เตือนคมช.อย่าหลงคารมแม้ว ระบุพฤติกรรมในอดีตเป็นคนพูดจากลับกลอก พูดอย่างทำอีกอย่าง ส่วนเรื่องจะกลับมาเป็นพยานในคดียุบพรรคแค่แผนปล่อยข่าวกดดันรัฐบาล และคมช. ชี้ไม่ใช่ดุลพินิจของสมาชิกทรท.ว่าแม้วจะต้องเป็นพยานคดียุบพรรคหรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับตุลาการรธน."ชูวิทย์"ติงแผนขึ้นแบล็กลิสต์ 200 อดีต ส.ส.กลุ่มอำนาจเก่าของคมช. จะเป็นการเดินไปเข้ากับดักทรท.ที่เตรียมปลุกให้พลังมวลชนเกิดความเกลียดชัง แล้วท้ายสุดจะให้ลุกฮือขับไล่ แนะคมช.ควรนิ่ง อย่าเต้นตาม ทุกอย่างจะเรียบร้อยด้านคณะที่ปรึกษาสมานฉันท์ฯคมช.จี้รัฐบาลเร่งสร้างความสมานฉันท์ในชาติ ก่อนเกิดความรุนแรง โดยยึดหลัก "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา-เป็นไทย เป็นธรรม"งดใช้วาจารุนแรงตอบโต้ จุดชนวนความขัดแย้ง
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)ระบุว่าได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมรับในความเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ ว่าถ้าคนในสังคมของเรามีจิตใจเป็นนักกีฬาที่แท้จริง ปัญหาก็คงไม่เกิดขึ้น และไม่วุ่นวายมาจนถึงขณะนี้ แต่ต้องยอมรับความจริงว่าในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา มีหลายเรื่องไม่ได้เป็นไปอย่างที่พ.ต.ท.ทักษิณพูดไว้ ฉะนั้นคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น คมช.และพล.อ.สนธิ ควรฟังหูไว้หู
"เหตุผลที่บอกอย่างนี้เพราะตอนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกฯนั้น ก็พูดจากลับไปกลับมาตลอดเวลาในหลายๆ เรื่องที่เป็นปัญหาสำคัญของบ้านเมือง เพราะฉะนั้นพฤติกรรมของพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังไม่สามารถที่จะเชื่อถือในคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เราไม่สามารถมั่นใจได้ว่าสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณ พูดนั้นจะปฏิบัติตามหรือไม่ หรือเป็นคำพูดเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของตัวเอง หรือเพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ เท่านั้น ยิ่งในปัจจุบันพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆแล้ว จึงทำให้ไม่สามารถเชื่อถือในคำพูดนั้นๆได้"โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าวถึงเรื่องสมาชิกพรรคพรรคไทยรักไทยเสนอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเป็นพยานในคดียุบพรรค ว่า เป็นสิทธิ์ที่สมาชิกจะเสนอได้ แต่ทั้งหมดก็อยู่ภายใต้บัญชีพยานที่ศาลรัฐธรรมนูญจะให้นำเสนอภายในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ ทั้งนี้การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมาเป็นพยานได้หรือไม่ ไม่ใช่อยู่ที่สมาชิกพรรคไทยรักไทยต้องการ แต่อยู่ที่ดุลยพินิจของตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า จะเห็นความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน พยานหลักฐานใดบ้างที่รับฟังได้ หรือจะตัดพยานเหล่านั้นออกไป ดังนั้น คิดว่าการที่สมาชิกพรรคไทยรักไทย ออกมาเคลื่อนไหวน่าจะเป็นการสร้างกระแสข่าวเพื่อกดดันรัฐบาล และ คมช.รวมทั้งกดดันการพิจารณาคดีของศาลมากกว่า เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพยานบุคคลที่มีสถานะเทียบเท่าพยานบุคคลอื่นๆ เท่านั้นเอง
