เอแบคโพลล์ สำรวจพบนักศึกษากรุงเทพฯ นิยมใช้มือถือเฉลี่ย 3 ชั่วโมงต่อวัน อ่านหนังสือพิมพ์แค่ 16 นาทีต่อวัน ส่วนสื่อที่นิยมรองลงมาคืออินเทอร์เน็ต แต่ส่วนใหญ่เสียเวลาไปกับการดูเวบโป๊ และแชท ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ห่วงโทร.มือถือ-อินเทอร์เน็ต จะเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดปัญหาสังคม และจะกลายเป็นตัวฉุดให้เยาวชนห่างจากวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของไทย
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบค โพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ แถลงผลสำรวจภาคสนามเรื่อง “สัญญาณของสื่ออันตรายกับวัยรุ่นวัยใสเมืองกรุง” โดยสำรวจจากนิสิต นักศึกษาในเขต กรุงเทพฯและปริมณฑล 1,262 ตัวอย่างระหว่างวันที่ 26 ต.ค. ถึง 2 ธ.ค.
ผลสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 95.7 ใช้โทรศัพท์มือถือเฉลี่ย 3 ชั่วโมงต่อวัน แซงหน้าการใช้สื่อโทรทัศน์ที่มีอยู่ร้อยละ 94.6 เฉลี่ย 4 ชั่วโมงต่อวัน รองลงมาคือร้อยละ 88.3 ใช้คอมพิวเตอร์ เฉลี่ย 3 ชั่วโมงต่อวัน ร้อยละ 79.9 ใช้อินเทอร์เน็ต เฉลี่ย 3 ชั่วโมงต่อวัน และร้อยละ 77.4 ใช้สื่อวิทยุ เฉลี่ย 3 ชั่วโมงต่อวัน ที่น่าเป็นห่วงคือ นิสิต /นักศึกษาในเขตกรุงเทพมหานครใช้เวลาอ่านหนังสือพิมพ์ เพียง 16 นาทีต่อวัน และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.1 ที่บอกว่าอ่านหนังสือพิมพ์นั้นเป็นการอ่านเฉพาะข่าวหน้าหนึ่งบางข่าว เช่นเดียวกับร้อยละ 51.6 ที่บอกว่าอ่านนิตยสารซึ่งใช้เวลาอ่านนิตยสารเพียง 26 นาทีต่อวัน
นายนพดล กล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าวัยรุ่นในเขตกรุงเทพฯ ไม่ค่อยสนใจอ่านหนังสือ แต่ใช้เวลาในการพูด ดู และฟัง มากกว่าจะอ่านติดตาม ข่าวสารด้วยตนเอง ยิ่งไปกว่านั้น ร้อยละ 48.3 ระบุสนทนาผ่านทางอินเทอร์เน็ต หรือ แชต (chat) เฉลี่ย 2 ชั่วโมงต่อวัน ร้อยละ 45.4 ระบุส่งข้อความ รูปภาพผ่านมือถือ เฉลี่ย 2 ครั้งต่อวัน และร้อยละ 9.4 ใช้เว็บแคม เฉลี่ย 13 นาทีต่อครั้ง ตามลำดับ นอกจากนี้ ตัวอย่างส่วนใหญ่หรือร้อยละ 86.7 ทราบค่าใช้จ่ายมือถือแต่ละเดือนเฉลี่ย 423.50 บาท ในขณะที่ ร้อยละ 13.3 ไม่ทราบเพราะไม่ได้เป็นผู้จ่ายค่ามือถือเอง
สำหรับประเภทรายการโทรทัศน์ที่ชอบดู พบว่ารายการโทรทัศน์ยอดนิยมของวัยรุ่นและเกือบทุกวัยในกลุ่มคนไทยคือ ละคร ซึ่งพบว่า ร้อยละ 74.9 ดูละคร รองลงมาคือร้อยละ 66.2 ดูรายการเพลง ร้อยละ 65.7 ดูรายการข่าว / วิเคราะห์ข่าว และร้อยละ 57.3 ดูเกมโชว์ ตามลำดับ สำหรับพฤติกรรมการอ่านหนังสือพิมพ์ ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 78.1 อ่านข่าวหน้าหนึ่ง รองลงมาคือร้อยละ 75.8 อ่านข่าวบันเทิง ร้อยละ 36.1 อ่านข่าวกีฬา ร้อยละ 31.3 อ่านข่าวการเมือง ร้อยละ 26.8 อ่านโปรแกรมโทรทัศน์ ภาพยนตร์ ร้อยละ 23.4 อ่านข่าวสังคม ที่น่าเป็นห่วงคือ มีเพียงร้อยละ 19.7 ในกลุ่มนิสิต /นักศึกษาที่อ่านข่าวการศึกษา
