาภายในของตนเองมากขึ้น
ญี่ปุ่นอดีตมหาอำนาจทางการทหารในยุคสงครามโลกครั้งที่สองซึ่งหมดเขี้ยวเล็บไปร่วมครึ่งศตวรรษได้รับความรู้เห็นเป็นใจและเห็นชอบจากสหรัฐให้เพิ่มแสนยานุภาพทางการทหารและยกระดับหน่วยงานป้องกันประเทศขึ้นเป็นกระทรวงกลาโหมเป็นครั้งแรก และนับแต่นี้ไปงบประมาณทางการทหาร ทางเทคโนโลยี ก็จะเพิ่มแสนยานุภาพให้กับกองทัพของสมเด็จพระจักรพรรดิครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเงินตราสำรองในลำดับสองหรือสามของโลก เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่สำคัญคือมีความเป็นนักคิด นักประดิษฐ์ ที่ถ้าหากติดอาวุธทางความคิดแห่งลัทธิบูชิโดครั้งใหม่ ญี่ปุ่นก็ไม่ใช่ประเทศที่ใครจะข่มเหงได้อีกต่อไป
แต่ญี่ปุ่นก็มีความเน่าเฟะทางสังคมต่อเนื่องมาเป็นเวลายาวนาน ความที่คนญี่ปุ่นถูกทำให้เป็นเครื่องจักร และคุ้นชินกับสภาพเช่นนี้ร่วมครึ่งศตวรรษ โดยเฉพาะเยาวชนของญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่เหลวไหลเหลาะแหละฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยนั้น ยังต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยจึงจะสามารถฟื้นลัทธิบูชิโดให้เต็มรูปแบบขึ้นมาได้
ถึงกระนั้นญี่ปุ่นก็กำลังยกฐานะขึ้นเป็นขั้วอำนาจหนึ่งในโลก
ในอาฟริกาเล่า การช่วงชิงประชากรทางด้านศาสนาระหว่างศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลามยังคงขยายตัวต่อไป แต่ทว่าสำนึกและปัญหาทางชนชั้นจะกดดันจิตใจของทุกผู้คนให้จำต้องผนึกกำลังสามัคคีกัน ประกอบทั้งการค้นพบใหม่ๆ ในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะทรัพยากรพลังงาน จะทำให้อาฟริกานอกจากจะเป็นแหล่งช่วงชิงทรัพยากรแล้ว ก็จะเกิดการก่อตัวของขั้วใหม่อย่างเป็นขั้นตอนขึ้น
รัสเซียเองแม้ได้รับผลกระทบจากการล่มสลายของมหาอาณาจักรโซเวียต แต่แกนหลักของมหาอาณาจักรนั้นก็ยังคงอยู่ที่รัสเซีย วิทยาการที่ก้าวหน้าทันสมัยประการใดที่โซเวียตเคยมีล้วนตกทอดสืบต่อมายังรัสเซียแทบทั้งสิ้น ทำให้รัสเซียยังคงความเป็นมหาอำนาจและยังคงเป็นประเทศที่ส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์มากที่สุดติดลำดับต้น ๆ ของโลก
เยอรมัน อังกฤษ และฝรั่งเศส สามประเทศนี้ยังคงเป็นแกนหลักของประชาคมยุโรป ที่ด้านหนึ่งก็ร่วมกัน แต่อีกด้านหนึ่งก็ขัดแย้งกันเพราะความไม่สม่ำเสมอทางด้านการเมือง การปกครอง และปัญหาตกค้างทางประวัติศาสตร์ ทางด้านเชื้อชาติและวัฒนธรรม
ถึงอย่างไรก็ยังต้องจัดว่าเป็นมหาอำนาจของโลก โดยเฉพาะบทบาทสำคัญที่เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติย่อมยังมีบทบาทที่จะทำให้โลกมีสงครามหรือสันติภาพได้อย่างมีพลัง และกลายเป็นขั้วที่ขั้วต่าง ๆ ต้องพยายามสร้างความสามัคคีสมานฉันท์
