xs
xsm
sm
md
lg

"ชนาพัทธ์"ดัดหลัง"เนวิน" ขอศาลสอบเงินจ้างม็อบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“เนวิน”แก้เกี้ยวส่งทนายแจ้งความ ”ชนาพัทธ์” ปูดข่าวจ่ายเงิน 10 ล้านก่อม็อบต้าน คมช.-รัฐบาล ขณะที่ ”ชนาพัทธ์” ไม่หวั่น ลั่นเป็นเรื่องที่ดีจะได้ขออำนาจศาลตรวจสอบเส้นทางเงิน ที่ใช้ในการจ้างผู้ชุมนุม แฉอีกเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรง ปชป.เรียกร้องรัฐบาลดำเนินการกับผู้อยู่เบื้องหลังม็อบจัดตั้ง มท.1 สั่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นห้ามจัดคนร่วมชุมนุมต้านรัฐบาล ครป.ชี้สถานการณ์ยังไม่สุกงอมพอที่จะออกมาเคลื่อนไหว แนะให้ดูหากมีม็อบมากถูกจ้างมาแน่

ที่ สน.ดุสิต เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (3 ธ.ค.) นายพงษ์ไท จุฑาเกตุ ทนายความของ นายเนวิน ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต. ชุติพงษ์ ตะกรุดทอง พนักงานสอบสวนสน.ดุสิต เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับ นายชนาพัทธ์ ณ นคร แกนนำกลุ่มประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (ก.ป.ป.) ในข้อหาหมิ่นประมาท เนื่องจาก นายชนาพัทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า นายเนวิน ให้เงินสนับสนุนแก่นายสุดชาย บุญชัย จำนวน 10 ล้านบาท เพื่อทำการเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งไม่เป็นความจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพงษ์ไทได้แจกเอกสารซึ่งเป็นข้อความของนายเนวินให้กับสื่อมวลชน โดยมีเนื้อหาว่า การเฝ้าจับตาการเคลื่อนไหวของประชาชนกลุ่มต่างๆ และมีข้อสังเกตจากบางคนว่าตนอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวนั้น ขอเรียนว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ได้สนับสนุนการเคลื่อนไหวของทุกกลุ่ม ทุกองค์กรที่มีจุดประสงค์หรือเจตนารมณ์ต่อต้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) รัฐบาล กองทัพ และส่วนราชการที่กำลังทำงานฟื้นฟูสถานการณ์ของประเทศชาติให้กลับสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
แถลงการณ์ระบุว่าตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 ตนไม่ได้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองใดๆไม่ว่าในนามส่วนตัวหรือในนามพรรคไทยรักไทย ทั้งในทางลับและเปิดเผย และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเมือง การชุมนุม การเสวนา การประชุม การปราศรัย ตลอดจนกิจกรรมใดๆ อันมีจุดประสงค์ทางการเมืองกับกลุ่มหรือองค์กรหรือพรรคการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น ในวันที่ 21 ก.ย. 2549 ตนไปรายงานตัวต่อ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) และได้แสดงเจตนารมณ์ที่จะให้ความร่วมมือกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ว่า เมื่อทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ผบ.ทบ.ให้เป็นหัวหน้า คปค.ถือว่าการดำเนินการของ คปค.เป็นสิ่งที่ตนต้องยอมรับ และให้ความร่วมมือทุกประการ เพื่อให้สถานการณ์บ้านเมืองกลับคืนสภาวะปกติให้เร็วที่สุด โดยตนจะยุติการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองตลอดจนกิจกรรม ที่เกี่ยวกับมวลชนทุกกรณีจนกว่าจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ดังนั้นการดำเนินการใดๆ ในอันที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยใน บ้านเมืองของกลุ่มใดๆ ก็ตามซึ่งเรียกขานว่าคลื่นใต้น้ำ หรือกิจกรรมอื่นๆทุกกรณี จึงไม่เกี่ยวกับตน การสงสัยข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จเกี่ยวกับตนโดยมุ่งหวังให้ คมช. รัฐบาล และประชาชนเข้าใจผิดกับตนนั้น คมช.หรือรัฐบาลสามารถตรวจสอบได้ หรือสงสัยและต้องการการชี้แจงใดๆตนก็ยินดีไปพบทุกกรณี

ส่วนกรณีที่นายชนาพัทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่าตนให้เงินสนับสนุนแก่ นายสุดชาย 10 ล้านบาทเพื่อดำเนินการเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้นขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงและมอบอำนาจให้ทนายความมาแจ้งความไว้ที่ สน.ดุสิตในวันที่ 3 ธ.ค.