ส่วนเว็บไซต์ที่นิสิต /นักศึกษา นิยมเข้าไปเป็นประจำ ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 54.2 นิยมเข้าเว็บ google.com ร้อยละ 39.3 นิยมเข้าเว็บ sanook.com ร้อยละ 29.3 นิยมเข้าเว็ป hotmail.com เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงคือ ผลประมาณการจำนวนนิสิต /นักศึกษาในแต่ละสัปดาห์ที่เข้าไปมีประสบการณ์ดูเว็บโป๊ /ลามก พบว่า มีนิสิต /นักศึกษาเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครเข้าไปดูเว็บโป๊ /ลามก เช่น www.ohosexy.com, www.sex.com, www.xxx.com มากถึง 273,596 คน ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา หรือคิดเป็นร้อยละ 32.4 ของจำนวนนิสิต /นักศึกษาทั้งหมด ขณะที่มีเพียงร้อยละ 8 เท่านั้นที่เข้าดูเว็บ www.dekdee.com ซึ่งเป็นเว็บที่สร้างสรรค์
เหตุผลสำคัญของกลุ่มนิสิต /นักศึกษาที่แชตกันผ่านเน็ต ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 79.2 ต้องการคุยกับเพื่อน ร้อยละ 50.9 บอกว่ามีเวลาว่างและต้องการฆ่าเวลา ร้อยละ 37.1 ระบุติดต่อเรื่องงาน แต่ที่น่าเป็นห่วงคือเกินกว่า 1 ใน 3 หรือร้อยละ 34.3 ต้องการรู้จักเพื่อนคนไทยใหม่ๆ และร้อยละ 9.8 ต้องการรู้จักเพื่อนต่างชาติใหม่ๆ และร้อยละ 5.6 ต้องการหาคู่รักคนไทย ขณะที่ร้อยละ 3.1 ต้องการหาคู่รักต่างชาติ ที่น่าพิจารณาคือ นิสิต /นักศึกษา 1 คนมีจำนวนเพื่อนคนไทยที่รู้จักกันผ่านเน็ต 11 คน และรู้จักเพื่อนต่างชาติเฉลี่ย 3 คน ซึ่งประมาณ 1 ใน 5 หรือร้อยละ 21.5 ระบุเคยนัดพบกันแล้ว โดยร้อยละ 61.0 ของกลุ่มที่เคยนัดพบกันแล้วบอกนัดพบกันที่ห้างสรรพสินค้า รองลงมาคือร้อยละ 10.3 นัดพบกันที่มหาวิทยาลัย ร้อยละ 5.1 นัดพบกันที่ร้านอาหาร ร้อยละ 4.5 นัดพบกันแถวบ้านหรือหอพัก และร้อยละ 3.8 นัดพบกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
คณะผู้วิจัยยังได้สอบถามถึงแนวโน้มการตัดสินใจของนิสิต /นักศึกษา 3 อันดับแรก ในสถานการณ์ต่างๆ ดังต่อไปนี้ ถ้าน้องมีเวลาว่าง น้องมักจะ ... ซึ่งผลสำรวจพบว่า อันดับแรก หรือร้อยละ 45.8 บอกดูโทรทัศน์ ร้อยละ 14.2 บอกฟังวิทยุ และร้อยละ 9.7 บอกเล่นอินเทอร์เน็ต ถ้าน้องเบื่อ น้องมักจะ ... ร้อยละ 30.8 บอกฟังวิทยุ ร้อยละ 17.2 บอกดูโทรทัศน์ และร้อยละ 11.0 บอกอ่านการ์ตูน ถ้าน้องรู้สึกไม่สบายใจ น้องมักจะ ... ร้อยละ 34.9 คุยโทรศัพท์มือถือ ร้อยละ 20.6 ฟังวิทยุ และร้อยละ 17.2 บอกอ่านการ์ตูน ถ้าน้องรู้สึกเหงา น้องมักจะ ... ร้อยละ 28.4 บอกคุยโทรศัพท์มือถือ ร้อยละ 17.3 บอกฟังวิทยุ และร้อยละ 12.9 บอกอ่านการ์ตูน ถ้าน้องรู้สึกหงุดหงิด น้องมักจะ ... ร้อยละ 30.7 บอกฟังวิทยุ ร้อยละ 16.4 บอกดูโทรทัศน์ และร้อยละ 9.1 บอกเล่นวิดีโอเกม
