คลื่นใต้น้ำยังคงเล่นไม่เลิกและคงจะขยายวงกว้าง ทั้งจะขยายความรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็นลำดับไป จนกว่าจะแตกหักดับสูญกันไปข้างหนึ่ง โดยมีประเทศชาติ ประชาชน และอนาคตของชาติเป็นเหยื่อบูชายัญ
เราได้เตือนไว้แล้วว่าความหน่อมแน้ม เฉื่อยชา ล้าหลังจะเป็นต้นเหตุของความรุนแรงทั้งปวงของประเทศไทย
เพราะถ้าหากเกิดความหน่อมแน้ม เฉื่อยชา ล้าหลังขึ้นแล้วเมื่อใด เมื่อนั้นอีกฝ่ายหนึ่งก็จะฮึกเหิมลำพองใจ เพราะถือว่าทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ
จะด่ารัฐบาลและ คมช. ก็ด่าได้ตามใจชอบ ที่โกงที่กินไปก็มีแต่เสียงบ่นกันขรม และตะโกนกันปาว ๆ แต่ก็ไม่เห็นมีใครทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราว จะข่มขู่ข่มเหงผู้คนก็ทำได้สบายใจเฉิบ
หนักเข้าก็เผาโรงเรียนกันเป็นว่าเล่น ทั้ง ๆ ที่เยาวชนของชาติซึ่งเป็นลูกหลานชาวบ้านอย่างเราท่านไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่แต่ประการใด ก็พลอยเดือดร้อนและไร้ที่เรียนโดยที่ใครก็ทำอะไรไม่ได้
เกิดเหตุเผาโรงเรียนทีไรก็มีคนออกมาบอกว่าเป็นเรื่องไฟฟ้าช็อต ทั้ง ๆ ที่ชาวบ้านในพื้นที่เขารู้เช่นเห็นชาติกันอยู่ว่าเป็นการเผาเพื่อหวังผลทางการเมือง
เมื่อการเผาโรงเรียนเป็นการวางเพลิง แต่มีคนมาออกหน้าแก้ต่างแทนว่าเป็นเรื่องไฟฟ้าช็อต คนที่เป็นคนเผาหรือสั่งให้เผาก็หัวร่อกันงอหงิกงอหงายและได้ใจ กำเริบใจมากขึ้น กล้าทำมากขึ้น
ส่วนชาวบ้านหัวเราะไม่ออกและบอกไม่ถูก จึงได้แต่ดูหมิ่นเหยียดหยามคนผู้มีอำนาจในบ้านเมืองว่าหน่อมแน้ม เฉื่อยชา ล้าหลัง ชาวบ้านเขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่ามีการวางเพลิงเผาโรงเรียน แต่ก็ไม่เห็นทำอะไรใครได้
ยังมีหน้ามาหลอกชาวบ้านให้อุ่นใจว่าเป็นเรื่องไฟไหม้เสียอีก!
นี่แหละที่เราเตือนไว้ว่าความหน่อมแน้ม เฉื่อยชา ล้าหลังเป็นเหตุให้เกิดความรุนแรง และไม่มีทางที่จะเกิดความสมานฉันท์ใด ๆ ได้ จากความหน่อมแน้ม เฉื่อยชาและล้าหลังนั้น
การเผาโรงเรียนเป็นกระบวนการหนึ่งของการก่อคลื่นใต้น้ำ และถูกใช้เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่มุ่งหวังจะล้มล้างรัฐบาลและ คมช. พูดง่าย ๆ ก็คือถูกใช้เป็นเครื่องมือในเกมช่วงชิงอำนาจนั่นเอง
เราได้ยินการพูดถึงแผนการเรื่องนี้มาเดือนกว่าแล้วแต่ไม่เชื่อ เพราะคาดคิดไม่ถึงว่าคนไทยด้วยกัน เป็นชาวพุทธด้วยกัน ไม่น่าที่จะเป็นไปได้ที่จะมีความโหดร้ายทำการเช่นนั้นได้
เพราะการเผาโรงเรียนเกิดผลโดยตรงต่อเด็กนักเรียนและผู้ปกครอง ทำให้เด็กไม่มีสถานที่เรียน ทำให้ผู้ปกครองเดือดร้อน ทำให้ประชาชนในพื้นที่เสียขวัญและขาดกำลังใจ ทั้งทำให้รัฐบาลเสียหาย ขาดความเชื่อถือ ทำให้ประเทศไทยสูญเสียภาพพจน์ที่เป็นประเทศซึ่งสงบสุขสันติมาแต่ก่อน
พูดง่าย ๆ ก็คือการเผาโรงเรียนมีแต่เรื่องฉิบหายและความฉิบหายทั้งสิ้น
