สุโขทัย-โวยสรรพากรมั่วรีดภาษีคนเลี้ยงวัวสุโขทัยยกหมู่บ้าน กำหนดให้ยื่นแบบฯภายในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ เผยชาวบ้านบางคนเลี้ยงวัวแค่ 2-3 ตัวเพื่อยังชีพมานานกว่า 40 ปียังถูกบีบให้ยื่นแบบฯโดยไม่ทราบเหตุผล แถมบางคนไม่มีสัตว์เลี้ยงแม้แต่ตัวเดียว ยังโดนบังคับให้เสียภาษีกันถ้วนหน้า
รายงานข่าวจากจังหวัดสุโขทัยแจ้งว่า ที่หมู่ 3 ต.ป่าแฝก อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย เกษตรกรผู้เลี้ยงโคกว่า 20 ราย ได้นำหนังสือของสรรพากรพื้นที่สาขากงไกรลาศ ที่ระบุให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคไปยื่นแบบเสียภาษีจากการเลี้ยงโคเพื่อขายมาร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวเนื่องจากชาวบ้านเกิดความไม่เข้าใจและไม่พอใจถึงเหตุผลของการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว
นายเรียบ บุญรอด อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37/1 หมู่ 3 ต.ป่าแฝก กล่าวว่า ที่หมู่ 3 นี้มีชาวบ้านประกอบอาชีพเลี้ยงวัวประมาณ 40 ครอบครัว ซึ่งส่วนใหญ่กู้ยืมเงินจากกองทุนหมู่บ้านซื้อวัวมาเลี้ยงกัน 2-3 ตัวต่อครัวเรือน และต่างก็ได้รับหนังสือจากสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขากงไกรลาศ เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
โดยหนังสือระบุให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคไปยื่นแบบเสียภาษีจากการเลี้ยงโคเพื่อขาย ในวันที่ 7 ธันวาคม 2549 พร้อมนำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านไปประกอบการพิจารณาด้วย ลงชื่อนายวันชัย นรถี นิติกร 7 ว. รักษาราชการแทนสรรพากรพื้นที่สาขากงไกรลาศ
“ผมยึดอาชีพเลี้ยงวัวมา 40 ปี แต่ไม่เคยเห็นมีการเรียกเก็บภาษีแบบนี้สักครั้ง ตอนนี้ชาวบ้านวิตกกังวลกันมากเพราะไม่มีการชี้แจงรายละเอียดหรือเหตุผลใดๆ ให้ทราบเลย จู๋ๆ ก็มีหนังสือแจ้งให้คนที่มีวัวเลี้ยงไปเสียภาษี ภาษีอะไร ทำไมต้องเสีย และต้องเสียเท่าไหร่ ชาวบ้านเขาเลี้ยงกันแค่ครอบครัวละ 2-3 ตัว เพื่อยังชีพไม่ได้เลี้ยงกันเป็นฟาร์มหรือทำเป็นธุรกิจ” นายเรียบ กล่าว
นางสายพิน ดวงจรัส อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60/1 หมู่ 3 ต.ป่าแฝก กล่าวว่า มีชาวบ้านหลายรายรวมทั้งครอบครัว ตนไม่ได้เลี้ยงวัวแต่ก็มีหนังสือแจ้งให้ไปเสียภาษีเช่นกัน ไม่ทราบว่าสรรพากรเอาข้อมูลมาจากไหนว่า ใครเลี้ยงหรือไม่เลี้ยง ตอนนี้คนเลี้ยงวัวเขาแตกตื่นกันทั้งหมู่บ้านกับหนังสือฉบับนี้ฉบับเดียวทำให้เครียดกันไปหมดและรู้สึกโกรธแค้นกับนโยบายดังกล่าวเพราะลำพังชาวบ้านเลี้ยงวัวกันทุกวันนี้ก็ไม่พอกินอยู่แล้ว
“นอกจากภาษีคนเลี้ยงวัวก็ยังมีการเรียกเก็บภาษีจากชาวบ้านที่เลี้ยงเป็ด ไก่ หมูในเล้าเล็กๆ อีกด้วย ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นสรรพากรถึงได้ลุยเก็บภาษีจากคนจนหาเช้ากินค่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน” นางสายพิน กล่าว