"ยุทธพงศ์"แฉกรมทางหลวงใช้รีไซคลิงซ่อมทางเอื้อผู้รับเหมา ในลักษณะฮั้วประมูล ตั้งแต่ปี 46-49 เป็นเงินประมาณ 4 หมื่นล้านบาท เตรียมร้อง "บรรณวิทย์-อุ๋ย"ตรวจสอบ
วานนี้(11ธ.ค.)นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตนได้ตรวจสอบและพบความไม่ชอบมาพากลของโครงการบูรณะผิวแอสฟัลต์(ยางมะตอย)ของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่ปี 46-49 งบประมาณปีละ 1 หมื่นล้านบาท รวม 4 หมื่นล้าน เนื่องจากพบว่า กรมทางหลวงได้ปรับเปลี่ยนวิธีการบูรณะพื้นผิวถนนจากแบบปกติ เป็นวิธีปรับปรุงคุณภาพชั้นทางเดิมในที่ หรือรีไซคลิง (Pavement In Place Recycling) ซึ่งเป็นวิธีที่เสียค่าใช้จ่ายสูง คุณภาพของผิวทางเดิมก็ไม่มีความคงทน เนื่องจากวัสดุที่นำมาใช้เป็นวัสดุที่ใช้งานแล้ว และที่สำคัญบริษัทที่จะรับเหมางานดังกล่าวจะต้องมีรถรีไซค์กิ้ง ซึ่งมีมูลค่าสูงถึงคันละ 50 ล้านบาท และต้องเป็นรถที่นำเข้าจากประเทศยุโรปเท่านั้น ในขณะที่วิธีดังกล่าวมีข้อดีเฉพาะพื้นที่ที่มีการจราจรแออัด และไม่ต้องรับน้ำหนักมากๆ เช่นใน กทม.เท่านั้น
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า มีบริษัทรับงานจำนวนแค่ 10 กว่าบริษัทที่สามารถดำเนินการได้ จึงทำให้มีการแบ่งโซนกันว่า ให้บริษัทใดรับงานในภาคใดบ้าง และยังพบว่าราคาที่ประมูลก็ต่ำกว่าราคากลาง ซึ่งถือว่าเข้าข่ายการล็อกสเปกฮั้วงานกัน เพราะปกติกรมทางหลวงจะตั้งงบดังกล่าวไว้ที่สำนักบริหารบำรุงทาง ปีละ 1 หมื่นล้านบาท แล้วก็เปิดให้มีการประมูลงานตามแขวงการทางทั่วประเทศ แต่ผู้รับเหมาก็ต้องมาวิ่งที่สำนักบริหารบำรุง เพื่อให้ได้งาน
นอกจากนี้การดำเนินการวิธีดังกล่าวอาจขัดต่อกฎหมายด้วย เนื่องจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2546 เคยตั้งข้อสังเกตไว้ว่า เมื่อพิจารณาในภาพรวมไม่ควรใช้วิธีดังกล่าว เนื่องจากมีข้อเสียหลายประการ หากนำมาใช้อาจเป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมิได้มีการขออนุมัติไว้ตามร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ดังนั้นหากกระทรวงคมนาคมจะอนุญาตให้ใช้วิธีรีไซค์กิ้ง ต้องขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อนทุกครั้ง และห้ามมิให้ใช้เงินงบประมาณจากเงินเหลือจ่าย หรือจากการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณทุกกรณี ซึ่งเท่าที่ตนตรวจสอบจนถึงขณะนี้ ไม่ปรากฎว่ามีการขออนุมัติจากครม.แต่อย่างใด
"สัปดาห์นี้ผมจะไปร้องต่อ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อให้ตรวจสอบโครงการดังกล่าว ซึ่งมีการดำเนินการมาตั้งแต่สมัยที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรมว.คมนาคม จนถึงสมัยที่นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล เป็นรมว.คมนาคม พร้อมกับจะไปพบกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2550 เพื่อให้สอบถามหน่วยงานทิ่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะมีการพิจารณาผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณดังกล่าว"นายยุทธพงศ์ กล่าว
