ศาลพิพากษาจำคุก 2 เดือน ปรับ 3 พันบาท “ศิริโชค โสภา” แฉ “เสี่ยเพ้ง” ทุจริตโครงการไทยแลนด์พลาซ่ากลางสภาฯ ศาลปรานีโทษจำคุกให้ยก จำเลยเตรียมอุทธรณ์ให้ศาลยกฟ้อง ระบุเผยข้อมูลเพื่อประโยชน์สาธารณะ ส่วนทนายโจทก์ ยันอุทธรณ์ให้ศาลลงโทษฐานหมิ่นฯ ด้วยการโฆษณา
วานนี้(4 ธ.ค.)ที่ห้องพิจารณา 19 ศาลอาญากรุงเทพใต้ สนามหลวง ศาลมีคำพิพากษาในคดีที่ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีต รมว.คมนาคม เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน,หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 326 และ 328 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ต.ค.48 นายศิริโชค ได้เปิดแถลงข่าวที่รัฐสภา กล่าวหาว่าขณะนายพงษ์ศักดิ์ รมช.กระทรวงพาณิชย์ (ขณะนั้น) ได้แสดงความไม่ชอบมาพากล ตกลงทำสัญญาเช่าอาคารเลขที่ 529 ถนนฟิฟธ์อเวนิว นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ในราคาแพงกว่าปกติเพื่อจัดโครงการไทยแลนด์พลาซ่า (ทีเอชพี) แห่งแรกในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 240 ล้านบาท จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์ และจำเลยนำสืบหักล้างแล้วเห็นว่า ข้อความที่จำเลยให้สัมภาษณ์เป็นข้อความดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และหมิ่นประมาทถึงตัวโจทก์จริง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมาย มาตรา 136 ฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และมาตรา 326 ฐานหมิ่นประมาท จึงให้ลงโทษบทหนักสุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ฐานหมิ่นประมาท ให้จำคุกเป็นเวลา 2 เดือน และปรับ 3,000 บาท แต่เนื่องจากการกระทำของจำเลยเป็นการทำหน้าที่ในการอภิปรายข้อมูลต่อสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ จึงเห็นควรให้ลงโทษจำเลยสถานเบา โดยโทษจำคุกให้ยกไม่ต้องจำคุกจำเลย แต่คงโทษปรับ 3,000 บาท และให้จำเลยพิมพ์โฆษณาคำพิพากษาย่อในหนังสือพิมพ์มติชน เป็นเวลา 5 วัน ส่วนความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 เห็นว่า แม้ว่าถ้อยคำที่จำเลยกล่าวถึงโจทก์จะเข้าข่ายการหมิ่นประมาท แต่จำเลยมีเจตนาให้เผยแพร่ ซึ่งสื่อมวลชนเป็นผู้นำข้อความไปตีพิมพ์เผยแพร่ ดังนั้น จำเลยไม่มีความผิด พิพากษาให้ยกฟ้องในความผิดข้อหานี้
ภายหลัง นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความนายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ฝ่ายโจทก์จะยื่นอุทธรณ์ต่อไป โดยจะขอให้ศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328
ส่วนนายฐานุวัฒน์ ภูมี ทนายความนายศิริโชค กล่าวว่า จำเลยน้อมรับคำพิพากษาของศาลที่ลงโทษสถานเบา อย่างไรก็ตาม จำเลยจะใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ตามกฎหมายต่อไป เพื่อขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากการกระทำของจำเลยเป็นการเปิดเผยข้อมูลการตรวจสอบการทุจริตที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะซึ่งได้นำข้อมูลอภิปรายต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่ได้มีเจตนาจะหมิ่นประมาทโจทก์แต่อย่างใด
วานนี้(4 ธ.ค.)ที่ห้องพิจารณา 19 ศาลอาญากรุงเทพใต้ สนามหลวง ศาลมีคำพิพากษาในคดีที่ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีต รมว.คมนาคม เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน,หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 326 และ 328 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ต.ค.48 นายศิริโชค ได้เปิดแถลงข่าวที่รัฐสภา กล่าวหาว่าขณะนายพงษ์ศักดิ์ รมช.กระทรวงพาณิชย์ (ขณะนั้น) ได้แสดงความไม่ชอบมาพากล ตกลงทำสัญญาเช่าอาคารเลขที่ 529 ถนนฟิฟธ์อเวนิว นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ในราคาแพงกว่าปกติเพื่อจัดโครงการไทยแลนด์พลาซ่า (ทีเอชพี) แห่งแรกในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 240 ล้านบาท จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์ และจำเลยนำสืบหักล้างแล้วเห็นว่า ข้อความที่จำเลยให้สัมภาษณ์เป็นข้อความดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และหมิ่นประมาทถึงตัวโจทก์จริง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมาย มาตรา 136 ฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และมาตรา 326 ฐานหมิ่นประมาท จึงให้ลงโทษบทหนักสุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ฐานหมิ่นประมาท ให้จำคุกเป็นเวลา 2 เดือน และปรับ 3,000 บาท แต่เนื่องจากการกระทำของจำเลยเป็นการทำหน้าที่ในการอภิปรายข้อมูลต่อสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ จึงเห็นควรให้ลงโทษจำเลยสถานเบา โดยโทษจำคุกให้ยกไม่ต้องจำคุกจำเลย แต่คงโทษปรับ 3,000 บาท และให้จำเลยพิมพ์โฆษณาคำพิพากษาย่อในหนังสือพิมพ์มติชน เป็นเวลา 5 วัน ส่วนความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 เห็นว่า แม้ว่าถ้อยคำที่จำเลยกล่าวถึงโจทก์จะเข้าข่ายการหมิ่นประมาท แต่จำเลยมีเจตนาให้เผยแพร่ ซึ่งสื่อมวลชนเป็นผู้นำข้อความไปตีพิมพ์เผยแพร่ ดังนั้น จำเลยไม่มีความผิด พิพากษาให้ยกฟ้องในความผิดข้อหานี้
ภายหลัง นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความนายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ฝ่ายโจทก์จะยื่นอุทธรณ์ต่อไป โดยจะขอให้ศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328
ส่วนนายฐานุวัฒน์ ภูมี ทนายความนายศิริโชค กล่าวว่า จำเลยน้อมรับคำพิพากษาของศาลที่ลงโทษสถานเบา อย่างไรก็ตาม จำเลยจะใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ตามกฎหมายต่อไป เพื่อขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากการกระทำของจำเลยเป็นการเปิดเผยข้อมูลการตรวจสอบการทุจริตที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะซึ่งได้นำข้อมูลอภิปรายต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่ได้มีเจตนาจะหมิ่นประมาทโจทก์แต่อย่างใด