ด้านนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทย เปิดเผยว่า ทีมกฎหมายยังไม่ได้กำหนดวันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จำเป็นต้องเดินทางกลับไทยเมื่อใด เพื่อเป็นพยานต่อศาลกรณีการพิจารณายุบพรรคไทยรักไทย เนื่องจากต้องรอการนัดตรวจสอบพยานของศาลในวันที่ 3 ม.ค.ปีหน้าก่อน อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า แม้พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่ได้เดินทางมาเป็นพยานด้วยตนเอง ก็เชื่อว่าพรรคจะไม่ถูกยุบ
**แนะคมช.นิ่ง อย่าเต้นตามเกม
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 เตรียมขึ้นแบล็กลิสต์ ส.ส.กลุ่มอำนาจเก่า 200 คน ทั่วประเทศเพื่อไม่ให้เคลื่อนไหว ก่อกวนในลักษระคลื่นใต้น้ำ ว่า ถ้าเรามองในมุมกลับ หากเราต้องการสมานฉันท์กันจริงๆ ก็ไม่ควรทำ เพราะหากมองให้ลึกลงไป พรรคไทยรักไทยพยายามที่จะเล่นเกมการเมือง และตนขอบอกตรงๆว่า ทหารไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมนักการเมือง
"ท่านไม่รู้หรอกว่านักการเมืองร้อยเล่ห์พันประการขนาดไหน และในงานด้านการเมืองพรรคไทยรักไทยมีความเชี่ยวชาญด้านมวลชนเป็นอย่างมาก และเขาก็ยังดำเนินการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ผมจึงไม่อยากให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)หลวมตัว เพราะหากปล่อยให้นานไป ประชาชนก็จะมองว่าเป็นการหนีเสือ ปะจรเข้"
นายชูวิทย์ กล่าวว่า หากคมช.ขึ้นแบล็กลิสต์จริง ก็เป็นการเข้าทางพรรคไทยรักไทยที่วางหมากให้เป็นอย่างนั้น พรรคไทยรักไทยกำลังปูทาง ขุดหลุมพราง ให้คมช.เดินมาตกหลุม ซึ่งจริงๆแล้วคมช.ไม่น่าจะเดินตามสิ่งที่พรรคไทยรักไทยพยายามจะให้เป็น หากคมช.นิ่งเสียทุกอย่างก็จะไม่เกิดปัญหา แต่ขณะนี้คมช.กลับไปเต้นตาม จึงทำให้ประชาชนเริ่มจะเอือมระอา เริ่มคิดว่า คมช.เองก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้เลย มันไม่ต่างอะไรกับรัฐบาลชุดก่อนๆ อย่างเช่นการชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็เห็นแล้วว่า ไม่ได้มีอะไร คนก็น้อยมาก แต่คมช.ก็ไปเต้นตาม และยังจะขึ้นแบล็กลิสต์อีก อย่างนี้ก็เข้าทางไทยรักไทย ที่อยากจะปลุกระดมให้ประชาชนเกลียด คมช.ไม่ศรัทธา แล้วท้ายที่สุดก็จะลุกฮือขึ้นมาขับไล่ ทีนี้ก็จะรุนแรงมากขึ้น
"คมช.ต้องตั้งมั่น อย่าส่ายตาม เพราะประชาชนจะมองว่า การปฏิวัติไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย มีแต่จะแย่ลง ปัญหาต่างๆ ก็แก้ไม่ได้ ทั้งเรื่องเศรษญฐกิจ ภาคใต้ การปราบทุจริต หากประชาชนคิดเช่นนี้เมื่อไร วันนั้นก็อันตราย และผมเชื่อว่า เหตุการณ์ต่างๆ จะรุนแรงมากขึ้นช่วงกลางปี เพราะถึงวันนั้นหากคมช.ไม่มีผลงานประชาชนลุกฮือแน่ ตอนนี้ส.ส.ไทยรักไทยยังทำอะไรมากไม่ได้ ก็เพียงแค่เขย่าให้คมช.เต้นตาม แล้วให้ประชาชนเดินตาม ยอมรับว่าไทยรักไทยเก่งเรื่องมวลชนมาก จึงอยากเตือนคมช.ว่าอย่าวิ่งตามก็พอแล้ว"นายชูวิทย์ กล่าว
**เป็นไทยเป็นธรรมสร้างสมานฉันท์
แหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมครม.วันนี้(12 ธ.ค.)สำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(สล.คมช.)จะนำข้อเสนอแนะที่เกี่ยวกับแนวทางการสื่อสารเพื่อความสมานฉันท์ในชาติ เสนอต่อที่ประชุม ครม.