เอกสารของนายเนวิน ระบว่า ไม่เคยรู้จักนายชนาพัทธ์และนายสุดชายมาก่อน และไม่เคยให้เงินกับนายสุดชายหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดเคลื่อนไหวต่อต้าน คมช. รัฐบาลและกองทัพ การให้สัมภาษณ์ของนายชนาพัทธ์ เป็นความเท็จทั้งสิ้น จึงต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ขอย้ำว่าในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ตนยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับ คมช.และรัฐบาลเพื่อฟื้นฟูเยียวยาให้ประเทศไทยกลับคืนสู่สภาวะปกติ มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขโดยเร็วที่สุด เพื่อธำรงไว้ซึ่ง ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์อันเป็นสถาบันหลักของคนไทยทุกคน

**ชนาพันธ์ขอศาลตรวจเส้นทางเงินเนวิน

ขณะที่ นายชนาพัทธ์ ณ นคร แกนนำกลุ่มประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (ก.ป.ป.) กล่าวว่าทราบแล้วว่านายเนวินแจ้งความดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทซึ่งก็พร้อมจะเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนทันทีที่ได้รับหมายเรียก และถือเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน เพราะเรื่องนี้จะได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตนจะได้ใช้อำนาจของศาล ขอดูเส้นทางการเงินทั้งของนายเนวินและนายสุดชาย บุญชัยด้วย ว่ามีที่มาที่ไป อย่างไรบ้าง ซึ่งตนในฐานะที่เป็นจำเลยสามารถจะขอเรียกเอกสารดังกล่าวมาดูได้

“ดีเหมือนกัน เราจะได้รู้กันสักทีว่าคุณเนวินมีแผลขนาดไหน เพราะมีพฤติกรรมเกี่ยวกับการชุมนุมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แถมยังมีพฤติกรรมชอบใช้ความรุนแรงอีกด้วย การจะมาโหนกระแสพลังบริสุทธิ์ของการชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค.เพื่อให้เกิดความรุนแรง นั้น ผมในฐานะแกนนำของการชุมนุมคนหนึ่งยอมไม่ได้ ผมไม่ได้เกรงกลัวอะไรคุณเนวินเลย แต่รู้สึกดีด้วยซ้ำที่จะได้รู้เบื้องหลังของคุณเนวินเกี่ยวกับการชุมนุมเสียที”

**ทรท.อ้างไม่เคยได้ยินชื่อเทพพนม

นายจตุพร พรหมพันธ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายเทพพนม ศิริวิทารักษ์ ประธานเครือข่ายประชาชนภาคอีสานพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ระบุว่ามีอดีตรัฐมนตรีพรรคไทยรักไทย จ้างแกนนำองค์กรเกษตรกรก่อคลื่นใต้น้ำว่า ไม่เคยได้ยินชื่อ นายเทพพนมในยุทธภพของนักเคลื่อนไหวทางการเมือง การแถลงข่าวของ นายเทพพนมร่วมกับนายไทกร พลสุวรรณ มองดูแล้วคนพวกนี้เป็นแก๊งลวงโลก 18 มงกุฎ นายเทพพนม สร้างเรื่องขึ้นมาเหมือนกับที่นายไทกรเคยเล่านิทาน การที่อ้างว่า มีอดีตรัฐมนตรีมาจ้างให้เคลื่อนไหวต่อต้าน คมช.นั้น ขอเรียนว่าอดีตรัฐมนตรีหลายคน เช่น นายเนวิน หรือนายยงยุทธ ติยะไพรัช พรรคยังติดต่อไม่ได้ แม้แต่ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร คนในพรรคก็ยังไม่เคยเจอ แล้วคนอย่าง นายเทพพนมจะไปเจออดีตรัฐมนตรีของพรรคได้อย่างไร ส่วนเงิน 10 ล้านบาทนั้นมันจ่ายกันได้ง่ายอย่างนั้นหรือ

