พระมหาวุฒิชัย หรือ “ว.วชิรเมธี” อาจารย์พิเศษในโครงการอภิธรรมโชติกะวิทยาลัย วัดเบญจมบพิตร ได้ให้แง่คิดเรื่อง “หวย” อย่างแยบคายว่า
“หวย” ประกอบด้วยคำ 3 คำ คือ ห.ว.ย. มีความหมายตามตัว 3 ประการ ได้แก่ หายนะ วอดวาย และ ย่อยยับ
พุทธศาสนาเรียกว่า เป็นอบายมุข คือ หนทางแห่งความฉิบหาย เพราะฉะนั้น หากในสังคมไม่มีการเล่นหวยเลย ย่อมจะดีงามที่สุด เจริญที่สุด
ในขณะเดียวกัน หวยก็เป็นเสมือน “ความหวังที่จะรวย” ของคนจำนวนหนึ่ง และก็เป็นแหล่งเงินรายได้ชนิดหนึ่งของรัฐบาลที่ได้จากคนจนที่ซื้อหวยด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ
ข้อถกเถียงเกี่ยวกับหวย จึงเป็นการมองต่างมุม เป็นค่านิยมที่มีการให้น้ำหนักและความสำคัญไม่เท่ากันของคน 2 ฝ่าย
ฝ่ายหนึ่ง ให้น้ำหนักเรื่องหวยสร้างปัญหาสังคมระยะยาว กับอีกฝ่ายหนึ่ง ให้น้ำหนักเรื่องหวยสร้างรายได้ให้รัฐหรือให้เจ้ามือหวย
ขณะนี้ รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ กำลังพิจารณาทบทวนแก้ไขกฎหมายที่จะให้มีการออกหวย 2 ตัว 3 ตัวอยู่ จึงเป็นโอกาสที่น่าจะช่วยกันคิดว่า รัฐบาลควรจะมีนโยบายเกี่ยวกับ “หวย” อย่างไร?
เราควรจะจัดวาง “หวย” เอาไว้ตรงไหนของสังคม ?
ควรจะ “ลด-ละ-เลิก” อย่างไร?
ต่อข้อถามนี้ มีคนคิด “ทางเลือก” หลายทาง แต่ละทางมีผลกระทบ และมีผลดี-ผลเสีย แตกต่างกัน ลองดูดังต่อไปนี้
(1) “เลิก” สลากกินรวบ (หวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัว) โดยสิ้นเชิง คงเหลือแค่สลากกินแบ่ง เดือนละ 2 งวด ต่อไปตามเดิม
(2) “ลด” จำนวนงวด โดยจำกัดให้ออกหวยเพียงเดือนละ 1 งวด แต่มีทั้งสลากกินแบ่ง และสลากกินรวบ (หวยบนดิน หวยใต้ดิน)
ทางเลือก 2 ทางนี้ ดูจะมีการพูดกันว่าเป็น “ทางประนีประนอม” ที่สุด
คือ ไม่ถึงกับมุ่งหารายได้ด้วยการมอมเมาประชาชนด้วยหวยทั้ง 2 ประเภท เดือนละ 2 งวด อย่างที่คนในรัฐบาลบางคนพยายามจะทำ และไม่ถึงกับจะล้างบางหวย โดยการยกเลิกหวยทุกประเภททั้งหมด เหมือนอย่างที่ผู้หลักผู้ใหญ่บางท่านเสนอ
สองทางนี้ มีดี-มีเสีย ต่างกัน
(1) เลิกสลากกินรวบ (หวยบนดิน) โดยสิ้นเชิง แต่ยังออกหวยเดือนละ 2 งวด เท่าเดิม
ยอดขายหวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัวของรัฐบาลจะเหลือศูนย์ทันที เพราะรัฐบาลเลิกเป็นเจ้ามือ
เคยขายเดือนละ 6,000 ล้าน หายในพริบตา !
