คำถาม"คลัง"ยุคทักษิณครอบงำ
ไม่กล้าตอบสังคมถึงปมทีพีไอ (ตอนที่6)
เมื่อตอนที่แล้วได้ทิ้งปมไว้อย่างน่าสนใจ ถึงตัวละครที่เป็นลิ่วล้อของระบอบทักษิณ ที่ถูกส่งเข้ามา ***"ปล้นทีพีไอ" *** ไปจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ไล่ตั้งแต่ *** "นายใหญ่" *** สนใจ *** "ต่อยอดธุรกิจ" *** จากการขายสมบัติชาติในกิจการสัมปทานระบบโทรคมนาคมด้วยเม็ดเงินเกือบ 100,000 ล้านบาท ที่ได้มาจากขายทิ้งกิจการของกลุ่มชินคอร์ปให้กับกองทุนเทมาเซกของรัฐบาลสิงคโปร์ โดยธุรกิจที่ *** "เข้าตาและต้องใจ" *** พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น หนีไม่พ้น *** "กิจทางด้านพลังงานและอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของทีพีไอ" ***
ดังนั้น จึงได้ส่งบรรดาลิ่วล้อเข้ายึดกิจการทีพีไอผ่าน *** "ขุนคลัง" *** ในยุคที่มี *** "ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" *** นั่งบัญชาการ พร้อมส่ง *** "โต้โผใหญ่" *** ที่เป็นมือเป็นไม้ในการดูแลผลประโยชน์ก้อนโตให้กับระบอบทักษิณอย่าง *** "พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฎร์" *** เข้ามาแบ่งเค้กแสนล้านของทีพีไอให้พรรคพวกรับประทานอย่างอิ่มหมีพีมันจนถึงปัจจุบัน ซึ่งหลังจากทำการ*** "แกะรอย" *** ช่องทางการผ่องถ่ายเงินของทีพีไอ ไปให้กับลิ่วล้อของระบอบทักษิณนั้น พบว่ามีคณะบุคคลที่มีความใกล้ชิดชนิดแนบแน่นกับ *** "นายใหญ่" *** และคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ ที่มาจากตัวแทนของกระทรวงการคลังไม่กี่คนที่รับผลประโยชน์ก้อนโตไปอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย!
***แกะรอยลิ่วล้อ"ทักษิณ"..
ผ่องถ่ายเงินก้อนโต"ทีพีไอ" ***
นับตั้งแต่ระบอบทักษิณได้ส่งลิ่วล้อผ่านกลไกลอันบิดเบี้ยวขององค์กรรัฐอย่างกระทรวงการคลังในยุคที่ตกเป็นเครื่องมือรับใช้ของ*** "นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า" *** ชนิดไม่คำนึงถึงความ *** "ถูกผิด" *** ของกฎหมายบ้านเมืองนั้น ปัจจุบันได้ถูกกระแสสังคมตั้งคำถามขึ้นมาถึงกรณีความฉาวโฉ่ของคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ ที่มาจากตัวแทนของกระทรวงการคลัง ที่ได้กระทำการ *** "ปล้นทีพีไอ" *** ไปจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมไปอย่างไม่ชอบธรรม ทั้ง ๆ ที่มีข้อกังขาว่า *** "กระทรวงการคลังอาศัยบทบัญญัติในตัวบทกฎหมายฉบับไหน ในการส่งลิ่วล้อปล้นทีพีไอ" *** ไปจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมโดยไม่ชอบธรรม
โดยเฉพาะคำถามที่ยัง *** "คาใจ" *** กระแสสังคมที่ยังไม่ได้รับคำตอบจากองค์กรของรัฐอย่างกระทรวงการคลัง ที่ส่ง *** "ตัวแทน" *** เข้าไปผ่องถ่ายเงินทีพีไอซึ่งเป็นกิจการของเอกชนออกไปให้พรรคพวกตัวเองอย่างสนุกมือนั้น จนถึงวินาทีนี้ก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้กับสังคมได้ ตรงกันข้ามกระทรวงการคลังที่ตกเป็นเครื่องมือรับใช้ระบอบทักษิณ ยังคงทิ้งคำถามดังกล่าวให้กลายเป็น *** "ปริศนาดำมืด" *** ให้กับสังคมต่อไป อย่างไรก็ตาม จากการตามรอยเส้นทางการผ่องถ่ายเงินทีพีไอไปเข้ากระเป๋าบรรดาลิ่วล้อของระบอบทักษิณ ซึ่งพบข้อมูลการผ่องถ่ายเงินทีพีไอชนิดโจ่งครึ่ม!