“หากคมช.เชื่อเรื่องแบบนี้ระวังจะผิดทาง คนพวกนี้กระทำการสอพลอ คมช. ยืนยันว่าการชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค.พรรคไทยรักไทยไม่เกี่ยวข้อง อย่าลืมว่าภายหลังที่นายชนาพัทธ์ ณ นคร และพวกไปพบ ผบ.ทบ.ก็แตกคอกับเครือข่ายด้วยกัน ที่ผ่านมา มองว่า คมช.หรือรัฐบาลอาจประเมินสถานการณ์ผิด หากประเมินสถานการณ์สูงไประวังจะกลายเป็นปัญหาน้ำผึ้งหยดเดียว การเจรจาอย่างที่ผบ.ทบ.กระทำนั้น คือวิธีการที่ดีกว่าแนวทางของพรรคประชาธิปไตย์ ที่เสนอให้ใช้กฎหมายจัดการ การชุมนุม ในวันที่ 10 ธ.ค. อย่างไรก็ตาม เรายังไม่รู้ว่าใครจะไปชุมนุมบ้าง แม้แต่กลุ่มที่ต่อต้านการรัฐประหารอย่างชัดเจนอย่ากลุ่มของ นายใจ อึ๊งภากรณ์ ก็ยังไม่แสดงท่าทีออกมา แต่นายเทพพนมและนายชนาพัทธ์ ระบุว่าจะเคลื่อนไหวนั้น ก็ควรจะตรวจสอบด้วย”นายจตุพรกล่าว

***ให้อดีตรมต.ดำเนินคดีคนปูดข่าว
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องให้อดีตรัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหาว่าใช้เงินจ้าง ให้ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวนั้น ไปแจ้งความดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญา อย่าปล่อยให้คนลวงโลกใส่ร้ายแบบนี้ เพราะมันเสียหายต่ออดีตรัฐมนตรีและพรรคไทยรักไทยด้วย นายจตุพร กล่าวว่า ยังเสนอให้ ผบ.ทบ. ในฐานะที่เป็นผอ.กอ.รมน.ว่า ควรส่ง พล.อ.สะพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ซึ่งเป็น 5 เสือ ทบ. ลงไปแก้ปัญหาภาคใต้ เพื่อพิสูจน์ศักยภาพว่ามีดีพอที่จะเป็นผบ.ทบ.คนใหม่ได้หรือไม่นั้น หากแก้ไขได้ประชาชนก็ยอมรับ คนเก่งควรไปอยู่ในสมรภูมิที่เก่ง และอย่ามาเก่งกับอดีตส.ส.หรือประชาชน พล.อ.สะพรั่งไม่ควรลงไปแก้ปัญหาสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะคนเก่งควรไปแก้ปัญหาภาคใต้

“ที่ผ่านมาอย่าลืมว่า คำพูดของพล.อ.สะพรั่งเป็นการเรียกร้องให้ประชาชนมาชุมนุม คำพูดที่แสดงการข่มขู่และแสดงอำนาจ มันจะเป็นปัญหา ที่ผมพูดมาแบบนี้ เพราะไม่เชื่อว่าพล.อ.สะพรั่งเก่งจริง ฉะนั้นมันจะเป็นการพิสูจน์ผบ.ทบ.และพล.อ.สะพรั่งว่า จะกล้าทำในสิ่งที่ตนเสนอหรือไม่”

**ปชป.เรียกร้องจัดการผู้จ้างวานก่อม็อบ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่แกนนำ ผู้ชุมนุมประท้วงออกมาเปิดโปงมีการรับจ้างกลุ่มอำนาจเก่าเพื่อให้ออกมาเคลื่อนไหว ว่า การใช้เงินจ้างวานให้มาชุมนุมสร้างความปั่นป่วนให้บ้านเมืองเป็นการทำลาบประชาธิปไตย อยากให้นายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ เพราะคนที่ออกมาแฉมีมีตัวตน และผู้ที่ถูกแฉก็มีชื่อชัดเจน เพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีก ซึ่งตนเชื่อว่าเรื่องอย่างนี้รัฐบาลเองก็มีข้อมูลอยู่

สำหรับการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 10 ธ.ค.นั้น นายองอาจ กล่าวว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้นคงมีทั้งผู้บริสุทธิ์ใจและผู้ที่ได้รับการจ้างวานมา ซึ่งรัฐบาล ควรใช้การหาข่าวดูว่าใครเคลื่อนไหวโดยบริสุทธิ์ใจและใครเคลื่อนไหวไม่บริสุทธิ์ใจ