ถ้าน้องต้องการเล่าเรื่องให้ใครสักคนฟัง น้องมักจะ ... ร้อยละ 85.6 บอกคุยโทรศัพท์มือถือ ร้อยละ 6.7 บอกเล่นอินเทอร์เน็ต และร้อยละ 5.9 บอกแชตทางอินเทอร์เน็ต ถ้าน้องต้องการทราบเหตุการณ์เด่นประจำวัน น้องมักจะ ... ร้อยละ 48.9 บอกดูโทรทัศน์ ร้อยละ 18.0 บอกเล่นอินเทอร์เน็ต และร้อยละ 16.3 บอกอ่านหนังสือพิมพ์
นายนพดล กล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าสื่อกับวิถีชีวิตของนิสิต นักศึกษาเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก สื่อมีบทบาทสำคัญมากต่อรูปแบบการดำเนินชีวิตประจำวันของเยาวชนเหล่านี้ โดยแบ่งออกได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ ประเภทแรกเป็นสื่อที่มุ่งเข้าหาเยาวชนโดยเยาวชนเป็นผู้รับ (receiver) เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์
ประเภทที่สองเป็นสื่อที่เยาวชนกลายเป็นผู้รุก (navigator) เช่น โทรศัพท์มือถือ และอินเทอร์เน็ต เป็นต้น ซึ่งผลวิจัยครั้งนี้พบว่าสื่อที่อาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดปัญหาสังคมได้อย่างมากมายในอนาคตอันใกล้นี้คือ โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต เพราะสื่อสองอย่างนี้กำลังมาแรงและฉุดกระชากเยาวชนของประเทศให้ออกไปจากวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของไทย
ตามผลวิจัยครั้งนี้พบว่า โทรศัพท์มือถือกลายเป็นสื่อที่ถูกใช้เป็นอันดับหนึ่ง สูงกว่าโทรทัศน์เสียอีก ซึ่งในอดีตโทรทัศน์อาจถูกมองว่าเป็นสื่อที่ทำให้ประชาชนคนไทยต่างคนต่างอยู่ แต่โทรทัศน์ก็ทำให้คนไทยมาชมร่วมกันได้ทั้งร้านชากาแฟ สถานบันเทิง ร้านอาหาร ลานกลางแจ้งและแม้แต่ในครัวเรือนเวลามีรายการทีวีที่ทุกคนชอบตรงกัน
“ตรงกันข้าม โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตกำลังกลายเป็นสื่อที่แยกเยาวชน ของชาติออกไปสู่โลกเพียงไม่กี่คน และกำลังกลายเป็นสื่ออันตรายต่อชีวิตและคุณภาพโดยรวมของพวกเขาได้ เพราะโทรศัพท์มือถือกลายเป็นที่พึ่งของเยาวชน เวลาเหงาและอยากเล่าให้ใครฟังสักคน ซึ่งพ่อแม่ญาติพี่น้องกลายเป็นบุคคล ที่ถูกมองข้าม ในขณะที่คนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันทางอินเทอร์เน็ตกลับได้รับความไว้วางใจจนกระทั่งไปแอบเจอกันโดยไม่บอกให้พ่อแม่รู้ จึงฝากข้อมูลผลวิจัยครั้งนี้ให้เยาวชนและผู้ใหญ่ในสังคมช่วยกันพิจารณาป้องกันแก้ไขอย่างรอบด้านต่อไป” ดร.นพดล กล่าว
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบค โพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ แถลงผลสำรวจภาคสนามเรื่อง “สัญญาณของสื่ออันตรายกับวัยรุ่นวัยใสเมืองกรุง” โดยสำรวจจากนิสิต นักศึกษาในเขต กรุงเทพฯและปริมณฑล 1,262 ตัวอย่างระหว่างวันที่ 26 ต.ค. ถึง 2 ธ.ค.
ผลสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 95.7 ใช้โทรศัพท์มือถือเฉลี่ย 3 ชั่วโมงต่อวัน แซงหน้าการใช้สื่อโทรทัศน์ที่มีอยู่ร้อยละ 94.6 เฉลี่ย 4 ชั่วโมงต่อวัน รองลงมาคือร้อยละ 88.3 ใช้คอมพิวเตอร์ เฉลี่ย 3 ชั่วโมงต่อวัน ร้อยละ 79.9 ใช้อินเทอร์เน็ต เฉลี่ย 3 ชั่วโมงต่อวัน และร้อยละ 77.4 ใช้สื่อวิทยุ เฉลี่ย 3 ชั่วโมงต่อวัน ที่น่าเป็นห่วงคือ นิสิต /นักศึกษาในเขตกรุงเทพมหานครใช้เวลาอ่านหนังสือพิมพ์ เพียง 16 นาทีต่อวัน และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.1 ที่บอกว่าอ่านหนังสือพิมพ์นั้นเป็นการอ่านเฉพาะข่าวหน้าหนึ่งบางข่าว เช่นเดียวกับร้อยละ 51.6 ที่บอกว่าอ่านนิตยสารซึ่งใช้เวลาอ่านนิตยสารเพียง 26 นาทีต่อวัน
นายนพดล กล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าวัยรุ่นในเขตกรุงเทพฯ ไม่ค่อยสนใจอ่านหนังสือ แต่ใช้เวลาในการพูด ดู และฟัง มากกว่าจะอ่านติดตาม ข่าวสารด้วยตนเอง ยิ่งไปกว่านั้น ร้อยละ 48.3 ระบุสนทนาผ่านทางอินเทอร์เน็ต หรือ แชต (chat) เฉลี่ย 2 ชั่วโมงต่อวัน ร้อยละ 45.4 ระบุส่งข้อความ รูปภาพผ่านมือถือ เฉลี่ย 2 ครั้งต่อวัน และร้อยละ 9.4 ใช้เว็บแคม เฉลี่ย 13 นาทีต่อครั้ง ตามลำดับ นอกจากนี้ ตัวอย่างส่วนใหญ่หรือร้อยละ 86.7 ทราบค่าใช้จ่ายมือถือแต่ละเดือนเฉลี่ย 423.50 บาท ในขณะที่ ร้อยละ 13.3 ไม่ทราบเพราะไม่ได้เป็นผู้จ่ายค่ามือถือเอง
สำหรับประเภทรายการโทรทัศน์ที่ชอบดู พบว่ารายการโทรทัศน์ยอดนิยมของวัยรุ่นและเกือบทุกวัยในกลุ่มคนไทยคือ ละคร ซึ่งพบว่า ร้อยละ 74.9 ดูละคร รองลงมาคือร้อยละ 66.2 ดูรายการเพลง ร้อยละ 65.7 ดูรายการข่าว / วิเคราะห์ข่าว และร้อยละ 57.3 ดูเกมโชว์ ตามลำดับ สำหรับพฤติกรรมการอ่านหนังสือพิมพ์ ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 78.1 อ่านข่าวหน้าหนึ่ง รองลงมาคือร้อยละ 75.8 อ่านข่าวบันเทิง ร้อยละ 36.1 อ่านข่าวกีฬา ร้อยละ 31.3 อ่านข่าวการเมือง ร้อยละ 26.8 อ่านโปรแกรมโทรทัศน์ ภาพยนตร์ ร้อยละ 23.4 อ่านข่าวสังคม ที่น่าเป็นห่วงคือ มีเพียงร้อยละ 19.7 ในกลุ่มนิสิต /นักศึกษาที่อ่านข่าวการศึกษา