ดังกรณีตัวอย่างที่ฉายภาพให้สังคมได้เห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงการกระทำที่เย้ยฟ้าท้ากฎหมายบ้านเมืองของคณะผู้บริหารแผนฯที่มีพล.อ.มงคล อัมพรพิสิฎร์ เป็นหัวเรือใหญ่ ซึ่งจนถึงวินาทีนี้คณะผู้บริหารแผนฯก็ยังตอบสังคมไม่ได้ว่า กรณีที่ได้โอนเงินของทีพีไอ *** "ย้อนหลัง" *** ไปให้กับบริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัด ในวงเงิน 36 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่บริษัทดังกล่าว *** "ยังไม่มีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท" ***ให้ถูกต้องตามกฎหมายแต่อย่างใด หลังจากนั้นคณะผู้บริหารแผนฯยังเดินหน้าจ่ายเงินให้กับบริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัด เป็น *** "ค่าที่ปรึกษา" *** ในวงเงินสูงถึง 20 ล้านบาทต่อเดือนหรือ 240 ล้านบาทต่อปีแบบน่ากังขา รวมถึงการผ่องถ่ายเงินทีพีไอผ่านบริษัท โพลิเมอร์ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด เป็น*** "ค่าซื้อถุงพลาสติก" *** ในวงเงินเดือนละ 10 ล้านบาทหรือวงเงิน 120 ล้านบาทต่อปีอย่างน่ากังขาเช่นกัน จึงมีคำถามตามมาว่า *** "ใครคือผู้ที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังและคอยรับผลประโยชน์ก้อนโตทั้งสองบริษัทดังกล่าว" *** ซึ่งปริศนาดำมือในเรื่องนี้จะถูกเปิดโฉมออกมาประจานให้สังคมได้เห็นกันชนิดจะจะเลยทีเดียว
***ตีแผ่เครือข่ายตัวแทนคลัง
ผ่าน "ซินเนอจี-โพลิเมอร์" ***
สำหรับคณะบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวพันโดยตรง และเป็นที่เปิดเผยให้สังคมเห็นตัวตนที่แท้จริงในบริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัด ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทก็คือ ***นายศิริ จิระพงษ์พันธ์*** ซึ่งเป็นมือทำงานให้กับคณะผู้บริหารแผนฯตัวฉกาจคนหนึ่ง โดยหน้าที่หลักได้ถูกมอบหมายให้จัดสรรผลประโยชน์ที่ผ่องถ่ายจากทีพีไอไปสู่บริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัด ตกเดือนละ 20 ล้านบาทให้อย่างลงตัว ส่วนผลประโยชน์ก้อนโตที่ถูกผ่องถ่ายจากทีพีไอจะตกไปอยู่ในมือของใครบ้างนั้น ในเรื่องนี้สามารถต่อ *** "จิ๊กซอ" *** ให้เห็นภาพชัดเจนได้ไม่ยากนัก ซึ่งก็คือกลุ่มก๊วนของระบอบทักษิณที่กุมอำนาจในทีพีไอไว้ในมือช่วงนั้นเอง
หลังจากที่นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ ได้ทำหน้าที่จัดสรรผลประโยชน์ในบริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัดให้กับคณะผู้บริหารแผนฯได้ไม่ติดขัดประการใดแล้ว จึงทำให้ลิ่วล้อผู้บริหารแผนรายนี้ ได้รับการปูนบำเหน็จความดีความชอบจากตัวแทนของระบอบทักษิณให้ไปนั่ง *** "ขัดตาทัพ" *** ในตำแหน่งกรรมการและรักษาการ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย(กกท.) ทั้งนี้มีกระแสข่าวยืนยันว่า การที่นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ ถูกส่งตัวไปดูแลผลประโยชน์จำนวนมหาศาลในการท่าเรือแห่งประเทศไทยนั้น ก็เพื่อต้องการให้ทำการถ่ายเทผลประโยชน์ของที่ดิน *** "ทำเลทอง" *** หลายพันไร่ของที่ท่าเรือคลองเตย ภายใต้ *** "การวาดฝัน" *** โครงการพัฒนาที่ดินอันสวยหรูมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งการท่าเรือฯได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาออกแบบโครงการไว้เสร็จสรรพเรียบร้อย ทั้งนี้เพื่อรอประเคนโปรเจ็คลงทุนหลายหมื่นล้านให้กับ *** "คู่ซี้นายใหญ่จากเมืองลอดช่อง" *** หรือการจ่อคิวยกที่ดินทำเลทองผืนใหญ่ของการท่าเรือฯให้กับบริษัทเอกชนรายใหญ่รายหนึ่งจากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งบริษัทเอกชนของสิงคโปร์รายนี้ มีส่วนเกี่ยวพันกับการซื้อหุ้นในกิจการโทรคมนาคมของกลุ่มชินคอร์ปที่มีเรื่องฉาวโฉ่ไปทั่วโลกมาแล้ว
