xs
xsm
sm
md
lg

ตั้งเป้า 7 วันอันตราย ตายไม่เกิน 410 คน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนตั้งเป้าช่วง 7 วันอันตราย 28 ธ.ค.-3 ม.ค. ลดอุบัติเหตุ 15% ตายไม่เกิน 410 คน ด้านปลัดก.ยุติธรรมเสนอแก้กฎหมายจราจร 2 มาตรา เมาแล้วขับไม่ยอมให้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ให้ลงโทษเป็นเมาแล้วขับทันที ส่วนอีกมาตราให้เพิ่มกฎหมายบังคับคู่กรณีอุบัติเหตุต้องตรวจวัดแอลกอฮอล์

วานนี้ (18 ธ.ค.) ที่สโมสรทหารบก เครือข่ายลดอุบัติเหตุ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกันแถลง “เฝ้าระวังป้องกันอุบัติเหตุเทศกาลปีใหม่ 2550” โดยมี ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม รองประธานคนที่สอง กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พล.ต.ต.วีรพงษ์ ชื่นภัคดี ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจทางหลวง และนายธวัชชัย ไทยเขียว รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ

ศ.นพ.อุดมศิลป์กล่าวว่า อุบัติเหตุกลายเป็นปัญหาร้ายแรงของประเทศไทย โดยแต่ละปีพบผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุกว่า 13,000 คน บาดเจ็บเกือบ 1 ล้านรายต่อปี สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่าปีละแสนล้านบาท โดยในช่วงเทศกาลปีใหม่อุบัติเหตุจะเกิดมากเป็น 1.4 เท่าของเวลาปกติ เวลาที่เกิดเหตุมากที่สุดคือ 16.00-20.00 น. ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่คือผู้ขับขี่และใช้รถจักรยานยนต์ และกว่า 85% ไม่สวมหมวกกันน็อก ทั้งนี้ เหล้าคือตัวอันตรายที่เพิ่มความเสี่ยงในการบาดเจ็บ 6.6 เท่า ตาย 9.6 เท่า

สำหรับในช่วงปีใหม่ 2550 นี้ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนตั้งเป้าลดอุบัติเหตุและความสูญเสียลง 15% คือ จะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นช่วง 7 วันระหว่าง 28 ธ.ค.-3ม.ค. ไม่เกิน 4,001 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บไม่เกิน 4,555 ราย และมีผู้เสียชีวิตไม่เกิน 410 คน

ทั้งนี้ จะทำการรณรงค์ลดอุบัติเหตุภายในคำขวัญที่ว่า “จน เครียด กินเหล้า ขับ ถูกจับแน่” เพื่อมุ่งสร้างจิตสำนึกให้คนไทยเข้าใจความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น โดย สสส. ร่วมกับภาคีเครือข่ายลดอุบัติเหตุทั่วประเทศ 200 องค์กร มากกว่า 3,000 คน ประจำอยู่ตามสถานีบริการน้ำมันใน 30 จังหวัดเสี่ยงสูงเพื่อให้ข้อมูลการเดินทางปลอดภัย รวมทั้งสังเกตพฤติกรรมผู้ขับขี่ หากอยู่ในอาการมึนเมาจะแจ้งให้จุดตรวจข้างหน้า ดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อป้องกันความสูญเสีย เป็นต้น

ด้านพล.ต.ต.วีรพงษ์ กล่าวว่า กองบังคับการตำรวจทางหลวงได้ตั้งด่านในจุดเสี่ยง 90 จุด ที่เป็นทางโค้ง ทางลาดชันอันตราย ซึ่งเกิดอุบัติเหตุในปีที่ผ่านมาอย่างเข้มงวด รวมทั้งร่วมมือกับผู้ต้องหาชั้นเยี่ยมที่ทำความผิดเกี่ยวกับรถแล้วใกล้พ้นโทษจากกรมราชภัณฑ์ในการช่วยตำรวจทางหลวงในการตั้งกรวย และโบกรถ รวมทั้งสิ้นจำนวน 400 คน ขณะที่นักศึกษาอาชีวะก็จะทำหน้าที่ในการตรวจสภาพรถกว่า 100 แห่ง และเปิดสายด่วนคอลเซ็นเตอร์ 1193 เพิ่มจาก 10 คู่สายเป็น 15 คู่สาย เพื่อแจ้งการเกิดอุบัติเหตุ โดยร่วมกับ สวพ.91 รายการการเกิดอุบัติเหตุกระจายเสียงทั่วประเทศ อีกทั้งในช่วง 7 วันอันตราย ยังจะแจกแผนที่ทางหลวง 50,000 แผ่น ในวันที่ 26 ธ.ค.นี้

วันเดียวกันนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานเปิดประชุม เชิงปฏิบัติการ การแก้ไข กฎหมาย กฎระเบียบเพื่อลดอุบัติเหตุ ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และสำนักอัยการสูงสุด โดย เปิดเผยว่า กระทรวงยุติธรรมเตรียมจะเสนอแก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 เพื่อลดอุบัติเหตุจำนวน 2 มาตรา คือ มาตรา 142 วรรค 1 โดยจะให้เจ้าหน้าที่สามารถบังคับให้ผู้ขับขี่รถที่มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าจะเสพเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดได้ และถ้าใครที่ปฏิเสธไม่ยอมรับการตรวจโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้เมาแล้วขับ ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีข้อหาเมาแล้วขับ เว้นเสียแต่จะพิสูจน์หรือแก้ตัวได้ในชั้นศาล

สอง- จะเสนอแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 142 วรรค 1 คือ กรณีเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่รถไม่ว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นหรือไม่ เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้ขับขี่รถที่เกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุได้ขับขี่รถในขณะมึนเมาสุรา ให้พนักงานสามารถเรียกผู้ขับขี่รถทั้ง 2 ฝ่ายตรวจวัดแอลกอฮอล์ได้ หากใครฝ่าผืนก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า เป็นผู้ที่เมาแล้วขับเช่นเดียวกัน ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้จัดทำเป็นร่างแก้ไขเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเตรียมเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเพื่อเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.) และนำไปสู่กระบวนการแก้ไขกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตามคงไม่สามารถเสนอเพื่อบังคับใช้ ทันช่วงเทศกาลปีใหม่นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น