ยอดขายลอตเตอรี่ที่เคยทรุดลงไปอย่างหนักในช่วงที่มีหวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัว ก็น่าจะกลับมาปรับตัวดีขึ้น แต่ก็คงไม่มากไปกว่าเดิมเมื่อครั้งที่ไม่มีหวยบนดิน
ส่วนยอดขายหวยใต้ดิน จะเป็นไปได้ 2 ทาง คือ
หนึ่ง ถ้าเลิกหวยบนดิน แล้วตำรวจทำหน้าที่ป้องกันปราบปรามหวยใต้ดินอย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ ออกคำสั่งเป็นนโยบายระดับสำคัญว่า ท้องที่ใดปล่อยให้การเล่นหวยใต้ดินถือเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจขั้นร้ายแรง ในขณะเดียวกัน ก็ดำเนินการปรามปราม ยึดทรัพย์เจ้ามือหวยใต้ดิน ยอดขายหวยใต้ดินในแต่ละเดือนก็น่าจะลดลง
หรือ สอง ยอดขายหวยใต้ดินในแต่ละเดือนน่าจะสูงขึ้น แต่ที่แน่ๆ คือ สูงขึ้นน้อยกว่ายอดรวมของยอดขายหวยบนดินที่เคยมีอยู่เดิม
คนที่เคยเล่นหวย 2 ตัว 3 ตัว แบ่งได้หลายกลุ่ม
บางกลุ่ม เพิ่งจะมาเล่นหวย 2 ตัว 3 ตัว ก็ตอนที่รัฐบาลเป็นเจ้ามือหวยบนดินเอง เพราะหวยใต้ดินอาจจะไม่กล้าเล่น กลัวถูกจับ กลัวเสียชื่อเสียง ไม่รู้จะไปซื้ออย่างไร ไม่สะดวก หรือถ้าเล่นก็ไม่กล้าเล่นเยอะ เพราะกลัวถูกเจ้ามือหวยเถื่อนเบี้ยวเงินรางวัล
คนกลุ่มนี้ เมื่อเลิกหวยบนดิน เขาก็จะไม่ไปเล่นหวยใต้ดิน
แต่อีกกลุ่ม เล่นหวยมานานแล้ว เข้าเส้นเลือด ต่อให้ผิดกฎหมายก็ยังแอบเล่น แต่อาจจะไม่สบายใจเท่าถูกกฎหมาย เพราะหวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัว แทงได้ไม่อั้น ไม่ต้องกลัวจะถูกเบี้ยว ผิดกับหวยเถื่อน
คนกลุ่มหลังนี้ เมื่อรัฐบาลเลิกหวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัว ก็ยังคงจะเล่นหวยใต้ดินต่อไป แต่อาจจะแทงน้อยลง เพราะกลัวถูกเจ้ามือเบี้ยว หรือมีความสะดวกน้อยลง
ทางเลือกนี้ จะเห็นว่า ไม่ว่าการทำหน้าที่ของตำรวจจะดีหรือเลวอย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลเลิกหวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัว ก็จะมีลูกค้าหวยบนดินบางส่วนวางมือไป คือ “เลิก” และลูกค้าหวยบนดินบางส่วนก็จะ “ละ” หันไปแทงใต้ดิน แต่ก็ยัง “ลด” ยอดการแทงลง
พูดง่ายๆ ว่า จะมีคนจำนวนหนึ่งใน 30 ล้านคน ได้ “ลด-ละ-เลิก” จาก “ห.ว.ย.” จำนวนคนเล่นหวยลดลงแน่ๆ
และยอดรวมรายจ่าย “ค่าหวย” ของประชาชน ก็จะลดลงอย่างแน่นอน ทำให้ประชาชนมีเงินเหลือไปใช้จ่ายหมุนเวียนในกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างอื่นได้
ที่สำคัญ ผู้เล่นหน้าใหม่ จะเข้าสู่เส้นทาง “ห.ว.ย.” ยากลำบากกว่าเดิม
(2) ออกสลากกินแบ่ง และสลากกินรวบ (หวยบนดิน) เดือนละ 1 งวด
ยอดขายหวยบนดินของรัฐบาลก็น่าจะลดลง เคยขายเดือนละ 2 งวดๆ ละ 3,000 ล้านบาท รวมเดือนละ 6,000 ล้านบาท ก็เหลือประมาณเดือนละ 3,000 ล้านบาท
ยอดขายลอตเตอรี่ในแต่ละเดือนก็น่าจะลดลงครึ่งหนึ่ง
ยอดขายหวยใต้ดินในแต่ละเดือนก็น่าจะลดลงด้วย เพราะเลิกไปเดือนละหนึ่งงวด และมีหวยบนดินมาทดแทนแข่งขัน
เรียกว่า ลดลงโดยไม่ต้องเกี่ยว หรือไม่ต้องพึ่งพาประสิทธิภาพของตำรวจ !