ทั้งนี้จากการเข้าไปทำหน้าที่รักษาการในเก้าอี้ใหญ่ในการท่าเรือแห่งประเทศไทยของนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ดังกล่าว นัยว่าเพื่อเป็นการตอบแทนด้วยการ *** "ตกรางวัล" *** อย่างงาม ที่สามารถงัดวิชามารสารพัดรูปแบบในการเข้า *** "ปล้นทีพีไอ" *** ได้เป็นผลสำเร็จ โดยเฉพาะกรณีการขายหุ้นทีพีไอให้กับพันธมิตรของกระทรวงการคลัง ทั้งบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) กองทุนวายุภักษ์1 และธนาคารออมสิน ในราคาหุ้นละ 3.30 บาท ในขณะที่ราคาซื้อขายหุ้นทีพีไอในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ในช่วงนั้นราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่หุ้นละ 7 บาท จนกระทั่งได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในทีพีไอในสัดส่วน 61.5 % ทั้ง ๆ ที่หน่วยงานภายใต้ *** "อุ้งมือคลัง" ***ดังกล่าว ซึ่งพันธมิตรของคลังดังกล่าวไม่เคยเป็นผู้ถือหุ้นของทีพีไอมากก่อน และไม่เคยให้เงินทุนกับทีพีไอมาก่อน แต่กลับมา *** "คว้าชิ้นปลามัน" *** ทีพีไอไปกินอย่างหน้าตาเฉย!
ที่สำคัญทำให้ทีพีไอกลายเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งใหม่ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลังไปโดยปริยาย ซึ่งมีคำถามเกิดขึ้นว่า ระบอบทักษิณกระทำการแปลงร่างทีพีไอ จากกิจการของเอกชนเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจชั้นดีดังกล่าว ได้ดำเนินการใช้ตัวบทกฎหมายใดมารองรับ หรือได้ดำเนินการภายใต้ *** "กฎหมู่" *** ของระบอบทักษิณ โดยเฉพาะเป็นที่กังขาว่า มีการคลอด *** "พระราชบัญญัติแปรรูปกิจการเอกชนเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ" *** ตั้งแต่เมื่อไหร่ มิพักต้องพูดถึงการแปรรูปกิจการของทีพีไอ ยังเป็นการ *** "สวนทาง" *** กับนโยบายระบอบทักษิณที่เน้นการแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้เอกชนเข้าครอบงำ อาทิเช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย จำกัดหรือทอท.และองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทยหรือ อสมท. เป็นต้น
***เปิดโฉมเครือข่าย"คลัง"
งาบเงิน"ทีพีไอ"จนพุงปลิ้น***
บริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัด ยังเดินหน้าผ่องถ่ายเงินทีพีไอส่วนหนึ่ง ไปให้กับข้าราชการและพนักงานของรัฐ ประกอบด้วย ข้าราชการ ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจและข้าราชการอัยการ เป็นต้น คณะบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐดังกล่าวยังได้รับเงินเดือนประจำจากหน่วยงานต้นสังกัด ซึ่งเป็นเงินจากภาษีของประชาชนอยู่แล้ว โดยไม่นับ *** "โต้โผใหญ่" *** ที่มาจากตัวแทนกระทรวงการคลัง ทั้งพล.อ.มงคล อัมพรพิสิฎร์ นายพละ สุขเวช นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา นายทนง พิทยะและนายอารีย์ วงศ์อารยะ(ต่อมาได้ลาออกและดร.วีรพงษ์ รามางกูรเข้าเสียบแทน) ที่ฟันรายได้จากทีพีไออย่างอิ่มหมีพีมันเดือนละ 750,000-1,000,000 บาท โดยไม่รวมค่าเบี้ยเลี้ยงการประชุมและสวัสดิการอื่น ๆ อีกจำนวนมาก
