xs
xsm
sm
md
lg

แม่ชาวบ้านสอนลูก ข้ามพ้นระบบ “เลียตีน”

เผยแพร่:   โดย: ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง

สัปดาห์ก่อน ฟัง “พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์” นายกรัฐมนตรี วิพากษ์วิจารณ์ระบบสังคมราชการไทยที่ผูกติดกับระบบอุปถัมภ์ ถึงขนาดทำให้คนที่ต้องการจะก้าวหน้าในชีวิตต้องนึกถึงคำพูด 5 คำ

“เลียตีน สินมาก ปากสอพลอ ล่อไข่แดง แกร่งวิชา”

คือ จะต้องประจบประแจง หรือติดสินบน หรือแต่งงานเกี่ยวดองกับลูกเจ้านาย ส่วนการมีความรู้ความสามารถแตกฉานกลับกลายเป็นปัจจัยหลังสุดที่จะช่วยให้ก้าวหน้าในชีวิตราชการ

ขอเรียกสั้นๆ ว่า “ระบบเลียตีน”

ก็คล้ายๆ กับคำพูดในแวดวงราชการมหาดไทย ที่ว่า “สายโลหิต ศิษย์ข้างเคียง เสบียงหลังบ้าน กราบกรานสอพลอ ล่อไข่แดง แกร่งวิชา ถลามาเอง”

สะท้อนวิธีคิดที่ยอมรับว่า การจะประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเอง แต่ขึ้นอยู่กับการได้รับอุปถัมภ์ค้ำชูจากผู้อื่นที่มีอำนาจเหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็น เจ้านาย ผู้บังคับบัญชา โดยที่ความรู้ความสามารถของตนเอง เป็นปัจจัยท้ายสุดในการที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จ

นึกชื่นชมพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ในความที่กล้าพูดตรงไปตรงมา และคุ้นเคยกับระบบอุปถัมภ์ในแวดวงทหารมายาวนาน แต่ไม่ถูกกลืนเข้าไปในระบบ “เลียตีน” ยังหยิบยกขึ้นมาชี้ให้เห็น แนะให้คิด เพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลง

ฟังแล้ว ทำให้พอมีความหวังขึ้นมาบ้าง แสดงว่า คนระดับผู้นำประเทศก็ยังตระหนักถึงปัญหาของระบบอุปถัมภ์ ซึ่งนำไปสู่ปัญหาการบ้านการเมืองของระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งเต้น การซื้อเสียง การเล่นพวก การทุจริต การเอาทรัพยากรส่วนรวม หรือเอาผลประโยชน์สาธารณะไปตอบแทนพวกพ้อง ตอบแทนบุญคุณ ฯลฯ

เพราะสังคมมีปัญหาอย่างนี้หรือไม่... ลูกชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่มีสายโลหิตในตระกูลใหญ่ๆ จึงจำใจต้องเข้าสู่ระบบ “เลียตีน” ? ต้องหาโรงเรียนดังๆ เพื่อให้ลูกมีศิษย์ข้างเคียง ? ต้องหาเงินทองมาไว้เยอะๆ เพื่อเป็นสินบนหรือเป็นเสบียงหลังบ้านช่วยในเรื่องการงานของลูก ? ต้องวิ่งเต้นประจบเจ้านายของลูกเพื่อช่วยลูก?

น่าคิด น่าสำรวจดูว่า “ลูกชาวบ้าน” ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตการงาน โดยไม่ตกเป็นทาสของระบบอุปถัมภ์ และระบบ “เลียตีน” เขาได้รับการสั่งสอนอบรมมาอย่างไร ? ถูกเลี้ยงดูมาอย่างไร?

คนเป็นพ่อเป็นแม่ ที่เป็นชาวบ้านธรรมดาๆ ทั่วประเทศ คงอยากรู้ จะสอนลูกอย่างไร เพื่อว่าลูกจะสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างมีคุณค่า มีศักดิ์ศรี ท่ามกลางสภาพสังคมในระบบ “เลียตีน” ?


สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้นั่งคุยกับ “คุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในโอกาสที่มีหนังสือเล่มใหม่ด้วยกัน ชื่อหนังสือ “ลูกชาวบ้าน” คุยกันไป คิดกันไป ทำให้พอมีความหวังบางอย่างขึ้นมาบ้าง

ถามว่า คุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม เป็น “ลูกชาวบ้าน” ไม่มีสายโลหิตในตระกูลใหญ่โต แม่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย แต่เหตุใด จึงสามารถประสบความสำเร็จในการงาน ถึงขนาดได้เข้ามาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของพลเอกสุรยุทธ์ ?

ได้อาศัยภาษิต “เลียตีน สินมาก ปากสอพลอ ล่อไข่แดง แกร่งวิชา” หรือ “สายโลหิต ศิษย์ข้างเคียง เสบียงหลังบ้าน กราบกรานสอพลอ ล่อไข่แดง แกร่งวิชา ถลามาเอง” หรือไม่ ประการใด?