ขออนุญาตที่ต้องใช้คำคำนี้ ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นคำหยาบ แต่ความจริงไม่ใช่คำหยาบ เป็นคำสอนอย่างหนึ่งในเรื่องอบายมุขว่าเป็นทางแห่งความฉิบหาย คำคำนี้เป็นคำไทยแท้และมีความหมายที่ตรงกับความหมายมากที่สุด ที่แม้ในทางนิรุกติ์ก็ไม่สามารถตัดถ้อยคำนี้ออกไปได้
แผนการเผาโรงเรียนมีชื่อเต็ม ๆ ว่า “แผนเผาเละ เผาแหลก”
คือเผาให้เละในแต่ละพื้นที่ ไม่จำกัดพื้นที่ ใครดูแลรับผิดชอบพื้นที่ไหนก็ให้เผาให้เละ โดยสลับหมุนเวียนกันแต่ละพื้นที่ เพื่อป้องกันการถูกสังเกตหรือจับได้
และเผาให้แหลกทุกหนทุกแห่งเท่าที่จะทำได้ โดยคาดหวังว่าหากเผาโรงเรียนในภาคเหนือและภาคอีสานสัก 200-300 แห่งแล้ว ทั้งรัฐบาลและ คมช. ก็หมดเครดิตและสิ้นความศรัทธาเชื่อมั่นในหมู่ประชาชน
เนื่องจากไม่เคยปรากฏเหตุการณ์เผาโรงเรียนในพื้นที่เหล่านั้นมาก่อน และเป็นพื้นที่ไทยพุทธเกือบจะล้วน ๆ หากเกิดเหตุเช่นนี้ก็แสดงว่าประชาชนในพื้นที่เป็นหูเป็นตาเป็นใจ และร่วมมือร่วมใจในการต่อต้านล้มล้างรัฐบาลและ คมช.
ที่สำคัญคือมุ่งหวังให้บุคคลสำคัญ ๆ กดดันต่อรัฐบาลและ คมช. ให้ต้องรับผิดชอบ
เห็นหรือยังว่าเป็นแผนการที่ลึกซึ้ง เรียกว่าเป็นกลยุทธ์ใช้กำลังสิบตำลึงผลักพันชั่ง
ในวันนี้การเผาโรงเรียนได้เกิดขึ้นในภาคเหนือและภาคอีสานรวม 21 แห่งแล้ว ยังจับใครไม่ได้แม้แต่สักคนเดียว
และไม่เคยมีใครแสดงความรับผิดชอบเลยแม้แต่คนเดียว
ตำรวจก็ไม่แสดงความรับผิดชอบ ฝ่ายปกครองก็ไม่แสดงความรับผิดชอบ พวกท้องถิ่นก็ไม่แสดงความรับผิดชอบ พวกมหาดไทยก็เฉย ปล่อยให้ทหารเต้นเร่า ๆ อยู่พวกเดียว
แล้วทหารจะทำอะไรได้? เพราะเป็นงานของฝ่ายพลเรือนที่มีหูมีตาอยู่ทั้งบ้านทั้งเมือง
ที่ขำไม่ออกก็คือในจำนวนการเผาโรงเรียนทั้ง 21 แห่งนี้ ตอนแรกก็ตั้งข้อสงสัยว่าเป็นเรื่องไฟฟ้าช็อต แต่ขณะนี้ผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์เสร็จสิ้นแล้ว 15 แห่ง ปรากฏว่าเป็นการวางเพลิงเสีย 14 แห่ง อีก 1 แห่งเป็นเรื่องไฟฟ้าช็อต
ส่วนเรื่องล่าสุดที่อำเภอเสิงสาง จังหวัดโคราช ที่เดิมก็เริ่มจะพูดกันแล้วว่าเป็นเรื่องไฟฟ้าช็อต แต่เกิดผู้เกี่ยวข้องในโรงเรียนแห่งนั้นรู้เห็นเหตุการณ์ว่าเป็นการวางเพลิงโดยคนร้ายใช้รถกระบะเป็นยานพาหนะมาใช้เผาโรงเรียนนี้ จึงพูดเป็นเรื่องไฟฟ้าช็อตไม่ได้
แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร นอกจากประกาศตั้งค่าหัวเหมือนกับการตั้งค่าหัวเอากับผู้ก่อความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
เรื่องเพียงเท่านี้ถึงกับต้องติดสินบนตั้งค่าหัว แสดงว่าไร้ประสิทธิภาพและสิ้นคิดจนสุดจะประมาณแล้ว ควรจะลาออกไปจากราชการเสียให้หมดเรื่องหมดราว
รวมความว่าในจำนวนโรงเรียน 21 แห่งที่ถูกเผานั้น มีความชัดเจนแล้วว่าเกิดจากการวางเพลิง 15 แห่ง เกิดจากไฟฟ้าช็อต 1 แห่ง และอยู่ระหว่างตรวจสอบอีก 5 แห่ง
แล้วอย่างนี้เป็นเรื่องเล็กที่ไม่ควรแก่การสนใจได้หรือ เป็นเรื่องเล็กที่ไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบอะไรกันได้หรือ