**ครป.ชี้สถานการณ์ยังไม่สุกงอม
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย( ครป.) แถลงว่าหากดูสถานการณ์ทั่วไปเห็นว่ายังไม่สุกงอมที่จะชุมนุมประท้วงในวันที่ 10 ธ.ค. แม้คนส่วนใหญ่จะไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร แต่ก็ยังอยากเห็นรัฐบาลเร่งพิสูจน์ผลงาน นอกจากนี้การชุมนุมปรากฏว่าแกนนำบางคนไปโยงกับกลุ่มผู้สูญเสียผลประโยชน์ทำให้มวลชนแคลงใจในตัวผู้นำชุมนุม ทำให้ที่ผ่านมาจึงมีผู้ร่วมชุมนุมไม่มาก ตนจึงเห็นว่าเป็นเรื่องยากที่จะมีคนเป็นหมื่นในการชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค. แต่ถ้ามีมากจริงก็เป็นเรื่องผิดปกติแน่ ว่ามีน้ำเลี้ยงหรือแรงหนุนจากอำนาจเก่าเข้ามาผสมโรงหรือไม่

ทั้งนี้ ขอสนับสนุนแนวคิด คมช.ที่จะเรียกแกนนำกลุ่มที่เคลื่อนไหวไปพบ แต่คงห้ามกลุ่มต่างๆ ยุติการชุมนุมไม่ได้ ตราบใดที่แนวทางการชุมนุมเป็นไปอย่างสันติ คมช.ต้องใช้วิธีแก้ปัญหาที่ละเอียดอ่อนไม่ควรใช้ความรุนแรง

“อย่าลืมว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้สลับซับซ้อนกว่าที่คิด ซึ่งอาจมีกำลังจัดตั้งเข้ามาแทรกและปูทางให้มีการเตรียมผสมโรงของกลุ่มเสียประโยชน์จากระบอบทักษิณตลอดเวลา ฉะนั้นถ้า คมช. ใช้ความรุนแรงอาจเข้าทางคนบางกลุ่ม และอยากฝากไปถึงแกนนำของแต่ละกลุ่มด้วยว่าจะต้องระมัดระวังให้มากโดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยของผู้ชุมนุม เพราะการนัดหมายชุมนุมทำได้ง่ายแต่การดูแลรับผิดชอบผู้ชุมนุมเป็นเรื่องยาก และหลักการชุมนุมไม่มีอะไรสำคัญกว่าการรักษาชีวิตของผู้เข้าร่วมชุมนุมแกนนำจะต้องระมัดระวังและมีมาตรการดูแลความปลอดภัยที่ดี”นายสุริยะใสกล่าว

**จี้ทรท.รับผิดชอบจ้างปชช.ก่อม็อบ
ส่วนที่มีการแฉจากแกนนำเครือข่ายประชาชนที่สนับสนุนระบอบทักษิณว่า มีการจ้างประชาชนโดยได้รับการสนับสนุนจากแกนนำ และอดีตรัฐมนตรีหลายคนในพรรคไทยรักไทย ให้จัดตั้งกลุ่มมวลชนเพื่อป่วนเวทีพันธมิตรฯและปิดล้อมสำนักงานหนังสือพิมพ์คมชัดลึกและผู้จัดการนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า สะท้อนให้เห็นอันตรายอีกด้านหนึ่งของระบอบทักษิณและบริวารที่พยายามจัดตั้งกองกำลังมวลชนในหลายๆ พื้นที่เพื่อสร้างสถานการณ์การเผชิญหน้ากับการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาโดยตลอด คมช.จะต้องนำข้อมูลหรือพยานหลักฐานมาเปิดเผยด้วยว่าใครมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไร เพราะประชาชนผู้บริสุทธิ์ อาจตกเป็นแพะในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้

อย่างไรก็ตามคมช.จะต้องจับตาการเคลื่อนไหวของกลุ่มกองกำลังจัดตั้งเหล่านี้เป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ขยายตัวหรือออกมาสร้างสถานการณ์ในรูปแบบต่างๆ นอกจากนี้ครป.ขอเรียกร้องให้ แกนนำพรรคไทยรักไทยและอดีตรัฐมนตรีที่ถูกพาดพิง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับสังคมและแสดงความรับผิดชอบในฐานะที่สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคม จนเป็นที่มาของการรัฐประหาร

“ที่ผ่านมาพิสูจน์ชัดว่าพรรคไทยรักไทยเล่นบทตีบทสองหน้า หรือปากว่าตาขยิบ โดยบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับคลื่นใต้น้ำแต่ในขณะเดียวกันแกนนำบางคนก็ทยอยส่งน้ำเลี้ยงตลอดเวลา”นายสุริยะใสกล่าว

