xs
xsm
sm
md
lg

ปวงชนรวมใจถวายพระพร เสียง “ทรงพระเจริญ” ก้องแผ่นดินไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปวงชนชาวไทยทั่วทุกสารทิศแสดงพลังครั้งประวัติศาสตร์เฝ้ารอส่งเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินจากพระบรมมหาราชวังจนถึงพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พร้อมจุดเทียนชัยถวายพระพรกว่า 1.5 แสนเล่มและเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องเนื่องในวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแย้มพระสรวลและโบกพระหัตถ์ทักทาย สร้างความปลื้มปิติแก่พสกนิกรเป็นล้นพ้น บางรายถึงกลับกั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เลยทีเดียว ส่วนในต่างจังหวัดประชาชนทุกภูมิภาคต่างพร้อมใจแสดงความจงรักภักดีเช่นกัน

วานนี้(5 ธ.ค.) ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าได้พร้อมใจพร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองและเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมเนื่องในงานมหามงคลเฉลิมพระชนพรรษา 5 ธันวามหาราชพร้อมทั้งร่วมถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกันอย่างเนื่องแน่น โดยเริ่มทยอยเดินทางมาตั้งแต่เช้าและหนาแน่นขึ้นเป็นลำดับในช่วงกลางวันจนถึงพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรในช่วงค่ำ ทั้งนี้เนื่องจากต้องการจับจองพื้นที่ริมฟุตปาธเพื่อเฝ้ารับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรในเวลา 19.00 น. ทั้งนี้ คณะกรรมการจัดงาน 5 ธันวามหาราช ได้จัดเตรียมเทียนให้ประชาชนร่วมถวายพระพรชัยมงคลจำนวน 1 ล้าน 5 แสนเล่ม 

         อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่ที่สนามหลวงเท่านั้น ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินตั้งแต่หน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สะพานผ่านฟ้าลีลาศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จนถึงลานพระบรมรูปทรงม้าและพระตำหนักจิตรลดารโหฐานก็มีประชาชนจำนวนมากออกมาจับจองที่นั่งอย่างล้นหลามทั้ง 2 ข้างทางเพื่อเฝ้าชมพระบารมีและส่งเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

**ทรงโบกพระหัตถ์ทักทายประชาชน

จากนั้นในเวลาประมาณ 17.15 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จประทับรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมถึงขบวนเสด็จของพระบรมวงศานุวงศ์เคลื่อนออกจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ผ่านถนนราชดำเนินนอก เข้าสู่ถนนราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินใน สิ้นสุดที่พระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงประกอบพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล เนื่องในวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา โดยระหว่างที่ประทับรถยนต์พระที่นั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโบกพระหัตถ์ทักทายพสกนิกรที่สวมใส่เสื้อสีเหลืองเฝ้ารอรับเสด็จเป็นจำนวนมากตลอด 2 ข้างทาง ซึ่งประชาชนต่างโบกธงชาติไทย และเปล่งเสียงร้อง "ทรงพระเจริญ"

   ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 17.50 น.ได้มีการปล่อยริ้วขบวนเฉลิมพระเกียรติออกจากบริเวณถนนหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเข้าสู่ท้องสนามหลวงเพื่อรอพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีวงดุริยางค์ทหารเรือนำขบวนอัญเชิญเครื่องราชสักการะ ตามด้วยพสกนิกรชาวไทยสวมเสื้อสีเหลือง นิสิต นักศึกษา ลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้แทนกระทรวง หน่วยงานและองค์กรต่างๆ พร้อมชูป้ายขนาดใหญ่ว่าทรงพระเจริญ โบกธงชาติและธงตราสัญลักษณ์ และเปล่งเสียงทรงพระเจริญและไชโยตลอดเส้นทาง
  
**ทรงแย้มพระสรวล-โบกพระหัตถ์

      เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินออกจากพระบรมมหาราชวังผ่านทางประตูวิเศษชัยศรี โดยประทับรถยนต์พระที่นั่งกลับพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ซึ่งตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยพสกนิกรชาวไทยที่เฝ้ารอรับเสด็จอย่างเนื่องแน่น พร้อมทั้งเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" ดังอย่างกึกก้อง รวมทั้งโบกธงตราสัญลักษณ์ครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ธงชาติไทยด้วย และจุดเทียนเพื่อส่งเสด็จด้วย

