กาญจนบุรี – ประธานชมรมอนุรักษ์สวนสมุนไพรไทย เรียกร้องรัฐบาล “สุรยุทธ์” สนับสนุนการแพทย์แผนโบราณ และยาสมุนไพรไทย ก่อนถูกต่างชาติลอบจดลิขสิทธิ์ไปจนหมด หลังค้นพบตัวยาสมุนไพรหลายชนิด ระบุที่ผ่านมาถูกกีดกันและไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งรัฐบาลก็ไม่ให้ความสำคัญ เผยค้นพบยาสมุนไพรรักษาโรคหัวใจ ยันรักษาผู้ป่วยหายแล้วกว่า 200 รายทั้งคนไทยและต่างชาติ พร้อมมีหลักฐานพิสูจน์ได้
นายชัยรัตน์ นนทชัย ประธานชมรมอนุรักษ์สวนสมุนไพรแห่งประเทศไทย ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิสมาคมแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย ในฐานะเจ้าของสวนสมุนไพรหมอเณร เลขที่ 36 หมู่ 10 ต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้ค้นพบยาสมุนไพรไทยสร้างภูมิคุ้มกันได้ ซึ่งยาสร้างภูมินี้นักวิจัยจากหลายสถาบันได้พยายามค้นคว้าหายาตัวนี้ แต่ปัจจุบันยังไม่มีการค้นพบ ในทางการแพทย์สมุนไพรไทยได้ใช้ยาตัวนี้ในการรักษาผู้คนมาเป็นเวลานานนับพันปี อยู่คู่แผ่นดินไทยมาโดยตลอด ซึ่งบรมครูคือองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้แล้วทรงเทศนาสั่งสอนแพทย์ไว้และบันทึกไว้ในพระคัมภีร์การแพทย์สมุนไพร ถือว่าเรื่องนี้สำคัญมาก เพราะมีที่เดียวในโลก
นายชัยรัตน์ เปิดเผยต่อว่า โรคหัวใจสามารถตรวจดูอาการได้ว่า เป็นโรคหัวใจหรือไม่และรักษาให้หายได้โดยการใช้ยาสมุนไพรและไม่ต้องใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน เพียงแค่ดูอาการก็ทราบ ซึ่งยาสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรคหัวใจ คือ 1.ยาสร้างภูมิ ทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง 2.ยาควบคุมการเดินของเลือด และ 3.ยาสร้างกล้ามเนื้อเซลล์เส้นเลือดหัวใจให้ทำงานเป็นปกติ
“ภูมิคุ้มกันนั้นไม่เฉพาะแค่สร้างความแข็งแรงให้หัวใจเท่านั้น แต่ยังสามารถคุ้มกันระบบต่างๆ ในร่างกายในส่วนอื่นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ถ้ามีเชื้อโรคอ่อนๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย ภูมิคุ้มกันก็จะสามารถป้องกันเชื้อโรคเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งถ้าในร่างกายของเราไม่มีภูมิคุ้มกัน คือ หมดภูมิก็จะถึงความตายในไม่ช้า การค้นพบจุดเกิดของโรคหัวใจ โรคไต ตับ เบาหวาน คือ ผู้ป่วยที่เป็นโรคเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ขาดภูมิคุ้มกันทั้งสิ้น แต่ปัจจุบันไปรักษากันที่ปลายเหตุ ไม่ได้ค้นพบจุดเกิดของโรคเหล่านี้ จึงไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้”
นายชัยรัตน์ กล่าวว่า ยาสมุนไพรสร้างภูมิจะทำให้ร่างกายของผู้ป่วยแข็งแรงอยู่ในสภาพปกติหรือดีกว่าเดิม จึงทำให้การรักษาโรคหัวใจ เบาหวาน โรคไต หายขาดได้โดยไม่ต้องทำการผ่าตัดอีกต่อไป โรคร้ายอื่นๆ อีกหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นโรคเอดส์ มะเร็ง หรือไข้ต่างๆ ที่ทำให้ภูมิคุ้มกันเสียก็ล้วนทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ เพราะร่างกายหมดภูมิ คือ ร่างกายอ่อนแอ เหนื่อย อ่อนเพลีย รับประทานอาหารได้น้อยลง จนถึงรับประทานอาหารไม่ได้ ภูมิคุ้มกันลดลงโรคก็ยิ่งกำเริบหนักขึ้น จนถึงขั้นเสียชีวิต แต่ถ้าทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันก็จะทำให้โรคร้ายไม่สามารถกำเริบได้
นายชัยรัตน์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันคนเรามักหันไปสนใจในการวิเคราะห์วิจัย และทิ้งหลักการแพทย์สมุนไพรไทยที่มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นบรมครู ผู้เหนือมนุษย์และเทวดา แต่นักวิจัยไม่ได้ศึกษาความเป็นมาของการแพทย์สมุนไพร คือ ไม่มีพระคัมภีร์โบราณ จึงไม่รู้คุณค่าความเป็นมา จึงเข้าใจว่าการวิจัยที่เรียนมานั้นดีเลิศ ไม่สนใจหลักการแพทย์แผนโบราณที่บรมครูองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้สร้างขึ้นมาด้วยฌาน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องอันตรายต่อมวลมนุษยชาติเป็นอย่างมาก