ในขณะที่บริวารบางส่วนของคณะผู้บริหารแผนฯ อาทิเช่น พลโท(ยศขณะนั้น)บัญชร ชวารศิลป์ ฟันเงินทีพีไอตกเดือนละ 200,000 บาท นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ นายจุมพล ศานติพงศ์ นายสุวิช นิวาตวงศ์ รับเละเดือนละ 150,000-200,000 บาท นางไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล รับไปเดือนละ 400,000 บาท และนายเฉลิมชัย สมบูรณ์ปกรณ์ รับเดือนละ 100,000 บาท เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัด ได้ถ่ายเทผลประโยชน์ของทีพีไอ จำนวนมากกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน โดยระบุว่า *** "เป็นค่าบริการ" *** ไปให้กับบริษัท โพลิเมอร์ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งมีนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ และนางพรรณวดี จิระพงษ์พันธ์ เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น(โปรดสังเกตุนามสกุลเหมือนกันและรับผลประโยชน์ทีพีไอเหมือนกัน) โดยที่ผ่านมาบริษัทดังกล่าวไม่ปรากฏว่าได้เข้ามาให้บริการทีพีไอแต่อย่างใด และไม่สามารถตอบได้ว่าการจ่ายเงินทีพีไอเป็นค่าบริการเดือนละ 10 ล้านบาทหรือตกปีละ 120 ล้านบาทนั้น ได้โอนต่อไปเข้ากระเป๋าใครที่เป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังอีกทอดหนึ่งหรือไม่!
กรณีดังกล่าวฟันธงในชั้นนี้ได้ว่า บริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัด ได้ถูกใช้เป็นบริษัทที่ปรึกษาของคณะผู้บริหารแผนฯ ทั้งนี้เพื่อเป็นช่องทางในการถ่ายเทผลประโยชน์ทีพีไอออกไปให้กับตัวแทนกระทรวงการคลังและบริวาร ส่วนบริษัท โพลิเมอร์ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด ได้ถูกใช้เป็นเครื่องมืออีกชั้นหนึ่งในการถ่ายเทผลประโยชน์ของทีพีไอไปให้กับกลุ่มผู้มีอำนาจควบคุมทีพีไอก็คือ ตัวแทนจากกระทรวงการคลัง โดยเฉพาะ *** "บิ๊กไอ้โม่ง" *** ที่วินาทีนี้ยังซ่อนตัวรอรับผลประโยชน์ก้อนโตจากทีพีไอ โดยหวั่นเกรงต่ออำนาจของรัฐบาล *** "พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์" *** ที่มีนโยบายเน้นความชอบธรรมให้กับทุกฝ่าย ทั้ง ๆ กลุ่มคณะบุคคลดังกล่าวเป็นลิ่วล้อของในระดับ *** "หัวแถว" *** ของระบอบทักษิณก็ว่าได้
มิหนำซ้ำพฤติกรรมในการใช้ *** "บริษัทที่ปรึกษา" *** เป็นท่อขนาดใหญ่ในการถ่ายเทผลประโยชน์ทีพีไอ นับว่าเป็นการ *** "ไซฟ่อนเงิน"***รูปแบบหนึ่งมี่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในยุคระบอบทักษิณเรืองอำนาจ ซึ่งวิธีการดังกล่าวระบอบทักษิณได้นำมาใช้เป็น ***"เครื่องมือสำคัญในการถ่ายเทผลประโยชน์" *** ออกจากหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ กันอย่างโจ่งครึ่ม อาทิเช่น บริษัทที่ปรึกษาต่าง ๆ สำหรับโครงการลงทุนไล่ตั้งแต่ตัวเลขหลัก 1,000 ล้านบาทจนถึงหลัก 10,000 ล้านและสูงสุดถึง 100,000 ล้านบาท อย่างโครงการลงทุนก่อสร้างในสนามบินสุวรรณภูมิอันอื้อฉาว เป็นต้น
ในตอนต่อไปมาดูข้อมูลในเชิงลึกกันว่า คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ ในฐานะตัวแทนจากกระทรวงการคลัง สั่งจ่ายเงิน ***"ย้อนหลัง"*** ให้บริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัด ด้วยวิธีการที่ ***"ประหลาด"*** แถมยังกระทำการด้วยวิธีการที่ ***"เย้ยฟ้าท้าทาย"*** กฎหมายบ้านเมืองอย่างอหังการ!