ทั้งนี้ ทางคณะที่ปรึกษาฝ่ายการเสริมสร้างสมานฉันท์ฯ เห็นว่า การสื่อสารเพื่อความสมานฉันท์ในชาติเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนอย่างมาก ซึ่งหากไม่รีบดำเนินการในเชิงรุกอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว อาจนำมาซึ่งปัญหารุนแรงที่ยากต่อการแก้ไข และกระทบต่อความสุขของคนในชาติได้ เนื่องจากประชาชนยังไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่งต้องอยู่บนพื้นฐานของการรับฟัง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน รวมทั้งไม่มีโอกาสแสดงออกซึ่งความคิดเห็นที่หลากหลาย ประกอบกับภาครัฐยังไม่ได้ใช้การสื่อสาร และการประชาสัมพันธ์อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง รวมทั้งให้ประชาชนสามารถติดตามความคืบหน้าการทำงานของคมช.และรัฐบาล อันก่อให้ความมั่นใจในหมู่ประชาชนว่า แม้รัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่มุ่งมั่นและตระหนักถึงการทำงานโดยมุ่งประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ และมีประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้บรรลุสำเร็จตามที่ได้ประกาศไว้ในระยะเวลาอันสั้น
ดังนั้น คณะที่ปรึกษาฯ จึงมีข้อเสนอแนะว่า ต้องทำความจริงต่างๆ ให้ปรากฏต่อสาธารณชนอย่างเป็นระบบ ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย และสื่อให้ประชาชนในทุกท้องถิ่นเข้าใจและยอมรับได้ สร้างกรอบความคิดที่ส่งเสริมความสมานฉันท์ เช่น กรอบความคิด "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" และกรอบความคิด"เป็นไทย เป็นธรรม" เป็นต้น ให้ผู้นำและคนในสังคมทั้งในและนอกท้องถิ่นรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างและหลากหลาย รวมทั้งให้รัฐบาลรับทราบและตระหนักถึงความคาดหวังของประชาชน งดเว้นวิธีการพูดที่สร้างความขัดแย้ง หรือตอบโต้อย่างรุนแรง และกระทบกับอีกฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยโดยไม่จำเป็น รวมทั้งขอความร่วมมือจากสื่อในการนำเสนอข่าวสารที่สร้างสรรค์ เช่น จัดให้มีการประชุมสัมมนาร่วมกับสื่อมวลชนเพื่อความเข้าใจร่วมกัน เป็นต้น
นอกจากนี้ จะต้องจัดให้มีหน่วยงานรับผิดชอบยุทธศาสตร์การสื่อสาร และการประชาสัมพันธ์ของรัฐ รวมทั้งการคาดคะเนและการเฝ้าระวังประเด็นปัญหา คลื่นใต้น้ำ และสร้างความเข้าใจและสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นระหว่างประชาชนกับรัฐบาล
ทั้งนี้ คณะที่ปรึกษาฯ เสนอว่า กรอบแนวความคิดข้างต้น เป็นเรื่องที่คมช.และรัฐบาลต้องดำเนินการในเชิงรุกให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้การประชาสัมพันธ์จะเกิดผลที่ดีได้จะต้องควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องปากท้องที่กำลังเป็นปัญหารุมเร้าในปัจจุบัน ซึ่งข้อเสนอแนะนี้ทางประธานคมช.พิจารณาแล้ว อนุมัติให้ส่งข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)ระบุว่าได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมรับในความเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ ว่าถ้าคนในสังคมของเรามีจิตใจเป็นนักกีฬาที่แท้จริง ปัญหาก็คงไม่เกิดขึ้น และไม่วุ่นวายมาจนถึงขณะนี้ แต่ต้องยอมรับความจริงว่าในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา มีหลายเรื่องไม่ได้เป็นไปอย่างที่พ.ต.ท.ทักษิณพูดไว้ ฉะนั้นคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น คมช.และพล.อ.สนธิ ควรฟังหูไว้หู
"เหตุผลที่บอกอย่างนี้เพราะตอนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกฯนั้น ก็พูดจากลับไปกลับมาตลอดเวลาในหลายๆ เรื่องที่เป็นปัญหาสำคัญของบ้านเมือง เพราะฉะนั้นพฤติกรรมของพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังไม่สามารถที่จะเชื่อถือในคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เราไม่สามารถมั่นใจได้ว่าสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณ พูดนั้นจะปฏิบัติตามหรือไม่ หรือเป็นคำพูดเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของตัวเอง หรือเพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ เท่านั้น ยิ่งในปัจจุบันพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆแล้ว