เมื่อยอดขายหวยทั้ง 3 ประเภท คือ สลากกินแบ่งรัฐบาล สลากกินรวบ (หวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัว) และหวยใต้ดิน ลดลง ก็เท่ากับว่า ประชาชนใช้เงินซื้อหวยน้อยลง เหลือเงินในกระเป๋าไปทำอย่างอื่นมากขึ้น
รัฐบาลและเจ้ามือหวยใต้ดินมีรายได้น้อยลง แต่ประชาชนเหลือเงินรายได้มากขึ้น และเหลือเวลาไปทำงานอย่างอื่น แทนที่จะต้องเร่งคิดค้นหาตัวเลขมาแทงหวยเดือนละ 2 ครั้งเหมือนเดิม
แต่ทางเลือกนี้ จำนวนคนเล่นหวย จะไม่ลดลง
พูดง่ายๆ ว่า ยอดเงินในการเล่นหวยจะลดลง แต่จำนวนคนเล่นหวยไม่ลดลง ประตูสู่ “ห.ว.ย.” ก็ยังคงเปิดกว้างรับนักเล่นหน้าใหม่ต่อไปเรื่อยๆ
ทุกอย่างมีได้-เสีย ขึ้นอยู่กับว่า เมื่อให้น้ำหนักสิ่งที่เสียไป เทียบกับสิ่งที่ได้มาแล้ว ใครให้น้ำหนักกับสิ่งใด มากน้อยกว่ากัน
จะเอายอดตัวเงิน หรือจะเอายอดจำนวนคนที่ “ลด-ละ-เลิก” หวย?
ตอบสังคมให้ได้ ก่อนจะเสนอกฎหมายหวยครั้งต่อไป ?
และอย่าลืม ต้องคำนึงถึงหลักการด้วยว่า รัฐควรจะเป็นเจ้ามือการพนัน คือเป็นเจ้ามือสลากกินรวบ และรัฐควรจะเป็นคนที่อำนวยการให้คนอื่นเล่นการพนัน โดยเป็นผู้เก็บค่าต๋งอย่างการเป็นเจ้ามือสลากกินแบ่ง มากน้อยแค่ไหน?
“หวย” ประกอบด้วยคำ 3 คำ คือ ห.ว.ย. มีความหมายตามตัว 3 ประการ ได้แก่ หายนะ วอดวาย และ ย่อยยับ
พุทธศาสนาเรียกว่า เป็นอบายมุข คือ หนทางแห่งความฉิบหาย เพราะฉะนั้น หากในสังคมไม่มีการเล่นหวยเลย ย่อมจะดีงามที่สุด เจริญที่สุด
ในขณะเดียวกัน หวยก็เป็นเสมือน “ความหวังที่จะรวย” ของคนจำนวนหนึ่ง และก็เป็นแหล่งเงินรายได้ชนิดหนึ่งของรัฐบาลที่ได้จากคนจนที่ซื้อหวยด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ
ข้อถกเถียงเกี่ยวกับหวย จึงเป็นการมองต่างมุม เป็นค่านิยมที่มีการให้น้ำหนักและความสำคัญไม่เท่ากันของคน 2 ฝ่าย
ฝ่ายหนึ่ง ให้น้ำหนักเรื่องหวยสร้างปัญหาสังคมระยะยาว กับอีกฝ่ายหนึ่ง ให้น้ำหนักเรื่องหวยสร้างรายได้ให้รัฐหรือให้เจ้ามือหวย
ขณะนี้ รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ กำลังพิจารณาทบทวนแก้ไขกฎหมายที่จะให้มีการออกหวย 2 ตัว 3 ตัวอยู่ จึงเป็นโอกาสที่น่าจะช่วยกันคิดว่า รัฐบาลควรจะมีนโยบายเกี่ยวกับ “หวย” อย่างไร?
เราควรจะจัดวาง “หวย” เอาไว้ตรงไหนของสังคม ?
ควรจะ “ลด-ละ-เลิก” อย่างไร?