...........................
ไม่กล้าตอบสังคมถึงปมทีพีไอ (ตอนที่6)
เมื่อตอนที่แล้วได้ทิ้งปมไว้อย่างน่าสนใจ ถึงตัวละครที่เป็นลิ่วล้อของระบอบทักษิณ ที่ถูกส่งเข้ามา ***"ปล้นทีพีไอ" *** ไปจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ไล่ตั้งแต่ *** "นายใหญ่" *** สนใจ *** "ต่อยอดธุรกิจ" *** จากการขายสมบัติชาติในกิจการสัมปทานระบบโทรคมนาคมด้วยเม็ดเงินเกือบ 100,000 ล้านบาท ที่ได้มาจากขายทิ้งกิจการของกลุ่มชินคอร์ปให้กับกองทุนเทมาเซกของรัฐบาลสิงคโปร์ โดยธุรกิจที่ *** "เข้าตาและต้องใจ" *** พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น หนีไม่พ้น *** "กิจทางด้านพลังงานและอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของทีพีไอ" ***
ดังนั้น จึงได้ส่งบรรดาลิ่วล้อเข้ายึดกิจการทีพีไอผ่าน *** "ขุนคลัง" *** ในยุคที่มี *** "ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" *** นั่งบัญชาการ พร้อมส่ง *** "โต้โผใหญ่" *** ที่เป็นมือเป็นไม้ในการดูแลผลประโยชน์ก้อนโตให้กับระบอบทักษิณอย่าง *** "พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฎร์" *** เข้ามาแบ่งเค้กแสนล้านของทีพีไอให้พรรคพวกรับประทานอย่างอิ่มหมีพีมันจนถึงปัจจุบัน ซึ่งหลังจากทำการ*** "แกะรอย" *** ช่องทางการผ่องถ่ายเงินของทีพีไอ ไปให้กับลิ่วล้อของระบอบทักษิณนั้น พบว่ามีคณะบุคคลที่มีความใกล้ชิดชนิดแนบแน่นกับ *** "นายใหญ่" *** และคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ ที่มาจากตัวแทนของกระทรวงการคลังไม่กี่คนที่รับผลประโยชน์ก้อนโตไปอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย!
***แกะรอยลิ่วล้อ"ทักษิณ"..
ผ่องถ่ายเงินก้อนโต"ทีพีไอ" ***
นับตั้งแต่ระบอบทักษิณได้ส่งลิ่วล้อผ่านกลไกลอันบิดเบี้ยวขององค์กรรัฐอย่างกระทรวงการคลังในยุคที่ตกเป็นเครื่องมือรับใช้ของ*** "นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า" *** ชนิดไม่คำนึงถึงความ *** "ถูกผิด" *** ของกฎหมายบ้านเมืองนั้น ปัจจุบันได้ถูกกระแสสังคมตั้งคำถามขึ้นมาถึงกรณีความฉาวโฉ่ของคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ ที่มาจากตัวแทนของกระทรวงการคลัง ที่ได้กระทำการ *** "ปล้นทีพีไอ" *** ไปจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมไปอย่างไม่ชอบธรรม ทั้ง ๆ ที่มีข้อกังขาว่า *** "กระทรวงการคลังอาศัยบทบัญญัติในตัวบทกฎหมายฉบับไหน ในการส่งลิ่วล้อปล้นทีพีไอ" *** ไปจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมโดยไม่ชอบธรรม
โดยเฉพาะคำถามที่ยัง *** "คาใจ" *** กระแสสังคมที่ยังไม่ได้รับคำตอบจากองค์กรของรัฐอย่างกระทรวงการคลัง ที่ส่ง *** "ตัวแทน" *** เข้าไปผ่องถ่ายเงินทีพีไอซึ่งเป็นกิจการของเอกชนออกไปให้พรรคพวกตัวเองอย่างสนุกมือนั้น จนถึงวินาทีนี้ก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้กับสังคมได้ ตรงกันข้ามกระทรวงการคลังที่ตกเป็นเครื่องมือรับใช้ระบอบทักษิณ ยังคงทิ้งคำถามดังกล่าวให้กลายเป็น *** "ปริศนาดำมืด" *** ให้กับสังคมต่อไป อย่างไรก็ตาม จากการตามรอยเส้นทางการผ่องถ่ายเงินทีพีไอไปเข้ากระเป๋าบรรดาลิ่วล้อของระบอบทักษิณ ซึ่งพบข้อมูลการผ่องถ่ายเงินทีพีไอชนิดโจ่งครึ่ม!