วานนี้(11ธ.ค.)นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตนได้ตรวจสอบและพบความไม่ชอบมาพากลของโครงการบูรณะผิวแอสฟัลต์(ยางมะตอย)ของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่ปี 46-49 งบประมาณปีละ 1 หมื่นล้านบาท รวม 4 หมื่นล้าน เนื่องจากพบว่า กรมทางหลวงได้ปรับเปลี่ยนวิธีการบูรณะพื้นผิวถนนจากแบบปกติ เป็นวิธีปรับปรุงคุณภาพชั้นทางเดิมในที่ หรือรีไซคลิง (Pavement In Place Recycling) ซึ่งเป็นวิธีที่เสียค่าใช้จ่ายสูง คุณภาพของผิวทางเดิมก็ไม่มีความคงทน เนื่องจากวัสดุที่นำมาใช้เป็นวัสดุที่ใช้งานแล้ว และที่สำคัญบริษัทที่จะรับเหมางานดังกล่าวจะต้องมีรถรีไซค์กิ้ง ซึ่งมีมูลค่าสูงถึงคันละ 50 ล้านบาท และต้องเป็นรถที่นำเข้าจากประเทศยุโรปเท่านั้น ในขณะที่วิธีดังกล่าวมีข้อดีเฉพาะพื้นที่ที่มีการจราจรแออัด และไม่ต้องรับน้ำหนักมากๆ เช่นใน กทม.เท่านั้น
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า มีบริษัทรับงานจำนวนแค่ 10 กว่าบริษัทที่สามารถดำเนินการได้ จึงทำให้มีการแบ่งโซนกันว่า ให้บริษัทใดรับงานในภาคใดบ้าง และยังพบว่าราคาที่ประมูลก็ต่ำกว่าราคากลาง ซึ่งถือว่าเข้าข่ายการล็อกสเปกฮั้วงานกัน เพราะปกติกรมทางหลวงจะตั้งงบดังกล่าวไว้ที่สำนักบริหารบำรุงทาง ปีละ 1 หมื่นล้านบาท แล้วก็เปิดให้มีการประมูลงานตามแขวงการทางทั่วประเทศ แต่ผู้รับเหมาก็ต้องมาวิ่งที่สำนักบริหารบำรุง เพื่อให้ได้งาน
นอกจากนี้การดำเนินการวิธีดังกล่าวอาจขัดต่อกฎหมายด้วย เนื่องจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2546 เคยตั้งข้อสังเกตไว้ว่า เมื่อพิจารณาในภาพรวมไม่ควรใช้วิธีดังกล่าว เนื่องจากมีข้อเสียหลายประการ หากนำมาใช้อาจเป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมิได้มีการขออนุมัติไว้ตามร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ดังนั้นหากกระทรวงคมนาคมจะอนุญาตให้ใช้วิธีรีไซค์กิ้ง ต้องขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อนทุกครั้ง และห้ามมิให้ใช้เงินงบประมาณจากเงินเหลือจ่าย หรือจากการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณทุกกรณี ซึ่งเท่าที่ตนตรวจสอบจนถึงขณะนี้ ไม่ปรากฎว่ามีการขออนุมัติจากครม.แต่อย่างใด
"สัปดาห์นี้ผมจะไปร้องต่อ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อให้ตรวจสอบโครงการดังกล่าว ซึ่งมีการดำเนินการมาตั้งแต่สมัยที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรมว.คมนาคม จนถึงสมัยที่นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล เป็นรมว.คมนาคม พร้อมกับจะไปพบกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2550 เพื่อให้สอบถามหน่วยงานทิ่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะมีการพิจารณาผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณดังกล่าว"นายยุทธพงศ์ กล่าว