คุณไพบูลย์ยิ้มเล็กๆ ก่อนจะเล่าต่อด้วยแววตาของคนที่ผ่านโลกมามากว่า ในชีวิต ไม่เคยทะเยอทะยานอยากจะเป็นโน่นเป็นนี่ เพียงแต่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด การได้เข้ามาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ก็เช่นกัน เป็นเพราะนายกรัฐมนตรีท่านเชิญชวนให้เข้ามาใช้ประสบการณ์ความรู้ทำงานเพื่อบ้านเมือง ดังนั้น ที่น่าจะเข้าข่ายที่สุดในระบบคิดที่ว่า ก็คงจะเป็นเพราะ “แกร่งวิชา” นั่นเอง

สะท้อนว่า ยุคนี้สมัยนี้ “ลูกชาวบ้าน” อย่างคุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ก็ยังสามารถก้าวพ้นระบบ “เลียตีน” หรือระบบอุปถัมภ์ อาศัยความรู้ความสามารถของตัวเป็นหลัก เพราะแม่สอนมาอย่างนั้น ให้ความสำคัญกับชีวิตแบบนั้น เลี้ยงมาอย่างนั้น จึงสอนโดยไม่ต้องสั่ง ไม่ต้องพูดต้องกล่าว แต่ทำให้เห็นจริงในชีวิตจริงอย่างเป็นธรรมชาติ สอดคล้องกลมกลืนกับวิถีชีวิต

คุณไพบูลย์เป็นลูกของชาวบ้านธรรมดา แม่เป็นชาวนา แม่ไม่เคยเรียนหนังสือในโรงเรียน มีวิถีชีวิตเช่นคนในชนบททั่วไป คุณไพบูลย์จึงได้รับอิทธิพลจากแม่ และเรียนรู้ในชีวิตจริง อย่างสอดคล้องกลมกลืนกับวิถีชีวิต กระทั่งเข้าใจปัญหาชุมชน สังคมชนบท ตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติ พลังชุมชน เศรษฐกิจพอเพียง และคุณธรรมสังคม

นึกถึงตัวเอง ซึ่งเป็น “ลูกชาวบ้าน” เหมือนกัน แม่เป็นแม่ค้า ขายหนังสือเรียนอยู่ในตลาด แม่ไม่เคยเข้าโรงเรียน แต่สามารถเลี้ยงลูกให้เข้าใจชีวิตและสังคมรอบตัว

นึกสงสัยว่า คนที่ประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องอาศัยระบบ “เลียตีน” แต่อาศัยความรู้ความสามารถ หรือ “แกร่งวิชา” เป็นเพียง “ปลาที่หลุดจากร่างแหของระบบอุปถัมภ์” หรือจะเป็นความดีของสังคม ที่ยังเปิดโอกาสให้คนที่ “แกร่งวิชา” ได้พอมีช่องทางในการเติบโตได้บ้าง

รายละเอียด ลองไปหาอ่านในหนังสือ “ลูกชาวบ้าน” เนื้อหาจะบอกถึงปูมหลังชีวิต การเรียนรู้ที่ไม่ได้มีแต่ในโรงเรียน ความสัมพันธ์กับแม่ วิธีที่แม่ชาวบ้านเลี้ยงลูก สอนลูกโดยไม่ต้องสั่ง แต่สอดคล้องกลมกลืนกับวิถีชีวิตธรรมดา

หนังสือเล่มนี้ ประกอบด้วยข้อเขียนของคุณไพบูลย์ และของผม ซึ่งต่างคนต่างเขียนในโอกาสเดียวของชีวิต ทั้งชีวิตไม่สามารถเขียนอย่างนี้ได้อีกแล้ว ชั่วชีวิตหนึ่งสามารถเขียนได้ครั้งเดียวเท่านั้น

คือ เขียนตอนที่แม่เสียชีวิต ช่วงยามที่แม่เพิ่งจากไป !

เป็นความเรียงเกี่ยวกับแม่ ที่แม่ไม่มีโอกาสได้อ่าน...


สำนักพิมพ์ฃอคิดด้วยฅน ได้นำมาจัดพิมพ์ เพื่อเป็นกำลังใจและแนวคิดในการเลี้ยงลูกของชาวบ้านธรรมดาๆ

การได้เห็น “ลูกชาวบ้าน” ประสบความสำเร็จ โดยไม่ต้องตกเป็นทาสระบบ “เลียตีน” ทำให้ยังพอมีความหวังกับการปฏิรูปสังคมการเมืองของเรา

ถ้าเราจะปฏิรูปการเมืองได้ ก็คงจะต้องปฏิรูปความคิดกันให้ได้เสียก่อน เพราะระบบ “เลียตีน” และระบบอุปถัมภ์ ที่ผ่านมานั้น เป็นกลไกสำคัญทำให้การเมืองไทยตกอยู่ในวังวนการซื้อเสียง ระบบบุญคุณ การเล่นพวก มากกว่าจะตระหนักถึงผลประโยชน์ส่วนรวม

ไม่ต้องอาศัยสายโลหิต ไม่ต้องใช้ศิษย์ข้างเคียง ไม่ต้องมีสินบนหรือเสบียงหลังบ้าน ไม่ต้องกราบกรานสอพลอ ไม่ต้องใช้การล่อไข่แดง ไม่ต้องเข้าหาผู้อุปถัมภ์ ก็สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้

จะต้องคิดและเชื่อ เป็นพื้นฐานอย่างนี้ ให้ได้เสียก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น