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแย้มพระสรวล พร้อมโบกพระหัตถ์ให้ประชาชนที่เฝ้ารอส่งเสด็จ ซึ่งยังความปลาบปลื้มให้กับผู้ที่รอส่งเสด็จเป็นจำนวนมาก บางรายถึงขนาดกลั้นน้ำตาแห่งความยินดีเอาไว้ไม่ได้เลยทีเดียว 

ขณะที่ท้องสนามหลวงในเวลาเดียวกันคณะกรรมการมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช ได้แจกเทียนที่ผ่านพิธีปลุกเสกจากวัดชนะสงคราม จำนวนถึง 1.5 ล้านเล่มเพื่อให้ประชาชนได้จุดเทียนชัยถวายพระพรพร้อมกัน ในเวลา 19.29 โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

ต่อมาที่บริเวณกลางท้องสนามหลวง และหน้าสำนักงานฉลากกินแบ่งรัฐบาล หน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมมือกัน จุดพลุถวายพระพรอย่างยิ่งใหญ่และสวยงามสมพระเกียรติ โดยจะมีการจุดพลุจำนวนหลายแสนนัด โดยการแสดงพลุแต่ละชุดนั้น มีความหมาย สะท้อนพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เช่น ชุดไพรพณาพาสุขศรี สะท้อนพระอัจฉริยภาพ และสายพระเนตรในงานด้านเกษตร และการชลประทาน ป่าไม้ ชุดสมานฉันท์สามัคคี หมายถึงพระองค์ ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทย และชาวต่างชาติ ทรงห่วงใยดูแลพสกนิกร โดยมิได้เลือกว่าเป็นชนชาติใด ศาสนาใด         
             
**ความในใจของพสกนิกร


  นายลพ อภิรักษ์ลิขิตกุล อายุ 61 ปี กล่าวว่า เดินทางมาจากบ้านแถวประชาอุทิศ โดยออกจากบ้านประมาณบ่าย 2 ซึ่งการจราจรติดขัดมากแต่ก็ตั้งใจมาจุดเทียนชัยซึ่งเป็นสิ่งที่กระทำมาทุกปี โดยตั้งใจขออธิษฐานให้พระองค์ทรงพระเจริญ มีพระชนมมายุยิ่งยืนนาน

ขณะที่ประชาชนที่มาเป็นครอบครัว อย่างครอบครัวศรีฐาน นางสุภีและนายกิตศพล ศรีฐานพร้อมลูกชายวัยขวบเศษเดินทางมาจากพรานนก โดยทั้งครอบครัวพร้อมใจสวมเสื้อเหลืองเดินทางมาจุดเทียนชัยถวายพระพรขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานสถิตย์เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชาวไทยทุกคน

ส่วนนายเกตุ และนางอารีย์ อุ่นสิริยศ พร้อมด.ช.สัจจรินทน์ วัย 12 ปี จากบ้านย่านสวนมะลิ กล่าวว่า ตั้งแต่ที่มีการจัดงานที่ท้องสนามหลวงก็เดินทางมาร่วมพิธีโดยตลอด สมัยก่อนจะมีหนัง 200 จอ ฉายประชันร่วมเฉลิมฉลอง ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น มหรสพ แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยคือการที่ประชาชนมาร่วมเฉลิมฉลองวันเฉลิมฯกันอย่างเนื่องแน่น แม้จะมีการจัดงานหลายจุดทั้งสะพานพระราม 8 ลานพระบรมรูปทรงม้า แต่ประชาชนก็ยังแน่นขนัด และคิดว่าจากนี้ต่อไปจะมาเป็นประจำทุกๆ ปี

** 80 รวมใจภักดิ์รักในหลวง

สำหรับบรรยากาศการถวายพระพรในช่วงเช้าวันเดียวกันนั้น เมื่อเวลา 07.00 น. ที่ท้องสนามหลวง นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานนำประชาชนหลายพันคนตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 580 รูป ในงานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 79 พรรษา 5 ธันวามหาราช ท่ามกลางการสวดสรภัญญะเฉลิมพระเกียรติโดยผู้แทนนักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ โดยมีพระธรรมปัญญาบดี จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ทั้งนี้ นายอภิรักษ์ ยังได้เป็นประธานถวายภัตตาหารเช้าแด่พระราชาคณะ 10 รูป