“การแพทย์สมุนไพรเป็นศาสตร์หนึ่งที่มีคุณค่ามาก ควรจะต้องอนุรักษ์ไว้ ไม่ใช่ปล่อยให้นักวิจัยทำการวิจัยอยู่ฝ่ายเดียว ถือเป็นเรื่องเสียหาย เพราะการแพทย์สมุนไพรไม่มีการวิจัย พระบรมครูได้สร้างขึ้นไว้ดีแล้ว ถ้าจะวิจัยก็ควรศึกษาดูว่าโรคร้ายหายไปได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นแล้วความเป็นธรรมต่อการแพทย์สมุนไพรจะไม่มีเลย ที่ผ่านมาการพัฒนาของการแพทย์สมุนไพรนั้นไม่มีความก้าวหน้า เพราะนักวิจัยปิดกั้นหลักโบราณจึงได้สร้างการพัฒนาที่ส่งผลความเสียหายต่อมวลมนุษยชาติ”
พร้อมกับเผยอีกว่า ที่ผ่านมาแพทย์แผนโบราณและยาสมุนไพรไทยไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่าที่ควร พวกเราได้ค้นพบยาสมุนไพรสำคัญ ๆ หลายตัว แต่กลับไม่ได้รับการสนับสนุน ทำให้ต่างชาตินำไปจดลิขสิทธิ์หมด ทำให้ยาสมุนไพรไทยได้รับความเสียหายอย่างมาก ดังนั้น จึงอยากให้รัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างจริงจังด้วย
“ที่ผ่านมาผมเคยทำหนังสือถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้สนับสนุนมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการเหลียวแล มีแต่รับปากไว้เท่านั้น ครั้งนี้ผมอยากจะเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ช่วยให้การสนับสนุนการแพทย์แผนโบราณอย่างจริงจังด้วย”
นายชัยรัตน์ เปิดเผยต่อว่า หลังจากที่ได้ค้นพบยาสมุนไพรรักษาโรคหัวใจ ก็ได้ทดลองรักษาผู้ป่วยไปแล้วกว่า 300 รายปรากฏว่าหายแล้วกว่า 200 ราย ซึ่งมีทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยตนได้รักษาตามตำราที่ได้ศึกษามา ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยที่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นแพทย์ได้มาทดลองรักษากับตน ปรากฏว่าหาย ซึ่งตนมีหลักฐานของผู้ป่วยทั้งก่อนและหลังทุกคนสามารถตรวจสอบได้
นายชัยรัตน์ นนทชัย ประธานชมรมอนุรักษ์สวนสมุนไพรแห่งประเทศไทย ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิสมาคมแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย ในฐานะเจ้าของสวนสมุนไพรหมอเณร เลขที่ 36 หมู่ 10 ต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้ค้นพบยาสมุนไพรไทยสร้างภูมิคุ้มกันได้ ซึ่งยาสร้างภูมินี้นักวิจัยจากหลายสถาบันได้พยายามค้นคว้าหายาตัวนี้ แต่ปัจจุบันยังไม่มีการค้นพบ ในทางการแพทย์สมุนไพรไทยได้ใช้ยาตัวนี้ในการรักษาผู้คนมาเป็นเวลานานนับพันปี อยู่คู่แผ่นดินไทยมาโดยตลอด ซึ่งบรมครูคือองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้แล้วทรงเทศนาสั่งสอนแพทย์ไว้และบันทึกไว้ในพระคัมภีร์การแพทย์สมุนไพร ถือว่าเรื่องนี้สำคัญมาก เพราะมีที่เดียวในโลก
นายชัยรัตน์ เปิดเผยต่อว่า โรคหัวใจสามารถตรวจดูอาการได้ว่า เป็นโรคหัวใจหรือไม่และรักษาให้หายได้โดยการใช้ยาสมุนไพรและไม่ต้องใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน เพียงแค่ดูอาการก็ทราบ ซึ่งยาสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรคหัวใจ คือ 1.ยาสร้างภูมิ ทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง 2.ยาควบคุมการเดินของเลือด และ 3.ยาสร้างกล้ามเนื้อเซลล์เส้นเลือดหัวใจให้ทำงานเป็นปกติ