ส่วนเว็บไซต์ที่นิสิต /นักศึกษา นิยมเข้าไปเป็นประจำ ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 54.2 นิยมเข้าเว็บ google.com ร้อยละ 39.3 นิยมเข้าเว็บ sanook.com ร้อยละ 29.3 นิยมเข้าเว็ป hotmail.com เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงคือ ผลประมาณการจำนวนนิสิต /นักศึกษาในแต่ละสัปดาห์ที่เข้าไปมีประสบการณ์ดูเว็บโป๊ /ลามก พบว่า มีนิสิต /นักศึกษาเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครเข้าไปดูเว็บโป๊ /ลามก เช่น www.ohosexy.com, www.sex.com, www.xxx.com มากถึง 273,596 คน ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา หรือคิดเป็นร้อยละ 32.4 ของจำนวนนิสิต /นักศึกษาทั้งหมด ขณะที่มีเพียงร้อยละ 8 เท่านั้นที่เข้าดูเว็บ www.dekdee.com ซึ่งเป็นเว็บที่สร้างสรรค์
เหตุผลสำคัญของกลุ่มนิสิต /นักศึกษาที่แชตกันผ่านเน็ต ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 79.2 ต้องการคุยกับเพื่อน ร้อยละ 50.9 บอกว่ามีเวลาว่างและต้องการฆ่าเวลา ร้อยละ 37.1 ระบุติดต่อเรื่องงาน แต่ที่น่าเป็นห่วงคือเกินกว่า 1 ใน 3 หรือร้อยละ 34.3 ต้องการรู้จักเพื่อนคนไทยใหม่ๆ และร้อยละ 9.8 ต้องการรู้จักเพื่อนต่างชาติใหม่ๆ และร้อยละ 5.6 ต้องการหาคู่รักคนไทย ขณะที่ร้อยละ 3.1 ต้องการหาคู่รักต่างชาติ ที่น่าพิจารณาคือ นิสิต /นักศึกษา 1 คนมีจำนวนเพื่อนคนไทยที่รู้จักกันผ่านเน็ต 11 คน และรู้จักเพื่อนต่างชาติเฉลี่ย 3 คน ซึ่งประมาณ 1 ใน 5 หรือร้อยละ 21.5 ระบุเคยนัดพบกันแล้ว โดยร้อยละ 61.0 ของกลุ่มที่เคยนัดพบกันแล้วบอกนัดพบกันที่ห้างสรรพสินค้า รองลงมาคือร้อยละ 10.3 นัดพบกันที่มหาวิทยาลัย ร้อยละ 5.1 นัดพบกันที่ร้านอาหาร ร้อยละ 4.5 นัดพบกันแถวบ้านหรือหอพัก และร้อยละ 3.8 นัดพบกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
คณะผู้วิจัยยังได้สอบถามถึงแนวโน้มการตัดสินใจของนิสิต /นักศึกษา 3 อันดับแรก ในสถานการณ์ต่างๆ ดังต่อไปนี้ ถ้าน้องมีเวลาว่าง น้องมักจะ ... ซึ่งผลสำรวจพบว่า อันดับแรก หรือร้อยละ 45.8 บอกดูโทรทัศน์ ร้อยละ 14.2 บอกฟังวิทยุ และร้อยละ 9.7 บอกเล่นอินเทอร์เน็ต ถ้าน้องเบื่อ น้องมักจะ ... ร้อยละ 30.8 บอกฟังวิทยุ ร้อยละ 17.2 บอกดูโทรทัศน์ และร้อยละ 11.0 บอกอ่านการ์ตูน ถ้าน้องรู้สึกไม่สบายใจ น้องมักจะ ... ร้อยละ 34.9 คุยโทรศัพท์มือถือ ร้อยละ 20.6 ฟังวิทยุ และร้อยละ 17.2 บอกอ่านการ์ตูน ถ้าน้องรู้สึกเหงา น้องมักจะ ... ร้อยละ 28.4 บอกคุยโทรศัพท์มือถือ ร้อยละ 17.3 บอกฟังวิทยุ และร้อยละ 12.9 บอกอ่านการ์ตูน ถ้าน้องรู้สึกหงุดหงิด น้องมักจะ ... ร้อยละ 30.7 บอกฟังวิทยุ ร้อยละ 16.4 บอกดูโทรทัศน์ และร้อยละ 9.1 บอกเล่นวิดีโอเกม