ดังกรณีตัวอย่างที่ฉายภาพให้สังคมได้เห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงการกระทำที่เย้ยฟ้าท้ากฎหมายบ้านเมืองของคณะผู้บริหารแผนฯที่มีพล.อ.มงคล อัมพรพิสิฎร์ เป็นหัวเรือใหญ่ ซึ่งจนถึงวินาทีนี้คณะผู้บริหารแผนฯก็ยังตอบสังคมไม่ได้ว่า กรณีที่ได้โอนเงินของทีพีไอ *** "ย้อนหลัง" *** ไปให้กับบริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัด ในวงเงิน 36 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่บริษัทดังกล่าว *** "ยังไม่มีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท" ***ให้ถูกต้องตามกฎหมายแต่อย่างใด หลังจากนั้นคณะผู้บริหารแผนฯยังเดินหน้าจ่ายเงินให้กับบริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัด เป็น *** "ค่าที่ปรึกษา" *** ในวงเงินสูงถึง 20 ล้านบาทต่อเดือนหรือ 240 ล้านบาทต่อปีแบบน่ากังขา รวมถึงการผ่องถ่ายเงินทีพีไอผ่านบริษัท โพลิเมอร์ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด เป็น*** "ค่าซื้อถุงพลาสติก" *** ในวงเงินเดือนละ 10 ล้านบาทหรือวงเงิน 120 ล้านบาทต่อปีอย่างน่ากังขาเช่นกัน จึงมีคำถามตามมาว่า *** "ใครคือผู้ที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังและคอยรับผลประโยชน์ก้อนโตทั้งสองบริษัทดังกล่าว" *** ซึ่งปริศนาดำมือในเรื่องนี้จะถูกเปิดโฉมออกมาประจานให้สังคมได้เห็นกันชนิดจะจะเลยทีเดียว
***ตีแผ่เครือข่ายตัวแทนคลัง
ผ่าน "ซินเนอจี-โพลิเมอร์" ***
สำหรับคณะบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวพันโดยตรง และเป็นที่เปิดเผยให้สังคมเห็นตัวตนที่แท้จริงในบริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัด ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทก็คือ ***นายศิริ จิระพงษ์พันธ์*** ซึ่งเป็นมือทำงานให้กับคณะผู้บริหารแผนฯตัวฉกาจคนหนึ่ง โดยหน้าที่หลักได้ถูกมอบหมายให้จัดสรรผลประโยชน์ที่ผ่องถ่ายจากทีพีไอไปสู่บริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัด ตกเดือนละ 20 ล้านบาทให้อย่างลงตัว ส่วนผลประโยชน์ก้อนโตที่ถูกผ่องถ่ายจากทีพีไอจะตกไปอยู่ในมือของใครบ้างนั้น ในเรื่องนี้สามารถต่อ *** "จิ๊กซอ" *** ให้เห็นภาพชัดเจนได้ไม่ยากนัก ซึ่งก็คือกลุ่มก๊วนของระบอบทักษิณที่กุมอำนาจในทีพีไอไว้ในมือช่วงนั้นเอง
หลังจากที่นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ ได้ทำหน้าที่จัดสรรผลประโยชน์ในบริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัดให้กับคณะผู้บริหารแผนฯได้ไม่ติดขัดประการใดแล้ว จึงทำให้ลิ่วล้อผู้บริหารแผนรายนี้ ได้รับการปูนบำเหน็จความดีความชอบจากตัวแทนของระบอบทักษิณให้ไปนั่ง *** "ขัดตาทัพ" *** ในตำแหน่งกรรมการและรักษาการ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย(กกท.) ทั้งนี้มีกระแสข่าวยืนยันว่า การที่นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ ถูกส่งตัวไปดูแลผลประโยชน์จำนวนมหาศาลในการท่าเรือแห่งประเทศไทยนั้น ก็เพื่อต้องการให้ทำการถ่ายเทผลประโยชน์ของที่ดิน *** "ทำเลทอง" *** หลายพันไร่ของที่ท่าเรือคลองเตย ภายใต้ *** "การวาดฝัน" *** โครงการพัฒนาที่ดินอันสวยหรูมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งการท่าเรือฯได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาออกแบบโครงการไว้เสร็จสรรพเรียบร้อย ทั้งนี้เพื่อรอประเคนโปรเจ็คลงทุนหลายหมื่นล้านให้กับ *** "คู่ซี้นายใหญ่จากเมืองลอดช่อง" *** หรือการจ่อคิวยกที่ดินทำเลทองผืนใหญ่ของการท่าเรือฯให้กับบริษัทเอกชนรายใหญ่รายหนึ่งจากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งบริษัทเอกชนของสิงคโปร์รายนี้ มีส่วนเกี่ยวพันกับการซื้อหุ้นในกิจการโทรคมนาคมของกลุ่มชินคอร์ปที่มีเรื่องฉาวโฉ่ไปทั่วโลกมาแล้ว