 **มท.1ห้ามองค์กรท้องถิ่นหนุนม็อบ
นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ได้มีหนังสือและวิทยุไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยขอร้องว่าอย่าทำหรืออย่าให้การสนับสนุน เพราะอะไรก็ตามที่จะทำให้เกิดความไม่สงบ เราไม่อยากเห็น เราอยากเห็นทุกอย่างสงบ ไม่ต้องการอยู่เป็นรัฐบาลตลอดไป เรามีเวลาของเราและต้องการทำงานในการเป็นรัฐบาลให้ดีที่สุด ดังนั้น อย่าไปทำในสิ่งที่มีปัญหา เพราะจะเลวร้ายลงไปอีก ทุกคนคงทราบดีว่าหากมีปัญหาแล้ว มีแนวโน้มว่าจะไม่สงบ จะเกิดปัญหาอะไร ดังนั้น ทุกคนต้องคำนึงถึงชาติเป็นหลัก อย่านึกถึงแต่ตัวเอง

**แม่ทัพภาค 3ยันไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
พล.ท.จิรเดช คชรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวถึงการดูแลความเคลื่อนไหวของประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่อาจจะเดินทางมาร่วมชุมนุมในกรุงเทพฯ ในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ ว่า กองทัพภาคที่ 3 ดูแลอยู่ โดยทำความเข้าใจชี้แจงกับประชาชนกลุ่มต่างๆ รวมทั้งอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกคนก็เข้าใจ และส.ส.ของพรรคไทยรักไทยเองก็รับประกันว่าจะไม่เคลื่อน ไหวใดๆ

ทั้งนี้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธานค คมช.ได้สั่งการอยู่ตลอดให้ดูแล เรื่องความสงบเรียบร้อย ไม่มีอะไรพิเศษ ช่วงไหนที่มีอะไรไม่น่าไว้วางใจเราก็ตรวจสอบอยู่ แต่ช่วงนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรที่ผิดปกติ มีแต่ข่าวเท่านั้น ส่วนปัญหาใบปลิวโจมตีการทำงานของ คมช. และรัฐบาล ช่วงนี้ลดน้อยลงแล้ว

แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ประชาชนส่งเรื่องร้องเรียนหลายเรื่อง มาที่กองทัพภาคที่ 3 โดยเฉพาะเรื่องการทุจริตลำไยที่ จ.เชียงใหม่ ที่จะส่งผลไปถึงราคาลำไยในปีต่อไปด้วย ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำกันไว้ และเรื่องทุจริตข้าวที่ จ.พิจิตร เรื่องเงินช่วยเหลือน้ำท่วม นอกจากนี้ ยังมีเรื่องทุจริตในองค์กรต่างๆ ซึ่งกองทัพภาคที่ 3 จะต้องตรวจสอบ ข้อมูลก่อน เพราะเกรงว่าอาจจะเป็นการกลั่นแกล้งกัน จึงต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตาม หากมีข้อเท็จจริงตามที่ร้องเรียนก็จะส่งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป

**เครือข่าย19กันยาฯเดินหน้าชุมนุม วันเดียวกัน
เครือข่าย 19 กันยา ต้านรัฐประหารออกแถลงการณ์ยืนยันจะชุมนุมในวันที่ 10 ธันวาคมนี้แน่นอน ที่บริเวณท้องสนามหลวงและอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยตามที่ได้เคยประกาศไว้ เพราะการเคลื่อนไหวคัดค้านเป็นสิทธิอันชอบธรรม โดยจะชุมนุมด้วยสันติ สงบและเปิดเผย ทั้งนี้ แถลงการณ์ยังระบุว่า จะไม่เจรจาใด ๆ กับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เพราะถือว่า คมช.ได้อำนาจรัฐมาด้วยวิธีการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย พร้อมกันนี้ ยังชี้แจงด้วยว่าเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนเกี่ยวกับจุดยืนและทิศทางการเคลื่อนไหว เครือข่าย 19 กันยาฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับกลุ่มนายชนาพัทธ์ ณ นคร หรือ เตมูจิน และกลุ่มของนายเทพพนม ศิริวิทยารักษ์ ที่จัดชุมนุมในวันและเวลาเดียวกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น