หลังจากพิธีตักบาตรพระสงฆ์เสร็จสิ้นในเวลา 07.45 น. ประชาชนส่วนใหญ่ได้เดินทางไปที่สนามเสือป่าซึ่งมีการจัดงาน 80 รวมใจภักดิ์ รักพ่อของแผ่นดิน โดยกองทัพบกร่วมกับกรุงเทพมหานครจัดขึ้น ทั้งนี้ ทาง กทม.ได้จัดซุ้มลงนามถวายพระพรภายในสนามเสือป่าจำนวน 20 ซุ้ม และเปิดให้ลงนามตั้งแต่เวลา 06.00-07.00 น. ซึ่งมีประชาชนเข้าแถมรวมลงนามถวายพระพรอย่างต่อเนื่องทุกซุ้ม 

นายสีเทา ดาราตลกอาวุโส อายุ 75 ปีได้เดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพรและร่วมเดินขบวนไปยังพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน กล่าวว่า ตนเองมาแสดงกตัญญูต่อพ่อหลวง เพราะหากไมมีพระองค์ก็ไม่มีสีเทาในวันนี้ สีเทาก็คงจะเป็นขี้เถ้าไปแล้ว เพราะเมื่อปี 2537 ป่วยด้วยโรคเส้นโลหิตในสมองแตก เข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล พระองค์โปรดให้องคมนตรีนำดอกไม้พระราชทานแก่ตน ทำให้ตนมีกำลังใจและรู้สึกว่าต้องมีชีวิตรอด ซึ่งปัจจุบันก็หายเป็นปกติทั้งที่คนเป็นโรคนี้ไม่ตายก็เป็นอัมพาต

ด้านนางนิตยา สวรรค์นคร หนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมถวายพระพรกล่าวว่าตนเดินทางมาจากเพชรบูรณ์เพื่อมาร่วมพิธีโดยตรงและทุกครั้งที่มีพระราชพิธีที่เกี่ยวกับการเฉลิมฉลองแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯก็จะพยายามสะสางงานทั้งหมดแล้วเดินทางมาร่วมด้วยเสมอ ซึ่งการได้มาร่วมนั้นทำให้ได้เห็นพระองค์ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งของชีวิตหนึ่งเท่านี้ก็ถือว่าชีวิตได้เต็มอิ่มมากแล้ว ทั้งนี้ตนได้ตามเสด็จพระองค์ท่านตั้งแต่เมื่อครั้งที่ทรงเข้าประทับเพื่อรับถวายการผ่าตัดที่โรงพยาบาลศิริราชซึ่งเมื่อตอนนั้นได้เป็นบุญตามากเพราะนอกจากจะได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้วยัง มีโอกาสเห็นพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์อีกด้วย
         
**เคลื่อนขบวนยาวเหยียดตลอด ถ.พระราม 5

       ในเวลา 08.00 น.ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ตั้งขบวนเต็มลานพระบรมรูปทรงม้าและเคารพธงชาติอย่างพร้อมเพียงกัน จากนั้นพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วยผู้สูงอายุ ผู้บริหารข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และประชาชนทุกหมู่เหล่าได้เคลื่อนขบวนไปยังบริเวณด้านประตูพระวรุณอยู่เจน พระตำหนักจิตรลดารโหฐานและตลอดแนวถนนพระรามที่ 5 โดยมีนายณรงค์ฤทธิ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รองเลขาธิการพระราชวังฝ่ายที่ประทับ ออกรับพานพุ่มสักการะในเวลา 08.30 น.

ต่อมาในเวลา 08.39 น.พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ได้เปิดกรวยและกล่าวถวายพระพรชัยมงคล จากนั้นวงดุริยางบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ผู้บัญชาการทหารบกถวายพานพุ่มสักการะ และผู้ว่าฯกทม.ถวายพานพุ่มสักการะ รองเลขาธิการพระราชวังฝ่ายที่ประทับรับพานพุ่มสักการะ และกล่าวตอบแล้วเดินทางกลับ จากนั้นประชาชนทุกหมู่เหล่าต่างพร้อมใจกันร้องเพลงสดุดีมหาราชา และเพลงภูมิแผ่นดินนวมินทร์มหาราชาดังก้องถนนพระราม 5 ด้วยความจงรักภักดีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นล้นพ้น พร้อมกับเปล่งเสียง“ทรงพระเจริญ”อย่างกึกก้อง