จึงทำให้ไม่สามารถเชื่อถือในคำพูดนั้นๆได้"โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าวถึงเรื่องสมาชิกพรรคพรรคไทยรักไทยเสนอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเป็นพยานในคดียุบพรรค ว่า เป็นสิทธิ์ที่สมาชิกจะเสนอได้ แต่ทั้งหมดก็อยู่ภายใต้บัญชีพยานที่ศาลรัฐธรรมนูญจะให้นำเสนอภายในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ ทั้งนี้การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะมาเป็นพยานได้หรือไม่ ไม่ใช่อยู่ที่สมาชิกพรรคไทยรักไทยต้องการ แต่อยู่ที่ดุลยพินิจของตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า จะเห็นความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน พยานหลักฐานใดบ้างที่รับฟังได้ หรือจะตัดพยานเหล่านั้นออกไป ดังนั้น คิดว่าการที่สมาชิกพรรคไทยรักไทย ออกมาเคลื่อนไหวน่าจะเป็นการสร้างกระแสข่าวเพื่อกดดันรัฐบาล และ คมช.รวมทั้งกดดันการพิจารณาคดีของศาลมากกว่า เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพยานบุคคลที่มีสถานะเทียบเท่าพยานบุคคลอื่นๆ เท่านั้นเอง
ด้านนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทย เปิดเผยว่า ทีมกฎหมายยังไม่ได้กำหนดวันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จำเป็นต้องเดินทางกลับไทยเมื่อใด เพื่อเป็นพยานต่อศาลกรณีการพิจารณายุบพรรคไทยรักไทย เนื่องจากต้องรอการนัดตรวจสอบพยานของศาลในวันที่ 3 ม.ค.ปีหน้าก่อน อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า แม้พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่ได้เดินทางมาเป็นพยานด้วยตนเอง ก็เชื่อว่าพรรคจะไม่ถูกยุบ
**แนะคมช.นิ่ง อย่าเต้นตามเกม
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 เตรียมขึ้นแบล็กลิสต์ ส.ส.กลุ่มอำนาจเก่า 200 คน ทั่วประเทศเพื่อไม่ให้เคลื่อนไหว ก่อกวนในลักษระคลื่นใต้น้ำ ว่า ถ้าเรามองในมุมกลับ หากเราต้องการสมานฉันท์กันจริงๆ ก็ไม่ควรทำ เพราะหากมองให้ลึกลงไป พรรคไทยรักไทยพยายามที่จะเล่นเกมการเมือง และตนขอบอกตรงๆว่า ทหารไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมนักการเมือง
"ท่านไม่รู้หรอกว่านักการเมืองร้อยเล่ห์พันประการขนาดไหน และในงานด้านการเมืองพรรคไทยรักไทยมีความเชี่ยวชาญด้านมวลชนเป็นอย่างมาก และเขาก็ยังดำเนินการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ผมจึงไม่อยากให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)หลวมตัว เพราะหากปล่อยให้นานไป ประชาชนก็จะมองว่าเป็นการหนีเสือ ปะจรเข้"
นายชูวิทย์ กล่าวว่า หากคมช.ขึ้นแบล็กลิสต์จริง ก็เป็นการเข้าทางพรรคไทยรักไทยที่วางหมากให้เป็นอย่างนั้น พรรคไทยรักไทยกำลังปูทาง ขุดหลุมพราง ให้คมช.เดินมาตกหลุม ซึ่งจริงๆแล้วคมช.ไม่น่าจะเดินตามสิ่งที่พรรคไทยรักไทยพยายามจะให้เป็น หากคมช.นิ่งเสียทุกอย่างก็จะไม่เกิดปัญหา แต่ขณะนี้คมช.กลับไปเต้นตาม จึงทำให้ประชาชนเริ่มจะเอือมระอา เริ่มคิดว่า คมช.เองก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้เลย มันไม่ต่างอะไรกับรัฐบาลชุดก่อนๆ อย่างเช่นการชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็เห็นแล้วว่า ไม่ได้มีอะไร คนก็น้อยมาก แต่คมช.ก็ไปเต้นตาม และยังจะขึ้นแบล็กลิสต์อีก อย่างนี้ก็เข้าทางไทยรักไทย ที่อยากจะปลุกระดมให้ประชาชนเกลียด คมช.ไม่ศรัทธา แล้วท้ายที่สุดก็จะลุกฮือขึ้นมาขับไล่ ทีนี้ก็จะรุนแรงมากขึ้น
"คมช.ต้องตั้งมั่น อย่าส่ายตาม เพราะประชาชนจะมองว่า การปฏิวัติไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย มีแต่จะแย่ลง ปัญหาต่างๆ ก็แก้ไม่ได้ ทั้งเรื่องเศรษญฐกิจ ภาคใต้ การปราบทุจริต หากประชาชนคิดเช่นนี้เมื่อไร วันนั้นก็อันตราย และผมเชื่อว่า เหตุการณ์ต่างๆ จะรุนแรงมากขึ้นช่วงกลางปี เพราะถึงวันนั้นหากคมช.ไม่มีผลงานประชาชนลุกฮือแน่ ตอนนี้ส.ส.ไทยรักไทยยังทำอะไรมากไม่ได้ ก็เพียงแค่เขย่าให้คมช.เต้นตาม แล้วให้ประชาชนเดินตาม ยอมรับว่าไทยรักไทยเก่งเรื่องมวลชนมาก จึงอยากเตือนคมช.ว่าอย่าวิ่งตามก็พอแล้ว"นายชูวิทย์ กล่าว
**เป็นไทยเป็นธรรมสร้างสมานฉันท์
แหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมครม.วันนี้(12 ธ.ค.)สำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(สล.คมช.)จะนำข้อเสนอแนะที่เกี่ยวกับแนวทางการสื่อสารเพื่อความสมานฉันท์ในชาติ เสนอต่อที่ประชุม ครม.