“ภูมิคุ้มกันนั้นไม่เฉพาะแค่สร้างความแข็งแรงให้หัวใจเท่านั้น แต่ยังสามารถคุ้มกันระบบต่างๆ ในร่างกายในส่วนอื่นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ถ้ามีเชื้อโรคอ่อนๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย ภูมิคุ้มกันก็จะสามารถป้องกันเชื้อโรคเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งถ้าในร่างกายของเราไม่มีภูมิคุ้มกัน คือ หมดภูมิก็จะถึงความตายในไม่ช้า การค้นพบจุดเกิดของโรคหัวใจ โรคไต ตับ เบาหวาน คือ ผู้ป่วยที่เป็นโรคเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ขาดภูมิคุ้มกันทั้งสิ้น แต่ปัจจุบันไปรักษากันที่ปลายเหตุ ไม่ได้ค้นพบจุดเกิดของโรคเหล่านี้ จึงไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้”
นายชัยรัตน์ กล่าวว่า ยาสมุนไพรสร้างภูมิจะทำให้ร่างกายของผู้ป่วยแข็งแรงอยู่ในสภาพปกติหรือดีกว่าเดิม จึงทำให้การรักษาโรคหัวใจ เบาหวาน โรคไต หายขาดได้โดยไม่ต้องทำการผ่าตัดอีกต่อไป โรคร้ายอื่นๆ อีกหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นโรคเอดส์ มะเร็ง หรือไข้ต่างๆ ที่ทำให้ภูมิคุ้มกันเสียก็ล้วนทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ เพราะร่างกายหมดภูมิ คือ ร่างกายอ่อนแอ เหนื่อย อ่อนเพลีย รับประทานอาหารได้น้อยลง จนถึงรับประทานอาหารไม่ได้ ภูมิคุ้มกันลดลงโรคก็ยิ่งกำเริบหนักขึ้น จนถึงขั้นเสียชีวิต แต่ถ้าทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันก็จะทำให้โรคร้ายไม่สามารถกำเริบได้
นายชัยรัตน์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันคนเรามักหันไปสนใจในการวิเคราะห์วิจัย และทิ้งหลักการแพทย์สมุนไพรไทยที่มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นบรมครู ผู้เหนือมนุษย์และเทวดา แต่นักวิจัยไม่ได้ศึกษาความเป็นมาของการแพทย์สมุนไพร คือ ไม่มีพระคัมภีร์โบราณ จึงไม่รู้คุณค่าความเป็นมา จึงเข้าใจว่าการวิจัยที่เรียนมานั้นดีเลิศ ไม่สนใจหลักการแพทย์แผนโบราณที่บรมครูองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้สร้างขึ้นมาด้วยฌาน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องอันตรายต่อมวลมนุษยชาติเป็นอย่างมาก
“การแพทย์สมุนไพรเป็นศาสตร์หนึ่งที่มีคุณค่ามาก ควรจะต้องอนุรักษ์ไว้ ไม่ใช่ปล่อยให้นักวิจัยทำการวิจัยอยู่ฝ่ายเดียว ถือเป็นเรื่องเสียหาย เพราะการแพทย์สมุนไพรไม่มีการวิจัย พระบรมครูได้สร้างขึ้นไว้ดีแล้ว ถ้าจะวิจัยก็ควรศึกษาดูว่าโรคร้ายหายไปได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นแล้วความเป็นธรรมต่อการแพทย์สมุนไพรจะไม่มีเลย ที่ผ่านมาการพัฒนาของการแพทย์สมุนไพรนั้นไม่มีความก้าวหน้า เพราะนักวิจัยปิดกั้นหลักโบราณจึงได้สร้างการพัฒนาที่ส่งผลความเสียหายต่อมวลมนุษยชาติ”
พร้อมกับเผยอีกว่า ที่ผ่านมาแพทย์แผนโบราณและยาสมุนไพรไทยไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่าที่ควร พวกเราได้ค้นพบยาสมุนไพรสำคัญ ๆ หลายตัว แต่กลับไม่ได้รับการสนับสนุน ทำให้ต่างชาตินำไปจดลิขสิทธิ์หมด ทำให้ยาสมุนไพรไทยได้รับความเสียหายอย่างมาก ดังนั้น จึงอยากให้รัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างจริงจังด้วย
“ที่ผ่านมาผมเคยทำหนังสือถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้สนับสนุนมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการเหลียวแล มีแต่รับปากไว้เท่านั้น ครั้งนี้ผมอยากจะเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ช่วยให้การสนับสนุนการแพทย์แผนโบราณอย่างจริงจังด้วย”
นายชัยรัตน์ เปิดเผยต่อว่า หลังจากที่ได้ค้นพบยาสมุนไพรรักษาโรคหัวใจ ก็ได้ทดลองรักษาผู้ป่วยไปแล้วกว่า 300 รายปรากฏว่าหายแล้วกว่า 200 ราย ซึ่งมีทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยตนได้รักษาตามตำราที่ได้ศึกษามา ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยที่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นแพทย์ได้มาทดลองรักษากับตน ปรากฏว่าหาย ซึ่งตนมีหลักฐานของผู้ป่วยทั้งก่อนและหลังทุกคนสามารถตรวจสอบได้