**ทุกภาคร่วมถวายพระพร

ทางด้านพสกนิกรในต่างจังหวัดทุกภาคของประเทศไทย รวมทั้งข้าราชการทุกหมู่เหล่าก็ได้มีการจัดกิจกรรมพระราชกุศลเพื่อถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่นกัน อาทิ ที่ จ.เชียงใหม่ นายวิชัย ศรีขวัญ ผู้ว่าราชการจ.เชียงใหม่ นำหัวหน้าส่วนราชการ พ่อค้า ประชาชน นักเรียนนักศึกษา และกลุ่มพลังมวลชน นับพันคน พร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง พระภิกษุและสามเณร 999 รูป ณ มณฑลพิธีสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ขณะที่เทศบาลนครเชียงใหม่ และชาวบ้านชุมชนในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้ร่วมกันปล่อยโคมลอยยักษ์สีเหลือง ขนาดความสูงกว่าตึก 4 ชั้น หรือกว่า 13 เมตร ใช้กระดาษว่าวทำกว่า 2,200 แผ่น พร้อมอักษรคำถวายพระพร ทรงพระเจริญ บริเวณข่วงประตูท่าแพ ในตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและเฉลิมฉลองในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ท่ามกลางความสนใจของนักท่องเที่ยว

ส่วนที่บริเวณศูนย์ที่พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบบ้านปางแทรกเตอร์ ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน กว่าหมื่นคน ได้จัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ และในเวลา 19. 00 น กลุ่มผู้หนีภัยจากการสู้รบได้มีการจุดเทียนชัยถวายพระพรที่บริเวณศูนย์ที่พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบโดยพร้อมเพรียงกันด้วย

ที่ จ.พิษณุโลก นายพิพัฒน์ วงศาโรจน์ ผู้ว่าราชการจ.พิษณุโลก พร้อมด้วยข้าราชการ พ่อค้า และประชาชน ร่วมกันทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุ สามเณร 199 รูป ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก จากนั้นได้ร่วมลงนามถวายพระพรและบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายเป็นพระราชกุศล ณ ศาลาประชาคมพิษณุโลก พร้อมกล่าวสดุดีเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคล พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ ปืนใหญ่ยิงสลุต 21 นัด

ที่ จ.นครราชสีมา พสกนิกรชาวโคราชทุกหมู่เหล่า นำโดย นายสมบูรณ์ งามลักษณ์ ผู้ว่าราชการจ.นครราชสีมา และประชาชนกว่า 1,000 คน ร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุสงฆ์ 99 รูป ถวายเป็นพระราชกุศล ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครราชสีมา จากนั้นผู้ว่าราชการจ.นครราชสีมาได้นำคณะข้าราชการประกอบทำพิธีเฉลิมฉลองวันชาติไทย ร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคล และกระทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีของแผ่นดิน ที่หอประชุมเปรม ติณสูลานนท์ หลังศาลากลางจ.นครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา สำหรับช่วงค่ำมีการจัดพิธีถวายเครื่องราชสักการะ พิธีจุดเทียนชัยถวายพระพร และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติที่ลานนวมินทร์ สวนน้ำบุ่งตาหลั่วเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา

ด้าน จ.ขอนแก่น ที่ประตูเมืองขอนแก่น ถ.ศรีจันทร์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายปานชัย บวรรัตนปราณ ผู้ว่าราชการจ.ขอนแก่น เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นำข้าราชการและประชาชนชาวขอนแก่น สวมเสื้อสีเหลืองทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 179 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคล

ที่ จ.นราธิวาส ประชาชนส่วนใหญ่พร้อมใจกันสวมเสื้อเหลือง โดยในช่วงเช้าได้ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรที่บริเวณสวนกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และได้ร่วมพิธีถวายพระพรชัยมงคลและบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายเป็นพระราชกุศล ส่วนช่วงค่ำได้มีพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล พร้อมกันทั่วประเทศ ด้านพิธีทางศาสนาอิสลามทางคณะกรรมการอิสลามจ.นราธิวาส ได้เชิญผู้นำศาสนา โต๊ะครู โต๊ะอิหม่าม ในพื้นที่ร่วมละหมาดเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยเช่นกัน

ที่ จ.ยะลา นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจ.ยะลา พร้อมด้วยนางนารีรัตน์ มินทราศักดิ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดยะลา และประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา ผู้นำศาสนา โต๊ะอิหม่าม ข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา ที่นับถือศาสนาอิสลาม ร่วมสวดดุอาร์ถวายพระพรเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช ที่ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจ.ยะลา
กำลังโหลดความคิดเห็น