ดังนั้นเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง เราเสนอข้อเรียกร้องสามประการ
หนึ่ง รัฐบาลและ คมช. ต้องเพิ่มความเด็ดขาดและเพิ่มมาตรการที่รัดกุมในการป้องกันปราบปรามการก่อคลื่นใต้น้ำโดยวิธีการเผาโรงเรียนไม่ให้เกิดขึ้นอีก เกิดขึ้นในจังหวัดไหนผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจจังหวัด ผู้กำกับ นายอำเภอ ต้องรับผิดชอบด้วยการถูกย้ายออกนอกพื้นที่ทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องไฟฟ้าช็อต นั่นคือเลิกหน่อมแน้ม เฉื่อยชา ล้าหลังกันได้แล้ว ก่อนที่บ้านเมืองจะฉิบหายไปมากกว่านี้ ถ้าไม่อยากเลิกก็ออกไปเถอะ
สอง รัฐบาลและ คมช. จะต้องนำตัวผู้กระทำความผิดคือทั้งผู้วางเพลิง ผู้สนับสนุนการวางเพลิง ผู้สั่งการ มาลงโทษให้ได้โดยเร็วที่สุด
สาม เราเรียกร้องให้ประชาชนผู้รักชาติ รักประชาธิปไตยทั้งประเทศ โดยเฉพาะเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งได้รับหน้าที่เป็นยามเฝ้าแผ่นดิน ได้ช่วยกันให้ข้อมูลข่าวสารเพื่อเอาตัวผู้ทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้จงได้
ขอให้ระลึกว่าเราต่อสู้กับระบอบทักษิณที่ใหญ่โตและเหี้ยมโหดอำมหิตเรายังไม่กลัว แล้วจะกลัวอะไรกับเสี้ยนหนามแผ่นดินที่ทำลายชาติและเยาวชนแบบนี้!
เราได้เตือนไว้แล้วว่าความหน่อมแน้ม เฉื่อยชา ล้าหลังจะเป็นต้นเหตุของความรุนแรงทั้งปวงของประเทศไทย
เพราะถ้าหากเกิดความหน่อมแน้ม เฉื่อยชา ล้าหลังขึ้นแล้วเมื่อใด เมื่อนั้นอีกฝ่ายหนึ่งก็จะฮึกเหิมลำพองใจ เพราะถือว่าทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ
จะด่ารัฐบาลและ คมช. ก็ด่าได้ตามใจชอบ ที่โกงที่กินไปก็มีแต่เสียงบ่นกันขรม และตะโกนกันปาว ๆ แต่ก็ไม่เห็นมีใครทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราว จะข่มขู่ข่มเหงผู้คนก็ทำได้สบายใจเฉิบ
หนักเข้าก็เผาโรงเรียนกันเป็นว่าเล่น ทั้ง ๆ ที่เยาวชนของชาติซึ่งเป็นลูกหลานชาวบ้านอย่างเราท่านไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่แต่ประการใด ก็พลอยเดือดร้อนและไร้ที่เรียนโดยที่ใครก็ทำอะไรไม่ได้
เกิดเหตุเผาโรงเรียนทีไรก็มีคนออกมาบอกว่าเป็นเรื่องไฟฟ้าช็อต ทั้ง ๆ ที่ชาวบ้านในพื้นที่เขารู้เช่นเห็นชาติกันอยู่ว่าเป็นการเผาเพื่อหวังผลทางการเมือง
เมื่อการเผาโรงเรียนเป็นการวางเพลิง แต่มีคนมาออกหน้าแก้ต่างแทนว่าเป็นเรื่องไฟฟ้าช็อต คนที่เป็นคนเผาหรือสั่งให้เผาก็หัวร่อกันงอหงิกงอหงายและได้ใจ กำเริบใจมากขึ้น กล้าทำมากขึ้น
ส่วนชาวบ้านหัวเราะไม่ออกและบอกไม่ถูก จึงได้แต่ดูหมิ่นเหยียดหยามคนผู้มีอำนาจในบ้านเมืองว่าหน่อมแน้ม เฉื่อยชา ล้าหลัง ชาวบ้านเขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่ามีการวางเพลิงเผาโรงเรียน แต่ก็ไม่เห็นทำอะไรใครได้
ยังมีหน้ามาหลอกชาวบ้านให้อุ่นใจว่าเป็นเรื่องไฟไหม้เสียอีก!