ทั้งนี้จากการเข้าไปทำหน้าที่รักษาการในเก้าอี้ใหญ่ในการท่าเรือแห่งประเทศไทยของนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ดังกล่าว นัยว่าเพื่อเป็นการตอบแทนด้วยการ *** "ตกรางวัล" *** อย่างงาม ที่สามารถงัดวิชามารสารพัดรูปแบบในการเข้า *** "ปล้นทีพีไอ" *** ได้เป็นผลสำเร็จ โดยเฉพาะกรณีการขายหุ้นทีพีไอให้กับพันธมิตรของกระทรวงการคลัง ทั้งบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) กองทุนวายุภักษ์1 และธนาคารออมสิน ในราคาหุ้นละ 3.30 บาท ในขณะที่ราคาซื้อขายหุ้นทีพีไอในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ในช่วงนั้นราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่หุ้นละ 7 บาท จนกระทั่งได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในทีพีไอในสัดส่วน 61.5 % ทั้ง ๆ ที่หน่วยงานภายใต้ *** "อุ้งมือคลัง" ***ดังกล่าว ซึ่งพันธมิตรของคลังดังกล่าวไม่เคยเป็นผู้ถือหุ้นของทีพีไอมากก่อน และไม่เคยให้เงินทุนกับทีพีไอมาก่อน แต่กลับมา *** "คว้าชิ้นปลามัน" *** ทีพีไอไปกินอย่างหน้าตาเฉย!
ที่สำคัญทำให้ทีพีไอกลายเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งใหม่ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลังไปโดยปริยาย ซึ่งมีคำถามเกิดขึ้นว่า ระบอบทักษิณกระทำการแปลงร่างทีพีไอ จากกิจการของเอกชนเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจชั้นดีดังกล่าว ได้ดำเนินการใช้ตัวบทกฎหมายใดมารองรับ หรือได้ดำเนินการภายใต้ *** "กฎหมู่" *** ของระบอบทักษิณ โดยเฉพาะเป็นที่กังขาว่า มีการคลอด *** "พระราชบัญญัติแปรรูปกิจการเอกชนเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ" *** ตั้งแต่เมื่อไหร่ มิพักต้องพูดถึงการแปรรูปกิจการของทีพีไอ ยังเป็นการ *** "สวนทาง" *** กับนโยบายระบอบทักษิณที่เน้นการแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้เอกชนเข้าครอบงำ อาทิเช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย จำกัดหรือทอท.และองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทยหรือ อสมท. เป็นต้น
***เปิดโฉมเครือข่าย"คลัง"
งาบเงิน"ทีพีไอ"จนพุงปลิ้น***
บริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัด ยังเดินหน้าผ่องถ่ายเงินทีพีไอส่วนหนึ่ง ไปให้กับข้าราชการและพนักงานของรัฐ ประกอบด้วย ข้าราชการ ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจและข้าราชการอัยการ เป็นต้น คณะบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐดังกล่าวยังได้รับเงินเดือนประจำจากหน่วยงานต้นสังกัด ซึ่งเป็นเงินจากภาษีของประชาชนอยู่แล้ว โดยไม่นับ *** "โต้โผใหญ่" *** ที่มาจากตัวแทนกระทรวงการคลัง ทั้งพล.อ.มงคล อัมพรพิสิฎร์ นายพละ สุขเวช นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา นายทนง พิทยะและนายอารีย์ วงศ์อารยะ(ต่อมาได้ลาออกและดร.วีรพงษ์ รามางกูรเข้าเสียบแทน) ที่ฟันรายได้จากทีพีไออย่างอิ่มหมีพีมันเดือนละ 750,000-1,000,000 บาท โดยไม่รวมค่าเบี้ยเลี้ยงการประชุมและสวัสดิการอื่น ๆ อีกจำนวนมาก