ต่อข้อถามนี้ มีคนคิด “ทางเลือก” หลายทาง แต่ละทางมีผลกระทบ และมีผลดี-ผลเสีย แตกต่างกัน ลองดูดังต่อไปนี้
(1) “เลิก” สลากกินรวบ (หวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัว) โดยสิ้นเชิง คงเหลือแค่สลากกินแบ่ง เดือนละ 2 งวด ต่อไปตามเดิม
(2) “ลด” จำนวนงวด โดยจำกัดให้ออกหวยเพียงเดือนละ 1 งวด แต่มีทั้งสลากกินแบ่ง และสลากกินรวบ (หวยบนดิน หวยใต้ดิน)
ทางเลือก 2 ทางนี้ ดูจะมีการพูดกันว่าเป็น “ทางประนีประนอม” ที่สุด
คือ ไม่ถึงกับมุ่งหารายได้ด้วยการมอมเมาประชาชนด้วยหวยทั้ง 2 ประเภท เดือนละ 2 งวด อย่างที่คนในรัฐบาลบางคนพยายามจะทำ และไม่ถึงกับจะล้างบางหวย โดยการยกเลิกหวยทุกประเภททั้งหมด เหมือนอย่างที่ผู้หลักผู้ใหญ่บางท่านเสนอ
สองทางนี้ มีดี-มีเสีย ต่างกัน
(1) เลิกสลากกินรวบ (หวยบนดิน) โดยสิ้นเชิง แต่ยังออกหวยเดือนละ 2 งวด เท่าเดิม
ยอดขายหวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัวของรัฐบาลจะเหลือศูนย์ทันที เพราะรัฐบาลเลิกเป็นเจ้ามือ
เคยขายเดือนละ 6,000 ล้าน หายในพริบตา !
ยอดขายลอตเตอรี่ที่เคยทรุดลงไปอย่างหนักในช่วงที่มีหวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัว ก็น่าจะกลับมาปรับตัวดีขึ้น แต่ก็คงไม่มากไปกว่าเดิมเมื่อครั้งที่ไม่มีหวยบนดิน
ส่วนยอดขายหวยใต้ดิน จะเป็นไปได้ 2 ทาง คือ
หนึ่ง ถ้าเลิกหวยบนดิน แล้วตำรวจทำหน้าที่ป้องกันปราบปรามหวยใต้ดินอย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ ออกคำสั่งเป็นนโยบายระดับสำคัญว่า ท้องที่ใดปล่อยให้การเล่นหวยใต้ดินถือเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจขั้นร้ายแรง ในขณะเดียวกัน ก็ดำเนินการปรามปราม ยึดทรัพย์เจ้ามือหวยใต้ดิน ยอดขายหวยใต้ดินในแต่ละเดือนก็น่าจะลดลง
หรือ สอง ยอดขายหวยใต้ดินในแต่ละเดือนน่าจะสูงขึ้น แต่ที่แน่ๆ คือ สูงขึ้นน้อยกว่ายอดรวมของยอดขายหวยบนดินที่เคยมีอยู่เดิม
คนที่เคยเล่นหวย 2 ตัว 3 ตัว แบ่งได้หลายกลุ่ม
บางกลุ่ม เพิ่งจะมาเล่นหวย 2 ตัว 3 ตัว ก็ตอนที่รัฐบาลเป็นเจ้ามือหวยบนดินเอง เพราะหวยใต้ดินอาจจะไม่กล้าเล่น กลัวถูกจับ กลัวเสียชื่อเสียง ไม่รู้จะไปซื้ออย่างไร ไม่สะดวก หรือถ้าเล่นก็ไม่กล้าเล่นเยอะ เพราะกลัวถูกเจ้ามือหวยเถื่อนเบี้ยวเงินรางวัล
คนกลุ่มนี้ เมื่อเลิกหวยบนดิน เขาก็จะไม่ไปเล่นหวยใต้ดิน
แต่อีกกลุ่ม เล่นหวยมานานแล้ว เข้าเส้นเลือด ต่อให้ผิดกฎหมายก็ยังแอบเล่น แต่อาจจะไม่สบายใจเท่าถูกกฎหมาย เพราะหวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัว แทงได้ไม่อั้น ไม่ต้องกลัวจะถูกเบี้ยว ผิดกับหวยเถื่อน