นี่แหละที่เราเตือนไว้ว่าความหน่อมแน้ม เฉื่อยชา ล้าหลังเป็นเหตุให้เกิดความรุนแรง และไม่มีทางที่จะเกิดความสมานฉันท์ใด ๆ ได้ จากความหน่อมแน้ม เฉื่อยชาและล้าหลังนั้น
การเผาโรงเรียนเป็นกระบวนการหนึ่งของการก่อคลื่นใต้น้ำ และถูกใช้เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่มุ่งหวังจะล้มล้างรัฐบาลและ คมช. พูดง่าย ๆ ก็คือถูกใช้เป็นเครื่องมือในเกมช่วงชิงอำนาจนั่นเอง
เราได้ยินการพูดถึงแผนการเรื่องนี้มาเดือนกว่าแล้วแต่ไม่เชื่อ เพราะคาดคิดไม่ถึงว่าคนไทยด้วยกัน เป็นชาวพุทธด้วยกัน ไม่น่าที่จะเป็นไปได้ที่จะมีความโหดร้ายทำการเช่นนั้นได้
เพราะการเผาโรงเรียนเกิดผลโดยตรงต่อเด็กนักเรียนและผู้ปกครอง ทำให้เด็กไม่มีสถานที่เรียน ทำให้ผู้ปกครองเดือดร้อน ทำให้ประชาชนในพื้นที่เสียขวัญและขาดกำลังใจ ทั้งทำให้รัฐบาลเสียหาย ขาดความเชื่อถือ ทำให้ประเทศไทยสูญเสียภาพพจน์ที่เป็นประเทศซึ่งสงบสุขสันติมาแต่ก่อน
พูดง่าย ๆ ก็คือการเผาโรงเรียนมีแต่เรื่องฉิบหายและความฉิบหายทั้งสิ้น
ขออนุญาตที่ต้องใช้คำคำนี้ ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นคำหยาบ แต่ความจริงไม่ใช่คำหยาบ เป็นคำสอนอย่างหนึ่งในเรื่องอบายมุขว่าเป็นทางแห่งความฉิบหาย คำคำนี้เป็นคำไทยแท้และมีความหมายที่ตรงกับความหมายมากที่สุด ที่แม้ในทางนิรุกติ์ก็ไม่สามารถตัดถ้อยคำนี้ออกไปได้
แผนการเผาโรงเรียนมีชื่อเต็ม ๆ ว่า “แผนเผาเละ เผาแหลก”
คือเผาให้เละในแต่ละพื้นที่ ไม่จำกัดพื้นที่ ใครดูแลรับผิดชอบพื้นที่ไหนก็ให้เผาให้เละ โดยสลับหมุนเวียนกันแต่ละพื้นที่ เพื่อป้องกันการถูกสังเกตหรือจับได้
และเผาให้แหลกทุกหนทุกแห่งเท่าที่จะทำได้ โดยคาดหวังว่าหากเผาโรงเรียนในภาคเหนือและภาคอีสานสัก 200-300 แห่งแล้ว ทั้งรัฐบาลและ คมช. ก็หมดเครดิตและสิ้นความศรัทธาเชื่อมั่นในหมู่ประชาชน
เนื่องจากไม่เคยปรากฏเหตุการณ์เผาโรงเรียนในพื้นที่เหล่านั้นมาก่อน และเป็นพื้นที่ไทยพุทธเกือบจะล้วน ๆ หากเกิดเหตุเช่นนี้ก็แสดงว่าประชาชนในพื้นที่เป็นหูเป็นตาเป็นใจ และร่วมมือร่วมใจในการต่อต้านล้มล้างรัฐบาลและ คมช.
ที่สำคัญคือมุ่งหวังให้บุคคลสำคัญ ๆ กดดันต่อรัฐบาลและ คมช. ให้ต้องรับผิดชอบ
เห็นหรือยังว่าเป็นแผนการที่ลึกซึ้ง เรียกว่าเป็นกลยุทธ์ใช้กำลังสิบตำลึงผลักพันชั่ง
ในวันนี้การเผาโรงเรียนได้เกิดขึ้นในภาคเหนือและภาคอีสานรวม 21 แห่งแล้ว ยังจับใครไม่ได้แม้แต่สักคนเดียว
และไม่เคยมีใครแสดงความรับผิดชอบเลยแม้แต่คนเดียว
ตำรวจก็ไม่แสดงความรับผิดชอบ ฝ่ายปกครองก็ไม่แสดงความรับผิดชอบ พวกท้องถิ่นก็ไม่แสดงความรับผิดชอบ พวกมหาดไทยก็เฉย ปล่อยให้ทหารเต้นเร่า ๆ อยู่พวกเดียว
แล้วทหารจะทำอะไรได้? เพราะเป็นงานของฝ่ายพลเรือนที่มีหูมีตาอยู่ทั้งบ้านทั้งเมือง
ที่ขำไม่ออกก็คือในจำนวนการเผาโรงเรียนทั้ง 21 แห่งนี้ ตอนแรกก็ตั้งข้อสงสัยว่าเป็นเรื่องไฟฟ้าช็อต แต่ขณะนี้ผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์เสร็จสิ้นแล้ว 15 แห่ง ปรากฏว่าเป็นการวางเพลิงเสีย 14 แห่ง อีก 1 แห่งเป็นเรื่องไฟฟ้าช็อต
ส่วนเรื่องล่าสุดที่อำเภอเสิงสาง จังหวัดโคราช ที่เดิมก็เริ่มจะพูดกันแล้วว่าเป็นเรื่องไฟฟ้าช็อต แต่เกิดผู้เกี่ยวข้องในโรงเรียนแห่งนั้นรู้เห็นเหตุการณ์ว่าเป็นการวางเพลิงโดยคนร้ายใช้รถกระบะเป็นยานพาหนะมาใช้เผาโรงเรียนนี้ จึงพูดเป็นเรื่องไฟฟ้าช็อตไม่ได้
แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร นอกจากประกาศตั้งค่าหัวเหมือนกับการตั้งค่าหัวเอากับผู้ก่อความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
เรื่องเพียงเท่านี้ถึงกับต้องติดสินบนตั้งค่าหัว แสดงว่าไร้ประสิทธิภาพและสิ้นคิดจนสุดจะประมาณแล้ว ควรจะลาออกไปจากราชการเสียให้หมดเรื่องหมดราว
รวมความว่าในจำนวนโรงเรียน 21 แห่งที่ถูกเผานั้น มีความชัดเจนแล้วว่าเกิดจากการวางเพลิง 15 แห่ง เกิดจากไฟฟ้าช็อต 1 แห่ง และอยู่ระหว่างตรวจสอบอีก 5 แห่ง
แล้วอย่างนี้เป็นเรื่องเล็กที่ไม่ควรแก่การสนใจได้หรือ เป็นเรื่องเล็กที่ไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบอะไรกันได้หรือ
ดังนั้นเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง เราเสนอข้อเรียกร้องสามประการ
หนึ่ง รัฐบาลและ คมช. ต้องเพิ่มความเด็ดขาดและเพิ่มมาตรการที่รัดกุมในการป้องกันปราบปรามการก่อคลื่นใต้น้ำโดยวิธีการเผาโรงเรียนไม่ให้เกิดขึ้นอีก เกิดขึ้นในจังหวัดไหนผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจจังหวัด ผู้กำกับ นายอำเภอ ต้องรับผิดชอบด้วยการถูกย้ายออกนอกพื้นที่ทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องไฟฟ้าช็อต นั่นคือเลิกหน่อมแน้ม เฉื่อยชา ล้าหลังกันได้แล้ว ก่อนที่บ้านเมืองจะฉิบหายไปมากกว่านี้ ถ้าไม่อยากเลิกก็ออกไปเถอะ
สอง รัฐบาลและ คมช. จะต้องนำตัวผู้กระทำความผิดคือทั้งผู้วางเพลิง ผู้สนับสนุนการวางเพลิง ผู้สั่งการ มาลงโทษให้ได้โดยเร็วที่สุด
สาม เราเรียกร้องให้ประชาชนผู้รักชาติ รักประชาธิปไตยทั้งประเทศ โดยเฉพาะเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งได้รับหน้าที่เป็นยามเฝ้าแผ่นดิน ได้ช่วยกันให้ข้อมูลข่าวสารเพื่อเอาตัวผู้ทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้จงได้
ขอให้ระลึกว่าเราต่อสู้กับระบอบทักษิณที่ใหญ่โตและเหี้ยมโหดอำมหิตเรายังไม่กลัว แล้วจะกลัวอะไรกับเสี้ยนหนามแผ่นดินที่ทำลายชาติและเยาวชนแบบนี้!