ขั้วอำนาจต่างๆ เหล่านี้ของโลกคือเหตุปัจจัยที่จะทำให้โลกร้อนรุ่มหรือเย็นฉ่ำ ดังนั้นความสัมพันธ์และปฏิสัมพันธ์ของขั้วอำนาจเหล่านี้จึงเป็นเหตุปัจจัยที่จะทำให้สถานการณ์ของโลกในปี 2550 เป็นไป
ในปี 2549 สภาพความขัดแย้งหลักของโลกปรากฏขึ้นใน 3 จุดใหญ่ ได้แก่
จุดแรกเป็นความขัดแย้งเหนือคาบสมุทรเปอร์เชียที่โหมกระพือขึ้นหลังจากสหรัฐได้กรีฑาแสนยานุภาพเข้ายึดอิรัก และตั้งรัฐบาลหุ่นขึ้นปกครองอิรัก นับแต่นั้นมาแผ่นดินนี้ก็ลุกเป็นไฟร่ำไป จนกระทั่งล่าสุดหน่วยงานด้านความมั่นคงส่วนใหญ่ของสหรัฐพากันสรุปว่าการบุกเข้ายึดอิรักเป็นการกระทำที่ผิดพลาด ทำให้เสียงเรียกร้องต้องการให้สหรัฐต้องถอนตัวออกจากพื้นที่นั้นก้องกระหึ่มมากขึ้น
แต่เพราะเหตุที่อิรักเป็นประเทศสำคัญประเทศหนึ่งในอ่าวเปอร์เชีย เป็นแหล่งทรัพยากรพลังงานลำดับต้นของโลก สหรัฐจึงยากที่จะถอนตัวออกมาได้ ในขณะเดียวกันโลกอิสลามก็ไม่มีวันที่จะปล่อยปละละเลยให้อิรักถูกยึดครองนานวันต่อไปได้
ดังนั้นพลังของโลกอิสลามจึงจำเป็นต้องเข้าหนุนช่วยอิรัก และย่อมกำหนดให้สหรัฐเป็นศัตรูคู่อาฆาตหมายเลข 1 อย่างเดียวกับอิสราเอล
อันประมุขทางศาสนาสูงสุดของอิรักนั้นก็หาใช่คนธรรมดาไม่ หากเป็นผู้นำศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ลำดับที่สองของโลก นั่นคืออยาตุลเลาะห์ซิสตานี่ โดยมีผู้นำสูงสุดของอิหร่านคืออยาตุลเลาะห์คาเมนีเป็นผู้นำศาสนาสูงสุดของนิกายชีอะห์โลก
การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านจึงเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการความเป็นขั้วอำนาจหนึ่งของโลกอิสลาม เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการรับมือกับมหาอำนาจอย่างสหรัฐ และก็เป็นส่วนหนึ่งของการผนึกโลกอิสลามที่สามารถยืนขึ้นเป็นขั้วอำนาจหลักของโลกเทียบชั้นกับสหรัฐในอนาคต
สหรัฐจึงต้องถือว่าโลกอิสลามโดยภาพรวมคือภยันตรายของโลกตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐและอิสราเอล และต้องถือว่าการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านคืออันตรายของสหรัฐด้วย
หากเป็นการต่อสู้กันระหว่างสหรัฐกับอิหร่านตัวต่อตัว ก็ย่อมยากที่อิหร่านจะรับมือได้ แต่เมื่อโลกอิสลามเริ่มผนึกกำลังกันแล้วก็ทำให้ปริมณฑลของปัญหาขยายตัวออกไปและมีความลึกซึ้งมากขึ้น