คนกลุ่มหลังนี้ เมื่อรัฐบาลเลิกหวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัว ก็ยังคงจะเล่นหวยใต้ดินต่อไป แต่อาจจะแทงน้อยลง เพราะกลัวถูกเจ้ามือเบี้ยว หรือมีความสะดวกน้อยลง
ทางเลือกนี้ จะเห็นว่า ไม่ว่าการทำหน้าที่ของตำรวจจะดีหรือเลวอย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลเลิกหวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัว ก็จะมีลูกค้าหวยบนดินบางส่วนวางมือไป คือ “เลิก” และลูกค้าหวยบนดินบางส่วนก็จะ “ละ” หันไปแทงใต้ดิน แต่ก็ยัง “ลด” ยอดการแทงลง
พูดง่ายๆ ว่า จะมีคนจำนวนหนึ่งใน 30 ล้านคน ได้ “ลด-ละ-เลิก” จาก “ห.ว.ย.” จำนวนคนเล่นหวยลดลงแน่ๆ
และยอดรวมรายจ่าย “ค่าหวย” ของประชาชน ก็จะลดลงอย่างแน่นอน ทำให้ประชาชนมีเงินเหลือไปใช้จ่ายหมุนเวียนในกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างอื่นได้
ที่สำคัญ ผู้เล่นหน้าใหม่ จะเข้าสู่เส้นทาง “ห.ว.ย.” ยากลำบากกว่าเดิม
(2) ออกสลากกินแบ่ง และสลากกินรวบ (หวยบนดิน) เดือนละ 1 งวด
ยอดขายหวยบนดินของรัฐบาลก็น่าจะลดลง เคยขายเดือนละ 2 งวดๆ ละ 3,000 ล้านบาท รวมเดือนละ 6,000 ล้านบาท ก็เหลือประมาณเดือนละ 3,000 ล้านบาท
ยอดขายลอตเตอรี่ในแต่ละเดือนก็น่าจะลดลงครึ่งหนึ่ง
ยอดขายหวยใต้ดินในแต่ละเดือนก็น่าจะลดลงด้วย เพราะเลิกไปเดือนละหนึ่งงวด และมีหวยบนดินมาทดแทนแข่งขัน
เรียกว่า ลดลงโดยไม่ต้องเกี่ยว หรือไม่ต้องพึ่งพาประสิทธิภาพของตำรวจ !
เมื่อยอดขายหวยทั้ง 3 ประเภท คือ สลากกินแบ่งรัฐบาล สลากกินรวบ (หวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัว) และหวยใต้ดิน ลดลง ก็เท่ากับว่า ประชาชนใช้เงินซื้อหวยน้อยลง เหลือเงินในกระเป๋าไปทำอย่างอื่นมากขึ้น
รัฐบาลและเจ้ามือหวยใต้ดินมีรายได้น้อยลง แต่ประชาชนเหลือเงินรายได้มากขึ้น และเหลือเวลาไปทำงานอย่างอื่น แทนที่จะต้องเร่งคิดค้นหาตัวเลขมาแทงหวยเดือนละ 2 ครั้งเหมือนเดิม
แต่ทางเลือกนี้ จำนวนคนเล่นหวย จะไม่ลดลง
พูดง่ายๆ ว่า ยอดเงินในการเล่นหวยจะลดลง แต่จำนวนคนเล่นหวยไม่ลดลง ประตูสู่ “ห.ว.ย.” ก็ยังคงเปิดกว้างรับนักเล่นหน้าใหม่ต่อไปเรื่อยๆ
ทุกอย่างมีได้-เสีย ขึ้นอยู่กับว่า เมื่อให้น้ำหนักสิ่งที่เสียไป เทียบกับสิ่งที่ได้มาแล้ว ใครให้น้ำหนักกับสิ่งใด มากน้อยกว่ากัน
จะเอายอดตัวเงิน หรือจะเอายอดจำนวนคนที่ “ลด-ละ-เลิก” หวย?
ตอบสังคมให้ได้ ก่อนจะเสนอกฎหมายหวยครั้งต่อไป ?
และอย่าลืม ต้องคำนึงถึงหลักการด้วยว่า รัฐควรจะเป็นเจ้ามือการพนัน คือเป็นเจ้ามือสลากกินรวบ และรัฐควรจะเป็นคนที่อำนวยการให้คนอื่นเล่นการพนัน โดยเป็นผู้เก็บค่าต๋งอย่างการเป็นเจ้ามือสลากกินแบ่ง มากน้อยแค่ไหน?