ในขณะที่บริวารบางส่วนของคณะผู้บริหารแผนฯ อาทิเช่น พลโท(ยศขณะนั้น)บัญชร ชวารศิลป์ ฟันเงินทีพีไอตกเดือนละ 200,000 บาท นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ นายจุมพล ศานติพงศ์ นายสุวิช นิวาตวงศ์ รับเละเดือนละ 150,000-200,000 บาท นางไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล รับไปเดือนละ 400,000 บาท และนายเฉลิมชัย สมบูรณ์ปกรณ์ รับเดือนละ 100,000 บาท เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัด ได้ถ่ายเทผลประโยชน์ของทีพีไอ จำนวนมากกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน โดยระบุว่า *** "เป็นค่าบริการ" *** ไปให้กับบริษัท โพลิเมอร์ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งมีนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ และนางพรรณวดี จิระพงษ์พันธ์ เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น(โปรดสังเกตุนามสกุลเหมือนกันและรับผลประโยชน์ทีพีไอเหมือนกัน) โดยที่ผ่านมาบริษัทดังกล่าวไม่ปรากฏว่าได้เข้ามาให้บริการทีพีไอแต่อย่างใด และไม่สามารถตอบได้ว่าการจ่ายเงินทีพีไอเป็นค่าบริการเดือนละ 10 ล้านบาทหรือตกปีละ 120 ล้านบาทนั้น ได้โอนต่อไปเข้ากระเป๋าใครที่เป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังอีกทอดหนึ่งหรือไม่!
กรณีดังกล่าวฟันธงในชั้นนี้ได้ว่า บริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัด ได้ถูกใช้เป็นบริษัทที่ปรึกษาของคณะผู้บริหารแผนฯ ทั้งนี้เพื่อเป็นช่องทางในการถ่ายเทผลประโยชน์ทีพีไอออกไปให้กับตัวแทนกระทรวงการคลังและบริวาร ส่วนบริษัท โพลิเมอร์ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เทรดดิ้ง จำกัด ได้ถูกใช้เป็นเครื่องมืออีกชั้นหนึ่งในการถ่ายเทผลประโยชน์ของทีพีไอไปให้กับกลุ่มผู้มีอำนาจควบคุมทีพีไอก็คือ ตัวแทนจากกระทรวงการคลัง โดยเฉพาะ *** "บิ๊กไอ้โม่ง" *** ที่วินาทีนี้ยังซ่อนตัวรอรับผลประโยชน์ก้อนโตจากทีพีไอ โดยหวั่นเกรงต่ออำนาจของรัฐบาล *** "พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์" *** ที่มีนโยบายเน้นความชอบธรรมให้กับทุกฝ่าย ทั้ง ๆ กลุ่มคณะบุคคลดังกล่าวเป็นลิ่วล้อของในระดับ *** "หัวแถว" *** ของระบอบทักษิณก็ว่าได้
มิหนำซ้ำพฤติกรรมในการใช้ *** "บริษัทที่ปรึกษา" *** เป็นท่อขนาดใหญ่ในการถ่ายเทผลประโยชน์ทีพีไอ นับว่าเป็นการ *** "ไซฟ่อนเงิน"***รูปแบบหนึ่งมี่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในยุคระบอบทักษิณเรืองอำนาจ ซึ่งวิธีการดังกล่าวระบอบทักษิณได้นำมาใช้เป็น ***"เครื่องมือสำคัญในการถ่ายเทผลประโยชน์" *** ออกจากหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ กันอย่างโจ่งครึ่ม อาทิเช่น บริษัทที่ปรึกษาต่าง ๆ สำหรับโครงการลงทุนไล่ตั้งแต่ตัวเลขหลัก 1,000 ล้านบาทจนถึงหลัก 10,000 ล้านและสูงสุดถึง 100,000 ล้านบาท อย่างโครงการลงทุนก่อสร้างในสนามบินสุวรรณภูมิอันอื้อฉาว เป็นต้น
ในตอนต่อไปมาดูข้อมูลในเชิงลึกกันว่า คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ ในฐานะตัวแทนจากกระทรวงการคลัง สั่งจ่ายเงิน ***"ย้อนหลัง"*** ให้บริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัด ด้วยวิธีการที่ ***"ประหลาด"*** แถมยังกระทำการด้วยวิธีการที่ ***"เย้ยฟ้าท้าทาย"*** กฎหมายบ้านเมืองอย่างอหังการ!
...........................