ทั้งนี้ ทางคณะที่ปรึกษาฝ่ายการเสริมสร้างสมานฉันท์ฯ เห็นว่า การสื่อสารเพื่อความสมานฉันท์ในชาติเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนอย่างมาก ซึ่งหากไม่รีบดำเนินการในเชิงรุกอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว อาจนำมาซึ่งปัญหารุนแรงที่ยากต่อการแก้ไข และกระทบต่อความสุขของคนในชาติได้ เนื่องจากประชาชนยังไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่งต้องอยู่บนพื้นฐานของการรับฟัง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน รวมทั้งไม่มีโอกาสแสดงออกซึ่งความคิดเห็นที่หลากหลาย ประกอบกับภาครัฐยังไม่ได้ใช้การสื่อสาร และการประชาสัมพันธ์อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง รวมทั้งให้ประชาชนสามารถติดตามความคืบหน้าการทำงานของคมช.และรัฐบาล อันก่อให้ความมั่นใจในหมู่ประชาชนว่า แม้รัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่มุ่งมั่นและตระหนักถึงการทำงานโดยมุ่งประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ และมีประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้บรรลุสำเร็จตามที่ได้ประกาศไว้ในระยะเวลาอันสั้น
ดังนั้น คณะที่ปรึกษาฯ จึงมีข้อเสนอแนะว่า ต้องทำความจริงต่างๆ ให้ปรากฏต่อสาธารณชนอย่างเป็นระบบ ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย และสื่อให้ประชาชนในทุกท้องถิ่นเข้าใจและยอมรับได้ สร้างกรอบความคิดที่ส่งเสริมความสมานฉันท์ เช่น กรอบความคิด "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" และกรอบความคิด"เป็นไทย เป็นธรรม" เป็นต้น ให้ผู้นำและคนในสังคมทั้งในและนอกท้องถิ่นรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างและหลากหลาย รวมทั้งให้รัฐบาลรับทราบและตระหนักถึงความคาดหวังของประชาชน งดเว้นวิธีการพูดที่สร้างความขัดแย้ง หรือตอบโต้อย่างรุนแรง และกระทบกับอีกฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยโดยไม่จำเป็น รวมทั้งขอความร่วมมือจากสื่อในการนำเสนอข่าวสารที่สร้างสรรค์ เช่น จัดให้มีการประชุมสัมมนาร่วมกับสื่อมวลชนเพื่อความเข้าใจร่วมกัน เป็นต้น
นอกจากนี้ จะต้องจัดให้มีหน่วยงานรับผิดชอบยุทธศาสตร์การสื่อสาร และการประชาสัมพันธ์ของรัฐ รวมทั้งการคาดคะเนและการเฝ้าระวังประเด็นปัญหา คลื่นใต้น้ำ และสร้างความเข้าใจและสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นระหว่างประชาชนกับรัฐบาล
ทั้งนี้ คณะที่ปรึกษาฯ เสนอว่า กรอบแนวความคิดข้างต้น เป็นเรื่องที่คมช.และรัฐบาลต้องดำเนินการในเชิงรุกให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้การประชาสัมพันธ์จะเกิดผลที่ดีได้จะต้องควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องปากท้องที่กำลังเป็นปัญหารุมเร้าในปัจจุบัน ซึ่งข้อเสนอแนะนี้ทางประธานคมช.พิจารณาแล้ว อนุมัติให้ส่งข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล