xs
xsm
sm
md
lg

"สนธิ"ตอก"แม้ว"ยันไม่เคยวิ่งเต้นขอตำแหน่ง ผบ.ทบ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"สนธิ"ตอกกลับ"แม้ว" ยันเป็นคนไม่เคยลืมบุญคุณคน แต่ไม่เคยไปวิ่งเต้นเพื่อขอตำแหน่งผบ.ทบ. ย้ำหน้าที่และความสำคัญของชาติบ้านเมืองต้องเป็นลำดับแรก ด้าน"จาตุรนต์"ระบุประธานคมช.ไม่ควรออกมาพูดชี้นำในเรื่องการตรวจสอบทุจริตและการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ยอมรับไปพบ"บิ๊กจิ๋ว"เพื่อขอคำปรึกษาในฐานะที่เคยเป็นผู้ใหญ่ของพรรค

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวฝากมาทางนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายครอบครัวชินวัตร ว่า ให้คิดถึงความรู้สึกดีๆที่พบกันก่อนที่พล.อ.สนธิ จะได้รับตำแหน่ง ผบ.ทบ.ว่า ปกติตนเป็นคนไม่ลืมบุญคุณคน แต่ต้องฝากขอบพระคุณ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย อย่างไรก็ตามหน้าที่คือหน้าที่ ความสำคัญของชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งที่จะต้องพิจารณาเป็นลำดับแรก

เมื่อถามย้ำว่า ที่ผ่านมาไม่ได้ไปวิ่งเต้นขอตำแหน่งใช่หรือไม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่า ปกติไม่เคยวิ่งอยู่แล้ว แต่พ.ต.ท.ทักษิณ กรุณานำรายชื่อทั้งหมดขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อทรงพิจารณาอีกครั้ง ส่วนการพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นการลำเลิกบุญคุณหรือไม่ ทั้งๆ ที่การพิจารณาตำแหน่งเป็นเรื่องของการพิจารณาความเหมาะสม พล.อ.สนธิ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พูดผ่านทนาย ก็ไม่เสียหายอะไร ถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของสังคมไทย

ส่วนจะมีการติดต่อทางโทรศัพท์เพื่อทำความเข้าใจกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่ เพราะต้องไปตีความตามที่ตนได้อ่านใหม่ (การปาฐกถาเรื่องอนาคตไทย-อนาคต คมช.ที่สโมสรกองทัพบก เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา)เพราะอาจมีบางคนที่บอกว่า ตนไม่รู้กฎหมาย ความจริง ตนไม่ได้เขียนเอง แต่นักกฎหมายเป็นคนเขียน

"ผมอ่านอย่างเดียว เพราะทั้งหมดนักกฎหมายเป็นผู้เขียนให้ เพราะฉะนั้นถือว่าผู้เขียนคือผู้รู้ ผมเพียงแต่นำข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณาและใช้ประโยชน์ ส่วนเรื่องการเปรียบเปรย เรื่องเด็กเลี้ยงแกะ ต้องเข้าใจความหมายว่า เราเปรียบเทียบว่า ในหมู่บ้านหนึ่ง มีเด็กซึ่งไปหลอกลวงชาวบ้าน ชาวบ้านเขาก็ขับไล่แค่นั้นเอง นั่นคือนิทานหนึ่ง แต่ข้อเท็จจริงคือ เราพูดเรื่อง 2เหตุการณ์ ที่อดีตท่านนายกฯ ที่พูดไว้กับประชาชน 64 ล้านคน แล้วมีการเปลี่ยนแปลงคำพูดถึง 2 ครั้ง"พล.อ.สนธิ กล่าว

เมื่อถามย้ำว่าการดำเนินการเรื่องต่างๆ ต่อไป ยังคงยืนยันหรือไม่ว่าจะยึดข้อเท็จจริงและความถูกต้อง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องหลักที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.) จนมาถึงคมช. ยึดตามหลักของกฎหมายเป็นตัวตั้ง

พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ.ในฐานะผู้ช่วยเลขาธิการ คมช.กล่าวถึงกรณีที่ พรรคไทยรักไทย เรียกร้องให้ยกเลิกการประกาศของ คปค.ฉบับที่ 15 และ 27 เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองสามารถชุมนุมกันได้ว่า เรื่องนี้จะต้องถามประธาน คมช.เพราะตนไม่มีความเห็น อะไรที่เป็นนโยบาย

ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.กล่าวปาฐกถาพิเศษ ถึงสาเหตุของการปฏิวัติ และแสดงความเห็นต่อการร่างรัฐธรรมนูญว่า ก่อนหน้านี้ตนเชื่อว่า พล.อ.สนธิ ไม่ต้องการแสวงหาอำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตัว รวมทั้งคงไม่มีแนวคิดสืบทอดอำนาจ และเป็นเพียงการทำหน้าที่ที่จำเป็น แต่การที่พล.อ.สนธิ ออกมาแสดงความเห็นนั้น อาจเกิดผลเสียที่ตามมาในลักษณะไม่ตรงกับความคิด จิตใจ ของท่านเอง แต่คำพูดของท่านที่ถูกเรียบเรียงอย่างเป็นระบบ จึงเกรงว่าสิ่งที่ท่านอ่านคงเป็นการอ่านตามที่คนเขียนไว้ และจะเกิดผลเสียที่ตามมา คือ 1. การที่พล.อ.สนธิ ให้เหตุผลถึงความชอบธรรมในการยึดอำนาจ ตนเกรงว่าจะเป็นการปลูกฝังค่านิยมที่ผิดเรื่องประชาธิปไตย โดยเฉพาะการระบุว่า อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทำไม่ดี แต่ยังไม่มี การพิสูจน์ จึงเกรงว่า ต่อไปผู้มีอำนาจทางทหารคิดว่ารัฐบาลเกิดปัญหาโดยไม่รอการพิสูจน์ตามกฎหมาย ก็จะดำเนินการยึดอำนาจ โดยอ้างความชอบธรรม

2.การที่ พล.อ.สนธิ พูดถึงอดีตนายกฯ และรัฐบาลว่าบริหารผิดพลาด ทำผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรมนั้น หากพล.อ.สนธิ พูดในฐานะประชาชนคนหนึ่ง หรือพูดก่อนเหตุการณ์ 19 ก.ย.ก็มีสิทธิที่จะแสดงความเห็นได้ แต่การพูดในฐานะประธานคมช.ที่เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศ เพราะเป็นผู้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและองค์กรตรวจสอบ จึงเกรงว่าจะเป็นการชี้นำองค์กรต่างๆที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ และเป็นการก้าวก่าย แทรกแซงหรือครอบงำกระบวนการยุติธรรมที่ยังไม่ถึงศาล

3. การที่พล.อ.สนธิ แสดงความเห็นเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยระบุว่ายังไม่มีการศึกษา แต่สิ่งที่พล.อ.สนธิ ตั้งคำถามถึงการร่างรัฐธรรมนูญ กลับเป็นการวางอย่างเป็นระบบ ซึ่งท่านถือเป็นประธานคมช.ที่ทำหน้าที่เลือกสภาร่างรัฐธรรมนูญ จาก 200 คน ให้เหลือ 100 คน รวมถึงการนำรัฐธรรมนูญบางฉบับมาแก้ไขหากประชาชนลงประชามติไม่เห็นด้วย ดังนั้นการตั้งคำถามของพล.อ.สนธิ จึงถือเป็นการชี้นำเรื่องรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่า เหตุผลหนึ่งที่พล.อ.สนธิ อ้างถึงการปฏิวัติ คือการขนคนของพรรคไทยรักไทย เพื่อปะทะกับกลุ่มพันธมิตร จึงเกรงว่าจะเกิดความรุนแรง นายจาตุรนต์ กล่าวว่า พล.อ.สนธิ ก็ถือเป็นผู้รักษาความสงบ จึงไม่สามารถพูดได้ว่าเกิดความไม่เรียบร้อยจึงนำอาวุธมายึดอำนาจเสียเอง ดังนั้นการอ้างความชอบธรรมในการยึดอำนาจจึงฟังไม่ขึ้น

ส่วนกรณีกระแสข่าวอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทยและอดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย เดินทางเข้าพบพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพักซอยปิ่นประภาคมนั้น นายจาตุรนต์ ยอมรับว่า ตนได้ไปพบพล.อ.ชวลิต จริง และก็ไปพบนักการเมืองอีกหลายคนทั้งที่บ้าน ที่ร้านอาหาร หรือแม้แต่เชิญมาที่พรรค ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองที่ยังอยู่ในพรรคไทยรักไทยหรือเคยอยู่ในพรรคไทยรักไทยมาก่อน โดยไม่มีวัตถุประสงค์อะไรเป็นพิเศษ แต่เมื่อเข้ามารับตำแหน่งรักษาการหัวหน้าพรรค ก็ต้องประสานขอความรู้จากผู้ที่มีประสบการณ์ สำหรับพล.อ.ชวลิต ก็ถือเป็นอดีตหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ ซึ่งตนก็เคยโฆษกพรรคคนแรก เคยเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลมาถึง 4 ปี ก็เช่นเดียวกับอีกหลายคน

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ชวลิต ได้ประเมินสถานการณ์การเมืองในอนาคตว่า พรรคไทยรักไทยและพรรคประชาธิปัตย์อาจถูกยุบพรรค นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ท่านไม่ได้พูดกับตนถึงเรื่องนี้ และในช่วงปีใหม่ ตนก็จะไปพบอีก

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ ตนและคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคไทยรักไทย จะเดินทางไปพบคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อเสนอให้ยกเลิกคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรย์ทรงเป็นประมุข(คปค.) ฉบับที่ 15 และ 27 ที่ห้ามพรรคการเมืองประชุมหรือดำเนินกิจกรรมทางการเมือง โดยจะเสนอให้กกต.ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชิญพรรคการเมืองต่างๆหารือถึงบทบาทของพรรคการเมืองหลังจากนี้ และในวันเดียวกันจะมีตัวแทนของพรรคไปยื่นหนังสือต่อพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อพิจารณาในเรื่องดังกล่าวด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น