ถ้าน้องต้องการเล่าเรื่องให้ใครสักคนฟัง น้องมักจะ ... ร้อยละ 85.6 บอกคุยโทรศัพท์มือถือ ร้อยละ 6.7 บอกเล่นอินเทอร์เน็ต และร้อยละ 5.9 บอกแชตทางอินเทอร์เน็ต ถ้าน้องต้องการทราบเหตุการณ์เด่นประจำวัน น้องมักจะ ... ร้อยละ 48.9 บอกดูโทรทัศน์ ร้อยละ 18.0 บอกเล่นอินเทอร์เน็ต และร้อยละ 16.3 บอกอ่านหนังสือพิมพ์
นายนพดล กล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าสื่อกับวิถีชีวิตของนิสิต นักศึกษาเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก สื่อมีบทบาทสำคัญมากต่อรูปแบบการดำเนินชีวิตประจำวันของเยาวชนเหล่านี้ โดยแบ่งออกได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ ประเภทแรกเป็นสื่อที่มุ่งเข้าหาเยาวชนโดยเยาวชนเป็นผู้รับ (receiver) เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์
ประเภทที่สองเป็นสื่อที่เยาวชนกลายเป็นผู้รุก (navigator) เช่น โทรศัพท์มือถือ และอินเทอร์เน็ต เป็นต้น ซึ่งผลวิจัยครั้งนี้พบว่าสื่อที่อาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดปัญหาสังคมได้อย่างมากมายในอนาคตอันใกล้นี้คือ โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต เพราะสื่อสองอย่างนี้กำลังมาแรงและฉุดกระชากเยาวชนของประเทศให้ออกไปจากวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของไทย
ตามผลวิจัยครั้งนี้พบว่า โทรศัพท์มือถือกลายเป็นสื่อที่ถูกใช้เป็นอันดับหนึ่ง สูงกว่าโทรทัศน์เสียอีก ซึ่งในอดีตโทรทัศน์อาจถูกมองว่าเป็นสื่อที่ทำให้ประชาชนคนไทยต่างคนต่างอยู่ แต่โทรทัศน์ก็ทำให้คนไทยมาชมร่วมกันได้ทั้งร้านชากาแฟ สถานบันเทิง ร้านอาหาร ลานกลางแจ้งและแม้แต่ในครัวเรือนเวลามีรายการทีวีที่ทุกคนชอบตรงกัน
“ตรงกันข้าม โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตกำลังกลายเป็นสื่อที่แยกเยาวชน ของชาติออกไปสู่โลกเพียงไม่กี่คน และกำลังกลายเป็นสื่ออันตรายต่อชีวิตและคุณภาพโดยรวมของพวกเขาได้ เพราะโทรศัพท์มือถือกลายเป็นที่พึ่งของเยาวชน เวลาเหงาและอยากเล่าให้ใครฟังสักคน ซึ่งพ่อแม่ญาติพี่น้องกลายเป็นบุคคล ที่ถูกมองข้าม ในขณะที่คนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันทางอินเทอร์เน็ตกลับได้รับความไว้วางใจจนกระทั่งไปแอบเจอกันโดยไม่บอกให้พ่อแม่รู้ จึงฝากข้อมูลผลวิจัยครั้งนี้ให้เยาวชนและผู้ใหญ่ในสังคมช่วยกันพิจารณาป้องกันแก้ไขอย่างรอบด้านต่อไป” ดร.นพดล กล่าว