ดังนั้นความเติบโตของกลุ่มฮามัสในเลบานอน การเพิ่มบทบาทของซีเรียในปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่าน ซาอุดีอาระเบียและอียิปต์ รวมทั้งการขยายความร่วมมือไปถึงประเทศอิสลามในแอฟริกา และการทำให้สงครามจรยุทธ์ในอัฟกานิสถานยังยืนหยัดอยู่ได้ จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญและเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้อิหร่านและโลกอิสลามปลอดภัย
ผลประโยชน์ของโลกอิสลามมากมายมหาศาลและขั้วอำนาจอื่นๆ ของโลกจำนวนหนึ่งล้วนได้รับผลประโยชน์จากโลกอิสลาม ดังนั้นการถ่วงรั้งสหรัฐไม่ให้ทำการใดได้ตามใจชอบ และการหนุนช่วยโลกอิสลามไม่ว่าทางเปิดหรือทางปิดจึงเกิดขึ้น และทำให้ปัญหาดังกล่าวยืดเยื้อเรื้อรัง จนบั่นทอนมหาอำนาจอย่างสหรัฐค่อนข้างจะรุนแรง
ตั้งแต่ปลายปี 2548 มาถึงตลอดปี 2549 สหรัฐได้วางกำลังทางทหารเรียงรายในหลายประเทศโดยรอบอิหร่าน นับเป็นการวางกำลังทางยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
การซ้อมรบของกองทัพเรือสหรัฐใกล้ช่องแคบฮามุสเมื่อไม่นานมานี้ได้ใช้เรือบรรทุกเครื่องบินและเรือรบมากที่สุดเท่าที่มีการซ้อมรบทางเรือในโลกย่อมไม่ใช่เหตุการณ์ธรรมดา
มันคือปรากฏการณ์ของการเตรียมการใช้แสนยานุภาพทางการทหารปฏิบัติการต่ออิหร่าน โดยมีพลังงานน้ำมันเป็นเป้าหมายหลัก และการสยบความเคลื่อนไหวของโลกอิสลาม ตลอดจนการควบคุมประเทศอิสลามในแถบอ่าวคือเป้าหมายสำคัญของเรื่องนี้
ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ แม้ปรากฏว่าพรรคริพลับริกันของประธานาธิบดีบุชจะพ่ายแพ้ยับเยิน และกลุ่มการเมืองต่าง ๆ พากันเรียกร้องให้บุชถอนทหารจากอิรัก แต่จุดยืนของบุชก็คือยังคงเดินหน้าต่อไป
เหลือเวลาอีกปีเศษก็จะถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่ นี่คือปัจจัยเวลาสำคัญที่พรรคริพลับริกันอาจคิดอ่านกอบกู้สถานการณ์ที่ตกต่ำของพรรคที่สำคัญที่สุด
อย่าลืมว่าเศรษฐกิจของสหรัฐนั้นเป็นเศรษฐกิจสงคราม และคนอเมริกันแม้ปากพร่ำเพ้อเรื่องสันติภาพแต่เบื้องน้ำใจลึกกลับเป็นผู้ใฝ่สงคราม และเรียกร้องสงครามอยู่เร่า ๆ
ดังนั้นสงครามสหรัฐกับอิหร่านจึงเป็นเหตุปัจจัยของการพลิกฟื้นความตกต่ำของพรรคริพลับริกัน และเป็นการสร้างโอกาสให้พรรคริพลับริกันได้สืบทอดอำนาจต่อไป
โดยปัจจัยทางการเมืองและน้ำใจลึกของสหรัฐ ประกอบกับการวางกำลังทางยุทธศาสตร์รอบอิหร่านโดยมีผลประโยชน์อันมากหลายดังได้กล่าวมาเป็นเดิมพัน จึงชี้ชัดว่าสงครามระหว่างสหรัฐกับอิหร่านจะเกิดขึ้นในอนาคตอันไม่ไกลนี้
มันจะเกิดขึ้นในห้วงเวลาใดของปี 2550 หรือปี 2551 คือสิ่งที่จะต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไป และอิหร่านตลอดจนขั้วอำนาจอื่นๆ ของโลกจะยับยั้งสงครามนี้อย่างไร จึงเป็นเรื่องน่าสนใจอย่างยิ่ง.